หวังเค่อเผากรงขังจนเกิดช่องขนาดใหญ่ จากนั้นก็อาศัย่ที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังสุมหัวสับเท้าเข้าเกียร์หมา!
ที่นี่คือพรรคเทพหมาป่า์ถิ่นของตน เมื่อพ้นจากคุกถ้ำขอเพียงะโขอความช่วยเหลือทุกอย่างก็จะจบลงด้วยดี!
“ศิษย์พี่รองมัวเหม่ออะไรอยู่ หนีเร็ว!”
หวังเค่อร้องะโ จากนั้นเป็คนแรกที่วิ่งตรงไปยังปากถ้ำ
“อย่าให้มันหนีไปได้!” ถงอันอันอุทาน
“โอ้วว!”
พวกไป๋จินพุ่งตัวเข้าใส่หวังเค่อ
“ศิษย์พี่รอง เร่งฝีเท้าหน่อย!” หวังเค่อวิ่งนำหน้าแหกปากโวยวาย
แม่งเอ๊ย ข้าวิ่งมาไกลขนาดนี้ศิษย์พี่รองมัวพิรี้พิไรอะไรอยู่?
“ตูม!”
แต่พอเหลียวดูกลับเห็นศิษย์พี่รองกับถงอันอันกำลังใส่นัวกันอยู่
หวังเค่อ “…!”
เวลาแบบนี้ยังจะอัดกันนัวทำลมผายอันใด ขอแค่เราหนีออกไปได้คนที่นี่ก็ตามไปไม่ได้แล้ว ศิษย์พี่รองท่านถูกความแค้นครอบงำบังตาหรือยังไง?
ขืนเกิดเื่ขึ้นก็ต้องมาอธิบายกันอีก!
แต่ศิษย์พี่รองกำลังจดจ่อทวงแค้นกับถงอันอัน หวังเค่อเองก็จนปัญญาได้แต่ต้องวิ่งนำออกจากถ้ำไปก่อน
“ขวางมันไว้ อย่าให้มันหนีได้!” ไป๋จินะโมาแต่ไกล
“โอ้วว!”
จากนั้นฝูงมารในแต่ละห้องขังก็กรูกันออกมาทันที
ไม่ใช่แค่ไส้ศึกไม่กี่คนอย่างพวกไป๋จิน แต่เป็นักโทษทั้งหมดที่เข้ากลุ้มรุมหวังเค่อ
หวังเค่อ “…!”
เมื่อกี้นักโทษมารอสูรอย่างพวกเ้าแกล้งสติแตกกันหรืออย่างไร? ตอนนี้ดาหน้ากันเข้ามาขวางข้า? แล้วนี่ข้าจะหนีได้อย่างไร?
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า จำไว้อย่าให้หวังเค่อหนีไปได้เด็ดขาด ข้าจะรับมือเถี่ยหลิวหยุนก่อนแล้วค่อยไปช่วยพวกเ้า!” ถงอันอันที่อยู่ห่างออกไปหัวร่อ
“มารร้าย? คอยดูเถอะว่าวันนี้ข้าจะเอาชีวิตเ้ายังไง!” ศิษย์พี่รองใช้กระบี่ยาวในมือฟาดฟันออกไป
“ปง!”
สองยอดฝีมือชั้นดวงธาตุทองคำระดับสูงสุดโจมตีพัวพัน
แต่หวังเค่อที่อยู่ไกลออกไปสีหน้าเปลี่ยนเป็ไม่น่าดู เวลาอย่างนี้ศิษย์พี่รองยังจะคิดต่อยตีอีกรึ? ฝูงมารกรูกันเข้ามาแล้ว ข้าจะทำยังไงดี!?
“ไป!” หวังเค่อโบกมือ
สิบกระบี่บินพุ่งฉิวออกไปทันควัน
“ตูมมม!”
พวกไป๋จินเงื้อกระบี่ฟันใส่กระบี่บินของหวังเค่อ
กระบี่บินแม้ทรงอานุภาพ แต่สิ่งสำคัญคือคนกลุ่มนี้มีพลังบำเพ็ญเหนือกว่า กระบี่บินของหวังเค่อจึงใช้ไม่ได้ผล
“ศิษย์พี่รองรีบออกไปเรียกคนก่อนเร็ว ข้าต้านไม่อยู่แล้ว!” หวังเค่อเปล่งเสียงะโมาแต่ไกล
“มันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น มีข้าอยู่ มันยังจะช่วยเ้าได้อีกรึ? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” ถงอันอันะเิหัวร่อ
หวังเค่อหน้าเปลี่ยนสี ครั้งนี้ต้องวายวอดแล้วหรือไม่?
