บทที่ 196 คนบาป!?
“ควับ!”
ตามคำสั่งของฉู่เจียง เงาสีเงินสิบเงาข้ามผ่านความว่างเปล่าและพุ่งตรงมา พวกเขาทั้งหมดอยู่ในรูปลักษณ์เดียวกัน เป็นักรบที่มีใบหน้าเคร่งขรึม ไม่แสดงอาการใดๆทรงพลังและเืเย็น
กลุ่มองครักษ์เทวัญสวมหมวกและชุดเกราะ โดยมีปีกที่ทับซ้อนกันยกขึ้นบนไหล่ พวกมันเปล่งประกายด้วยแสงเย็นเยียบ และมาถึงบนเวทีในทันใด ราวกับเตาหลอมขนาดใหญ่สิบเตา ทรงพลังมากจนทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน
“แต่ก แต่ก แต่ก แต่ก”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นอย่างเรียบร้อย ทำลายพื้นดินจนแตกแยก องครักษ์เทวัญทั้งสิบเคลื่อนตัวพร้อมกันและยืนอยู่ที่ขอบเวที ล้อมรอบฉู่อวิ๋นที่อยู่ตรงกลาง แล้วยืนนิ่งรอคำสั่งต่อไป
“น่ากลัวจังเลย...” ในจัตุรัส มีนักพรตสาวบางคนปิดหน้าไม่กล้าดู
ไอสังหารที่องครักษ์เทวัญปล่อยออกมานั้นน่าตกตะลึงอย่างยิ่ง เฉพาะผู้ที่มีประสบการณ์การล้างบาปด้วยเืและเพลิงไฟ ต่อสู้ในสนามรบ และสังหารศัตรูนับไม่ถ้วนเท่านั้นจึงจะมีผลจากการข่มขู่เช่นนี้
คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นักรบะที่มือเปื้อนเืมานับไม่ถ้วน พวกเขาไม่มีความคิดเป็ของตนเอง รู้เพียงวิธีปฏิบัติตามคำสั่งเท่านั้น นี่ทำให้เ้าสำนักและผู้นำตระกูลบางคนขมวดคิ้ว
“ฉู่อวิ๋นคนนี้ ดูสถานการณ์ไม่ออกเอาเสียเลย เฮ้อ... แค่ผู้หญิงคนเดียว คุ้มหรือ?” ทุกคนถอนหายใจ รู้สึกเสียใจกับฉู่อวิ๋น และส่ายหัว
ชายหนุ่มคนหนึ่ง อายุยังน้อยแต่กลับต้องมาถูกกระทำเช่นนี้ น่าเศร้าเพียงใด?
หากเป็คนอื่น พวกเขาคงหวาดกลัวจนฉี่ราด แม้จะยืนก็ยังยืนไม่อยู่
แต่ฉู่อวิ๋นในตอนนี้ยังคงหยัดยืน สีหน้าแน่วแน่ มือกำกระบี่แน่น ลูกตาสีดำเป็ประกายสดใส ส่องแสงเจิดจ้า และทรงพลัง!
จิติญญาที่กล้าหาญเช่นนี้ มีความตั้งใจที่จะพลิกสถานการณ์ กระตุ้นกลุ่มผู้ชมทุกคนจนหัวใจสั่นไหว หายใจเร็วขึ้น จนแม้แต่ผู้แข็งแกร่งบางคนที่อ้างว่าเป็คนเด็ดขาดก็ยังอับอาย
กล้าฆ่า กล้าสู้ สังหารไม่เลือกหน้า จะน่ายกย่องได้อย่างไร?
รู้ว่าทำไม่ได้แต่ก็ยังทำ กล้าสอนสุริยาจันทร์กระจ่างให้เปลี่ยนฟ้า ทวนกระแสน้ำ! นี่ถึงจะเป็ความเืร้อนของคนรุ่นเยาว์!
“กฎตระกูล? หึ มีสิ่งใดให้ใช้ก็เอาออกมา!”
“ข้าฉู่อวิ๋น เคยหวาดกลัวสิ่งใด?!”
ฉู่อวิ๋นปักกระบี่ลงกับพื้น ดวงตาพยัคฆ์คู่หนึ่งเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ มีกลิ่นอายที่ท้าทาย์ราวกับภูผาอันกว้างใหญ่ พร้อมพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างทะเยอทะยาน!
