เซี่ยเฉินเฟิงที่เดิมทีเอาผ้าห่มคลุมหน้าอย่างรู้สึกผิด แต่พอได้ยินพี่สาวพูดเช่นนี้ พลันยื่นหน้าออกมาพร้อมกับเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “พี่ครับ ผมผิดเอง ต่อไปจะไม่กินเยอะแบบนี้อีกแล้ว”
เซี่ยโม่พูดปลอบ “เอาละ ครั้งนี้ก็จำเอาไว้เป็บทเรียน เดี๋ยวพี่จะไปล้างมือแล้วไปซื้อข้าวที่โรงอาหาร ถ้ามีโจ๊กพี่จะซื้อกลับมาฝาก เราจะได้กินบำรุงกระเพาะ”
ผ่านไปสิบนาทีเซี่ยโม่กลับมาพร้อมกับโจ๊กหนึ่งถ้วย ปิ่ง[1]สามสี่แผ่น และกับข้าวอีกหนึ่งอย่าง
ั้แ่เซี่ยโม่ไปซื้อของกินจากโรงอาหารแล้วกลับมาที่ห้องพัก สายตาของเซี่ยเฉินเฟิงก็เอาแต่จับจ้องแผ่นปิ่งทอด เขาอยากกินเหลือเกิน
เซี่ยโม่มีหรือจะไม่เห็นสายตาของน้องชาย
แต่เื่ก่อนหน้านี้เป็บทเรียนให้อย่างดี เธอจะใจอ่อนไม่ได้ เซี่ยโม่แกล้งทำเป็มองไม่เห็น แบ่งโจ๊กครึ่งหนึ่งให้น้องชาย
ขณะกำลังงับเข้าปาก เธอรับรู้ได้ถึงสายตาแห่งความคาดหวังที่น้องชายส่งมา ทำให้ใจเธอเริ่มลังเล
เหล่าจ้าวเห็นปฏิกิริยาของสองพี่น้องก็แอบหัวเราะในใจ เด็กสาวกินเสียคำใหญ่เหมือนจะยั่วน้ำลายให้คนน้องยิ่งอยากกินมากกว่าเดิม
ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว บิเป็ชิ้นเล็กแล้วส่งให้น้องชาย
“เฉินเฟิง อยากชิมไหม”
เซี่ยเฉินเฟิงตัวน้อยยิ้มกว้างอย่างดีใจ “ขอบคุณครับพี่”
เซี่ยเฉินเฟิงกินอย่างเอร็ดอร่อย “พี่ครับ ปิ่งอร่อยจัง พรุ่งนี้ผมก็อยากกินอีก พี่ซื้อให้ผมได้ไหม”
ตอนน้องชายอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยคงไม่เคยได้กินอิ่มท้อง และคงไม่เคยได้กินขนมที่เด็กในวัยเดียวกันกิน นั่นทำให้เธอเริ่มใจอ่อน
เธอพยักหน้า “ถ้าพรุ่งนี้เรารู้สึกดีขึ้น พี่สัญญาว่าจะซื้อให้”
“พี่ใจดีที่สุดเลย!” เซี่ยเฉินเฟิงพูดประจบ
หลังจากกินข้าวเสร็จ เซี่ยโม่สอนบทกวีที่มีชื่อเสียงในสมัยราชวงศ์ถังให้แก่น้องชาย หลังจากท่องจำได้เด็กชายก็นอนหลับไป
จากนั้นเธอเอาหนังสือการแพทย์เก่าๆ สองเล่มเข้าไปเก็บในโกดังสินค้า
เหล่าจ้าวดูเวลา พอเห็นว่าบ่ายมากแล้วจึงพูดขึ้นมา “ฉันกลับบ้านก่อนนะ พรุ่งนี้ฉันค่อยมาใหม่”
เซี่ยโม่เดินออกไปส่ง ก่อนชายชราจะกลับเธอคว้าชายแขนเสื้อเอาไว้แล้วเอ่ยถาม “อาจารย์ อาจารย์บอกได้ไหมคะว่าหนังสือการแพทย์สองเล่มนั้นมีที่มายังไง”