ด้วยความจนใจ หวังเค่อเรียกลูกโป่งสีดำขนาดเล็กออกมาใบหนึ่ง
“หวังเค่อ ครั้งนี้เ้าหนีไม่รอดแน่! แล้วนั่นเอาลูกโป่งสีดำออกมาทำอะไร?” ไป๋จินยิ้มเย็น
“นี่ไม่ใช่ลูกโป่งดำทั่วไป แต่เป็แสงมหาพิธีที่คนรักข้าคิดค้นขึ้นมาเอง รับมือ!” หวังเค่อเขวี้ยงแสงมหาพิธีออกไป
ไป๋จินใช้กระบี่ฟันใส่แสงมหาพิธีตามสัญชาตญาณ ทันใดนั้นแสงมหาพิธีก็ะเิออก
“ตูม~~~~~~~~~~~~!”
เสียงดังเลื่อนลั่น ไอมงคลนับพันพวยพุ่งไปรอบด้าน ลำแสงหมื่นจั้งสว่างจ้าสุดเปรียบกลืนกินคุกมืดไปในพริบตา
“อ้ากก ตาข้าบอดแล้ว!” มีมาระโด้วยความสะพรึง
ภายใต้แสงสว่างบาดตา ทุกคนกลายเป็ตามืดบอด ไม่อาจลืมตาได้ มองอะไรไม่เห็นโดยสิ้นเชิง
“อย่าให้หวังเค่อหนีไปได้!” ถงอันอันะโอย่างร้อนใจ
“ตะครุบตัวมันไว้! ปิดล้อมให้หมดทุกทาง อย่าให้หวังเค่อมันหนีได้เด็ดขาด!” ไป๋จินคำราม
ทุกคนโถมตัวเข้าใส่ตำแหน่งที่หวังเค่ออยู่ ขณะเดียวกันตาข่ายผืนใหญ่ก็คลี่กางเข้าหาหวังเค่อท่ามกลางแสงสีบาดตา
แสงสุดสว่างนี้ทำให้หวังเค่อพลอยลืมตาไม่ค่อยจะขึ้นไปด้วย แต่หวังเค่อในตอนนั้นมิอาจไม่ลงมือได้
จู่ๆ ก็มีแสงสว่างสุดเปรียบปรากฏขึ้นในสภาพแวดล้อมมืดสนิท นี่คือหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนสูญเสียการมองเห็นไปชั่วขณะ ตนจะได้ฉวยโอกาสนี้เร่งหนีไปให้เร็วที่สุด
แต่หวังเค่อนึกไม่ถึงว่ามารกลุ่มนี้จะเตรียมการไว้เป็อย่างดี ถึงกับมีของวิเศษอย่างตาข่ายั์ พริบตานั้นหวังเค่อก็รู้สึกถึงตาข่ายั์ที่คลี่คลุมลงมาได้
ทัศนวิสัยยังไม่คืนสู่สภาพเดิม แต่หวังเค่อััได้ว่าตนกำลังจะมีภัย
“ไอ๊หยา ข้าเองก็ถูกคลุมไปด้วย!” มารตนหนึ่งอุทาน
“ไม่ต้องสนใจว่าติดร่างแหไปด้วย อย่าให้หวังเค่อหนีได้ก็พอแล้ว เก็บตาข่าย ต่อให้ทุกคนติดร่างแหไปด้วยก็ไม่เป็ไร เก็บตาข่าย รีบเก็บตาข่ายเร็ว!” ไป๋จินแผดเสียง
ไป๋จินเองก็มองไม่เห็นหวังเค่อ แต่มันรู้ว่าจะปล่อยให้หวังเค่อหนีไปไม่ได้เด็ดขาด เพราะแค่มันออกไปร้องแรกแหกกระเชอนอกคุกถ้ำ ทุกคนได้ซวยกันหมดแน่
หวังเค่อรู้สึกว่ารอบตัวคล้ายมีคนจำนวนมากติดร่างแหไปด้วย ตนคล้ายเป็ซาลาเปาที่ถูกบีบขนาบอยู่กลางคลื่นมนุษย์
จบแล้ว? วันนี้หนีไม่รอดแล้ว?