เมื่อเห็นสิ่งนี้ แม้แต่ฉู่เจียงก็อดใจสั่นไม่ได้ และคิดกับตัวเองว่า “ถ้าเ้าคนนี้ไม่หัวแข็งและดื้อรั้นเกินไป ในอนาคตความสำเร็จของเขาจะต้องพิเศษมากเป็แน่ ทะลุ์ทะลวงดิน แม้แต่นายน้อยพวกนั้นยังเทียบไม่ติด!”
“น่าเสียดายที่แข็งกร้าวเกินไปมักแตกง่าย ถูกลิขิตให้ชีวิตไม่ยืน!”
ทันใดนั้น ฉู่เจียงก็แค่นอย่างเ็า ละสายตาจากฉู่อวิ๋นแล้วหันไปหาฉู่เจิ้นหนาน “ในฐานะผู้นำตระกูลย่อยไป๋หยาง การตัดสินความผิดของชายคนนี้ มอบให้ท่านแล้ว”
“พิจารณาถึงความร้ายแรงของโทษที่ก่อ ในนามของเชื้อสายตระกูลหลัก ให้ลงโทษนักโทษทรยศตระกูลรายนี้ตามกฎของตระกูล!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉู่เจิ้นหนานก็แสดงท่าทีเ้าเล่ห์ ฉายแววตาที่ชั่วร้ายออกมา ยิ้มเยาะครั้งแล้วครั้งเล่า และแอบถอนหายใจว่าในที่สุดเขาก็สบโอกาสที่จะลงโทษฉู่อวิ๋นแล้ว
จิ้งจอกเฒ่าพยักหน้าทันที ประสานมือเคารพแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ได้ ใต้เท้าฉู่ ผู้นำคนนี้จะจัดการความผิดของชายคนนี้โดยไม่เห็นแก่สายสัมพันธ์แน่นอน!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนก็รู้สึกเย็นเยียบ ใต้หล้ามีผู้นำตระกูลเช่นนี้อยู่ คนที่โเี้อำมหิต แทบทนไม่ไหวที่จะผลักลูกหลานตัวเองไปตาย
“อวิ๋นเอ๋อร์...อวิ๋นเอ๋อร์!!!” ฉู่ซินเหยาโศกเศร้าและดิ้นรนอยู่ตลอดเวลา อารมณ์ของนางแปรปรวนเหมือนมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ รู้ว่าฉู่เจิ้นหนานต้องฆ่าเขาแน่นอน
นางกังวลมาก หวาดกลัวและกรุ่นโกรธ กลัวว่าฉู่อวิ๋นจะถูกฆ่าตายอย่างทารุณ นี่ทรมานยิ่งกว่าการได้เห็นเขาตายด้วยตาตนเอง! เ็ปยิ่งกว่า!
“ปล่อยข้า... ปล่อยข้า!” ดวงตาคู่งามของฉู่ซินเหยาแดงก่ำและเบิกกว้าง นางดิ้นรนอย่างหนัก นี่เป็่เวลาที่น่าหวาดผวาที่สุดในชีวิตของนาง อารมณ์นางแทบแหลกสลาย
ในเวลาเดียวกัน สาวใช้ที่ควบคุมด้ายพลังปราณก็ขมวดคิ้วและพบว่าฉู่ซินเหยาควบคุมยากขึ้นเรื่อย ๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
ในจัตุรัส ทุกคนต่างตกตะลึง กระซิบกัน และพูดคุยกันถึงเื่นั้น
ชั่วขณะหนึ่ง ลานศาลเ้าเต็มไปด้วยเสียงอื้ออึง ราวกับได้มองฉู่อวิ๋นถูกทรมาน บางคนมีความสุข บางคนเศร้า บางคนถอนหายใจ และบางคนก็ยินดีกับความโชคร้ายของเขา
“เ้าคนสารเลว! จะพูดอะไรน่ะ!? คุณหนูเช่นข้าจะยิงเ้าให้ตาย!!” มู่หรงซินตื่นตระหนกและเต็มไปด้วยความโกรธ นางลุกขึ้นยืนพร้อมยกคันธนูขึ้น มู่หรงเจี๋ยใ รีบไปยับยั้งนางทันที
“ผู้มีพระคุณ—!” หลิงจื้อก็้าช่วยฉู่อวิ๋น แต่เขายังคงถูกผู้แข็งแกร่งจำนวนหนึ่งรายล้อมอยู่ ไม่สามารถผ่านไปได้ ทำได้เพียงเฝ้ามองอย่างทำอะไรไม่ได้ ทั้งโกรธและวิตก
และในขณะที่ทั้งลานตกอยู่ในความวุ่นวาย เสียงดังะเืฟ้า ฉู่เจิ้นหนานก็ยืนอย่างภาคภูมิใจที่หน้าประตูศาลเ้า
จิ้งจอกเฒ่ากระแอมในลำคอ ยิ้มอย่างเ้าเล่ห์ จากนั้นแสร้งทำเป็เคร่งขรึมและพูดเสียงดัง “ในฐานะผู้นำตระกูลฉู่เชื้อสายไป๋หยาง ข้าขอประกาศให้ทราบว่า ในตระกูลเรามีคนทรยศ นามว่า ฉู่อวิ๋น”
“แม้ว่าเขายังเยาว์วัย แต่ความผิดที่ก่อนั้นชั่วร้ายอย่างยิ่ง นั่นทำให้ข้าเ็ป นี่เป็โชคร้ายของตระกูลเรา!”
