“หวังเค่อ ไอ้คนลวงโลก ข้าจะฆ่าเ้า~~~~~~~~~!”
ภายในเคหาสน์ตระกูลหวัง เสียงคำรามแหบพร่าของเนี่ยเทียนป้าดังกังวานไปทั่วเมืองจูเซียน
ผู้ฝึกฌานนับไม่ถ้วนในเมืองจูเซียนพากันหน้าเปลี่ยนสี
“จบแล้ว จบสิ้นแล้ว ที่แท้เป็เื่จริง เมื่อคืนข้าได้ยินจากตาเฒ่าหวังข้างบ้านที่ทำงานเป็ผู้ช่วยคนครัวตระกูลเนี่ย เขาว่าตระกูลเนี่ยระดมกำลังพลทั้งหมดมาเพื่อถล่มตระกูลของหวังเค่อ ดูเหมือนจะเป็ความจริง!”
“จริงรึ? เมื่อวานตระกูลเนี่ยเคลื่อนไหวกันเสียขนาดนั้น เ้าก็ต้องรู้อยู่แล้ว!”
“ประมุขหวังเค่อผู้น่าสงสาร หาเงินมาได้เสียมากมาย สุดท้ายกลับไม่ทันได้อยู่ใช้!”
“ก็รู้กันอยู่แล้วว่าตระกูลเนี่ยข่มเหงรังแกผู้คนมานาน ใครคล้อยตามอยู่ใครขวางทางตาย! หวังเค่อสุดท้ายเป็ได้เพียงแกะอ้วนพีให้เชือดเท่านั้น!”
“เช่นนั้นพวกเราสมควรทำอย่างไรต่อ? พวกเราซื้อแผนการลงทุนของหวังเค่อมามิใช่รึ? หรือทุกอย่างสูญเปล่าแล้ว?”
“ไม่ได้นะ นั่นเงินเก็บทั้งหมดของข้า เนี่ยเทียนป้าฆ่าล้างตระกูลหวังเค่อ ปล้นชิงทรัพย์สินของมันไปจนหมด เงินบางส่วนในนั้นเป็ของข้า!”
“ถูกแล้ว ให้เนี่ยเทียนป้าจ่ายเงินคืนมา! พวกเราจะต้องเอาเงินที่หามาอย่างยากลำบากคืนมาให้ได้!”
.........
......
...
ผู้คนในเมืองจูเซียนที่ได้เห็น “โศกนาฏกรรม” ของตระกูลหวังก็ทำใจเกลียดหวังเค่อไม่ลง พวกมันทำได้เพียงทวงเงินที่ซื้อแผนการลงทุนคืนจากตัวเนี่ยเทียนป้าเท่านั้น
เนี่ยเทียนป้าคิดไม่ถึงว่านอกจากมันจะเสียองค์หญิงโยวเยว่ ถูกหวังเค่อต้มเอามุกวิเศษไปสองเม็ด ไม่เพียงไม่อาจทวงคืนจากตระกูลหวังได้แม้แต่ผมสักเส้น หวังเค่อยังทิ้งหนี้สินแถมไว้ให้เสียฉิบ!
ภายในเคหาสน์ตระกูลหวัง ในที่สุดศิษย์ตระกูลเนี่ยก็พบเจออุโมงค์ลับ
เนี่ยเทียนป้ากับคนของมันเร่งรุดลงไปในอุโมงค์ใหญ่ พอเห็นความกว้างของอุโมงค์แล้วใบหน้าของเนี่ยเทียนป้าพลันแข็งทื่อโดยไม่รู้ตัว
“อุโมงค์นี้กว้างขวางจนสามารถใช้ม้าเทียมรถลากไปได้ ตระกูลหวังไม่มีทางขุดอุโมงค์ใหญ่ขนาดนี้ได้ในชั่วข้ามคืนแน่ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสักหนึ่งปี! หรือหวังเค่อมันวางแผนเตรียมหลบหนีมาั้แ่ปีก่อนแล้ว?” ศิษย์ตระกูลเนี่ยกล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ
ลึกเข้าไปในอุโมงค์ ศิษย์ตระกูลเนี่ยรีบวิ่งย้อนกลับมา
“ท่านประมุข อุโมงค์นี้ลึกยิ่ง สมควรออกไปถึงนอกตัวเมืองจูเซียน นอกจากนี้หลังหวังเค่อผ่านทางไปแล้ว มันยังถล่มปิดอุโมงค์ทิ้งอีก ต่อให้พวกเราขุดก็ไม่รู้ว่าพวกมันไปไหน!”