“เก็บตาข่าย เร็วเข้า สายตาข้ากำลังปรับตัวกับแสง ข้ากำลังจะมองเห็นแล้ว เร็ว ข้าเห็นหวังเค่อถูกตาข่ายดัก มันหนีไม่รอดแล้ว เร็ว เร่งมือเข้า! ฮ่าฮ่าฮ่า!” ไป๋จินะเิหัวเราะดังลั่น
หวังเค่อปล่อยสัจปราณขุ่นออกมาในตอนนั้นเอง
ทันใดนั้น มารที่รับผิดชอบกางตาข่ายตนหนึ่งพลันถูกเล่นงาน คนซวนเซโงนเงน
“ใครผายลม? แม่งเหม็นจนขึ้นสมอง อ้ากก!” มารผู้อับโชคเนื้อตัวสั่นระริกคล้ายโลกพังถล่มลงมา
“ระวัง คุมตาข่ายไว้ อย่าให้หลุดมือเด็ดขาด อ้ากก กลิ่นอะไร เหม็นบรม ใครมันผายลมเอาตอนนี้? อ้ากก แย่แล้ว ท่าไม่ดีแล้ว!” ไป๋จินร่ำรองอย่างหวาดกลัว
และแล้วมารแทบทั้งหมดก็ถูกตาข่ายดัก จากนั้นมารที่คุมตาข่ายก็มือกระตุก ลากเอาทุกคนที่ติดร่างแหไปในทิศเดียวกัน
“ปง!”
มารตัวแรกหล่นลงไปในหลุมขนาดใหญ่ จากนั้นก็พาทุกคนร่วงตามลงไปด้วยตามแรงฉุด
“เป็หลุมลึกนั่น ไม่ ไม่นะ!” ไป๋จินครางอย่างขนหัวลุก
“ไม่ อย่า ช่วยด้วย! ดึงข้าออกไปที!” มารที่พลัดลงหลุมลึกะโขอความช่วยเหลือ
แต่ตาข่ายั์ยิ่งมาก็ยิ่งลากเอามารร้ายลงไปในหลุมมากขึ้นๆ ไม่อาจหยุดยั้งได้อีก
เพียงพริบตามารทุกตนก็ติดร่างแห ทั้งหมดร่วงลงไปในหลุมลึกรวมถึงหวังเค่อ
“อย่านะ!”
“ช่วยด้วย!”
“ม่ายยยย~~~~~~~~~!”
………
……
…
………
………
……
……
…
…
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมาจากหลุมลึกอย่างต่อเนื่องตามกัน จากนั้นก็ค่อยๆ หรี่เบาลงไปทีละน้อยๆ จวบกระทั่งไม่เหลือเสียงใดอีกเลย
ก่อนนี้มีมารอยู่ยี่สิบตน แต่เพียงเสี้ยวพริบตาก็ไม่เหลืออยู่อีกแม้แต่ตนเดียว
้าเหลือเพียงแค่ถงอันอันและเถี่ยหลิวหยุนที่กำลังคัดง้างกันอยู่
สายตาของคนทั้งสองปรับคืนสู่สภาพเดิม พวกมันทอดตามองไปทางหลุมลึกไกลออกไปก่อนต้องนิ่งงันไปเป็เวลานาน
หายไปแล้ว?
หวังเค่อกับมารทั้งหมดร่วงลงหลุมไปหมดแล้ว?
หลุมลึกนั่นคือหลุมทีู่เาิญญาใช้สะกดมารร้ายสุดน่าสะพรึงเอาไว้ คนที่ร่วงลงไปไม่เคยมีใครรอดกลับออกมาสักราย
ถงอันอันอ้าปากมองภาพตรงหน้าอย่างตกตะลึง
“พะ พวกมันไม่มีสมองกันหรือไง? สี่ดวงธาตุทองคำ ยี่สิบเซียนเทียนขั้นปลายกลับถูกหวังเค่อคนเดียวกวาดล้าง? พวกมันไม่มีสมองกันใช่ไหม?” ถงอันอันด่าพ่อล่อแม่
แต่เถี่ยหลิวหยุนกลับน้ำตานองหน้า “ศิษย์น้องหวังเค่อ นี่เป็ความผิดข้าเอง ข้าน่าจะฟังเ้า ข้าน่าจะหนีไปก่อนตามที่เ้าว่า ล้วนต้องโทษที่ข้าความแค้นบังตาจนนำภัยมาให้เ้า! เพื่อที่จะลากถ่วงพวกมันโดยไม่ให้ข้าต้องเจ็บตัว เ้าก็เลยลากพวกมันให้ตายตกไปด้วยกัน? ศิษย์น้องหวังเค่อ เป็ข้าที่ไม่คู่ควรต่อเ้า โฮฮ!”