“เขาฝ่าฝืนคำสั่งของตระกูล นำสมบัติสำคัญของตระกูลออกจากเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีข้อหาว่าเขาเกี่ยวข้องกับการขโมยสุสานโบราณของตระกูล ถือว่าไร้ความสัตย์!”
“วันนี้ เขาไม่สนใจความสง่างามของชื่อเสียงตระกูล ซ้ำยังทำร้ายมัน ทำให้ผู้นำตระกูลอับอายในที่สาธารณะ ถือว่าไร้ใจกตัญญู!”
“เขาไร้ซึ่งความอดทนอดกลั้น จึงโจมตีผู้อื่นอย่างโเี้ ทำให้คุณชายชุยเสวี่ยที่พ่ายแพ้ได้รับาเ็สาหัส ใช้ประโยชน์จากสถานการณ์ทำลายขาข้างหนึ่งของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ถือว่าไร้เมตตา!”
“เขาปลอมตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แอบเข้ามาที่นี่ ทำลายงานแต่งงานของตระกูลตัวเอง กระทำการไม่สนใจกฎเกณฑ์ มีเจตนาชั่วร้ายต่อพี่สาวของตน ถือว่าไร้มโนธรรม!”
“เขาปลุกิญญายุทธ์ที่ไม่สมบูรณ์ขึ้นมา สังหารผู้คนในตระกูลของตนเอง พลังอันชั่วร้ายของเขาแข็งแกร่งมาก เขาเป็ผู้ต้องโทษในกระแสสัตว์ปีศาจของป่าสนธยา ถือว่าไร้บุญญา!”
“ลูกหลานที่ไร้ความสัตย์ ไร้ใจกตัญญู ไร้เมตตา ไร้มโนธรรม และไร้บุญญาเช่นนี้ บังอาจถามใต้เท้าฉู่ ว่าข้าควรจะจัดการกับเื่นี้อย่างไร?!”
“เวิ้ง—”
เมื่อได้ยินดังนั้น ผู้ชมทั้งหมดก็ใและถอนหายใจ
จากนั้น โลกใบเล็กแห่งนี้ก็ะเิออกอย่างสมบูรณ์ มีเสียงดัง เดือดดาล และวุ่นวายอย่างหาที่เปรียบมิได้!
“พูดแบบนี้คืออะไร? มีอะไรผิดปกติหรือ?”
“ชายคนนี้มีความผิดร้ายแรงเช่นนั้นจริงหรือ? หากความผิดทั้งสี่เกิดขึ้นพร้อมกัน ฉู่อวิ๋นจะยังมีสภาพศพสมบูรณ์อยู่หรือเปล่า?”
“นี่มันมากเกินไป… นี่เป็การผลักเด็กหนุ่มคนนั้นให้ไปตาย”
ทุกคนตกตะลึงและเต็มไปด้วยความกลัว ต่างก็ไม่คิดว่าฉู่เจิ้นหนานจะพูดคำพวกนั้นออกมาอย่างง่ายดาย ร่ายความผิดของลูกหลานของตระกูลออกมาได้อย่างลื่นไหล
แต่ในความเป็จริงแล้ว ส่วนมากที่พูดออกไป ล้วนถูกสมมุติและสร้างขึ้น
จิ้งจอกเฒ่าพูดเช่นนี้ ทุกประโยคมีพลัง และเห็นได้ชัดว่าเขา้าที่จะฆ่าฉู่อวิ๋น ไม่ให้อีกฝ่ายฟื้นขึ้นมาได้อีก ให้อีกฝ่ายตายสนิทสิ้นดี!