“ใช่แล้ว ภายในอุโมงค์ล้วนถูกดินถล่มกลบฝังหมดเลย ไม่เหลือร่องรอยให้สืบต่อ ท่านประมุข หมดหนทางแล้วขอรับ!”
ศิษย์ตระกูลเนี่ยกลุ่มหนึ่งคร่ำครวญรายงาน
…......
......
...
ถึงแม้เนี่ยเทียนป้าจะเงียบสนิท แต่ใบหน้าของมันก็แดงเรื่อ สองมือสั่นไหวเล็กน้อย เห็นชัดว่าโทสะพวยพุ่งรุนแรง
“นักบวชหลบหนีได้ แต่เอาวัดไปด้วยไม่ได้!” เนี่ยเทียนป้ากัดฟันกรอด
“ท่านประมุข ตระกูลของหวังเค่อเป็คนนอก เคหาสน์ตระกูลหวังของพวกมันเป็หวังเค่อทำสัญญาเช่าอยู่สิบปี ผู้น้อยลองคำนวณดูแล้ว ดูเหมือนสัญญาเช่าจะสิ้นสุดลงในปีนี้ ดังนั้นวัดแห่งนี้จึงไม่ใช่ของหวังเค่อขอรับ!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยกล่าวด้วยแววตาขมขื่น
“อะไรกันวะ!” เนี่ยเทียนป้าสบถอย่างอัดอั้น
“หะ แล้วหวังเค่อยังมีสินทรัพย์ธุรกิจอื่นใดอยู่ในเมืองจูเซียนอีกหรือไม่? ศิษย์ตระกูลหวังมันไม่เหลือเลยสักคนรึ? ปิดเมืองจูเซียนให้คนนอกเข้าคนในห้ามออก ค้นหาให้ทั่ว! จะเป็ร้านค้า ทรัพย์สินที่ดิน ศิษย์ตระกูล มิตรสหาย หรือเถ้าแก่ร้าน ขอแค่เกี่ยวข้องกับหวังเค่อก็พาตัวมาให้ข้าทั้งหมด!” เนี่ยเทียนป้าสั่งการอย่างดุดัน
“ทราบ!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยพากันรีบเร่งออกไปจากอุโมงค์ทีละคน
ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองจูเซียนไม่ได้มีเพียงแค่ชื่อ แต่ยังมีกองกำลังที่เข้มแข็ง เพียงลงมือทั้งเมืองจูเซียนก็ถูกพวกมันควบคุมไว้
ไม่นานหลังจากนั้น ศิษย์ตระกูลเนี่ยก็กลับมายังเคหาสน์ตระกูลหวังอีกครั้ง
“ท่านประมุข พวกเราค้นดูทั่วแล้ว หายไปหมด ไม่เหลืออะไรเลย จะสหายของหวังเค่อ เถ้าแก่ร้านค้า หรือสานุศิษย์ตระกูลหวังล้วนแต่หายตัวกันไปหมดในชั่วข้ามคืน ข้าวของทุกอย่างในร้านรวงพวกมันก็เอาไปจนเกลี้ยง ขนาดกระดาษชำระยังไม่เหลือทิ้งไว้ ใต้ร้านของพวกมันล้วนแต่มีอุโมงค์ลับ ไอ้หวังเค่อสมควรวางแผนเอาไว้นานแล้ว!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยร่ำร้องออกมา
“ไม่ใช่แค่กระดาษชำระ ขนาดร้านขายโลงศพในชื่อหวังเค่อมันก็ขนโลงศพไปจนหมด จะกระดาษกงเต็กหรือผ้าห่อศพพวกมันก็เอาไปด้วย นี่ นี่หวังเค่อมันจนหรือมันบ้า? ไม่เหลือร่องรอยอะไรเลย!”