ชายชราเอ่ยถามด้วยเสียงไม่ดังนัก “โม่โม่ เรารู้จักสารานุกรมยาของหลี่สือเจินไหม”
เธอพยักหน้า
“สารานุกรมยาของหลี่สือเจินถูกพิมพ์เป็หนังสือสี่ครั้ง สามครั้งหลังเรียกว่า เจียงซีเปิน เฉียนเปิน และจางเปิน ส่วนสองเล่มนี้คือฉบับที่ตีพิมพ์ครั้งแรก เรียกว่าจินหลิงเปิน หาได้ยากมาก ในเล่มจะมีคำอธิบายซึ่งฉบับที่ตีพิมพ์สามครั้งหลังไม่มี เธอว่ามันมีค่าไหมล่ะ”
พอได้ฟังก็รู้ได้ทันทีว่าหนังสือสองเล่มนี้มีค่ามากแค่ไหน
“อาจารย์ งั้นหนังสือสองเล่มนี้ฉันให้อาจารย์ค่ะ ว่างๆ อาจารย์ค่อยอ่านแล้วค่อยเอามาสอนฉันนะคะ”
เหล่าจ้าวตาโต มองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง เด็กสาวโง่หรืออย่างไร เพิ่งบอกอยู่หยกๆ ว่าตำราสองเล่มนี้คือของล้ำค่า แต่เด็กสาวกลับบอกว่าจะยกให้เขาเสียอย่างนั้น
“โม่โม่ ตำราสองเล่มนี้มีค่ามาก ฉันอายุเยอะแล้ว จะเก็บไว้ได้อีกสักกี่ปี เธอแค่ให้ฉันยืมอ่านก็พอแล้ว” เหล่าจ้าวส่ายหน้า
“ก็ได้ค่ะ อาจารย์กลับไปที่หมู่บ้านบ่อยๆ งั้นเก็บไว้ที่อาจารย์ก็แล้วกัน” เด็กสาวพูดอย่างไม่ใส่ใจ
“เธอนี่นะ วันหลังอย่าใจกว้างกับคนอื่นเขาไปทั่วแบบนี้รู้ไหม คนอื่นเขาจะได้ไม่คิดว่าเธอเป็คนที่เอาเปรียบได้ง่ายๆ”
“ทราบแล้วค่ะ!”
เธอไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบได้ง่ายๆ อยู่แล้ว เธอไม่ได้โง่สักหน่อย หลังจากมองส่งอาจารย์จนลับสายตา เซี่ยโม่ก็กลับเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย
ขณะที่กำลังจะกลับเข้าห้องพัก เธอเห็นหญิงวัยกลางคนรูปร่างอ้วนท้วมกำลังวิ่งพุ่งเข้ามาหา แม้ไฟตรงทางเดินจะไม่สว่างมาก แต่เธอก็จำได้ทันทีว่านั่นคือหวางเมิ่งเมิ่ง
เซี่ยโม่เบี่ยงหลบ อีกฝ่ายที่วิ่งมาอย่างเร็วหยุดไม่ทันจึงชนเข้ากับกำแพงอย่างจัง ก่อนจะร่วงลงไปนอนกองกับพื้น
อีกฝ่ายไม่ยอมลุก ยังคงนั่งอยู่กับพื้นพร้ะโกนโวยวาย “ฉันไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว เธอรังแกกันเกินไปแล้ว…”
เวลานี้ผู้ป่วยต่างนอนพักกันหมดแล้ว มีแค่ผู้ป่วยไม่กี่คนเท่านั้นที่ยังตื่นอยู่ ทางเดินจึงเงียบเชียบเป็พิเศษ
เสียงของหวางเมิ่งเมิ่งดังไม่ใช่น้อย ปลุกผู้ป่วยทุกคนให้ตื่นขึ้น
พยาบาลและหมอที่เข้าเวรได้ยินเสียงโวยวายก็กรูเข้ามาด้วยความไม่พอใจ
“ที่นี่คือโรงพยาบาล ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาโวยวายได้นะ!”
