จ้านอู๋มิ่งก็รู้สึกขุ่นข้องเช่นกัน เดิมเขาเพียงแค่คิดจะถือโอกาสปล้นชิงทรัพย์เท่านั้น แต่สำนักเบญจพิษกลับวางกับดักสำหรับเขาเอาไว้แล้ว มิเพียงแต่ชักนำเขาไปถึงน่านน้ำมหาสมุทรแห่งหนึ่งเท่านั้น ยังแทบจะปลิดชีวิตเขาไปด้วย ตนเพียงแค่ทำเื่น่าคลื่นไส้เื่หนึ่งเพื่อการแก้แค้นเท่านั้นเอง ผลปรากฏว่ากลับชักนำตัวประหลาดเฒ่าฝีมือร้ายกาจออกมาคนหนึ่ง ถึงกับติดตามไล่ล่าเขาอย่างไร้ยางอายตลอดเส้นทางในน่านน้ำมหาสมุทรวันสิ้นโลก
สองวันก่อนระหว่างทางไปสถานพำนักคุนเผิง จ้านอู๋มิ่งเดินทางผ่านบริเวณมหาสมุทรวันสิ้นโลกแถบหนึ่ง พบว่าสัตว์อสูรสมุทรในมหาสมุทรมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ นี่เป็เพราะเขาคุ้นเคยกับนิสัยของสัตว์อสูรยิ่งนัก ภายใต้การตอบสนองของพลังปราณเที่ยงแท้อนัตตา เขาพบว่าสัตว์อสูรกลุ่มใหญ่ในมหาสมุทรล้วนมุ่งหน้าไปรวมตัวกันในทิศทางเดียวกัน สิ่งนี้ทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นมากยิ่งขึ้น นั่นคือสถานการณ์เช่นนี้ หากมิใช่มีเื่ใหญ่เกิดขึ้น ก็จะต้องมีสมบัติวิเศษจิติญญาปรากฏสู่โลกหล้า
เดิมจ้านอู๋มิ่งก็เป็คนที่ไม่ชอบอยู่อย่างนิ่งเฉยอยู่แล้ว ประสบกับเื่แบบนี้ จะไม่ไปผสมโรงกับเขาได้อย่างไร และแล้วเขาจึงไล่ตามทิศทางของพวกสัตว์อสูรไป
สิ่งที่ทำให้จ้านอู๋มิ่งรู้สึกนอกเหนือคาดหมายก็คือ จุดหมายปลายทางของสัตว์อสูรเหล่านี้คือเกาะแห่งหนึ่งกลางมหาสมุทร จ้านอู๋มิ่งยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นแล้ว สัตว์อสูรสมุทรมารวมตัวกันบนเกาะแห่งนี้ จะต้องมีสิ่งใดปรากฏขึ้นบนเกาะอย่างแน่นอน เป็ไปได้อย่างยิ่งที่จะเป็สมบัติวิเศษจิติญญาฟ้าดิน ภายใต้การกระตุ้นของความอยากรู้อยากเห็น จ้านอู๋มิ่งจึงก้าวเท้าเหยียบขึ้นเกาะไป
จ้านอู๋มิ่งวางแผนเล่นงานผู้อื่นตลอดมา คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้กลับถูกผู้อื่นวางแผนเล่นงานเข้าให้แล้ว ผู้ที่วางแผนเล่นงานเขากลับเป็ราชันพิษ เหยียนชิงชิงแห่งสำนักเบญจพิษ
สตรีผู้นี้ติดตามเส้นทางที่เขาปล้นชิงทรัพย์มาตลอดทาง คำนวณเส้นทางที่เขาจะต้องผ่านอย่างแน่นอน ใช้ธูปหอมมายาชนิดหนึ่ง ทำให้สัตว์อสูรในน่านน้ำมหาสมุทรบริเวณนั้นเกิดภาพลวงตา คิดว่ากลิ่นอายของหญ้าพิษชนิดหนึ่งเป็กลิ่นอายของสมบัติวิเศษจิติญญาธรรมชาติ