“ท่านประมุข พวกเราตรวจสอบดูแล้ว ธุรกิจและที่ดินทั้งหมดของหวังเค่อล้วนเป็ของที่มันเช่ามา หวังเค่อไม่เคยซื้ออสังหาอะไรในเมืองจูเซียนเลย! พวกเราหาไม่พบจริงๆ ขอรับ!”
“หวังเค่อมันจะขี้เหนียวเกินไปแล้ว!”
…......
......
...
“พรวด!” เนี่ยเทียนป้ากระอักโลหิตคำโตออกมา
“ท่านประมุข เป็อะไรหรือไม่!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยรีบพากันประคองเนี่ยเทียนป้าเอาไว้
สองตาเนี่ยเทียนป้าแดงก่ำ โทสะร้อนแรงจู่โจมหัวใจมัน คนปาดคราบโลหิตจากมุมปาก
“หวังเค่อ ไอ้คนตัวจ้อย ไอ้ตัวบัดซบ ข้าขอเปิดศึกกับเ้า! ออกไปค้นหานอกเมือง แค่คืนเดียวพวกมันหนีไปได้ไม่ไกลแน่ ขบวนเดินทางใหญ่ขนาดนั้น ขอแค่หาพบก็เจอหวังเค่อเอง หา หา หาให้ทั่ว ออกไปค้นนอกเมือง หาตัวมันให้พบ! ถ้าเจอแล้วส่งสัญญาณกลับมา ข้าจะสับหวังเค่อให้เป็พันชิ้น!” เนี่ยเทียนป้าคำรามลั่น
“ทราบ!” ศิษย์รุ่นเยาว์ตระกูลเนี่ยพากันขานรับ
ทันใดนั้น ศิษย์มากมายของตระกูลเนี่ยก็พากันออกไปค้นหานอกเมือง
เนี่ยเทียนป้าโกรธเกรี้ยวจนหัวใจบอบช้ำ ได้แต่เร่งรุดกลับบ้านด้วยเนื้อตัวสั่นเทา
หลังทุกคนจากไปหมดแล้ว ผู้ฝึกฌานภายในเมืองจูเซียนค่อยกล้าเข้าใกล้เคหาสน์ตระกูลหวัง
“จุ๊จุ๊ ประมุขเนี่ยช่างโเี้อะไรปานนี้ ถึงกับยกเค้าเคหาสน์ตระกูลหวังเสียเกลี้ยง?”
“ประมุขเนี่ยยากไร้จนเสียสติไปแล้วหรือไร? ถึงกับขนทุกอย่างในเคหาสน์ตระกูลหวังออกไปเสียเกลี้ยง ขนาดกระดาษชำระก็ยังไม่เว้น?”
“ไม่มีซากศพเหลือไว้ ประมุขเนี่ยนึกว่าตนเองผายลมหรือไร ถึงคิดว่าซ่อนศพตระกูลหวังทุกคนไว้แล้วจะปกปิดเื่ที่ตัวเองฆ่าล้างตระกูลหวังได้?”
“เนี่ยเทียนป้าฆ่ายกครัวเสร็จแล้วยกเค้า ยังจะส่งศิษย์ตระกูลตัวเองออกไปนอกเมืองอีกทำไม?”
“ก็ต้องออกไปไล่ฆ่าศิษย์ตระกูลหวังที่เหลือรอดน่ะซี โเี้เกินไปแล้ว!”
“เมืองจูเซียนแห่งนี้เลวร้ายเหลือเกิน ตระกูลเนี่ยเองก็เลวบัดซบ พวกเราจะยังอาศัยอยู่ในเมืองจูเซียนกันได้อีกหรือ? พวกเราจะทวงเงินค่าแผนการลงทุนคืนได้อีกหรือไม่?”
“ต้องเอาคืนมาให้ได้ นั่นเป็เงินที่ข้าเหน็ดเหนื่อยหามา ถ้าหากตระกูลเนี่ยไม่ยอมคืน ข้า ข้าก็ขอสู้ตายกับพวกมัน!”
