ไม่ต้องเอ่ยถึงบ้านใหญ่สกุลหลิน แม้แต่ครอบครัวที่ร่ำรวยเองก็น่ากลัวว่าพวกเขาจะสามารถนำเงินทองจำนวนมากเท่านี้ออกมาใช้จ่ายได้ทุกปีหรือไม่!
บ้านใหญ่สกุลหลินช่างมีโชคยิ่งนัก อย่างน้อยในปีนี้ หากหลินต้าหลางได้รับการยอมรับว่ามีความสามารถ พวกเขายังมีหลินฟู่อินที่ทำเงินเป็กอบเป็กำได้อีกทั้งคน
ดังนั้นแล้ว ใครเล่าจะไม่คาดหวังจากหลินฟู่อิน?
ปู่หลินช่างโเี้นัก ถึงหลินฟู่อินจะไม่เต็มใจช่วยเหลือหลินต้าหลางก็ตาม แต่เขานี่แหละที่จะกดดันนางเพื่อเงินทองเ่าั้
ความคิดในหัวของเขาหมุนวนอย่างรวดเร็ว เขาตั้งใจจะยกเื่เ้าสาม พ่อของหลินฟู่อินขึ้นมาพูดอยู่พอดี หลินฟู่อินก็พูดขึ้นอีกครั้ง
“ท่านปู่ ท่านย่า ท่านไม่สามารถพูดอะไรได้เ้าค่ะ ข้าจะไม่ยอมให้เงินทองที่ข้าหามาอย่างยากลำบากถูกใช้ไปกับพี่ต้าหลาง ถึงแม้จะเป็คำสั่งจากฮ่องเต้ ข้าก็จะไม่ยอมพ่ายแพ้ต่อฮ่องเต้เช่นกันเ้าค่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินฟู่อิน ฮ่องเต้ทรงไม่เกี่ยวข้องกับเื่นี้ นั่นหมายความว่านางจะไม่ยอมพ่ายแพ้ และนางไม่เกรงกลัวที่จะเอ่ยปากออกมาตามตรง
ตอนนั้นเองที่ปู่หลินกระอักเืออกมา และจ้องไปที่หลินฟู่อินด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เขาสาปแช่งนางในใจ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถเข้าใจกันได้ ช่างน่าผิดหวังยิ่งนัก!
โชคดีที่เขาหมดความห่วงใยในตัวหลินฟู่อินไปนานแล้ว สุดท้ายนี่คือผลลัพธ์สินะ!
ได้ยินทั้งหมดที่กล่าวมาแล้ว เช่นนั้นข้าจะทำอย่างไรได้อีกกัน?
เขาซวนเซ ไม่สามารถยืนตัวตรงได้อีกต่อไป มองไปที่หลินฟู่อินแล้วกล่าวว่า
“หลินฟู่อิน ข้าหวังว่าเ้าจะคิดได้ เ้ายังเด็กนัก และเ้าเองไม่ได้รู้เื่ราวทั้งหมดนี้จริงๆ”
ก่อนคำพูดของเขาจะจบลง ปู่หลินพลันถอนหายใจและหยุดพูด เขาเดินออกไปโดยไพล่มือไว้ข้างหลัง
อู๋ซื่อเดินตามหลังเขาไปทันที แต่ยังจ้องกลับมาที่หลินฟู่อินด้วยสายตาไม่เป็มิตร จนนางเดินพ้นจากประตูบ้านหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินมองไปที่คู่สามีภรรยาชราตรงหน้าด้วยสายตาสิ้นหวังและยิ้มอย่างเ็า
แน่นอน นางรู้ว่าปู่หลินจะไม่ปล่อยนางไปแน่นอน หลังจากเื่ทั้งหมดนี้ เพราะตอนนี้นางเป็เพียงทางเลือกเดียวสำหรับปู่หลิน ใครบอกให้นางเป็คนที่หาเงินได้มากที่สุดกันล่ะ?
