ไม่อนุญาตให้สแกนหนังสือ
หรือคัดลอกเนื้อหาส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือ
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเ้าของหนังสือเท่านั้น
นิยายเื่นี้เป็เพียงเื่ที่สมมติขึ้น
ไม่เกี่ยวข้องกับเื่จริงแต่อย่างใด ชื่อบุคคล
และสถานที่ที่ปรากฏในเนื้อเื่ ไม่มีเจตนา
อ้างอิงหรือก่อให้เกิดความเสียหายใดๆ
……….
นิยายเื่นี้… ไม่มีแก่นสารสารัตถะอะไรนักหนา
ทั้งเื่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์อันมืดดำของมนุษย์
ดำเนินเื่ด้วยตัณหาราคะสุดร้อนแรง
ท่านใดที่ไม่ชอบโปรดหลีกเลี่ยง
*เราเตือนท่านแล้ว*
น-า-ง-เ-งื-อ-ก
ระเริงสวาท
ตอนที่ 1
พุทธศักราช 2490
ตอนใกล้ค่ำ
ณ หมู่บ้านชาวประมงแห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ในทำเลที่เรียกว่าปากอ่าวเพราะว่าเป็จุดที่ปลายแม่น้ำไหลมากับทะเล เป็จุดที่น้ำจืดและน้ำเค็มมาเจอกัน
ที่แคร่ไม้ไผ่ใต้ต้นลำพูริมแม่น้ำ…
สายตาคมกริบของ ‘เปลว’ ชายหนุ่มวัยยี่สิบห้าปีกำลังทอดมองออกไปยังเวิ้งน้ำสีครามเบื้องหน้า
กำลังเคลื่อนตัวเป็ระลอกริ้ว พลิ้วกระเพื่อมเป็ลอนคลื่นเล็กๆ กระจายอยู่เหนือผืนน้ำทอดยาวมาจากเทือกเขาอันไกลโพ้นหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนสรรพสัตว์มายาวนานหลายชั่วอายุคน
“ใกล้ค่ำแล้วนะไอ้เปลว… นั่นเอ็งนั่งมองอะไรอยู่วะ… ”
ลุง ‘เดช’ ชายวัยห้าสิบปีผู้มีใบหน้าคมคร้ามหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่ที่เพิ่งเสร็จจากอาบน้ำมาหมาดๆ เนื้อตัวยังเลื่อมพราวไปด้วยคราบน้ำ
ก้าวเดินออกมาในสภาพนุ่งผ้าขาวม้าผืนเดียวอวดเรือนร่างกำยำล่ำสัน ร้องถามหลายชายที่กำลังนั่งเหม่อลอยมองเวิ้งน้ำเหมือนคนใจลอย
“อ๋อ… มองหาสาวในแม่น้ำครับลุง… ”
เสียงเข้มของผู้เป็ลุงทำเอาชายหนุ่มที่กำลังนั่งใจลอยถึงกับสะดุ้ง เหลียวกลับมาตอบเขินๆ มองลุงเดชสืบเท้าก้าวเข้ามาใกล้
“เออ… จริงด้วยสิคืนนี้เดือนเพ็ญถ้าเอ็งออกไปล่องเรืออาจจะได้เจอกับสาวๆ ที่เอ็งอยากเห็น… ”
ลุงเดชกล่าว…
อันที่จริงคำว่า ‘สาว’ ที่ถูกเอ่ยถึงนี้หาใช่หญิงสาวที่เป็มนุษย์ แต่ลุงเดชหมายถึง ‘เงือกสาว’ ที่ผู้คนพากันร่ำลือสืบต่อกันมานานจนกลายเป็ตำนานให้กล่าวขานถึงความเร้นลับของผืนน้ำอันเต็มไปด้วยปริศนาแห่งนี้
“เื่นางเงือกที่ลุงเคยเล่าให้ผมฟัง… ลุงคิดว่าจะมีอยู่จริงไหมครับ… ”
เปลวเอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย…
ทำให้ลุงเดชต้องเดินกลับเข้าบ้านไปรินยาดองเหล้าในโหลลงแก้วแล้วเดินกลับมานั่งคุยเป็เพื่อนหลานชายอย่างจริงจัง เกี่ยวกับตำนานนางเงือกที่ผู้คนกล่าวขานสืบต่อกันมานาน
“เื่ที่ลุงเคยเล่าให้เอ็งฟัง… อันที่จริงตัวลุงเองก็ยังไม่เคยเห็นหรอกนะ… เื่นี้ถูกเล่าขานต่อกันมาั้แ่ครั้งปู่ของปู่ของปู่… ”
ลุงเดชกล่าวไปตามความจริง…
