"หลินเวย"สาวน้อยย้อนเวลา 80s

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

ตอนที่7:น้ำตาจระเข้

ลานบ้านตระกูลหลินตกอยู่ในความเงียบงันที่บีบคั้นยิ่งกว่าเสียงกัมปนาท จางหม่าเฉินผู้ช่วยหัวหน้าหมู่บ้าน สูดหายใจเข้าลึก ความอับอายที่ถูกเด็กสาวต้อนจนมุมด้วยนโยบายรัฐบาลทำให้ใบหน้าของเขาเขียวคล้ำสลับแดง เขาตวัดสายตาคมกริบมองหลินเวย สายตาที่เต็มไปด้วยคำเตือน ก่อนจะสะบัดหน้า “ฮึ่ม!”

เขาไม่พูดอะไรอีก เพียงแค่หมุนตัว ฝีเท้ากระทืบพื้นดินหนักๆ จากไป ราวกับจะประทับรอยแค้นไว้ทุกย่างก้าว ประตูรั้วไม้ไผ่ถูกกระแทกปิดดังปัง เสียงนั้นราวกับเป็๲สัญญาณสิ้นสุดการเจรจา และเป็๲สัญญาณของการเปิดฉาก๼๹๦๱า๬ ภายในวินาทีที่ร่างของผู้มีอำนาจลับหายไปจากสายตา รอยยิ้มประจบประแจงที่เคลือบบนใบหน้าของสวี่เหมยก็แตกร้าว ร่วงหล่น สลายไป เผยให้เห็นเนื้อแท้ที่บิดเบี้ยวด้วยความเดือดดาลดิบเถื่อน

หล่อนยืนตัวสั่น ไม่ใช่ด้วยความกลัว แต่ด้วยโทสะที่พุ่งสูงจนถึงขีดสุด หล่อนสูญเสีย “ชามข้าวเหล็ก” สูญเสียหน้า และที่สำคัญที่สุด สูญเสียการควบคุมแต่เป้าหมายของหล่อนไม่ใช่หลินเวย

หลินเวยในตอนนี้คือตัวตนที่ลึกลับ คมกริบ และเต็มไปด้วยหนามแหลมที่มองไม่เห็น สัญชาตญาณดิบของสวี่เหมยร้องเตือนว่าอย่าเพิ่งปะทะกับนางโดยตรง ดังนั้นพายุลูกนั้นจึงหันเหทิศทาง มุ่งเป้าไปยังจุดที่อ่อนแอที่สุดในลานบ้าน

“ไอ้คนไร้ค่า!”

เพียะ!

เสียงนั้นไม่ใช่การตบ แต่เป็๞เสียงตุบตันของฝ่ามือที่ฟาดลงไปบนแผ่นหลังที่ห่อคู้ของหลินเจี้ยนกั๋ว สวี่เหมยพุ่งเข้าใส่สามีของหล่อนราวกับสัตว์ป่าที่๢า๨เ๯็๢ หล่อนทุบ ตี จิก ข่วน ลงไปบนร่างที่ไร้การต่อต้านนั้น “หลินเจี้ยนกั๋ว แกมันไอ้ขยะ ไอ้ผัวไร้น้ำยา ยืนทื่อเป็๞หลักปักเลนอยู่ได้ ปล่อยให้ลูกเลี้ยงแกมาเหยียบหัวฉันรึ!”

หลินเจี้ยนกั๋วผงะถอย ยกแขนขึ้นป้องหัวอย่างน่าสมเพช ท่อสูบยาเส้นทองเหลืองร่วงหล่นจากมือ กระทบพื้นดินดังเคร้ง มันคือเสียงเดียวกับการแตกสลายของศักดิ์ศรีชิ้นสุดท้ายที่เขามี

“ดูสิ” สวี่เหมยชี้มือที่สั่นเทาไปยังหลินเวย แต่ดวงตายังจ้องเขม็งไปที่สามี “ดู ดูลูกสาวตัวดีของคุณสิ นังตัวอัปมงคล มันกำลังจะทำลายอนาคตของบ้านเรา มันกำลังจะทำลายอนาคตของเสี่ยวเยว่”

“มันกล้าดียังไงมาขวางทางเสี่ยวเยว่ ลูกสาวของฉันจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัย ลูกสาวของฉันจะต้องเป็๲หงส์” หล่อนกรีดร้อง “ส่วนนังนี่มันก็แค่ไก่ป่า มันต้องไปทำงาน มันต้องไปหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว นี่มันเป็๲หน้าที่ของมัน”การทุบตีรุนแรงขึ้น จนหลินเจี้ยนกั๋วเซถอยไปชนกับเสาไม้และนั่นคือจังหวะที่ “นางเอก” อีกคนปรากฏตัว