ถึงอย่างนั้นเองนางจะยังไม่ปล่อยคู่สามีภรรยาชราให้จากไปง่ายๆ แน่ ถึงแม้จะมีเื่อื่นให้ต้องทำก็เถอะ
หลินฟู่อินเดินตรงกลับไปที่ห้องของนาง และควานหากล่องสีน้ำเงินเก่าๆ ออกมาจากโต๊ะเครื่องแป้ง
ภายในกล่องบรรจุเงินไว้แปดสิบตำลึงเงินและแท่งเงินอีกสิบตำลึงเงิน ซึ่งนางตั้งใจเก็บไว้ในกรณีฉุกเฉินสำหรับหมู่บ้านหูลู่
หลังจากเปิดกระเป๋า นางหยิบแท่งเงินออกมาสี่สิบตำลึงเงินแล้วใส่ลงในกระเป๋าสีฟ้าครามที่ผูกรอบเอวของนาง จากนั้นใส่เงินที่เหลืออีกสี่สิบตำลึงเงินกลับลงในกล่อง
หลังจากครุ่นคิดสักพัก นางกลับไปที่ห้องอีกครั้ง ยังมีไข่เหลืออีกมาก รวมถึงไข่ดอกสนในบ้านด้วย ซึ่งเดิมทีนางตั้งใจเก็บไว้ที่บ้านเพื่อกินเอง
นางหยิบตะกร้าไม้ไผ่ออกมา นับไข่เยี่ยวม้าสี่สิบฟอง และไข่ดอกสนอีกสี่สิบฟอง จากนั้นจึงนำตะกร้าไม้ไผ่ไปที่บ้านของหลี่เจิ้ง
เมื่อนางมาถึงบ้านของหลี่เจิ้ง พบว่าหลี่เจิ้งกำลังใช้ขวานผ่าไม้อยู่ หลินฟู่อินจึงเอ่ยทักเสียงเบา
เมื่อหลี่เจิ้งเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นนางเข้าทันที เขาพลันขว้างขวานทิ้งและทักทายนางด้วยรอยยิ้ม
เมื่อหลายวันก่อน เขาตั้งใจเดินทางไปในเมืองเป็พิเศษเพื่อดูชาวบ้านสองสามคนที่ทำงานให้กับหลินฟู่อิน และเขาได้รับคำตอบมาอย่างไร
ผู้คนเ่าั้ทำงานสบายในทุกวัน คนที่ทำงานมากขึ้นก็จะได้รางวัลเพิ่มสามอีแปะต่อวัน เพิ่มจากค่าจ้างเดิมคือสิบสามอีแปะต่อวัน เช่นนั้นสิบวันก็จะได้รับมากกว่าหนึ่งตำลึงเงิน ในหนึ่งเดือนก็จะทำเงินได้มากกว่าสี่ตำลึงเงินเลยทีเดียว!
ทันทีที่หลี่เจิ้งทราบเื่นี้ เขาพลันรู้สึกอิจฉา หวังว่าจะสามารถช่วยเหลือหลินฟู่อินรวมทั้งบุตรชายคนโตสกุลหลิวได้
น่าเสียดายที่มีหลายสิ่งในหมู่บ้านที่ต้องจัดการ อย่าดูถูกเื่ราวในหมู่บ้านเชียว ตอนที่สกุลทางตะวันออกโต้เถียงกับสกุลทางตะวันตก ปัญหาเ่าั้ก็จะมาหาเขาถึงบ้าน
เมื่อเขาเห็นว่าหลินฟู่อินมาเยือนอีกครั้งพร้ะกร้าไม้ไผ่ ใบหน้าชราของหลี่เจิ้งเบ่งบานราวดอกไม้ ปากก็พูดว่า “แม่นางหลินมาอีกแล้ว คราวนี้เ้ามีอะไรล่ะ?”