…......
......
...
ผู้คนในเมืองจูเซียนต่างซุบซิบเล่าลือ ตระกูลเนี่ยเวลานี้เสียหายใหญ่หลวง ไม่อาจแสดงตัวต่อหน้าธารกำนัล ทำได้เพียงเร่งค้นหาตัวหวังเค่อต่อไป
เนี่ยเทียนป้านั่งอยู่ภายในบ้าน ก่อนจะเดินไปมาอย่างกระวนกระวาย เฝ้ารอคอยข่าวดีจากนอกเมือง
“คนตระกูลหวัง ศิษย์ตระกูลหวัง เถ้าแก่ร้าน คนดูแล คนรับใช้ ไหนจะอะไรต่อมิอะไรอีก คนมากมายปานนั้น พวกมันไม่มีทางหนีได้เร็วแน่ ยังไงก็ต้องหาตัวจนพบ ข้าอยากรู้นักว่าพวกเ้าจะหนีกันยังไง!” เนี่ยเทียนป้าเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด
ทว่าแม้เวลาผ่านไปจนเกือบหมดวันก็ยังคงไม่มีข่าวคราว เนี่ยเทียนป้ายิ่งมายิ่งหดหู่ใจ
เวลานี้เอง ศิษย์ตระกูลเนี่ยผู้หนึ่งรีบเร่งรุดเข้ามาอย่างแตกตื่น
“ท่านประมุข ท่านประมุข!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยผู้นั้นเอ่ยอย่างกระวนกระวาย
“มีข่าวเื่หวังเค่อรึ?” สองตาเนี่ยเทียนป้าสาดประกาย
“ไม่ ไม่ใช่ขอรับ ด้านนอกเมืองจูเซียน มะ มีคนจากพรรคอีกาทองคำมา! พรรคอีกาทองคำมาถึงแล้ว คราวนี้เป็ศิษย์พรรคอีกาทองคำตัวจริง! ถะ แถมยังเป็ผู้แซ่จาง!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยตอบอย่างกังวล
ศิษย์พรรคอีกาทองคำ? เซียนแซ่จาง?
ใบหน้าเนี่ยเทียนป้าแข็งค้าง จางเจิ้งเต้าที่เพิ่งต้มตุ๋นมันยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ ตอนนี้ยังมีเซียนแซ่จางโผล่ขึ้นมาอีกคน?
เนี่ยเทียนป้าหน้าเปลี่ยนสี “เ้าจำไม่ผิดแน่นะ!”
“เซียนแซ่จางกล่าวว่าตอนที่เนี่ยเฟิงเดินทางไปถึงพรรคอีกาทองคำ มันก็ถูกงูพิษกัดเข้าจึงต้องพักรักษาตัวอยู่ที่พรรคอีกาทองคำชั่วคราว เซียนแซ่จางทราบข่าวจึงได้เดินทางมารับตัวองค์หญิงโยวเยว่ด้วยตัวเอง ทั้งยังบอกด้วยว่าขอเพียงยืนยันตัวตนขององค์หญิงโยวเยว่ได้ จะมอบรางวัลเป็ตำแหน่งศิษย์ห้าที่ให้ ไม่ขาดตกแม้แต่คนเดียว ขอท่านประมุขโปรดวางใจ!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยรีบตอบ
เนี่ยเทียนป้าขื่นขมเต็มหัวใจ มันเพิ่งถูกเซียนแซ่จางต้มตุ๋นมาเมื่อครู่ คราวนี้เป็เซียนแซ่จางตัวจริงมาอีก? ถ้าหากมาเร็วกว่านี้แค่สองวันจะประเสริฐปานไหน แล้วตอนนี้จะให้ข้าทำยังไง?