เหยียนชิงชิงวางหญ้าพิษบนเกาะ สัตว์อสูรทุกตัวที่ผ่านบริเวณมหาสมุทรแถบนั้นก็จะมุ่งหน้ามาตามกลิ่นหญ้าพิษมา หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วยาม กลิ่นของธูปมายาก็จะสลายไปเอง สัตว์อสูรไม่ได้กลิ่นอายของสมบัติวิเศษจิติญญาธรรมชาติอีกก็ฟื้นคืนสติกลับคืนมา ย่อมต้องแยกย้ายจากไปเอง
เหยียนชิงชิงทราบว่าจ้านอู๋มิ่งอ่อนไหวต่อสัตว์อสูรยิ่งนัก เห็นเขาสามารถทำให้สัตว์อสูรนับพันก่อการจลาจลในเยี่ยนซานตั้ง และยังลักพาตัวสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวของเจิงฉู่ไฉไปก็ทราบว่าหากสัตว์อสูรในน่านน้ำมหาสมุทรแถบนี้มีอาการผิดปกติ ต่อให้ผู้อื่นมิมีปัญญาพบเห็น จ้านอู๋มิ่งจะต้องสังเกตเห็นอย่างแน่นอน
เหยียนชิงชิงมั่นใจว่าจ้านอู๋มิ่งจะต้องถูกสัตว์อสูรชักนำมายังเกาะแห่งนี้ และแล้วนางก็วางแผนลอบสังหารบนเกาะไว้แล้ว ขอเพียงจ้านอู๋มิ่งเข้ามาตามแผน จะต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
การคำนวณของเหยียนชิงชิงแม่นยำยิ่งนัก นางคำนวณไว้ล่วงหน้าถูกต้องแล้ว แต่กลับคาดมิถึงว่าจ้านอู๋มิ่งเป็ผู้ที่มิอาจใช้สามัญสำนึกทั่วไปมาคิดคำนวณ
จ้านอู๋มิ่งขึ้นมาบนเกาะแล้ว แรกเริ่มเขาคิดว่าสถานที่นี้มีสมบัติธรรมชาติเช่นกัน ดังนั้น เมื่อมาถึงบนเกาะ เขาก็นำหมูล่าขุมทรัพย์ออกมาทันที หมูล่าขุมทรัพย์ออกมาแล้วก็นำจ้านอู๋มิ่งไปเสาะแสวงหาสมบัติวิเศษที่แท้จริงทันทีแล้ว จ้านอู๋มิ่งเดินเฉียดผ่านกับดักมรณะของเหยียนชิงชิงไป
เหยียนชิงชิงโกรธเคืองมาก ที่ทำให้นางบันดาลโทสะยิ่งกว่าก็คือ หลังจากที่จ้านอู๋มิ่งเดินผ่านกับดักมรณะของนางไปแล้ว ถึงกับพบกล้วยไม้จิติญญาสีม่วงต้นหนึ่งอยู่บนเกาะจริงๆ มีอายุร่วมหลายพันปีเลยทีเดียว
ก่อนหน้านี้นางเคยค้นเกาะแห่งนี้อย่างละเอียดแล้วรอบหนึ่ง แต่กลับไม่พบสิ่งใด จ้านอู๋มิ่งกลับมีหมูล่าขุมทรัพย์ที่น่ารักมากตัวหนึ่ง ไม่ว่าสมบัติวิเศษจิติญญาจะซ่อนอยู่ที่ใด ล้วนมิอาจรอดพ้นจมูกของหมูล่าขุมทรัพย์ไปได้
