5 ปีต่อมาิเทียนเยว่ลืมตาขึ้น แววตาฉายแววสับสน และ เศร้าสร้อย
หลังจากงานประลองจบลง ก็เริ่มมีหมู่บ้านต่างๆ แม้กระทั่งมีจักรวรรดิย้ายเมืองหลวงมาอยู่ใกล้ๆนี้...
เหตุเกิดมาจากงานประลองนั้นทำให้เส้นกันระหว่างมนุษย์และเซียนบางลงมาก
สำนักน้อยใหญ่พลันเกิดอยู่รอบๆูเาสงบจิต แต่ยังโชคดีนะที่ในระยะ 1 พันลี้ยังคงไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้
เนื่องจากเื่ราวเล่าขานเกี่ยวกับเทพเซียน ที่สถิตอยู่บนเขานั้นยังคงนิยมอย่างยิ่งในหมู่มนุษย์...
ส่วนเหตุที่ทำให้ิเทียนเยว่ลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะเขาได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับศิษย์ตน...ทั้งยังไม่ใช่เื่ดีๆเสียด้วย
ตอนนี้เขาบรรลุระดับฝ่าด่านเคราะห์ขั้น 4 แล้ว ความเร็วในการบำเพ็ญพุ่งทะยานล้วนต้องขอบคุณรากิญญาระดับเทพ!
ด้วยตบะระดับนี้การลอบฟังสิ่งที่คนคุยกันในระยะพันหรือหมื่นลี้นั้นง่ายยิ่ง เพียงแค่ต้องตั่งใจเท่านั้น...
เขาได้รู้มาว่าถังจื่อตอนนี้ถูกเรียกขานว่าประมุขมารถัง มีชัยเหนือเทพเซียน ดวงชะตาของโลกมนุษย์เรียบร้อย...
แต่ยังโชคดีมีศัตรูคู่แค้นโผล่มาขัดขวางทำให้ดวงชะตาได้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น
ศัตรูคู่แค้นผู้นั้นถูกเรียกขานว่าปรมาจารย์ทมิฬิฝาน
'หรือวันนั้นข้าไม่ควรปล่อยเขาไปเช่นนั้นกัน' ิเทียนเยว่สับสนยิ่งหากวันนั้นเขาพูดมากกว่านั้สักหน่อยสองพี่น้องจะกลายเป็ศัตรูคู่แค้นเช่นนี้ไหม...
ิฝานเองก็ใช่ว่าจะมีข่าวลือดีๆ เขาขึ้นชื่อเื่ความน่ากลัวอย่างยิ่ง ฆ่าล้างสังหารหมู่มารอย่างไม่หยุดพักยาวนานถึงหนึ่งปีเต็มๆ
บ้างก็ว่าเขาเสียสติฆ่าไม่เลือก บ้างก็ว่าเขาร้องไห้และยิ้มในเวลาเดียวกันตลอดเวลา บ้างก็ว่าผู้ที่ได้สบตากับเขาล้วนเป็บ้า...
ตอนนี้สถานการณ์ย่ำแย่ยิ่ง ไม่ว่าิฝานหรือถังจื่อจะเป็ฝ่ายมีชัยโลกมนุษย์ล้วนตกอยู่ในวิกฤต...
ิเทียนเยว่ลุกขึ้นยืนเดินออกจากอารณาเขตเทพไป พลันแสดงสีหน้าหงุดหงิด บ่วงกรรมของเขากับิฝานขาดสะบั้นไปแล้ว...ไม่สิเรียกว่าเจือจางจนแทบไม่มีเสียมากกว่า
อย่างน้อยเขาก็ยังยืนยันได้ว่ายังไม่ตาย คล้ายว่าจะลืมตัวตนของเขาเสียมากกว่า...
"ฟูว...ตบะระดับข้ายังไม่อาจเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้"ิเทียนเยว่พยายามสงบใจลง ใจจริงเขาอยากมุ่งหน้าไปหยุดยั้งการตีกันของทั้งสองนัก...แม้ดวงชะตาของโลกมนุษย์กับแดนเซียนจะถูกตัดขาดแล้ว แต่ก็ใช่ว่าแดนเซียนจะลงมือไม่ได้เสียหน่อย...