“ท่านประมุข ข้าควรทำเช่นไรดี? ข้าส่งคนให้ติดตามเซียนแซ่จางไปเดินเที่ยวชมเมืองจูเซียนไว้ คงถ่วงเวลาได้อีกไม่นาน ท่านประมุข ท่านมีความคิดใดหรือไม่!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยเอ่ยอย่างร้อนรน
เนี่ยเทียนป้าขมขื่นยิ่งกว่าเดิม ความคิด? ความคิดป้าเ้าเถอะ ข้ากำลังจะบ้าตายเนี่ย!
“เส้นทางสี่สายล้วนมีคนเดินทางไปรายงานพรรคอีกาทองคำ ตระกูลเนี่ยข้าไม่อาจหลุดพ้นแล้ว
ไปเชิญตัวท่านเซียนมาที่จวนก่อน ข้าจะขอร้องท่านด้วยตัวเอง!”
เนี่ยเทียนป้าสะกดความเศร้าและโทสะลงไป
“ขอรับ!”
ภายนอกเมืองจูเซียน ในถ้ำลับแห่งหนึ่ง
ภายในถ้ำมีคนอยู่เพียงสามคน หวังเค่อ จางเจิ้งเต้า และองค์หญิงโยวเยว่ ทั้งสามต่างกำลังหลับตากำหนดลมหายใจอยู่
หวังเค่อหลับตาปล่อยสมาธิถอดจิตจมลงสู่จุดตันเถียนของตัวเอง
ภายในจุดตันเถียนของหวังเค่อ มีดาบทองคำเล่มน้อยอยู่หนึ่งเล่มเรืองแสงสีทองบางเบาออกมา ทว่าดาบทองคำเล่มนี้ถูกไอสีดำล้อมกรอบปกคลุมไว้
“กระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญ? กระบี่ของบรรพชนข้าเล่มนี้พาข้าเดินทางข้ามจักรวาลจากดาวโลกมาถึงดาวดวงนี้ จากนั้นก็ไม่เคลื่อนไหวอะไรอีก? ถ่านหมดหรือยังไง? ที่สุสานาาปีศาจเมื่อสิบปีก่อนจู่ๆ เ้าก็เปล่งแสงเจิดจ้าออกมาคุ้มครองผู้เป็นาย ฟาดฟันบั่นคอมารร้าย! ข้าเคยคิดว่าเ้าเป็กระบี่ไม่เอาไหนเสียอีก! ผลสุดท้ายคือเ้าสังหารมารร้ายไป แต่ก็ถูกพลังสีดำนี้ปกคลุมเอาไว้แทน ตลอดสิบปีมานี้ข้าถึงถูกโชคร้ายตามรังควานไม่หยุดหย่อน! มีเพียงสิ่งเดียวในพรรคเทพหมาป่า์เท่านั้นที่จะช่วยเ้าให้หลุดพ้นจากพลังสีดำนี้ได้ กระบี่เทพมหาสุริยันมิดับสูญ? ในดาวโลกยุคโบราณมีผู้สำเร็จเป็เทพเซียนอยู่จริง?” หวังเค่อรำพึงอย่างแปลกใจ
ตอนนี้เองจางเจิ้งเต้าก็ลืมตาขึ้น
“พี่หวัง คนอื่นไปไหนหมดแล้ว? ศิษย์ตระกูลหวังตั้งมากมาย เถ้าแก่ร้าน คนรับใช้ ทุกคนที่หนีออกจากเมืองจูเซียนมากับพวกเราท่านเอาไปซ่อนไว้ไหนหมด?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างประหลาดใจ
คนมากมายปานนั้นจะหายตัวกันไปได้อย่างไร? จางเจิ้งเต้าไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ
หวังเค่อลืมตาขึ้นช้าๆ
“ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องห่วงไป! ข้าเตรียมการไว้ให้พวกเขาหมดแล้ว เนี่ยเทียนป้าหาพวกเขาไม่พบแน่!” หวังเค่อส่ายหน้าพร้อมอธิบาย