หลินฟู่อินส่งตะกร้าไม้ไผ่ใส่มือขวาของหลี่เจิ้งพร้อมด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า นางกล่าวว่า “มีเื่ที่ข้า้าขอให้ท่านลุงหลี่เจิ้งช่วยเ้าค่ะ ท่านพอจะช่วยส่งไข่เหล่านี้ให้กับผู้าุโทั้งสามสกุลได้หรือไม่เ้าคะ ท่านลุงหลี่เจิ้ง มีทั้งไข่เยี่ยวม้าและไข่ดอกสนเลยเ้าค่ะ”
เมื่อหลี่เจิ้งได้ฟัง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหลินฟู่อินต้องหาเื่ให้เขาอีกแล้ว
ปกติแล้วหลินฟู่อินไม่ใช่คนเลวร้ายสำหรับเขา พวกเขาเ่าั้ดูเป็คนดี ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากถามยิ้มๆ “มีเื่อะไรเช่นนั้นหรือ ฟู่อิน”
ดูเหมือนจะไม่ใช่เื่ใหญ่ มิเช่นนั้นคงไม่มอบของขวัญเหล่านี้ให้กับผู้าุโอีกสามสกุลรวมถึงครอบครัวหลี่เจิ้งหรอกกระมัง
ในหมู่บ้านหูลู่ บรรดาสามสกุลเก่าแก่และครอบครัวหลี่เจิ้งนั้นเป็ผู้แก้ไขปัญหาทุกสิ่ง หลี่เจิ้งผ่านเื่มามากมายจึงเข้าใจดี และคิดเสมอว่าหลินฟู่อินจะนำเื่ดีๆ มาให้ในคราวนี้ ใบหน้าของเขาจึงเต็มไปด้วยความสุข
หลินฟู่อินไม่รอช้ารีบเอ่ยปากและมองหลี่เจิ้งทันที “ท่านลุงหลี่เจิ้งเ้าคะ ข้า้าให้ท่านช่วยหาของบางอย่างให้กับข้าเ้าค่ะ”
“โอ้?” หลี่เจิ้งมองใบหน้าเคร่งเครียดของนาง นางนิ่งไปสักพัก เขาจึงเอ่ยปากถาม “ฟู่อิน ตราบใดที่ข้าช่วยเ้าได้ ข้าจะหาทางช่วยเ้าเอง”
นี่เป็การรับรองจากปากของเขา ความจริงแล้วเขาเองก็เป็คนมีเล่ห์เหลี่ยมเล็กน้อย แต่เมื่อพูดคุยกับหลินฟู่อิน เขามั่นใจว่าหลังจากที่ช่วยเหลือหลินฟู่อินแล้ว นางจะไม่ทำสิ่งเลวร้ายกับเขาแน่นอน
เทียบกับการจัดการเื่เล็กๆ น้อยๆ ภายในหมู่บ้าน เขาเองก็อยากจะช่วยหลินฟู่อิน ซึ่งร่ำรวยและเต็มใจที่จะมอบผลประโยชน์ให้กับผู้อื่น
“ท่านลุงหลี่เจิ้งเ้าคะ ความจริงแล้วเื่ทั้งหมดมันเกี่ยวกับท่านย่าของข้า…” หลินฟู่อินมองตรงไปยังหลี่เจิ้ง นางอยากจะย้ำความมั่นใจ จากนั้นก็รอดูปฏิกิริยาจากหลี่เจิ้ง นางแค่้าดูความคิดและการตอบสนองของหลี่เจิ้งก่อน
“ฟู่อิน นี่เ้ากำลังหมายถึงท่านย่าของเ้าเช่นนั้นหรือ? เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา? เ้ากำลังเจอเื่ไม่ดีอยู่หรือ?” ท่าทีแรกของหลี่เจิ้งคือเชื่อว่าคู่สามีภรรยาชราสกุลหลินจะต้องนำโชคร้ายมาให้กับหลินฟู่อินแน่ๆ นางจึงต้องมาหาเขาเพื่อขอความยุติธรรม
ถึงแม้บรรดาคนจากบ้านใหญ่สกุลหลินจะทำเื่ไม่ถูกเสมอเมื่อหลินฟู่อินกลับไปหา และนางได้สั่งสอนบทเรียนก็ตาม แต่ทุกครั้งหลินฟู่อินก็ผ่านพ้นมาได้ด้วยดี เขามองว่าคนจากบ้านใหญ่สกุลหลินเ่าั้ใจร้ายและทำตัวไร้สาระมากเกินไป