เมื่อเหยียนชิงชิงเห็นหมูล่าขุมทรัพย์ตัวนั้น ก็รู้สึกอิจฉาตาร้อนจนตาแดงขึ้นมาแล้ว กล้วยไม้จิติญญาสีม่วงนี้เป็โอสถวิเศษล้ำค่าสำหรับหลอมเม็ดโอสถทลายด่านจักรพรรดิ ยามจักรพรรดิา้าทะลวงด่านบรรลุมหาจักรพรรดิา สามารถเพิ่มโอกาสทะลวงด่านจากจักรพรรดิาบรรลุเป็มหาจักรพรรดิาสำเร็จมากขึ้นถึงสามในสิบส่วนเลยทีเดียว ปกติแล้วกล้วยไม้จิติญญาสีม่วงเป็สมบัติวิเศษที่ประมาณค่ามิได้และหาซื้อไม่ได้ แต่ละสำนักนิกายหลักต่างล้วนพยายามค้นหากันอย่างยากลำบากแสนเข็ญ คิดไม่ถึงว่าจ้านอู๋มิ่งกลับหามันพบภายในรังนกั์ขนาดใหญ่มหึมาแห่งหนึ่ง
หลังจากที่จ้านอู๋มิ่งค้นพบกล้วยไม้จิติญญาสีม่วงแล้ว ยังเลือกเอาสมุนไพรโอสถจิติญญาที่ซ่อนเร้นอยู่อีกหลายต้น แล้วจึงเตรียมตัวจากไป
เหยียนชิงชิงโกรธกริ้วแล้ว ตนอุตส่าห์วางแผนมาเนิ่นนานมาก และคิดว่าแผนสมบูรณ์จนไร้ช่องโหว่ ในที่สุดจ้านอู๋มิ่งก็มาแล้ว แต่กลับทำให้ไอ้หนูนี่ประสบโชคดี ได้ลาภก้อนโต นางมิได้มาเพื่อช่วยให้จ้านอู๋มิ่งร่ำรวย นางมาที่นี่เพื่อปลิดชีวิตน้อยๆ ของจ้านอู๋มิ่งต่างหากเล่า!
เวลานี้ จ้านอู๋มิ่งยังคิดว่าสัตว์อสูรในมหาสมุทรต่างถูกชักนำโดยสมบัติวิเศษจิติญญาธรรมชาติเสียอีก เมื่อมาถึงที่นี่ก็เจอกล้วยไม้จิติญญาสีม่วงจริงๆ จ้านอู๋มิ่งรู้สึกว่าจมูกของสัตว์อสูรในน่านน้ำมหาสมุทรช่างว่องไวจริงๆ ขนาดห่างไกลถึงเพียงนี้ก็ยังถูกกล้วยไม้จิติญญาสีม่วงชักนำมา
เดิมเขาคาดว่า กล้วยไม้จิติญญาสีม่วงนี้จะต้องมีสัตว์ร้ายคอยพิทักษ์ เพียงแต่เกาะแห่งนี้ถูกผู้อื่นค้นหามารอบหนึ่งก่อนแล้ว เป็ไปได้อย่างยิ่งว่าอาจมีการต่อสู้ชุลมุนเกิดขึ้นระหว่างการล่าขุมทรัพย์ และสัตว์ร้ายที่คอยปกป้องได้ถูกสังหารไปแล้ว แต่ผู้ที่ฆ่าสัตว์อสูรกลับไม่ได้ค้นพบกล้วยไม้จิติญญาสีม่วง สุดท้ายจึงทำให้จ้านอู๋มิ่งได้รับมาอย่างง่ายดาย
จ้านอู๋มิ่งที่เก็บได้ของล้ำค่ามาอย่างง่ายดาย ย่อมยิ้มแย้มหน้าระรื่น แต่เหยียนชิงชิงที่้าฆ่าคนกลับกลายเป็ช่วยเหลือ ทำให้ผู้อื่นได้ลาภก้อนใหญ่โกรธเคืองจนสีหน้ากลายเป็สีเขียวไปแล้ว เห็นชัดว่าหลุมพรางไร้ประโยชน์แล้ว ผู้อื่นกำลังเตรียมออกเดินทางจากอีกฟากหนึ่งของเกาะแล้ว เหยียนชิงชิงได้แต่ต้องตามไปให้ทัน นางไม่้าปล่อยให้จ้านอู๋มิ่งจากไปเช่นนี้ ตอนนี้นางมิเพียง้าฆ่าจ้านอู๋มิ่งเท่านั้นแล้ว นางยังหมายตากล้วยไม้จิติญญาสีม่วงและหมูล่าขุมทรัพย์ในมือจ้านอู๋มิ่งอีกด้วย
