“หุบปาก!”
ต้วนเทียนหลางะโแล้วกล่าวอย่างเ็าว่า “ใยเ้าถึงได้เอ่ยคำไร้สาระ หลินเฟิงเ้าอย่าคิดนะว่าเป็องครักษ์ขององค์หญิงแล้วจะสามารถทำอะไรก็ได้ ในกองทัพก็มีกฎนะ”
“หุบปาก! ต้วนเทียนหลาง ข้าก็แค่มาเพื่อช่วยเมืองต้วนเริ่นและไม่เคยบอกว่าข้าจะเข้าร่วมกองทัพกับท่าน ตอนนี้ข้าได้รับมอบหมายจากองค์ชายรองให้คุ้มครององค์หญิงและข้าก็จะอยู่ที่นี่ ท่านมีสิทธิ์อะไรถึงมาสั่งข้า และข้าก็ไม่ใช่ผู้ใต้บังคับบัญชาของท่าน”
หลินเฟิงะโอย่างเกรี้ยวกราดและเผยรอยยิ้มเยือกเย็นที่มุมปาก ขณะนี้พวกเขาก็มาถึงเมืองต้วนเริ่นแล้ว ไม่ว่าต้วนเทียนหลางจะพูดอย่างไร หลินเฟิงก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเฟิง ต้วนเทียนหลางจึงหรี่ตาลงเล็กน้อยอย่างเยือกเย็น พลางคิดว่าตอนนี้หลินเฟิงอยู่ในกองทัพของเขา คิดว่าเป็องครักษ์ขององค์หญิงแล้วจะสามารถทำตามอำเภอใจได้หรือ ต้วนเทียนหลางไม่คิดเลยว่าหลินเฟิงจะกล้าปฏิเสธเขา เ้าหมอนี่ช่างหยิ่งยโสยิ่งนัก
ในขณะนั้นสายตาของเหล่าทหารต่างตกตะลึงขณะมองไปที่หลินเฟิง เ้าหมอนี่ช่างบ้าบิ่นยิ่งนัก ขนาดอยู่ในกองทัพก็ยังกล้าขัดแม่ทัพ
“ท่านลุงต้วน สิ่งที่หลินเฟิงกล่าวมาเมื่อครู่ล้วนสมเหตุสมผล ทหารยามของเมืองต้วนเริ่นเห็นว่าพวกเรามีคนจำนวนมากและยังคงทำตามกฎของพวกเขา นี่แสดงให้เห็นว่าเป็ทหารที่มีวินัยของท่านแม่ทัพเทพลูกศร จะเป็การต่อต้านได้อย่างไรกัน แล้วที่ท่านลุงได้เอ่ยเมื่อครู่นี้มันก็ไม่ค่อยเหมาะสมนัก”
ต้วนซินเยี่ยกล่าวขณะมองไปที่หลินเฟิง ทำให้ผู้คนบริเวณรอบๆ ต่างต้องตกตะลึง
ดวงตาของต้วนเทียนหลางภายใต้หมวกเหล็กตอนนี้ดูเยือกเย็นเล็กน้อย และกล่าวอย่างไม่แยแสว่า “องค์หญิง ก่อนที่จะตำหนิว่าสิ่งที่ข้ากล่าวนั้นมันเหมาะสมหรือไม่ เกรงว่าจากวาจาก้าวร้าวที่หลินเฟิงเอ่ยมาเมื่อครู่ ข้าจะต้องลงโทษเขาก่อน”
“ลงโทษข้า? ท่าน้าลงโทษข้า?”
หลินเฟิงยิ้มอย่างเยือกเย็น ในตอนนี้หลินเฟิงกระจ่างใจดีแล้ว ดูเหมือนว่าต้วนเทียนหลางและองค์ชายรองต้วนหวู่หยาจะไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกัน มิฉะนั้นเขาก็คงไม่ให้หลินเฟิงมาที่นี่ อีกทั้งต้วนหวู่หยายังจงใจบอกพวกเขาเช่นนั้นว่า หลินเฟิงสามารถแตะต้องต้วนซินเยี่ยได้เพียงคนเดียวเท่านั้น
“ไม่ฟังคำสั่งและทรยศ ถือเป็ความผิดอันใหญ่หลวง”
ต้วนเทียนหลางกล่าวอย่างเ็า
“ทรยศและไม่เชื่อฟัง?” หลินเฟิงจ้องมองต้วนเทียนหลางกลับไป “ท่านตั้งใจจะทำอะไรกับข้า?”