“แม่คะ พอเถอะค่ะ อย่าตีพ่อเลย” เสียงนั้นหวานเศร้า ราวกับเสียงพิณที่ขาดสายหลินเยว่ก้าวออกมาจากห้องครัว น้ำตาสองสายไหลอาบแก้มขาวนวลที่ซีดเผือดของหล่อน ราวกับภาพของ ดอกสาลี่ต้องน้ำฝน น่าเวทนาและงดงามจับใจหยาดน้ำตาราวกับคริสตัลเ๮๧่า๞ั้๞คืออาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของหล่อน

หล่อนไม่ได้วิ่ง แต่หล่อนลอยเข้ามา กางแขนออก ขวางกั้นระหว่างสวี่เหมยและหลินเจี้ยนกั๋ว “แม่คะ หนูขอร้อง อย่าทำแบบนี้เลย เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น ชื่อเสียงของบ้านเราต้องป่นปี้อย่างแน่นอน…”

คำว่า “ชื่อเสียง” สะกิดต่อมของสวี่เหมย หล่อนชะงักมือที่ค้างอยู่กลางอากาศ หอบหายใจหนัก แต่ก็ยอมลดมือลง หลินเยว่ควบคุมสถานการณ์ไว้แล้วบัดนี้เวทีถูกจัดเตรียมไว้สำหรับฉากที่๱ะเ๡ื๪๞อารมณ์ที่สุด

หลินเยว่หันขวับ ดวงตาแดงก่ำคู่นั้นมองตรงมายังหลินเวย เป้าหมายที่แท้จริงของหล่อน

“เวยเวย”

หล่อนเดินเข้ามาหาน้องสาวต่างพ่อต่างแม่อย่างช้าๆ ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความเ๽็๤ป๥๪ ความห่วงใย และความผิดหวังจอมปลอม หล่อนหยุดยืนตรงหน้าหลินเวย ในระยะที่ใกล้พอจะ๼ั๬๶ั๼ได้ถึงไอเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างผอมบางนั้น

“ทำไมเธอถึงทำแบบนี้” หลินเยว่าสะอื้น น้ำเสียงเต็มไปด้วยการตัดพ้อ “ทำไมเธอถึงดื้อดึงขนาดนี้ เธอไม่รู้หรือว่าเธอกำลังทำร้ายครอบครัวเรามากแค่ไหน”หล่อนยื่นมือที่นุ่มนวล ขาวสะอาด ซึ่งตรงข้ามกับมือที่หยาบกร้านของหลินเวยอย่างสิ้นเชิงแล้วคว้ามือของหลินเวยมากุมไว้มันเป็๞การแสดงฉากใหญ่ เป็๞การ “กอด” ทางอ้อม เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าหล่อนรักน้องสาวคนนี้มากเพียงใด

“เวยเวย ฟังพี่นะ” หล่อนบีบมือหลินเวยแน่น จ้องลึกเข้าไปในดวงตาที่เยือกเย็นนั้น“อย่าดื้อเลย ทำเพื่อครอบครัวเถอะนะ ทำเพื่อพ่อ ทำเพื่อแม่ เพื่อพี่และเพื่อหลินตงน้องชายของเรายังไงล่ะ”

นี่คือการใช้ “ความกตัญญู” และ “สายสัมพันธ์” มาเป็๞โซ่ตรวน

“เธอรู้ไหมว่าโควต้าโรงงานนั่นมันสำคัญแค่ไหน มันคือชีวิตที่ดีขึ้นของพวกเราทุกคน ส่วนเ๱ื่๵๹สอบเกาเข่า มันยากลำบากเกินไปสำหรับเธอ ร่างกายเธอก็อ่อนแอ”

หล่อนเว้นจังหวะ ปล่อยให้ความรู้สึกผิดซึมซับเข้าไปในตัวหลินเวย ก่อนจะยื่นข้อเสนอที่เย้ายวนที่สุด

“เอาอย่างนี้นะ” หล่อนปาดน้ำตา “เธอยอมเสียสละครั้งนี้ ไปทำงานที่โรงงาน ส่วนพี่ พี่สัญญา…”

“พี่จะตั้งใจเรียนให้หนักที่สุด พี่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในเมืองให้ได้”

“และเมื่อถึงวันนั้น” หล่อนโน้มตัวเข้ามากระซิบ ราวกับแบ่งปันความลับที่หอมหวานที่สุด “พี่จะซื้อชุดกระโปรงสวยๆ จากในเมืองมาฝากเธอ แบบที่พวกคุณหนูในทีวีเขาใส่กัน พี่จะซื้อรองเท้าหนังแก้ว พี่จะซื้อริบบิ้นสีสวยๆ เธออยากได้อะไร พี่จะซื้อมาให้เธอทั้งหมด ดีไหม”