หมูล่าขุมทรัพย์เป็สิ่งที่ประเสริฐนัก ถึงแม้พลังต่อสู้มันจะอ่อนแอยิ่งนัก แต่การเสาะแสวงหาขุมทรัพย์สมบัติวิเศษและโอสถจิติญญาใต้หล้ากลับไร้ผู้เทียบเทียม บรรดาศิษย์สำนักนิกายต่างๆ ล้วนพากันขึ้นมาค้นหาทั่วทั้งเกาะแห่งนี้หลายคณะแล้ว ก็มิได้พบกล้วยไม้จิติญญาสีม่วงต้นนี้ หมูล่าขุมทรัพย์ตัวนี้พอขึ้นมา ก็วิ่งตะบึงมุ่งหน้าไปทางกล้วยไม้จิติญญาสีม่วงทันที
จ้านอู๋มิ่งกำลังเตรียมจะออกจากเกาะ ทันใดก็รู้สึกถึงพลังปราณผันผวนทางด้านหลัง หันกลับไปดู คนกลุ่มหนึ่งกำลังวิ่งตรงเข้ามาหาเขา จากการแต่งตัวดูเหมือนจะเป็ศิษย์ของสำนักเบญจพิษ สตรีผู้นำหน้ามามีใบหน้างดงามปานดอกท้อ คิ้วสวยดุจจันทร์เสี้ยว ดวงตาเยือกเย็นดั่งดวงดารา ริมฝีปากเช่นกลีบดอกไม้ดูบอบบางหยดย้อย ผิวกายขาวเนียนกว่าหิมะ รูปร่างสูงเพรียวสมส่วน ทรวงอกเชิดขึ้นอย่างโอ้อวด เส้นโค้งส่วนเว้าสวยงามดุจสลักเสลา แต่สีหน้าเ็าราวกับูเาน้ำแข็งก็มิปาน เสื้อผ้าอาภรณ์ประดับเต็มด้วยขนนก ทำให้รูปลักษณ์ของนางเปี่ยมด้วยความน่ารักอันแปลกใหม่
จ้านอู๋มิ่งตะลึงอยู่พักหนึ่ง กลืนน้ำลายลงคอ คำนึงในใจ เป็หญิงสาวที่งดงามยิ่งนัก แต่ว่าเขามิได้ปัญญาอ่อนถึงขั้นมิรู้สึกถึงความเป็ศัตรูของฝ่ายตรงข้าม จ้านอู๋มิ่งมิเข้าใจอยู่บ้าง ตนมิเคยทำให้คนของสำนักเบญจพิษเดือดร้อนมาก่อน ถึงแม้เขาจะ้าปล้นชิงแหวนจักรวาลของศิษย์สำนักเบญจพิษเช่นกัน แต่ว่าเขาไม่ค่อยรู้สึกสนใจนักกับผงพิษและหนอนแมลงพิษประเภทนั้น
ลูกศิษย์ของสำนักเบญจพิษไล่ตามตนมาอย่างขู่เข็ญคุกคาม เกิดเื่ใดขึ้น? แค่จำนวนไม่กี่คนเท่านี้ จ้านอู๋มิ่งยังมิเห็นอยู่ในสายตา เขาฆ่าเวลาโดยการจัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และยังถือโอกาสหวีผมให้เป็ระเบียบ หวังให้ดูดีคราหนึ่ง
เมื่อศิษย์ทั้งห้าของสำนักเบญจพิษมาถึงเบื้องหน้าจ้านอู๋มิ่ง ต้องมองอย่างประหลาดใจเมื่อจ้านอู๋มิ่งหยิบกระจกทองเหลืองขนาดเล็กออกมาบานหนึ่ง กำลังส่องดูใบหน้าขาวๆ ของตนเองอย่างไร้ยางอาย ศิษย์หลายคนของสำนักเบญจพิษพากันพูดไม่ออกแล้วจริงๆ นี่มันคนเช่นไรกันนะ? เห็นชัดว่าถูกศัตรูตามล่าอยู่ มิเพียงแต่ไม่วิ่งหนี ยังส่องกระจกแต่งตัวอยู่ในที่นี้อีก