ิเทียนเยว่ส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะมุ่งหน้าไปยังจักรวรรดิ เขากะจะไปเยี่ยมเยียนิหลิงกับิหนิงหนิงเสียหน่อย
จะไปเมื่อสามปีก่อนิหลิงและิหนิงหนิงกลับมาเยี่ยมเขาก็กล่าวว่าทั้งสองแต่งงานกันแล้ว เื่นนี้ทำเอาิเทียนเยว่เกือบทุบตีิหลิงแล้ว แม้ทั้งสองจะไม่ใช้พี่น้อแท้ๆก็ตาม แต่ในใจเขารู้สึกขัดแย้งยิ่ง ใช้เวลาพักใหญ่ๆกว่าจะทำใจได้
ตอนนี้เขายินดีกับทั้งสองแล้ว
'เด็กๆก็โตกันหมดแล้ว' ิเทียนเยว่คิดในขณะที่กำลังเหาะอยู่ ครเดียวที่เขาไม่ทราบข่าวคราวเลยคือิเหยา แม้จะรู้จากบ่วงกรรมว่ายังไม่ตาย แต่เขาก็อดเป็ห่วงไม่ได้เขาก็ทราบข่าวเื่ถังจื่อถล่มสำนักจิตพฤกษาเช่นกัน...
...
...
ภายในจักรวรรดิฉางจิ่ว
ิเทียนเยว่เดินปะปนกับคนธรรมดาเขาปกปิดตัวตนอย่างแเีเปรียบเสมือนอากาศธาตุ เลื่อนลอยไร้ตัวตน
จนกระทั่งเดินมาถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่งมีป้ายตัวใหญ่เขียนไว้ว่า ตระกูลหมิทะยาน
ทำเอาิเทียนเยวยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งสองไม่เคยบอกกล่าวเื่นี้กับเขาเลย บอกเพียงว่าเก็บเงินซื้อบ้านหลังใหญ่ได้และมีธุรกิจเล็กๆแห่งหนึ่ง
ส่วนว่าเขาทราบได้อย่างไรว่าทั้งสองอยู่นี่หน่ะหรือ เหอะๆ ตบะระดับผู้เฒ่าใต้หล้านี้ใครจะหลบซ่อนได้ หลังจากเขาเข้าถึงระดับฝ่าด่านเคราะห์สิ่งหนึ่งที่เขาแน่ใจคือระดับมหายานไม่ใช่คู่ต่อสู้เขาแม้แต่น้อย
ก๊อก ก๊อกๆ ิเทียนเยว่เคาะประตู ทันใดนั้นก็มีชายหนุ่มผู้หนึ่งเปิดประตูออกมา
"มีธุระอันใด" ชายผู้นั้นมองิเทียนเยว่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
"ข้ามาพบิหลิง พอจะเรียกเขาให้ข้าได้หรือไม่" ิเทียนเยว่ประสานมือเขาไม่ถือตัวเลยแม้แต่น้อย
"เ้าตระกูลไม่ว่างมาวันอื่นเถิด" ชายผู้นั้นส่ายหน้าพร้อมปิดประตูทันใด
ิเทียนเยว่ทำได้เพียงยิ้มบางๆขึ้นเคลื่อนย้ายเข้าไปด้านในทันที
เขาปรากฏขึ้นด้านหลังของิหลิง ทันใดนั้นเขาพลันเลิกคิ้วขึ้น
"คลอดแล้วเ้าค่ะ" หญิงชราะโออกมาจากในตำหนัก
ิหลิงที่เดินวนไปวนมาอยู่แถวนั้นพลันเปิดประตูพงุ่เข้าไปทันที
ฉากตรงหน้าทำเอาิเทียนเยว่ทำตัวไม่ถูก มาผิดจังหว่ะหรือ...
ทันใดนั้นเขาก็รู้ตัว
"ข้ามีหลานแล้วรึ" ิเทียนเยวแสดงสีหน้าซับซ้อน...ประสบการณ์ชีวิตเขาน้อยยิ่ง ภรรยายังไม่มีดันมีหลานเสียแล้ว...