“ข้าไม่อยากทำให้องค์หญิงต้องเสียหน้า ดังนั้นข้าจะไม่สังหารเ้า แต่ข้าจะทำให้ชีวิตของเ้าราวกับตกอยู่ในนรกและจะขังเ้าไว้ในคุก จากนั้นข้าจะส่งเ้าไปให้ฝ่าาแล้วชะตาชีวิตของเ้าก็จะอยู่ในมือของเขา”
“ไร้สาระ”
หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส เขามองต้วนซินเยี่ยและกล่าวว่า “องค์หญิง ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากปกป้องท่าน แต่เพราะต้วนเทียนหลางไม่อยากให้ข้าทำ งั้นหลินเฟิงต้องขอลา”
หลินเฟิงควบม้าัของเขาเดินห่างออกไปพลางกล่าวว่า “ใครอยากจะมากับข้าก็ตามมา”
“ข้าอยากรู้นัก ว่าใครจะกล้าไปกับจ้า”
ต้วนเทียนหลางคลี่ยิ้มเย็น เ้าหมอนี่ช่างหน้าไม่อายเสียจริง หรือว่าอยากรนหาที่ตายกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อต้วนเทียนหลางกล่าวจบ ก็มีคนมากมายควบม้าออกไปทันที มีทั้งเมิ่งฉิง หลิ่วเฟย เวิ่นอ้าวเสวี่ย หยวนซาน ต้วนเฟิงและคนอื่นๆ แล้วยังมีเฮยม่อที่นำทหาร 32 นายที่สวมหน้ากากทองแดงตามไปด้วย สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ต้วนเทียนหลางต้องตกตะลึง เขาไม่คิดว่าหลินเฟิงจะมีมิตรสหายมากมายเช่นนี้
“องค์หญิง มันไม่ใช่เพราะข้าไม่อยากปกป้องท่าน แต่เป็เพราะต้วนเทียนหลางใช้อำนาจส่วนรวมเพื่อแก้แค้นข้า ถ้าอย่างไรโปรดดูแลตัวเองด้วย”
เมื่อหลินเฟิงกล่าวจบก็ควบม้าัออกไปทันที คาดไม่ถึงว่าเขาจะมุ่งไปที่ประตูเมืองด้วยความรวดเร็ว
คนอื่นๆ ต่างติดตามหลินเฟิง ทำให้ฝูงชนด้านหลังต่างหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ยิง!!!”
ต้วนเทียนหลางะโอย่างเ็า ทันใดนั้นทหารสองนายที่อยู่ด้านหลังก็นำลูกธนูและใส่เข้าไปในคันธนู
หลินเฟิงประหลาดใจอยู่เพียงครู่ จากนั้นกลิ่นอายอันเยือกเย็นได้ถูกปลดปล่อยออกมาขณะที่เขาก็ยังคงควบม้าไปข้างหน้า หลินเฟิงอยู่ในสภาพพร้อมต่อสู้แล้ว
“หยุดได้แล้ว!”