“ไอ้สารเลว! ไอ้สุนัขแก่สารเลว!! ไร้มนุษยธรรม! สารเลว... เ้าสุนัขเฒ่า!” บนที่นั่ง มู่หรงซินผวามาก น้ำตาไหลตลอดเวลา นางผรุสวาทออกมาไม่หยุด
ฉู่อวิ๋นแท้จริงแล้วเป็คนแบบใด มู่หรงซินรู้แจ้งอยู่แก่ใจ เพราะนางฝ่าฝันอุปสรรคกับเขามาตลอดทาง ความทรงจำยังคงฝังลึก ยังคงแจ่มชัดสดใสคล้ายยังใหม่อยู่ในใจ
“ไร้ความสัตย์ ไร้ใจกตัญญู ไร้เมตตา ไร้มโนธรรม?! เ้าพูดออกมาได้... เ้าพูดออกมาได้!!!”
“เ้า...สุนัขสารเลว... เ้า...สุนัขเฒ่าสารเลว! ฮือ…”
มู่หรงซินร้องไห้อย่างขมขื่น คำพูดไม่ปะติดปะต่อ น้ำเสียงเต็มไปด้วยเสียงสะอื้น นางเ็ปมาก ร่างกายอันบอบบางสั่นเทาอย่างรุนแรง
นางไม่อาจควบคุมอารมณ์ตนเองได้อีกต่อไป ตัวสั่น คุกเข่าลงกับพื้น ทำอะไรไม่ถูก เศร้าหมอง และทรุดโทรม...
อยุติธรรม อยุติธรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคสมัย!
และเมื่อผู้ชมในจัตุรัสเสียงแตก ฉู่เจียงก็พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม ดูเคร่งขรึม ไพล่มือไปด้านหลัง และตอบฉู่เจิ้นหนานเสียงดัง
“ชายผู้ดื้อรั้นคนนี้ นามฉู่อวิ๋น ก่อความผิดร้ายแรงจากการไร้ความสัตย์ ไร้ใจกตัญญู ไร้เมตตา ไร้มโนธรรม และไร้บุญญา สมควรได้รับโทษปะาจากตระกูลฉู่ ล้างบาปด้วยผนึกหงส์สีเื!”
“ตูม—!”
เมื่อได้ยินคำว่าผนึกหงส์สีเื หลายคนก็ตัวสั่นไปทั้งร่างกายและจิตใจ ทั้งยังรู้สึกหนาวสั่น!
ผนึกหงส์สีเื เป็วิธีการที่โหดร้ายอย่างยิ่งที่ตระกูลฉู่ใช้จัดการกับนักโทษ
หากถูกโจมตีด้วยผนึกนี้ ไม่เพียงจะรู้สึกเ็ปจากการถูกลูกธนูนับพันแทง แต่จะเห็นตัวเองค่อยๆ กลายเป็กองเื และในที่สุดก็จะตายไปอย่างไร้ร่างให้ฝัง ไร้กระดูกให้เผา
นี่เป็หนึ่งในวิชายุทธ์ที่น่ากลัวของเชื้อสายหลักตระกูลฉู่!
“โหดร้ายเกินไปแล้ว!”
“ทำกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งแบบนี้จริงๆ หรือ!? ไร้หัวใจ!”
“โเี้อำมหิตกันเกินไปแล้ว!”
ในขณะนี้ ทั้งจัตุรัสสั่นะเื เสียงดังลั่นส่งไปถึงท้องฟ้า ดังก้องไปทั่วอาณาบริเวณ!
คนที่มีมโนธรรมบางคนปิดตาและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มีแค่ใจแต่ไร้ซึ่งพลัง
ดวงตาของหลิงจื้อเบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกมา กัดฟันจนเืออก เขาต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งเ่าั้อีกครั้ง คล้ายตกอยู่ในความบ้าคลั่ง
ในวงแหวนมิติ ลูกปัดสีดำขนาดเล็กสั่นไหว ทำให้มิติอวกาศสั่นะเืและผันผวนอย่างต่อเนื่อง
ที่ใจกลางจัตุรัส ดวงตาของมู่หรงซินเข้มขึ้น ร่างกายนางอ่อนยวบและสั่นสะท้าน คุกเข่าลงบนพื้น และมองดูชายหนุ่มอย่างสิ้นหวัง
ที่หน้าประตูศาลเ้า ฉู่ซินเหยาร้องไห้น้ำตาไหล หัวใจของนางแตกสลาย ร่างกายสั่นไปหมด เืไหลออกมาทีละหยด พวกมันคือน้ำตาโลหิต ที่หลั่งเพื่อฉู่อวิ๋นได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ผ้าโปร่งย้อมสีชาด เสื้อคลุมย้อมสีแดง สดใสและฉุนเฉียว น่าหลงใหลและเด็ดเดี่ยว!