“ตูม!”
เถี่ยหลิวหยุนปรี่เข้าไปแลกชีวิตกับถงอันอันด้วยน้ำตาเป็สายทันด่วน
ส่วนพวกที่ติดตาข่ายนั้นได้ร่วงลงไปถึงส่วนลึกที่สุดของหลุมลึกนั่นแล้ว
“ตูม!”
เสียงดังคราหนึ่ง หินั์ถูกกระแทก
“พรวด!”
พวกไป๋จินกระอักเืสดๆ ออกมาคนละคำ แต่เพราะหวังเค่อรู้ตัวก่อนว่ากำลังดิ่งลงเหว แม้ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะต้องาเ็มากแค่ไหน แต่ก็รีบจัดตำแหน่งตามสัญชาตญาณโดยให้มารฝูงหนึ่งเป็เบาะรองกระแทกอยู่ใต้ตัว เมื่อหวังเค่อตกถึงพื้นจึงมีเบาะรองรับ ไม่ได้รับาเ็แต่อย่างใด
“รีบเก็บตาข่ายไปก่อน พวกสวะ พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก แค่ให้กางตาข่ายก็ยังทำพลาด ข้าถูกพันจนหายใจหายคอไม่ออกแล้วเนี่ย! เหม็นจะตายอยู่แล้ว เร่งมือหน่อย!” ไป๋จินอาเจียนไปพลางสบถด่าไปพลาง
“วาบ!”
แหฟ้าตาข่ายดินพลันกลายสภาพเป็เส้นด้ายหลากหลายเส้นคลายหลุดออกจากตัวพวกมัน ทุกคนจึงได้รับอิสรภาพในที่สุด
“แวบ!”
มีคนนำมุกราตรีออกมาส่องไปรอบๆ
“หวังเค่อเล่า?” ไป๋จินถามหน้าตาตื่น
แต่ตอนนี้ไม่มีใครสนใจหวังเค่ออีกแล้ว ต่างคนต่างสอดส่องสายตาไปรอบๆ ด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
นี่คือถ้ำแห่งหนึ่ง เป็ถ้ำที่สะอาดสะอ้านอย่างยิ่ง
ตรงมุมหนึ่งของถ้ำคล้ายมีอสุรกายตนหนึ่งถูกล่ามโซ่ตรวนสีแดงเอาไว้
อสุรกายตนนั้นสูงหนึ่งจั้งลักษณะคล้ายโครงกระดูกมนุษย์ หากก็คล้ายกับโครงกระดูกของมนุษย์ั์ด้วยเช่นกัน ศีรษะของมันมีเดือยกระดูกขนาดเล็กยื่นแทงออกมานับไม่ถ้วน แลดูอัปลักษณ์สุดเปรียบ ดวงตาคู่นั้นเปล่งแสงสีแดง ภายในปากกระดูกคือคมเขี้ยวสีโลหิตที่มีไอดำพวยพุ่งออกมา
อสุรกายกระดูกถูกโซ่ล่ามไว้ทั้งตัว แต่ใต้บั้นท้ายกลับมีบัลลังก์ที่เกิดจากกองกระดูกนับไม่ถ้วนตั้งอยู่
อสุรกายกระดูกตัวนั้นประทับอยู่บนบัลลังก์ ต่อให้ถูกโซ่ล่ามไว้ก็ยังคงความสงบสุขุมสุดประมาณ ดวงตาที่ทอแสงสีแดงคู่นั้นจับจ้องมาทางหวังเค่อและพวกมารอสูรตรงหน้า
“กรร นานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีสหายตัวจ้อยลงมาเล่นสนุกเป็เพื่อนข้า เคี๊ยกๆๆๆ!” อสุรกายกระดูกเค้นเสียงน่าขนลุกออกมา
“มารร้ายไร้เทียมทาน?” หวังเค่อหน้าเปลี่ยนสี
“ไม่ ไม่!” ฝูงมารหันหลังพยายามตะกายหนี
แต่ก็เปล่าประโยชน์ ต่อให้มีกระบี่บินก็เท่านั้น เพราะข้างล่างนี้มีพลังงานประหลาดบางอย่างคอยสะกดทุกคนไว้ไม่ให้เหาะเหินเดินอากาศได้ไกลจากพื้นดินมากนัก