ด้วยเหตุนี้ชื่อเสียงของหลินฟู่อินจึงไม่เลวนักในหมู่บ้านหูลู่ ตรงกันข้ามกับคนจากบ้านใหญ่สกุลหลิน ทุกคนรู้กันดีและไม่ชอบใจนัก
ทุกวันนี้จากความพยายามของหลินฟู่อิน บรรดาชาวบ้านในหมู่บ้านหูลู่ไม่สามารถมองใครดีไปกว่านางได้อีกแล้ว นอกเสียจากบรรดาสตรีไม่กี่คน ไม่มีใครบอกว่านางเป็ดาวหายนะแล้ว
หลี่เจิ้งเองก็คิดเช่นเดียวกัน เขารู้สึกว่าหลินฟู่อินเป็เด็กสาวที่จะไม่มีวันลืมที่มาของตัวเองแน่นอน เขาไม่รู้ว่าในหัวของคนจากบ้านใหญ่สกุลหลินเ่าั้เติบโตมาได้อย่างไร หากเด็กสาวคนนี้ยังอยู่ในครอบครัวเ่าั้ละก็ เขาจะต้องเกลี้ยกล่อม…
หลังจากที่หลินฟู่อินลองหยั่งเชิงความคิดของหลี่เจิ้ง นางลังเลและเล่าให้หลี่เจิ่งฟังอย่างช่วยไม่ได้เกี่ยวกับคู่สามีภรรยาชรา ปู่หลินและภรรยามาที่มายังบ้านของนางเพื่อพูดคุย
หลี่เจิ้งอยู่ฝั่งเดียวกับหลินฟู่อินแน่นอน ถึงเขาจะไม่ได้อยู่เคียงข้างหลินฟู่อินขณะนั้น แต่หลังจากได้ยินเื่ราวคร่าวๆ เกี่ยวกับปู่หลินและอู๋ซื่อ เขาก็ไม่พอใจทันที
“ย่าของเ้าเองก็ทราบเื่ดี แล้วเหตุใดปู่ของเ้าจึงเป็เช่นนี้เล่า” หลี่เจิ้งพูดไม่ออกเล็กน้อย เนื่องจากปู่หลินยังเป็บุคคลอันดับหนึ่งในหมู่บ้านหูลู่ั้แ่เขายังเด็ก ดังนั้นท่าทีเขาจึงอ่อนลง แต่สีหน้าของเขาแสดงความไม่พอใจออกมา
“ข้าจะพูดอะไรออกไปได้ล่ะเ้าคะ? ข้าไม่สามารถทำเช่นนั้นได้อยู่แล้วเ้าค่ะ” หลินฟู่อินแสร้งทำเป็หมดหนทางและส่ายหัวด้วยรอยยิ้มเศร้าๆ “ข้าไม่สามารถปล่อยปละละเลยน้องชายและน้องสาวของข้าได้หรอกเ้าค่ะ แถมข้ายังมีบ้านและกิจการที่ต้องดูแล ไหนจะเงินทองที่ข้าหามาอย่างยากลำบาก แต่กลับโดนบีบบังคับให้มอบออกไปเพื่อใช้ไปกับการสอบของพี่ใหญ่”
“เื่เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน? เป็ไปไม่ได้ นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว!” หลี่เจิ้งกล่าวทันควัน จากนั้นจึงมองหลินฟู่อิน ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้น “ฟู่อิน เ้ากล่าวว่ามีน้องชายและน้องสาวอายุน้อย ถึงเ้าไม่ทำอะไร เงินทองเ่าั้ย่อมเป็ของเ้า เ้าจะมอบเงินทองไปกับญาติผู้พี่ของเ้าเพียงเพราะว่ากำลังจะมีการเลื่อนยศเช่นนั้นหรือ?”
พฤติกรรมเช่นนี้เป็เื่หยาบคายมากในครอบครัวทั่วไป หากมีบัณฑิต หรือนักปราชญ์มีแววที่บ้านนั้น ผู้าุโและครอบครัวจะต้องไม่ทำเื่เลวร้ายเช่นให้คนเพียงลำพังช่วยเหลือเงินหลายสิบตำลึงต่อปี
หลังจากที่บิดาของหลินฟู่อินหายไปแบบไม่รู้ที่อยู่ ตอนนี้ยังมีสองทารกแรกเกิดที่ยังไม่หย่านมในครอบครัวอีก ถึงครอบครัวจะร่ำรวยแต่ก็ไม่ควรเสียเงินออกไปแม้แต่อีแปะเดียว
นี่พวกเขาจะต้องไม่มีเงินเลี้ยงตัวเองเป็แน่?
