หลังจากได้ยินการประกาศงานแต่งงานของเฉินเฟิง เหล่านักศึกษาต่างแผดเสียงร้องด้วยความตื่นเต้น
“อาหารที่นี่ดีกว่าโรงอาหารแบบไม่เห็นฝุ่น!”
“เฉินเฟิงเลือกได้ดีจริงๆ หลิ่วอีอียังไงก็ดีกว่ายัยสองหน้าจ้าวฉินเสวียอยู่แล้ว”
“คนเมื่อกี้พูดถูก กดไลค์ให้เลย จ้าวฉินเสวียไม่มองการณ์ไกล แถมยังเก็บตัวสำรองไว้เต็มไปหมด”
“หลิ่วอีอีแอบชอบเฉินเฟิงมาตั้งสามปี ในที่สุดเธอก็ได้ฉากจบดีๆ”
“ไอ้ฮูอวี่อาศัยว่ามีพ่อเป็รองอาจารย์ใหญ่ถึงได้ทำอะไรแบบนั้นหลังพิธีรับปริญญาของพวกรุ่นพี่ได้...”
ในสายตาของเหล่านักศึกษา เฉินเฟิงดูเป็ลูกผู้ชายอย่างแท้จริง!
เมื่อเห็นว่าได้รับการสนับสนุนจากทุกคนเช่นนี้ เฉินเฟิงจึงหัวเราะแล้วกล่าวช้าๆ
“ให้ฉันบอกความลับอะไรให้อย่างหนึ่งนะ จริงๆ แล้วร้านนี้ฉันไม่ได้จองแค่สัปดาห์เดียวหรอก ฉันซื้อร้านนี้ไว้แล้ว รวมถึงโรงแรมห้าดาวเฉียนต๋าแห่งนี้ด้วย ในอาทิตย์นีั นักศึกษามากินฟรีได้ ขอเพียงแสดงบัตรนักศึกษา แล้วถ้าตกกลางคืนแล้วยังไม่อยากเดินทางกลับหอพัก ก็สามารถเลือกพักในโรงแรมแห่งนี้ได้ฟรีๆ แต่ว่าหลังจากผ่านหนึ่งอาทิตย์นี้ไป ได้โปรดมาอุดหนุนร้านอาหารและโรงแรมของฉันด้วย เพราะยังไงก็ตาม ประธานบริษัทเฉียนต๋าขาดทุนจากการดำเนินกิจการโรงแรมแห่งนี้มาสองปีติด เขาที่ไม่สามารถดำเนินกิจการต่อได้จึงทำการขายโรงแรมแห่งนี้ให้ฉัน”
เหล่าเพื่อนนักศึกษาที่กำลังตื่นเต้นอยู่แล้ว เมื่อได้รับรู้ว่าเฉินเฟิงเป็ทั้งเ้าของร้านอาหารและเ้าของโรงแรมคนใหม่แห่งนี้ต่างอุทานขึ้นอีกครั้ง
“ใครไหนเลยจะคิดว่าโรงแรมแห่งนี้จะเป็ของเฉินเฟิง น่าใจริงๆ”
เฉินเฟิงกำลังทำการโฆษณาโรงแรมแห่งนี้อย่างเป็ธรรมชาติ ตราบเท่าที่เหล่านิสิตนักศึกษานี้ช่วยกระจายข่าวออกไป
เมื่อถึงเวลาเหล่านักศึกษาที่มาจากบ้านมีฐานะสักหน่อย้าจองห้องเพื่ออยู่กับแฟนของพวกเขา พวกเขาก็จะนึกถึงโรงแรมห้าดาวแห่งนี้เป็ที่แรก
เพราะโรงแรมห้าดาวเฉียนต๋าแห่งนี้ตั้งอยู่ใกล้เขตมหาวิทยาลัยโม๋ตูเป็อย่างมาก
เฉินเฟิงสามารถใช้นักศึกษาเพื่อพยุงโรงแรมแห่งนี้ได้
ในขณะที่ไม่มีใครสังเกต จ้าวฉินเสวียกำลังกินอาหารสุดหรูในร้านอาหารมิชลินอย่างเงียบๆ เธอสวมใส่แว่นกันแดดกับหมวกสีดำ
แม้แต่ฮูอวี่ก็สวมใส่ทั้งแว่นกันแดดและหมวกสีดำเช่นเดียวกัน โดยนั่งอยู่ในจุดที่จ้าวฉินเสวียเองก็ไม่รู้
ถึงแม้ว่าคู่รักคู่นี้จะไม่เลิกรากัน แต่ก็เห็นถึงรอยแตกร้าวได้อย่างชัดเจน
โดยเฉพาะทางฮูอวี่ที่เพิ่งออกจากโรงพยาบาลหลังจากรักษาาแ่ล่าง
ในสองวันที่ผ่านมาทั้งคู่ไม่ได้ติดต่อกันเลย ราวกับว่าพวกเขาเป็คนแปลกหน้า! แต่สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างทั้งสองไม่ใช่เื่ที่เฉินเฟิงจะนำมาใส่ใจ
ในขณะนี้เอง เฉินเฟิงและหลิ่วอีอีกำลังเพลิดเพลินกับงานเลี้ยงไปด้วยกัน