เพราะไม่คิดว่าเื่ที่ไม่ต่างจากนิทานก่อนนอนที่ตัวเองเคยเล่าให้เปลวฟังมาั้แ่เล็กๆ จะฝังอยู่ในความทรงจำของหลานชายคนนี้จนต้องเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งในวันนี้
“ปู่ของลุงเคยเล่าให้ฟังว่าเงือกสาวปรากฏกายขึ้นมาในคืนพระจันทร์สีเืซึ่งในรอบร้อยปีจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น… ”
ลุงเดชทบทวนความทรงจำ
“อ๋อ… พระจันทร์สีเืที่ลุงเคยเล่าให้ผมฟัง”
เปลวไม่ลืม…
“ใช่แล้ว… ในคืนพระจันทร์สีเืนางเงือกจะพากันขึ้นมาอาบแสงจันทร์สีเืเพื่อให้ร่างกายที่มีลักษณะครึ่งปลาเปลี่ยนเป็มนุษย์ หางและครีบขนาดใหญ่เหมือนปลาเมื่ออาบแสงของพระจันทร์สีเืก็จะเปลี่ยนเป็ขาสองข้างและมีเท้าซึ่งเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ จากนั้นนางเงือกจะมองหาผู้ชายเพื่อสมสู่… ”
ลุงเดชไม่เคยลืมเื่นี้เช่นกัน
“เอ่อ… เงือกตัวผู้ไม่มีหรือครับ แล้วทำไมเงือกตัวเมียจึงต้องมาสมสู่กับมนุษย์ผู้ชาย… ”
เปลวยิ่งสงสัย…
เพราะสิ่งที่ลุงเดชเคยเล่าให้ฟังก็ยังมีหลายเื่ที่ยังคงค้างคาใจเมื่อต้องคิดหาเหตุผลเชื่อมโยง
“จากที่ปู่ของปู่เล่าให้ฟังนั้นเป็เพราะว่าเงือกตัวผู้ถูกมนุษย์ล่าจนสูญพันธุ์ เหตุเพราะว่าเนื้อของเงือกตัวผู้เป็ยาอายุวัฒนะ จึงเป็ส่วนสำคัญของการปรุงยาเพื่อทำให้ไม่แก่ชรา จึงโดนชาวประมงใจร้ายล่าเอาเนื้อไปแร่ขาย ทำให้เหลือแต่เงือกตัวเมียเท่านั้นที่ยังพอมีให้เห็น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็เป็เพียงแค่เื่ราวที่เล่าขานต่อๆ กันมา… ”
ลุงเดชไขข้อสงสัยของหลานชาย…
“งั้นคืนนี้น่าจะเป็โอกาสดีที่เราจะได้พิสูจน์”
เปลวกล่าวอย่างมีความหวัง…
ความคิดบางอย่างผุดวาบเข้ามาในหัว ช่างเป็ความบังเอิญที่การได้กลับมาเยี่ยมบ้านที่ต่างจังหวัดในครั้งนี้ตรงกับ่เวลาซึ่งจะได้เห็นพระจันทร์สีเื
“อะไรนะ… นี่ลุงไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหมวะที่เอ็งบอกว่าอยากจะพิสูจน์เื่นี้”
ลุงเดชย่นหน้าผากถาม
“ครับลุง… ผมอยากพิสูจน์เื่นี้มานานแล้วครับ”
เปลวคิดว่าวันนี้เป็โอกาสดี…
เพราะว่าหลังจากเรียนจบเปลวก็เข้าไปทำงานในกรุงเทพฯ จะกลับมาเยี่ยมลุงเดชปีละสองสามครั้งครั้ง วันนี้จึงเป็โอกาสดีเพราะว่าเปลวได้ลาพักร้อนติดต่อกันห้าวัน
ทุกวันนี้เปลวทำงานเป็เทรนเนอร์ฟิตเนสอยู่ในสปอร์ตคลับชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย เป็การ์ดประจำสระว่ายน้ำ
หลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยเอกพลศึกษาชื่อดังระดับประเทศ เปลวไม่ได้สมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการครุตามที่ลุงเดชหวังเอาไว้ แต่กลับเลือกที่จะเดินไปในเส้นทางที่แตกต่าง
ด้วยการประกอบอาชีพอิสรตามที่ใจตัวเองรัก เพราะว่าเปลวเป็คนชอบชีวิตอิสรเสรีมาแต่ไหนแต่ไร
“อะไรนะ… อย่าบอกนะว่าคืนนี้เอ็งจะออกไปพายเรือตามหานางเงือกในตำนาน… ”