“แล้วพวกเราจะแยกตัวออกมาทำไม?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างใคร่รู้
“พวกเราจะไปพรรคเทพหมาป่า์กันไม่ใช่รึ? พาพวกเขาไปด้วยไม่ปลอดภัย!” หวังเค่ออธิบาย
“ไม่ปลอดภัย? ท่านหมายถึงยิ่งคนเยอะจะยิ่งถูกพบตัวได้ง่ายรึ?” จางเจิ้งเต้าวิเคราะห์
“ไม่ใช่ ข้าถูกโชคร้ายพัวพันมาตลอดสิบปี ข้ากังวลว่าหากพาพวกเขาไปด้วยแล้วพวกเขาจะเจอเคราะห์ร้าย ข้าก็เลยส่งตัวพวกเขาไปที่อื่น!” หวังเค่อตอบ
จางเจิ้งเต้า “…”
“หากท่านพาพวกเขาไปด้วยแล้วพวกเขาจะเจอเคราะห์ แล้วพาข้าไปด้วยข้าจะไม่เจอเคราะห์ร้ายหรือ? พี่หวัง ข้าก็เป็สหายท่านนะ ทำไมถึงต้องลากคอข้าไปซวยด้วยกันเล่า?” จางเจิ้งเต้าพลันหดหู่ขึ้นมา
“เ้ามันหน้าด้าน ทนทานต่อทุกคราเคราะห์ ไม่เป็ไรหรอกน่า!” หวังเค่อกล่าว
“เหลวไหล! หวังเค่อ เ้ารีบออกไปให้พ้นข้าเลยนะ เ้าส่งข้าไปกับตระกูลหวังเ้าก็ได้ ข้าไม่ขอร่วมทางกับเ้า ไม่ไป!” จางเจิ้งเต้าพลันกล่าวอย่างหวาดวิตก
สามารถจินตนาการได้ว่าตระกูลเนี่ยเวลานี้ปูพรมค้นหาพวกมันขนาดไหน จางเจิ้งเต้ามิใช่คนเขลา มันไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ดังนั้นจึงไม่กล้าหลบหนีไปคนเดียว ตอนนี้มีเพียงหวังเค่อที่รู้จุดปลอดภัย มันจึงอยากให้หวังเค่อส่งตัวมันไปด้วย
“ไป? อย่าหวังเลย หรือเ้าไม่ห่วงของรักของเ้าแล้ว?” หวังเค่อถลึงตามองอีกฝ่าย
“อึก!” จางเจิ้งเต้าเงียบปากไป
พัดประจำตัวของมันยังอยู่กับหวังเค่อ เ้าคนแซ่หวังผู้นี้ไม่เห็นกระต่ายไม่ยอมปล่อยเหยี่ยว จนกว่าจะได้ฝากตัวเป็ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์ มันไม่มีทางยอมคืนพัดมาแน่
“เหอะ!” จางเจิ้งเต้าได้แต่นั่งลงอย่างหงุดหงิดพลางทำใจยอมรับชะตากรรม
“ของรักที่ว่าหมายถึงอะไร?” พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ
หวังเค่อกับจางเจิ้งเต้าหันหน้ากลับมา เห็นองค์หญิงโยวเยว่ปรับลมหายใจรักษาตัวเสร็จแล้ว
“องค์หญิงโยวเยว่ ท่านได้สติแล้ว อาการาเ็ท่านเป็อย่างไรบ้าง?” หวังเค่อถาม
เส้นผมยาวสลวยขององค์หญิงโยวเยว่ตรงหน้ามันปิดบังดวงหน้างามเอาไว้ แต่บุรุษทั้งคู่ต่างทราบว่าภายใต้เส้นผมยาวมีรอยแผลเป็น่ากลัวประดับอยู่
“ยาคลายเส้นเอ็นที่เนี่ยเทียนป้าป้อนข้าถูกขับออกหมดแล้ว เพียงแต่ตอนนี้ข้ายังถูกผนึกพลังไว้ พลังปฐมธาตุจึงใช้ออกได้ไม่มาก กำไลมิติเก็บของประจำตัวข้ายังเปิดใช้ไม่ได้เลย! ทำได้แค่ใช้กระเป๋ามิติระดับต่ำที่ติดตัวไว้เท่านั้น” องค์หญิงโยวเยว่กล่าวอย่างขมขื่น