“พรรคเทพหมาป่า์ เขาิญญาทั้งลูกกลับกลายเป็มหากลสะกดข่ม ข้าไม่อาจปลีกตัวไปจากที่นี่ เหล่าสหายตัวจ้อยเองก็อยากลองฝ่ามหากลเขาิญญาดูเหมือนกันรึ? เคี๊ยกๆๆๆ ข้าจะรอพวกเ้าเอง! ไม่ต้องรีบ ค่อยๆ ลองกันไป!” อสุรกายกระดูกเปล่งเสียงหัวร่อน่าขนลุก
เหาะ? ะโ? ล้วนแต่เปล่าประโยชน์ ขนาดจะปีนกำแพงยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ เพิ่งจะปีนไปได้คืบเดียวก็ต้องทรุดลงคุกเข่าเพราะแรงกดทับน่าสะพรึงในชั่วพริบตา
ทุกคนเลี่ยงอสุรกายกระดูก พยายามหาทางหนีหลายต่อหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็ผลสำเร็จ
“เล่นกันพอแล้วกระมัง ทีนี้ก็คงจะถึงเวลาเลือกเหยื่อมาให้ข้าขบเคี้ยวเล่นแล้วสินะ?” อสุรกายกระดูกเอ่ยวาจาน่าขนพองสยองเกล้า
ไป๋จินเปลี่ยนสีหน้าในบัดดล
“ผู้าุโ ผู้าุโ พวกเราเองก็เป็ศิษย์ลัทธิมาร! พวกเราเป็ศิษย์ลัทธิมาร! เป็พวกเดียวกับท่าน พวกเราเป็พวกเดียวกัน เื่นี้ไม่เกี่ยวกับพวกเราเลย!” มารตนหนึ่งครางออกมาด้วยความผวา
“พวกเดียวกัน? เคี๊ยกๆๆ ข้าไม่มีพวกอันใดทั้งนั้น!” อสุรกายกระดูกเอ่ยเสียงเหี้ยม
จากนั้นมารที่เพิ่งเว้าวอนก็ทรุดลงคุกเข่ากับพื้น
“ปุ!”
หนามกระดูกปะทุขึ้นฟ้า ร้อยผ่านทวารของมารตนนั้นทะลุออกทางปาก สภาพน่าสะพรึงเป็ที่สุด
หนามแหลมบนพื้นค่อยๆ งอกเงยออกมาทีละน้อยๆ นำพาร่างของมารที่กำลังทุรนทุรายตรงเข้าหาปากที่อ้ากว้างของอสุรกายกระดูก
“อ้ากก!”
มารตนนั้นถูกอสุรกายกระดูกเขมือบเข้าปากในคำเดียว
“กร้วม กร้วม กร้วม!”
พร้อมเสียงบดเนื้อน่าพรั่นพรึง พวกไป๋จินที่มองภาพนี้อยู่เป็ต้องเผยสีหน้าสิ้นหวังออกมาทันที
“ไม่ ไม่ หวังเค่อ เ้า ล้วนเป็เพราะเ้า เ้าพาพวกเรามาตาย!” ไป๋จินคำรามอย่างสิ้นหวัง
คนที่เพิ่งถูกอสุรกายกระดูกเขมือบลงไปคือยอดฝีมือชั้นดวงธาตุทองคำ! แต่ต่อหน้ามารร้ายไร้เทียมทานตนนี้ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขัดขืนด้วยซ้ำ เช่นนี้พวกเราไม่จบเห่กันหมดรึ?
แต่หวังเค่อกลับไม่เหลียวแลพวกมัน คนกำลังจ้องอสุรกายกระดูกไม่วางตา สีหน้าแววตาเผยแววแปลกใจเป็ล้นพ้น
“หือ? ทารกน้อยเ้าไม่กลัวรึ? มองอะไรของเ้าอยู่ได้?” อสุรกายกระดูกมองหวังเค่อด้วยสายตาพิกล
“ข้ากำลังมองว่าคนที่ท่านกลืนเข้าไปเมื่อครู่หายไปไหนแล้ว? ไม่ใช่ว่ากระเพาะท่านกลวงโบ๋หรอกหรือ? ทำไมกลืนคนเข้าไปแล้วถึงไม่ร่วงลงมากัน??” หวังเค่อมองอสุรกายกระดูกด้วยสีหน้าพิกล
อสุรกายกระดูก “…!”
ไป๋จินกับคนที่เหลือ “…!”
มารร้ายไร้เทียมทานตนนี้คิดจับคนทั้งหมดกิน นั่นรวมถึงตัวหวังเค่อเองด้วย แต่ทำไมเ้าถึงได้ว่างมานั่งคิดเื่กระเพาะของมัน? เ้าสมองกลวงหรือไร?