นี่นับเป็ครั้งแรกที่เฉินเฟิงสนุกกับมื้ออาหารสุดหรูไปพร้อมๆ กับหลิ่วอีอี นับั้แ่เขาซื้อร้านอาหารมิชลินสามดาวแห่งนี้มา
อย่างไรก็ตาม หลังจากทนมาเนิ่นนาน ในที่สุดจางหลิงเจี๋ยกับหลินชิวหยุนก็อดใจไม่ไหว พวกเธอจึงนำอาหารของพวกเธอมาร่วมด้วย
สถานการณ์เช่นนี้ทำลายความเงียบระหว่างทั้งสอง
แต่หลิ่วอีอีก็รู้อยู่แล้วว่าสาวสวยทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเฉินเฟิง
ในยุคนี้ ถ้าไม่ได้จดทะเบียนสมรสก็เป็ได้แค่เมียน้อย ไร้สิ้นซึ่งสถานะทางสังคมใดๆ
และนับั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ร้านอาหารมิชลินสามดาวแห่งนี้ได้เปลี่ยนเป็สไตล์บุฟเฟ่ต์แทนแล้ว เพราะผู้จัดการร้านคนเดิม้าประหยัดค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในร้าน
หากเมนูสุดหรูต่างๆ ยังถูกปรุงแบบจานต่อจานอย่างต่อเนื่อง เงินหนึ่งล้านจากเฉินเฟิงอาจไม่มากพอจะจ่ายเป็ค่าอาหารให้เหล่านักศึกษาตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์
ในขณะที่เฉินเฟิง หลิ่วอีอี และคนอื่นๆ กำลังจะทานอาหารจนเสร็จ ผู้จัดการร้านเดินเข้ามารายงานกับเฉินเฟิง
“เถ้าแก่คะ ฉันคิดว่าควรรายงานเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายทั้งหมดในสองวันที่ผ่านมาให้ท่านทราบค่ะ”
ผู้จัดการร้านอาหารคนนี้เป็สาวสวยวัยสามสิบในชุดเครื่องแบบมืออาชีพ รายงานให้เฉินเฟิงอย่างจริงจัง
“เยอะขนาดไหน?”
เฉินเฟิงยังไม่ทันได้ฟังรายงาน แต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าสองวันที่ผ่านมาต้องมีค่าใช้จ่ายมหาศาลขนาดไหน
“มากเสียยิ่งกว่ามากอีกค่ะท่าน แม้ว่าก่อนหน้านี้ธุรกิจเราจะไม่ได้ราบรื่นมาก แต่อย่างน้อยถ้ามีลูกค้าเข้าร้านสักหน่อยก็พอจะทดแทนค่าใช้จ่ายในการเปิดร้านในแต่ละวันได้อยู่ค่ะ แต่ตอนนี้ในเมื่อเถ้าแก่อนุญาตให้นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยโม๋ตูมากินฟรีได้ ในเวลาแค่สองวันที่ผ่านมา ค่าใช้จ่ายทั้งหมดเกินสองแสนหยวนแล้วค่ะ” ผู้จัดการสาวสวยพูดอย่างอับจนหนทาง
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเ้านายคนใหม่คนนี้ถึงต้องใช้เงินฟุ่มเฟือยเพื่ออวดรวยขนาดนี้
“อ่า ช่วยไม่ได้ ฉันถูกหวยหลายสิบล้านน่ะ แล้วพวกนักศึกษาส่วนใหญ่ก็รู้แล้วด้วย ถ้าไม่ทำอะไรเพื่อเป็การแสดงสักหน่อยก็จะเข้าหน้ากับคนอื่นยาก”
เฉินเฟิงตอบกลับอย่างอับจนหนทางเช่นกัน
ที่จริงแล้ว นักศึกษาเหล่านี้ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเฉินเฟิงมาก่อนเลย
บางคนถึงขั้นเคยซุบซิบนินทาเฉินเฟิงลับหลัง หัวเราะเยาะในความพยายามที่ตามจีบดาวมหาลัยตลอดสามปีของเขา และไม่เคยได้รับสถานะเป็ตัวตนอะไรกับเธอเลย ซึ่งก็ไม่ต่างกับตัวสำรองคนอื่นๆ
แต่!