“ไม่เป็ไร ขอเพียงท่านไปถึงพรรคเทพหมาป่า์ ประมุขพรรคเทพหมาป่า์ก็จะช่วยคลายผนึกให้ท่านเอง!” จางเจิ้งเต้าตอบทันที
“อืม!” แววตาขององค์หญิงโยวเยว่ทอแววคาดหวัง
“ครั้งนี้เป็เพราะได้พวกท่านช่วยเหลือไว้ โยวเยว่ซาบซึ้งยิ่ง! ไม่ทราบท่านทั้งสองรู้ได้อย่างไรว่าข้าถูกขังเอาไว้?” องค์หญิงโยวเยว่ถามอย่างสงสัย
ก่อนหวังเค่อจะทันได้เอ่ยปาก จางเจิ้งเต้าก็รีบฉวยความดีความชอบไปทันที
“องค์หญิงโยวเยว่ เื่นี้ต้องขอบคุณข้า ข้าเป็คนทราบข่าวคราวของท่าน หวังเค่อมันแค่ตัวเสริม ข้าต่างหากที่เป็คนต้นคิด เพ้ย ข้านี่แหละคือทูตส่งสาร ข้านี่แหละกุญแจหลักในการช่วยท่าน ก่อนหน้านี้ข้าจับตัวศิษย์ตระกูลเนี่ยชื่อเนี่ยเฟิงมาได้ เลยรู้จากมันว่าท่านถูกขังเอาไว้ จากนั้นข้าเลยคิดถึงมิตรภาพเก่าก่อนกับหวังเค่อเลยยอมให้มันมาร่วมวงช่วยเหลือท่าน ข้า...!” จางเจิ้งเต้าตัวพล่ามโกยความดีความชอบเข้าตัวอยู่พักใหญ่
หวังเค่อไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะจางเจิ้งเต้าจะฉวยความชอบไปก็เปล่าประโยชน์ องค์หญิงโยวเยว่ย่อมทราบคุณความดีที่มันทำไปอยู่แล้ว
“ที่แท้เป็คุณชายจางที่พบเบาะแสของข้า ส่วนประมุขหวังก็วางแผนเพื่อช่วยข้า ประมุขหวังท่านสุดยอดนัก! ขอบคุณประมุขหวังมาก!” องค์หญิงโยวเยว่อุทาน
จางเจิ้งเต้าใบหน้าแข็งทื่อ อะไรกัน ข้าพูดพล่ามอยู่ครึ่งค่อนวัน เ้ากลับไปชมไอ้นักตอแหลหวังเค่อนั่น? หรือเพราะไอ้นักต้มตุ๋นหวังเค่อมันหล่อกว่าข้าอยู่นิดหนึ่ง? ถุ้ย! ข้าหน้าตาแพ้มันตรงไหน?
“สมควรแล้ว!” หวังเค่อตอบกลั้วหัวเราะ
ความดีความชอบทั้งหมดดันถูกหวังเค่อชิงไปจนเกลี้ยง สีหน้าจางเจิ้งเต้าจึงดูไม่ค่อยดี
“จะว่าไปหวังเค่อ ข้าเป็คนจับเนี่ยเฟิงได้ รีบส่งจี้หยกของมันคืนข้ามาซะ! แม่งเอ้ย ทั้งตัวมันมีแค่จี้หยกที่มีค่า เ้าก็ยังจะปล้นไปอีก! เ้ายากจนมากหรืออย่างไร? ไปตายซะ! เอาคืนมา เอาคืนมา!” จางเจิ้งเต้าพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“จี้หยกของเนี่ยเฟิงรึ? ไม่ได้อยู่กับข้า!” หวังเค่อส่ายหน้า
“ไม่อยู่กับเ้าแล้วอยู่ที่ไหน?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างสงสัย
“ตอนนี้สมควรอยู่ในเมืองจูเซียน แต่ข้าว่าอีกไม่นานก็คงมาถึงที่นี่แล้ว!” หวังเค่ออธิบาย
จางเจิ้งเต้า “…”
องค์หญิงโยวเยว่ “…!”
จี้หยกลอยมาเองได้รึ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้