“ไปไหนก็ไป เสียงดังจนลูกชายฉันตื่นแล้ว!”
“เป็อะไรเนี่ย โวยวายอะไร ใครก็ได้แจ้งตำรวจที!”
แม้หวางเมิ่งเมิ่งจะรู้ตัวว่าได้ล่วงเกินคนหลายคนเข้าแล้ว กระนั้นก็ไม่สนใจ ยังคงจ้องมองเซี่ยโม่ด้วยแววตาโกรธแค้น
“เป็เพราะเธอคนเดียว ผู้ชายในตระกูลฉันหลายคนเลยต้องมาถูกตำรวจจับเข้าคุก ฉันจะเอาชีวิตเธอ…”
ขนาดของโรงพยาบาลไม่ได้ใหญ่โตมาก มีเื่อะไรเกิดขึ้นจึงรู้กันไปทั่วทั้งโรงพยาบาล
ยิ่งเมื่อเช้าเกิดเื่ใหญ่ขนาดนั้น อีกทั้งตอนบ่ายยังมีตำรวจมาตรวจสอบเื่นี้อีก ใครบ้างในโรงพยาบาลที่จะไม่รู้ข่าว
“เอ๋ นี่ไม่ใช่คนที่โยนหม้อโจ๊กของเด็กสาวคนนี้ทิ้งลงพื้นหรอกเหรอ มาโวยวายอย่างไม่ได้รับความเป็ธรรมอะไรตรงนี้เนี่ย” ใครคนหนึ่งที่จำหวางเมิ่งเมิ่งได้เอ่ยทัก
“พวกคุณคงไม่รู้ใช่ไหม เมื่อตอนบ่ายมีตำรวจมาตรวจสอบเื่นี้ เธอให้พี่น้องผู้ชายของเธอสามสี่คนไปไล่ทำร้ายเด็กสาวคนนี้นอกโรงพยาบาล แล้วก็ถูกตำรวจจับได้” ใครอีกคนช่วยขยายความ
ผู้าุโที่เฝ้าไข้ห้องเดียวกับเซี่ยโม่เอ่ยว่า “เมื่อเช้าตอนที่หมอจะมาดูอาการคนป่วย พี่น้องผู้ชายสามสี่คนของเธอก็เข้ามาในห้องจะทำร้ายเด็กสาวคนนี้ โชคดีที่พยาบาลกับหมอเข้ามาห้ามได้ทัน”
“เื่เล็กน้อยแค่นี้แต่ทำให้เป็เื่ใหญ่ ตัวเองเป็คนหาเื่ใส่ตัวแท้ๆ” ใครอีกคนพูดพลางถอนหายใจ
หวางเมิ่งเมิ่งมองทุกคนที่เอาแต่ชี้หน้าด่าทอเธอ ไม่มีใครช่วยพูดให้เธอเลยสักคน
เธอยกมือที่มีผ้าพันแผลพันไว้ขึ้นมา พร้อมกับพูดอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ “นี่ ดู ที่มือฉันเป็แบบนี้ก็เพราะนังเด็กนี่ รังแกกันเกินไปแล้ว…ฮือๆ…”
“ใครเป็ฝ่ายรังแกใครกันแน่ คุณตั้งใจโยนหม้อโจ๊กของฉันลงพื้น ฉันไม่ให้คุณชดใช้ก็ดีเท่าไรแล้ว แค่ถีบคุณเป็การเอาคืน แค่นี้ถือว่าฉันทำเกินไปงั้นเหรอ” เซี่ยโม่พูดอย่างเจ็บใจ
“ไม่เกินไป!” เด็กสาวฟันขาวที่เธอเคยเจอในห้องกรอกน้ำเอ่ยขึ้นมา
เซี่ยโม่พูดต่อด้วยความไม่พอใจ “คุณส่งผู้ชายสี่คนไปทำร้ายฉันตอนฉันออกไปข้างนอก ฉันกลัวก็เลยวิ่งไปที่สถานีตำรวจ หลังจากนั้นตำรวจจะทำยังไงเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ทุกคนลองคิดดูว่าใครเป็ฝ่ายรังแกใครกันแน่”