เพื่อสยบคำซุบซิบนินทา เฉินเฟิงถึงกับประกาศให้นักศึกษาจากโม๋ตูกินฟรีได้เป็เวลาหนึ่งสัปดาห์
การกระทำนี้มีเป้าหมายมากกว่าการอวดรวย
เฉินเฟิงเคยได้ยินมามากมายว่าผู้โชคดีที่ถูกหวยส่วนใหญ่จะมีญาติสนิทมิตรสหายมากมายติดต่อเข้ามาเพื่อยืมเงิน
แต่พวกเขาไม่คิดจะคืน!
แทนที่จะต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนั้น เฉินเฟิงเลือกเป็คนมีน้ำใจดีกว่า โดยการเชิญเหล่าเพื่อนนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเดียวกันมากินอาหาร
ที่จริงแล้วร้านอาหารมิชลินสามดาวนี้มีค่าไม่ถึงล้านด้วยซ้ำไป
ห้าหมื่นหยวนสำหรับค่าลิขสิทธิ์แบรนด์และสิ่งอำนวยความสะดวกในร้าน
อีกสี่แสนเป็การซื้อสูตรเมนูซิกเนเจอร์ทั้งสี่เมนูจากเ้าของร้านและพ่อครัวคนเก่าและเมนูใหม่ๆ ต่อจากนี้
แสนสุดท้ายสำหรับความร่วมมือระยะยาวกับบริษัทจัดหาวัตถุดิบของร้านอาหาร
ป่านนี้เ้าของคนก่อนซึ่งได้เงินนับล้านจากเฉินเฟิง คงกำลังทำหน้าที่พ่อครัวโดยไม่กังวลอะไรอีกต่อไป เพราะตอนนี้ถึงคราวของเฉินเฟิงที่ต้องกังวล
“แต่ว่า เถ้าแก่คะ แค่สองวันที่ผ่านมา วัตถุดิบจากบริษัทจัดหาวัตถุดิบกว่าแสนหยวนก็หมดไปแล้วนะคะ อีกห้าวันต่อจากนี้จะทำยังไงดีคะ? เรายังไม่รู้จะเอาเงินทุนจากไหนมาจ่ายค่าวัตถุดิบเลยค่ะ!”
แม้ผู้จัดการคนสวยนี้จะเข้าใจความ้าของเฉินเฟิง แต่ใช่ว่าความกังวลของเธอก็จะหมดไป
เพราะจากที่ดูแล้ว เฉินเฟิงคงไม่ใส่ใจจัดการดูแลร้านอาหารแน่ แล้วเดี๋ยวหน้าที่ก็คงตกเป็ของเธอ ในฐานะผู้จัดการร้านที่ต้องเป็กังวล
“ที่รัก ให้ฉันจัดการดูแลร้านอาหารนี้เถอะ การันตีเลยว่าร้านนี้จะไม่เจ๊งภายในห้าวัน แต่จะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นแน่นอน”
หลิ่วอีอีปรายตามองจางหลิงเจี๋ยกับหลินชิวหยุน เธอได้ยินมาแล้วว่าเฉินเฟิงให้พวกเธอจัดการโรงแรม ดังนั้นเธอจึง้ามีส่วนร่วมในการจัดการร้านอาหารแห่งนี้
ได้ยินเช่นนี้ เฉินเฟิงหันกลับไปมองผู้จัดการร้านคนสวย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงขึงขัง
“ถ้าอย่างนั้น ต่อจากนี้รายงานทุกเื่เกี่ยวกับร้านนี้ให้ภรรยาผม ผมจะฝากการจัดการทั้งหมดเกี่ยวกับร้านอาหารนี้ให้อยู่ภายใต้การดูแลของเธอ โปรดให้ความร่วมมือกับเธอด้วย”