“เ้าก็คือจ้านอู๋มิ่ง?” เสียงของสาวงามแสนเ็าช่างนุ่มนวลน่าฟังยิ่งนัก คล้ายดั่งมีลิ้นเล็กๆ กำลังเลียหัวใจของจ้านอู๋มิ่ง ฟังจนเขารู้สึกจั๊กจี้ในหัวใจ
จ้านอู๋มิ่งรีบเก็บกระจกทองเหลืองบานเล็กๆ ขึ้น เปลี่ยนเป็ใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส ตอบอย่างเ้าชู้เสเพลว่า “พี่สาวคนสวยท่านนี้ ขอบังอาจถามนามอันสูงส่ง? ปีนี้อายุอานามเท่าใดแล้ว? และออกเรือนมีครอบครัวหรือยัง?”
สีหน้าศิษย์หลายคนของสำนักเบญจพิษแปรเปลี่ยน สายตาอันอุกอาจของจ้านอู๋มิ่ง เหมือนเช่นกำลังมองร่างอันเปลือยเปล่าของคนผู้หนึ่งก็มิปาน กำลังชื่นชม มองดูธิดาเทพในดวงใจของพวกเขา
“เหยียนชิงชิง!” สายตาหญิงสาวผู้สง่างามฉายประกายเสียดสีขึ้นวูบหนึ่ง ตอบอย่างเฉยชาคำหนึ่ง สายตาเช่นนี้ของจ้านอู๋มิ่งนางเคยชินแล้ว มิแปลกใจแต่อย่างไร คนประเภทนี้ส่วนใหญ่ล้วนเสียชีวิตหมดสิ้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็กลายเป็คนตาบอดแล้ว
“เหยียนชิงชิง นามนี้ช่างไพเราะน่าฟังจริงๆ…อะไรนะ? เ้านามเหยียนชิงชิง? เ้าก็คือเหยียนชิงชิง ราชันพิษผู้นั้นหรือ?” พลันจ้านอู๋มิ่งรู้สึกขนลุกชูชัน เขาตระหนักถึงวิกฤตที่เกิดขึ้นตรงหน้า รีบก้าวถอยหลังหลายวาอย่างรวดเร็ว ครุ่นคิดในใจ ที่แท้คือราชันพิษนั่นเอง มิแปลกที่้าติดตามไล่ล่าตน คิดดูแล้วศิษย์คนอื่นๆ ของสำนักเบญจพิษก็คงมิมีกำลังขวัญความกล้าเช่นนี้ แต่ได้รับการยืนยันจากคำพูดของราชันสัตว์ร้ายแล้ว สิบราชันรู้สึกไม่เป็มิตรกับตนอย่างยิ่ง
“บังอาจเสียมารยาทกับธิดาเทพ ไอ้หนู เ้าตายแน่นอนแล้ว!” ชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยลวดลายผู้หนึ่งด้านหลังเหยียนชิงชิงะโอย่างโกรธเคือง
“ว้าว มิใช่ธิดาพิษหรอกหรือ? ไฉนกลายเป็ธิดาเทพไปแล้วล่ะ?” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะเสียงเ็า ทราบศักดิ์ฐานะของอีกฝ่ายแล้ว เขาเกิดความระมัดระวังขึ้นในใจบ้างแล้ว
สตรีผู้นี้ถูกขนานนามเป็ราชันพิษ ย่อมมิจัดการง่ายดายอย่างเด็ดขาด ตอนที่เผชิญหน้ากับราชันสัตว์ร้าย หากมิใช่เขายึดครองชัยภูมิที่เป็ข้อได้เปรียบ ใช้ประโยชน์จากน้ำในทะเลสาบ ทำให้วิฬาร์นรกานต์จมน้ำตาย หากเขามิได้ยุยงให้พยัคฆ์ดำนรกานต์ทรยศล่วงหน้าก่อนแล้ว เกรงว่าการต่อสู้ครั้งนั้นคงยากลำบากแสนเข็ญ