ในขณะนั้นได้มีเสียงเกรี้ยวกราดดังออกมา ซึ่งคาดไม่ถึงว่าเ้าของเสียงดังกล่าวจะเป็ต้วนซินเยี่ย
“องค์หญิง นี่คือคำสั่ง หากพวกเขาไม่ฟังคำสั่งก็จะต้องตาย”
ต้วนเทียนหลางกล่าวอย่างเ็าขณะจ้องต้วนซินเยี่ยเขม็ง
เมื่อออกจากเมืองหลวง ต้วนเทียนหลางได้ละเลยคำสั่งของต้วนหวู่หยา เขา้าสังหารหลินเฟิงและสหายของเขา
‘เทียนหลางอ๋องช่างกล้าหาญยิ่งนัก’ ฝูงชนคิด เยว่เทียนเฉินและคนอื่นๆ กลับกำลังยิ้ม นั่นสิ่งที่พวกเขาไม่กล้าทำ แต่คาดไม่ถึงว่าต้วนเทียนหลางจะทำแทนพวกเขา
“คำสั่งงั้นเหรอ?” ต้วนซินเยี่ยกล่าว นางดูเ็าอย่างมาก นางไม่คิดว่าต้วนเทียนหลางจะกล้าทำเช่นนั้น
“วันนี้ใครก็ตามที่ยิงลูกศรออกไป ข้าต้วนซินเยี่ยจะสังหารคนผู้นั้น ดูสิว่าต้วนเทียนหลางจะกล้ามาช่วยพวกเ้าและหยุดยั้งข้าหรือไม่”
น้ำเสียงเ็าได้ออกมาจากปากของต้วนซินเยี่ย ทำให้เหล่าทหารต้องรู้สึกลำบากใจ
ใช่แล้ว ถ้าหากต้วนซินเยี่ย้าสังหารพวกเขา แม้พวกเขาก็สามารถต่อสู้ได้ แต่กลับไม่กล้าต่อสู้ เพราะหากพวกเขาทำร้ายต้วนซินเยี่ยล่ะก็ เชื่อว่าต้วนเทียนหลางจะสังหารพวกเขาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ต้วนซินเยี่ยและหลินเฟิงนั้นแตกต่างกัน ต้วนซินเยี่ยเป็ถึงองค์หญิงและมีสถานะที่สูงศักดิ์ ต่อให้ต้วนเทียนหลางทำตัวแข็งข้อต่อนาง เขาก็คงไม่กล้าทำให้นางได้รับอันตราย
ต้วนเทียนหลางประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าต้วนซินเยี่ยจะออกหน้าช่วยหลินเฟิงเช่นนี้
เวลาผ่านไปชั่วครู่ หลินเฟิงและสหายก็ควบม้าออกมาไกลแล้ว พวกเขาเข้าไปใกล้ประตูเมืองต้วนเริ่น ในขณะนั้นแม้จะมีลูกศรโจมตีพวกเขา แต่ไม่มีใครได้รับาเ็มากนัก
“ข้าคือหลินเฟิง ช่วยเปิดประตูให้ข้าที”
หลินเฟิงะโบอกทหารบนประตูเมือง เหล่าทหารมองเห็นใบหน้าของหลินเฟิงได้ชัดเจน ก็ยิ้มให้เขาและกล่าวว่า “เขาคือนายน้อยหลินเฟิง เปิดประตูเมือง”
“นายน้อยหลินเฟิง คุณหนูของข้าสบายดีไหม?” ทหารเฝ้าประตูะโถามลงมา ขณะนั้นหลิ่วเฟยที่อยู่ข้างๆ หลินเฟิงก็ถอดหมวกเหล็กออกเผยใบหน้างดงามของนางให้ทุกคนได้เห็น
“คุณหนูกลับมาแล้ว”
ทหารคนหนึ่งกล่าวอย่างตื่นเต้น ในขณะนั้นได้มีเสียงเอี๊ยดดังเสียดหู แล้วหลินเฟิงกับคนอื่นๆ ก็ควบม้าเข้าไปในเมือง
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เหล่าทหารที่อยู่ห่างไกลต่างมองหน้ากัน เพราะตอนที่พวกเขามาถึง แม้จะมีคำสั่งจากต้วนเทียนหลางก็ยังไม่สามารถเปิดประตูเมืองได้
แต่หลินเฟิงเอ่ยเพียงประโยคเดียวก็สามารถทำให้ทหารเปิดประตูได้
“ท่านแม่ทัพ พวกเขาหยิ่งยโสมองไม่เห็นหัวผู้อื่น ทำไมพวกเราไม่บุกไปโดยตรงเลยล่ะขอรับ?”