โชคดีที่ปู่หลินเป็บุคคลอันดับหนึ่งขณะที่เขายังเด็ก ตอนนี้เมื่อเขาแก่ตัวลง ยังจะบังคับให้หลานสาวช่วยเหลือด้านการเงินให้กับหลานชายคนโตไปกับการเล่าเรียนอีก
“สุดท้ายแล้วข้ามองว่านี่เป็ทรัพย์สินส่วนตัวของเ้า! ตอนนี้พ่อของเ้าเองก็ไม่อยู่ ความจริงมันเป็เื่ของความสามารถของบ้านเดิมนั่น ปู่ของเ้าและลุงของเ้าควรจะช่วยเหลือเขาเอง เช่นนั้นสิถึงจะเป็การแสดงความรักของพวกเขาออกมาอย่างเท่าเทียม และเขาไม่ควรจะบังคับให้เด็กสาวตัวเล็กๆ ส่งเงินทั้งหมดเพื่อช่วยเหลือเขา”
เมื่อเขามองไปยังหลินฟู่อิน เขาเห็นเพียงรอยยิ้มขมขื่น เขาจึงเริ่มพูดอย่างดุดันอีกครั้ง
ความจริงถึงหลินต้าหลางจะสอบซิ่วไฉผ่านแล้วก็ใช่จะดีเลิศอะไร หลินต้าหลางถูกปู่หลินส่งให้หลินซิ่วไฉชราคนนั้นตั้งนานแล้ว
และหลินซิ่วไฉเองก็ไม่ได้มาจากหมู่บ้านหูลู่ แต่มาจากหมู่บ้านต้าสุ่ยที่อยู่เลยไปทางตะวันตก ั้แ่หลินต้าหลางถูกหลินซิ่วไฉเลี้ยงดูก็หมายถึงเขาเป็คนของหมู่บ้านต้าสุ่ยไปแล้ว แม้ว่าเมืองและแคว้นจะยกย่องซิ่วไฉผู้นั้น แต่ไม่ใช่ที่หมู่บ้านหูลู่ ดังนั้นเขาจะต้องปกป้องหลินฟู่อินให้ออกห่างจากหลินต้าหลางซะ
สิ่งที่หลินฟู่อิน้าคือแิเช่นนี้ของหลี่เจิ้งนี่แหละ หลังจากนิ่งคิดสักพัก นางจึงเอ่ยต่อว่า “ดังนั้นข้าจึงอยากจะรบกวนท่านลุงหลี่เจิ้งช่วยเหลือข้าสักอย่างได้หรือไม่เ้าคะ ท่านช่วยเชิญผู้าุโทั้งสามสกุลมา ข้าจะแสดงฝีมืออีกครั้ง ครอบครัวของเราจะจัดโต๊ะอาหารเย็น และเชิญท่านมารับประทานอาหารเ้าค่ะ ข้าอยากขอให้ท่านผู้าุโทั่งสี่ช่วยเหลือท่านย่าของข้าเ้าค่ะ ได้โปรดอย่าถูกลากจูงไปโดยพี่ใหญ่ของข้าที่ทำการติดสินบนเลยนะเ้าคะ”
เมื่อหลี่เจิ้งได้ฟังหลินฟู่อินกล่าวก็เอ่ยปากถาม “ฟู่อิน เ้ามีความคิดในใจแล้วเช่นนั้นหรือ?”