“ปล่อย... ข้า!!! ปล่อยข้า!!!!” คนงามกรีดร้องทั้งเสียงแหบแห้ง เ็ปหัวใจจนกระอักเื น้ำตาอาบใบหน้าสวย นางกลัวมาก นางะโจนมีเสียงออกมา!
สิ่งนี้ทำให้สาวใช้ใ แม้แต่มือที่ควบคุมด้ายพลังปราณก็ยังสั่นและมีเหงื่อไหลซึม
แต่ทั้งลานสั่นะเื เสียงจ้อกแจ้กราวคลื่นซัดใส่ ปกปิดเสียงะโของฉู่ซินเหยาได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครได้ยินมันทั้งนั้น
“องครักษ์เทวัญฟังคำสั่ง ใช้แรงกดดัน ทำให้ผู้ทรยศคนนี้ยอมรับโทษปะา!”
“ควับ!”
ฉู่เจียงออกคำสั่ง ดวงตาขององครักษ์เทวัญทั้งสิบคู่ก็เปลี่ยนเป็ดุร้ายทันที พลังของขั้นพื้นพิภพหลั่งไหลเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง ปกคลุมร่างกายของฉู่อวิ๋น ทำให้เขาล้มลงกับพื้นในทันที หัวเข่ากระแทกจนกระดูกแทบหัก
“คนทรยศ มีอะไรจะพูดเป็ครั้งสุดท้ายหรือไม่?” ฉู่เจียงยืนอยู่หน้าประตูศาลเ้า ก้มลงมองฉู่อวิ๋น
“ฮะๆ...ฮ่าๆๆ!!”
ทันใดนั้น เสียงหัวเราะอย่างกล้าหาญก็ดังออกมา เป็ที่ประทับใจและน่าใมาก จิติญญาของทุกคนในกลุ่มผู้ชมสั่นสะท้าน ทนมองดูตรงๆ ไม่ได้
มองเห็นยามนี้ ฉู่อวิ๋นจับกระบี่ที่ปักอยู่บนพื้น ยังคงยืนขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ตัวสั่น ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับสายรุ้งศักดิ์สิทธิ์บนท้องฟ้า ส่องแสงเจิดจ้าด้วยความกล้าหาญอันไม่มีที่สิ้นสุด
เขากำลังหัวเราะ!
“ฮ่าๆๆ--!”
“ตระกูลหลัก... เชื้อสายหลัก... ล้วนเป็โคลนบ่อเดียวกัน!” ขณะนี้ ฉู่อวิ๋นก็นึกออกทันที ครั้งนั้นตอนการประลองเซี่ยหยาง เขาถูกฉู่เจิ้นหยวนกล่าวหาแบบผิดๆ คิดดูแล้วสถานการณ์ก็คล้ายกันไม่น้อย?
“โดนปรักปรำใส่ร้าย ไหนเลยต้องกังวล?!”
“ประณามคน ประณาม์ ประณามข้า! แล้วอย่างไร?”
เขาะโ! จิตใจแหลกสลาย!
“พี่ซินเหยา! อีกประเดี๋ยวท่านปิดตา อย่ามอง!!!”
ทันใดนั้นเขาก็ยืนตัวตรง!
ฉู่อวิ๋นมองเขม็ง เปลวเพลิงหมุนวน ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยรณทระนง ชี้กระบี่ขึ้นสู่ฟ้า พลังของเขาเพิ่มขึ้น และท่ายืนยังคงเหมือนเดิม นี่ทำให้ทุกคนตกตะลึง! แม้แต่องครักษ์เทวัญยังต้องกะพริบตา!
“ผนึกหงส์สีเื? โจมตีมาที่ข้าฉู่อวิ๋นได้เลย!”
“มาดูกันว่าระหว่างผนึกของพวกเ้ากับวิชายุทธ์ของข้า ใครมันจะแข็งแกร่งกว่ากัน!"
“มาเลย--!!!”
คำพูดของชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและทระนง กล้าหาญและน่าเศร้า ขึ้น์เก้าชั้น ลงนรกเก้าขุม[1]!
ในจัตุรัส ผู้ชมทั้งหมดลุ้นระทึก!
----------
[1] แปลว่า การขึ้นสุดลงสุดหรือการทำเต็มที่