ช่างเถิดอย่างไรเสียก็เป็เื่น่ายินดี ิเทียนเยว่พลันเดินตามหลังิหลิงเข้าไปคิดจะแกล้งให้ใเสียหน่อย
แต่เมื่อก้าวเดินเขาไปด้านในไม่นานพลันมีชา่ยผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาโจมตีเขาในทันที
ปัง! ฝ่ามือหยาบกระด้างกระแทกใส่นิ้วชี้ของิเทียนเยว่
ชายผู้นี้มีตบะเพียงหลอมปราณขั้น 6 เท่านั้นอันที่จริงเขาไม่ถึงกับต้องยกนิ้วขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ แต่เขายังคงมีมารยาทยอมรับฝ่ามืออีกฝ่ายเอาไว้
ชายผู้นั้นแสดงสีหน้าตกตะลึงรีบกระโจนถอยกลับไป
"เ้าเป็ผู้ใด กันเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี้!" เขาะโขึ้นด้วยสีหน้าหวาดระแวง
ิเทียนเยว่มองชายผู้นี้อย่างสนใจนัก
'หืม กายาหายาก!' เขามองที่ร่างของอีกฝ่ายััได้ถึงพลังฟ้าดินที่ออกมาจากกายเนื้อ หากมิใช่ระดับเปลี่ยนกายานอกเสียจากว่าจะมีกายาพิเศษย่อมเป็ไปไม่ได้เลย...
เขาสะบัดมือเบาๆส่งพลังฟ้าดินเข้าไป ปลุกคุณบัติกายาของชายผู้นั้นอย่างไรก็เป็คนของลูกศิษย์มอบโอกาสให้เสียหน่อยก็แล้วกัน
ชายผู้นั้นผลันสลบลงไปทันที ิเทียนเยว่ก็เดินทอดน่องสบายใจไปหาิหลิงในอีกห้องหนึ่ง
"ข้ามีหลานแล้วหรือ" ิเทียนเยว่เปิดประตูออกแล้วกล่าวทันที
เมื่อเขาแสดงตัวสาวใช้ในห้องก็กรี๊ดใ ิหลิงเบิกตากว้าง
"ท่านอาจารย์!" ิหลิงที่กำลังอุ้มทารกอยู่ใจนเกือบทำทารกหลุดมือ
โชคดีที่ิเทียนเยว่ใช้พลังประคองร่างไว้
"ทำอะไรของเ้ากันเป็ถึงระดับเปลี่ยนกายาแล้วเหตุใดขวัญอ่อนยิ่ง!" ิเทียนเยว่ตะคอกใส่ไม่คิดว่าเ้าหนูนี่จะใจนเกือบโยนลูกทิ้ง
ิหนิงหนิงถลึงตาใส่ทั้งสอง ทำเอาิเทียนเยว่รู้สึกผิดยิ่ง....
"ท่านมาเยี่ยมหรือเ้าคะท่านพ่อ" ิหนิงหนิงมองิเทียนเยว่ก่อนจะยิ้มแล้วกล่าวขึ้น ตอนนี้นางกลับไม่ได้ดูดื้อซนเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว นางโตเป็ผู้ใหญ่เต็มตัว
"อืม เพียงผ่านทางมาเท่านั้น ไม่คิดว่าฝ่ายที่ใยิ่งกว่าจะเป็ข้าไปเสียได้" ิเทียนเยว่พยักหน้าเล็กน้อยยิ้มขึ้นบางๆ
เหล่าสาวใช้พลันมองหน้ากันเหลอหลา
ท่านพ่อของนายหญิงหรือ เหตุใดจึงดูเยาว์วัยยิ่ง...ทั้งยังหล่อเสียจนนายหญิงดูธรรมดาไปเลย
สาวใช้มองหน้าิเทียนเยวและิหนิงหนิงสลับไปมาใบหน้าสับสนยิ่ง ไม่เห็นเหมือนกันเลย!
แน่นอนว่าไม่ได้มีใครกล่าวอะไร กลัวว่าจะไปล่วงเกินผู้เป็นายเข้าจึงค่อยๆถอยออกจากห้องปล่อยให้ทั้งสามคุยกันต่อไป
ิเทียนเยว่เพิ่งได้เคยอุ้มทารกครั้งแรกเขาประหม่ายิ่ง...อยู่นานวันเข้าความใจฝ่อของเขาเริ่มหายไปทีละนิดแล้ว อย่างน้อยก็มีความมั่นใจมากขึ้นไม่น้อย
ิเทียนเยว่อุ้มทารกน้อยเล่นอยู่นานสองนานก่อนจะขอตัวออกไปเดินเล่นในตำหนัก ิหลิงก็ไม่ได้ขัดอะไรสั่งให้คนของตนไปอำนวยความสะดวกให้ิเทียนเยว่เต็มที่
เดินออกมาสักพักิเทียนเยว่ก็เพิ่งรู้สึกตัว...เขาลืมถามชื่อหลาน..
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้