หลินฟู่อินผงกหัวก่อนเผยรอยยิ้ม “คิดอยู่เ้าค่ะ ข้าแค่้าบุคคลซึ่งมีคุณธรรมดีงามเพื่อทำให้ข้าสงบมากขึ้นเ้าค่ะ”
หลี่เจิ้งลังเล นี่ดูไม่ใช่เื่ดีนัก
บ้านใหญ่สกุลหลินนั้นไม่ใช่เื่ง่ายที่จะไปจัดการด้วยได้ ผู้คนที่ถูกหมายหัวโดยสกุลจ้าวและสกุลอู๋จะถูกจำไปนานเลยทีเดียว และนั่นก็มากพอที่จะทำให้เกิดความลังเล
นี่จึงไม่ใช่เื่ดีนัก ไม่เพียงเขาอาจจะทำไม่ได้ แต่ผู้าุโทั้งสามสกุลก็ไม่น่าจะทำได้เช่นกัน
“ฟู่อิน ไม่ใช่ว่าลุงหลี่ไม่รับปากกับเ้าหรอกนะ แต่มันยังไม่ถึงคราวที่ข้าจะเข้าไปแทรกแซง…” หลี่เจิ้งแสร้งทำเป็ลำบากใจ
แน่นอนว่าหลินฟู่อินทราบดีถึงการเสแสร้งนั้น และนางก็ทราบเหตุผลดี
“ท่านลุงหลี่เจิ้งไม่ต้องกังวลไปเ้าค่ะ ข้าเพียง้าให้ท่านและผู้าุโอีกสามคนช่วยเหลือข้าเท่านั้น แน่นอนว่าข้าจะไม่ปล่อยให้ท่านลุงและผู้าุโทั้งสามต้องเดียวดายแน่นอนเ้าค่ะ”
เมื่อได้ฟังเช่นนั้นดวงตาของหลี่เจิ้งก็ฉายแสงทันที เขารู้ดีว่านี่คือคำสัญญาจากหลินฟู่อิน
“อืม…” เขาแตะเคราแพะพลางคร่ำครวญ “ข้ารู้ดีว่าเ้าเป็คนอย่างไร ฟู่อิน เ้าเป็เด็กดีและเป็เด็กฉลาด สุดท้ายนี่ก็เป็เื่ภายในของสกุลของเ้า ดังนั้น…”
หลินฟู่อินยิ้มเล็กน้อยและมองไปที่เขา กล่าวว่า “ไม่จำเป็ต้องเป็เื่ภายในครอบครัวข้าเ้าค่ะ นี่จะเป็เื่ของทั้งหมู่บ้านหูลู่เ้าค่ะ”
หลินฟู่อินคิดมานานแล้วว่าหากนางอยากจะหยุดปู่หลิน นางจะต้องดึงชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านหูลู่มาอยู่ฝั่งนางให้ได้ เพียงมีชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านหูลู่ที่ยืนอยู่ข้างนาง ปู่หลินจะได้ไม่มีประโยชน์หากจะเสนอหรือกดดันอะไรนางต่อหน้าสาธารณชนอีก
“ฟู่อิน เ้าหมายความว่าอย่างไร?” หลี่เจิ้งได้ยินคำพูดของหลินฟู่อินและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินฟู่อินไม่เพียงแค่พูดเฉยๆ เป็แน่ เขารู้สึกได้ว่ากำลังจะมีเื่ดีๆ เกิดขึ้น เขาตื่นเต้นมากและจ้องหลินฟู่อิน
หลินฟู่อินหัวเราะ “ข้าเพิ่งได้ยินคุณชายใหญ่หลิวพูดว่ากำลังจะขยายกิจการแรกไปยังเมืองใกล้ๆ ชิงหยางและขยายไปยังเมืองชิงเหลียน นั่นหมายความว่าจะต้องใช้กำลังคนจำนวนมาก อา บ้านของเถ้าแก่หลิวและภัตตาคารหลิวจี้เองก็ต้องขยับขยายไปยังเมืองและอำเภอใกล้เคียงเช่นกัน ทั้งสองต่างก็้ากำลังคน ทั้งคุณชายใหญ่หลิวและเถ้าแก่หลิวยังบอกกับข้าเ้าค่ะ ตราบใดที่เป็คนที่ข้าแนะนำย่อมหมายความว่าเป็คนดีแน่นอนเ้าค่ะ”
“มีเื่ดีๆ เช่นนี้ด้วยหรือ?” หลี่เจิ้งตื่นเต้น “ฟู่อิน เ้าแน่ใจนะ? ้าจำนวนคนเท่าไรกันล่ะ ?”
หลินฟู่อินพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “แน่นอนเ้าค่ะ ข้าจะคุยเื่ใหญ่เช่นนี้กับท่านลุงหลี่เจิ้งแบบไม่เป็ทางการได้อย่างไรล่ะเ้าคะ?”