ทหารด้านหลังได้เสนอขึ้นมา ในหมู่พวกเขามีผู้แข็งแกร่งมากมายที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญา ประตูก็ไม่ได้สูงมากนักจึงเป็เื่ง่ายสำหรับพวกเขาที่จะะโเข้าไปทำลายประตูเมือง เมื่อถึงเวลานั้นทั้งสองฝ่ายจะต้องต่อสู้ จนฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตายไป
เทียนหลางอ๋องหันไปมองคนผู้นั้นด้วยสายตาเย็นเยือกและแหลมคม
“ข้ามาที่นี่เพื่อร่วมมือกับแม่ทัพเทพลูกศรปราบศัตรู ข้าจะจงใจหาเื่ได้อย่างไรกัน ออกไปให้พ้น”
“ขอรับท่านแม่ทัพ” เมื่อคนนั้นได้ยินต้วนเทียนหลางะโอย่างโกรธเกรี้ยว ร่างกายจึงสั่นเทาทั้งที่ยังก้มหัวอยู่ ภายในใจรู้สึกโกรธแต่กลับไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมา คนอย่างเทียนหลางอ๋องหรือจะมาช่วยปราบศัตรู? แน่นอนว่าคำพูดนี้เขาก็ได้แต่พึมพำอยู่ในใจ
“ถ่ายทอดคำสั่งออกไป ให้เหล่าทหารตั้งค่ายพักแรมที่นี่”
เทียนหลางอ๋องกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า หลังจากเทียนหลางอ๋องถ่ายทอดคำสั่งเสร็จสิ้น ทันใดนั้นเหล่าทหารต่างดูร้อนใจ เพราะภายในใจร้อนระอุไปด้วยเพลิงโทสะ
ช่างน่ารังเกียจเสียจริง พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยหลิ่วชั่งหลันปราบศัตรู แต่กลับถูกขัดขวางอยู่นอกประตูเมือง นี่มันทำให้ความรู้สึกของพวกเขาที่มีต่อหลิ่วชั่งหลันต้องสูญสิ้นไป พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเทียนหลางอ๋องถึงต้องทนเจ็บช้ำเช่นนี้
ในขณะนั้นหลินเฟิงและคนอื่นๆ ได้ก้าวเข้าสู่เมืองต้วนเริ่น แล้วเห็นว่าภายในตัวเมืองค่อนข้างสงบและไม่มีความวุ่นวายเลยแม้แต่น้อย ในเวลาเดียวกันหลิ่วชั่งหลันก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขา
“หลินเฟิง เฟยเฟย พวกเ้ามาแล้ว”
“ท่านลุงหลิ่ว” หลินเฟิงะโ แต่เขารู้สึกประหลาดใจระคนสับสน เขาจ้องมองไปที่ระยะไกล
“เสี่ยวเฟิง เ้าสงสัยไหมว่าทำไมเมืองต้วนเริ่นถึงสงบสุข? แล้วทำไมข้าถึงไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้ามาในเมือง?”
หลิ่วชั่งหลันเอ่ยราวกับเขาสามารถอ่านความคิดของหลินเฟิงได้
“ท่านลุงหลิ่ว โปรดอธิบายให้ข้าฟังที” หลินเฟิงไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด
หลิ่วชั่งหลันยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวว่า “เสี่ยวเฟิง พวกเขาจะต้องบอกพวกเ้าว่าเมืองต้วนเริ่นถูกโม่เยว่โจมตี จึง้าความช่วยเหลือด่วน ดังนั้นจึงจัดตั้งกองทัพมาเพื่อเสริมกำลังใช่ไหม?”
“หรือว่าไม่ได้เป็เช่นนั้น!” เมื่อหลินเฟิงได้ยินคำพูดของหลิ่วชั่งหลันแล้ว ม่านตาของเขาจึงหดลง ดูเหมือนว่าจู่ๆ ก็ตระหนักได้ถึงเื่บางอย่าง
หลิ่วชั่งหลันยิ้มอย่างขมขื่น แต่ในรอยยิ้มก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็น
“เมืองต้วนเริ่นสงบสุขอย่างมาก แต่ไหนแต่ไรมาไม่เคยตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย พวกเขาไม่ได้มาเพื่อช่วย แต่มาเพื่อยึดอำนาจ ตระกูลต้วนไม่สามารถทนรอได้อีกต่อไปจึงได้ให้ข้าลงมือ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้