“ทำแบบนี้มันเกินไปแล้ว ให้ผู้ชายสี่คนไปรังแกเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่ง แล้วยังมีหน้ามาโวยวายว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็ธรรมอีก ทั้งที่ตัวเองเป็คนรังแกเขาก่อนแท้ๆ”
หวางเมิ่งเมิ่งที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้นร้องไห้หนักยิ่งกว่าเดิม ต่อมาสีหน้าท่าทางก็เปลี่ยนเป็จนปัญญาดูน่าสงสาร
“ผู้ชายสี่คนในบ้านฉันถูกตำรวจจับ แม่สามียังจะให้สามีหย่ากับฉันอีก ที่ฉันต้องเป็แบบนี้ไม่ใช่เพราะนั่งเด็กนี่เหรอ”
มุมปากเซี่ยโม่กระตุกเป็รอยยิ้มเ็า “ฉันทำอะไรผิด ที่แม่สามีอยากให้สามีหย่ากับคุณก็เพราะคุณหาเื่ใส่ตัว คุณมาโวยวายกับฉันมันจะได้ประโยชน์อะไร”
“ก็ได้ ทั้งหมดเป็ความผิดฉันเอง งั้นฉันขอร้องเธอ ช่วยพูดกับตำรวจให้หน่อยได้ไหมว่าให้ปล่อยพี่น้องของฉันไป” หวางเมิ่งเมิ่งพูดขอร้องเสียงอ่อน
ก่อนหน้านี้ทำเป็โวยวาย พอไม่ได้ผลก็เปลี่ยนมาทำตัวน่าสงสาร อยากให้เธอช่วยงั้นหรือ ฝันไปเถอะ
“พี่น้องผู้ชายของคุณไล่ตามจะทำร้ายฉันตอนกลางวันแสกๆ ทำแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมาย แต่คุณกลับมาขอร้องฉันที่เป็ผู้เสียหาย คุณขอร้องผิดคนแล้ว”
“ไปขอร้องกับตำรวจสิ เด็กสาวถูกทำร้ายถึงขนาดนี้ยังมีหน้ามาขอให้เธอไม่เอาความอีก” ใครคนหนึ่งสำทับ
ทุกคนพยักหน้าหงึกหงักอย่างเห็นด้วย
“ขอบคุณทุกคนมากค่ะที่ช่วยพูดให้ฉัน ผู้หญิงคนนี้นี่หน้าหนาจริงๆ” เซี่ยโม่หันไปขอบคุณทุกคนด้วยความซาบซึ้งใจ
ทุกคนพากันหัวเราะ ประโยคเมื่อครู่เด็กสาวพูดได้ถูกต้อง
พยาบาลเข้าไปพยุงหวางเมิ่งเมิ่ง เพื่อพาตัวออกไป
บรรยากาศตรงทางเดินกลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง เธอถอนหายใจพลางพึมพำ “ถ้ารู้ว่าจะเป็แบบนี้ ตอนนั้นจะทำไปทำไม”
--------------------------------
[1] แพนเค้กทอดแบบจีนโบราณ หรือ ปิ่ง (饼) เป็ขนมอบหรือย่างของชาวจีน ลักษณะคล้ายขนมเปี๊ยะ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้