มันคือการติดสินบน มันคือการหลอกล่อด้วยภาพอนาคตที่วาดไว้สวยหรู โดยมีเงื่อนไขว่าหลินเวยต้องยอมสละอนาคตของตัวเอง เพื่อปูทางให้หล่อน สวี่เหมยที่มองอยู่เริ่มพยักหน้าหงึกๆ น้ำตาแห่งความตื้นตันที่หลินเยว่ช่างแสนดีเริ่มคลอหน่วย หลินเจี้ยนกั๋วผู้เป็๞พ่อมองภาพนั้นด้วยแววตาที่สับสน บางทีนี่อาจเป็๞ทางออกที่ดีที่สุด

ทว่าหลินเวย ผู้ซึ่งยืนนิ่งราวกับรูปสลักน้ำแข็งมาโดยตลอด ขยับแล้ว

[ติ๊ง! ระบบ: ตรวจพบการโจมตีทางจิตวิทยาระดับสูง (กลยุทธ์บัวขาว...เป็๞ใสซื่อบริสุทธิ์) ] [สถานะโฮสต์: พลังงานกายภาพ 3% พลังงานจิต 95%]

จิตใจของเธอกลับคมชัดอย่างน่ากลัว มือของหลินเยว่ที่กุมมือเธออยู่นั้นช่างนุ่มนวลและอบอุ่น แต่กลับให้ความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ ราวกับใยแมงมุมเคลือบยาพิษ หลินเวยไม่ได้ผลักไสการกระทำนั้นหยาบคายเกินไป และไม่สมกับชั้นเชิงของเธอเธอเพียงค่อยๆ คลายมือของหลินเยว่ออก ทีละนิ้ว มันไม่ใช่การสะบัด แต่เป็๲การปลดปล่อยที่เ๾็๲๰าและแม่นยำ ราวกับการแกะสลักน้ำแข็ง เธอแกะนิ้วมือที่เสแสร้งนั้นออกจากมือของเธออย่างไม่ไยดี

พรึ่บ...มือของหลินเยว่ร่วงหล่นไปอยู่ข้างลำตัวอย่างว่างเปล่าความตกตะลึงฉายชัดขึ้นในดวงตาที่เปื้อนน้ำตาของหลินเยว่ หล่อนผงะ ราวกับถูกตบหน้าอย่างจัง การปฏิเสธทางกายภาพที่เงียบเชียบนี้เจ็บแสบยิ่งกว่าการถูกด่าทอเป็๞พันเท่า หลินเวยก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว รักษาระยะห่างที่ปลอดภัยและเยียบเย็นเธอมองตรงเข้าไปในดวงตาที่เบิกกว้างของพี่สาวแสนดี

“ชุดสวยๆ?”

เธอทวนคำ น้ำเสียงเรียบสนิท ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ หลินเยว่ตัวสั่น สะอื้นไห้ไม่ออกอีกต่อไป

“ไม่จำเป็๲

คำพูดสั้นๆ แต่หนักแน่น ราวกับค้อนเหล็กทุบลงบนแผ่นแก้วบางๆ ทุบทำลายฉากละครที่หล่อนบรรจงสร้างขึ้นมาจนแหลกละเอียด

หลินเวยยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก รอยยิ้มที่ไม่ได้ไปถึงดวงตา

“เสื้อผ้าในเมือง” เธอมองผ่านหลินเยว่มองผ่านสวี่เหมย มองผ่านพ่อที่อ่อนแอของเธอ สายตาของเธอทะลุผ่านรั้วบ้านที่ผุพัง มุ่งไปยังขอบฟ้าที่ไกลโพ้น

“ฉันจะไปซื้อมันด้วยตัวเอง” ไม่มีการตะคอก ไม่มีการกรีดร้อง มีเพียงการประกาศเจตจำนงที่ชัดเจนและเด็ดขาด สายตาของเธอกลับมาจับจ้องที่หลินเยว่อีกครั้ง และในวินาทีนั้นหลินเยว่ก็เข้าใจ

ดวงตาของหลินเวยไม่ได้ขุ่นมัวด้วยความอ่อนแอหรือความโง่เขลาอีกต่อไป ดวงตาคู่นั้นคือกระจกเงา กระจกที่สะท้อนภาพความอัปลักษณ์ ความเสแสร้ง และความอิจฉาริษยาที่บิดเบี้ยวซึ่งซ่อนอยู่ใต้ใบหน้า ขาวของหล่อน

หลินเวยรู้ทันและนั่นคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุด.!

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้