ดังนั้น เผชิญหน้ากับราชันพิษ เหยียนชิงชิงที่ชื่อเสียงเทียบเท่าราชันสัตว์ร้าย เฉวียนหรูเซิน เขามิอาจชะล่าใจอย่างเด็ดขาด แต่ว่าเขาก็ไม่หวาดหวั่นเช่นกัน ต่อให้สิบราชันไม่มาหาเขา เขาก็ต้องไปหาสิบราชันเช่นกัน เขา้าจะลองดูว่าหากสิบราชันถูกตนจัดการสังหารจนหมดสิ้น ชายชราผู้นั้นจะออกมาหรือไม่
“เ้ารนหาที่ตาย!” ศิษย์ของสำนักเบญจพิษโกรธจัด การดูิ่ธิดาเทพก็คือการเหยียดหยามสำนักเบญจพิษ
“ว้าว พวกเ้าเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว ถึงกับใช้พิษชนิดนี้ นี่คือผงชีพสะบั้น ว้าว ยังมีพิษงูสายโซ่แดงเื ผงหอมเก้าสะบั้น อุทกฟ้าโง่งม ผงิญญาสลาย…” จ้านอู๋มิ่งใช้ท่าร่างล่าถอย ตำแหน่งที่เขายืนเมื่อครู่นี้ ประกายไฟหลากสีสันหลายสิบแห่งะเิออก กลายเป็ละอองหมอกประหลาด
ปากจ้านอู๋มิ่งเรียกออกมาทีละชื่อ เหยียนชิงชิงและศิษย์ของสำนักเบญจพิษฟังจนปากอ้าตาค้าง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กลับพูดไม่ผิดแม้แต่ชื่อเดียว
พิษร้ายของสำนักเบญจพิษถึงแม้ข้างนอกจะมีคนมิน้อยที่รู้จัก แต่พิษที่ลูกศิษย์แต่ละคนผสมปรุงออกมามีอยู่อย่างหลากหลาย จึงมีชื่อที่มิสามารถรู้จักได้ทั้งหมด ยังมีวัตถุพิษส่วนหนึ่งเป็ความลับภายในของสำนัก คนนอกมิสามารถทราบได้อย่างเด็ดขาด ชั่งขณะเมื่อครู่ที่จ้านอู๋มิ่งพูดออกมา ถึงกับมิมีผิดพลาดแม้แต่ชื่อเดียว เท่าที่ดูแล้ว จ้านอู๋มิ่งมีความเข้าใจเื่วัตถุพิษเป็อย่างดีทีเดียว
ขณะจ้านอู๋มิ่งใช้ท่าร่างล่าถอย เขาโบกมือคราหนึ่ง พลันกลางอากาศเกิดพายุโหมกระหน่ำขึ้น ละอองหมอกพิษเพิ่งก่อตัว ก็ถูกพายุโหมพัดย้อนกลับไปทางสำนักเบญจพิษ แต่ท่ามกลางพายุที่โหมพัด ยังมีเงาดำเล็กๆ น้อยๆ ตกลงเบื้องหน้าจ้านอู๋มิ่งอย่างดื้อรั้น
“ข้ามิได้รู้สึกสนใจหนอนแมลงเล็กๆ ชนิดนี้เลยจริงๆ ขอถามพวกเ้ามีประเภทงูพวกนั้นหรือไม่ อย่างน้อยก็ยังสามารถทำน้ำแกงงูได้สักหม้อหนึ่ง!” จ้านอู๋มิ่งคว้าจับที่เบื้องหน้าเบาๆ ไม่กี่ครั้ง ยามที่กางนิ้วมือทั้งห้าออก กลางฝ่ามือมีแมงป่องและตะขาบร่วงหล่นลงมาหลายตัว หัวเราะขึ้นอย่างหยิ่งผยอง พร้อมสะบัดตบมือไปมาเบาๆ พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ผ่อนคลาย
คำพูดของจ้านอู๋มิ่งแทบจะทำให้ศิษย์สำนักเบญจพิษบันดาลโทสะจนแทบคลั่งไปแล้ว อันใดเรียกว่ามีของจำพวกงูหรือไม่ ยังสามารถปรุงเป็น้ำแกงงูได้หม้อหนึ่งอีก? สัตว์พิษของสำนักเบญจพิษเป็สิ่งที่นำมาปรุงน้ำแกงดื่มได้เช่นนั้นหรือ? ท่ามกลางคำพูดที่ดูิ่เหยียดหยามของจ้านอู๋มิ่ง พวกเขารู้สึกว่าในสายตาของฝ่ายตรงข้าม ตนเองเหมือนกับเป็ตัวตลกผู้หนึ่ง
ใบหน้าของเหยียนชิงชิงปรากฏความประหลาดใจขึ้นมา พูดเสียงเบาๆ ว่า “หัตถ์จับหนอนพันผันแปร!”
“ที่แท้ยังมีชื่อที่ไพเราะน่าฟังเช่นนี้ด้วย ข้าเพียงแต่เกลียดแมลงวันั้แ่เด็ก มิมีเื่ใดให้ทำจึงลองใช้มาจับแมลงวันดู ที่แท้เรียกว่าหัตถ์จับหนอนพันผันแปรหรอกหรือ” จ้านอู๋มิ่งหัวเราะแล้ว แววตาฉายประกายเย็นะเืวูบหนึ่ง
สำหรับหลายตนนี้ เขาเกิดสำนึกการฆ่าฟันแล้ว เขาไม่มีความคิดที่จะเป็ศัตรูของทุกสำนักนิกาย แต่เขาไม่เคยเกรงกลัวการสร้างปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันมาหาเื่ถึงบนศีรษะตนเอง เช่นนั้นก็มิมีสิ่งใดจะต้องพูดอีก
“พวกเ้าก็น่ารำคาญเฉกเช่นแมลงวัน แน่นอนล่ะ ยกเว้นสาวงาม ข้าชื่นชอบสาวงาม ข้ายังขาดสาวใช้คอยอุ่นเตียงให้สักคน…” สีหน้าจ้านอู๋มิ่งมองเหยียนชิงชิงอย่างนึกสนุก ดูขี้เล่นหยอกเย้ายิ่งนัก ขณะเดียวกันเขาชี้นิ้วไปที่คนของสำนักเบญจพิษแล้วส่ายไปมา ยักๆ ไหล่ตนเอง
เหยียนชิงชิงโกรธจัด โบกมือคราหนึ่ง ละอองหมอกพิษที่ถูกพายุโหมพัดก็ถูกกลืนกินหายไปทันที หายไปหมดสิ้นอย่างไร้ร่องรอย จ้านอู๋มิ่งเห็นละอองหมอกสีเขียวอ่อนลอยขึ้นมาเหนือมหาสมุทรในรัศมีหลายร้อยวา กลิ่นหอมจางๆ ชนิดหนึ่งพุ่งเข้าจมูกจ้านอู๋มิ่ง ให้ความรู้สึกราวกับกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสาวบริสุทธิ์ ทั้งสดชื่นและน่ารื่นรมย์
จ้านอู๋มิ่งหัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล เบื้องหน้าราวกับมีสาวงามเปลือยกายจำนวนมากมายนับมิถ้วน เต้นรำอย่างมีจังหวะและสง่างาม เสียงพร่ำเพ้อครวญครางอย่างสุขสมด้วยรสสวาทแว่วดังขึ้นภายในส่วนลึกของหัวใจเป็ระยะๆ…