หลี่เจิ้งเองก็คิดเกี่ยวกับเื่นี้เช่นกัน เขาจึงสบตาหลินฟู่อิน ก่อนจะกล่าวว่า “ที่เ้ากล่าวว่ากิจการของเ้า้าขยับขยายนั่น?”
หลินฟู่อินพยักหน้าอีกครั้ง “บางทีข้าอาจจะต้องเข้าไปในเมืองหรืออำเภอเลยเ้าค่ะ เพื่อช่วยหลานสาวของครอบครัวหลิวและช่วยดูแลกิจการเ้าค่ะ”
“นั่นมัน…” หลี่เจิ้งถูกเตือนให้นึกขึ้นมาได้ว่าหลินฟู่อินยังรักษาคนได้ หากนางเข้าไปยังเมืองหรืออำเภอ แล้วชาวบ้านจะไปรักษากับหมอที่ไหนกัน ดังนั้นเขาจึงเอ่ยว่า “หากเ้าจะต้องจากไปจริง แล้วชาวบ้านจะไปพบหมอที่ไหนกันล่ะ ข้าเกลียดยิ่งนัก”
หลินฟู่อินคิดด้วยความประชดประชันว่าหลี่เจิ้ง้าบีบบังคับให้นางแสดงทุกอย่างออกมาอย่างโปร่งใส
ตอนนี้นาง้าใช้ให้เขาทำสิ่งต่างๆ เพื่อนาง เช่นนั้นแล้วนางเองก็จะต้องทำบางสิ่งให้กับหมู่บ้านหูลู่เช่นกัน นางกล่าวว่า “เอาเช่นนี้นะเ้าคะท่านลุงหลี่เจิ้ง ท่านมั่นใจได้เลยว่าข้าและท่านหมอหลี่จากโรงหมอเหมือนกันแน่นอนเ้าค่ะ เขาจะส่งหมอมาเยี่ยมบ่อยๆ ที่หมู่บ้านของพวกเราแน่นอนเ้าค่ะ”
หลี่เจิ้งมีความสุขทันที เขาพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “ยอดเยี่ยม! เยี่ยมมาก!”
หลินฟู่อินเอ่ยต่อ “ถึงแม้ว่าข้าจะ้าทำสิ่งดีๆ ใหักับชาวบ้าน แต่ก่อนอื่นเลยข้าจะต้องยืนหยัดให้ได้ด้วยตัวเองก่อนเ้าค่ะ ถ้าหากกิจการของข้าสามารถขยายไปที่เมืองชิงหยางได้แล้ว ชีวิตของข้าก็จะดีขึ้นกว่าเดิม อย่างน้อยข้าก็สามารถจ้างคนทำงานจากหมู่บ้านนี้ได้ นี่ดีกว่าที่ข้าต้องจ่ายค่าเช่าให้กับเ้าของที่ดินทุกปีเ้าค่ะ”
หลี่เจิ้งเข้าใจดีเลยละ เช่นเดียวกับไม่กี่วันก่อนที่เขาเข้าเมืองไป ตราบใดที่ผู้คนทำงานอย่างขยันขันแข็งช่วยเหลือหลินฟู่อินแล้วละก็ พวกเขาจะได้รับเงินเพิ่มมากขึ้นสองอีแปะต่อเดือนเลยทีเดียว ทั้งปีจะได้เงินถึงห้าสิบสองตำลึงเงิน นี่มันดีกว่าการทำไร่ทำนาอีกไม่ใช่หรือ?
หลังจากที่หลี่เจิ้งทำความเข้าใจกับสิ่งที่หลินฟู่อินกล่าวแล้ว เขาแทบจะเห็นดีเห็นงามไปกับข้อเสนอของหลินฟู่อิน
หลี่เจิ้งจึงขอให้แม่ภรรยาของตนไปกับหลินฟู่อิน ในขณะที่ตัวเขาเองรีบไปเชิญผู้าุโทั้งสามสกุล
หลังจากผู้าุโทั้งสามถูกเชิญมา หลี่เจิ้งทำหน้าที่เป็ผู้แนะนำให้หลินฟู่อิน และเล่าให้ผู้าุโทั้งสามทราบเื่ราวเช่นเดียวกับที่หลินฟู่อินบอกแก่เขา
เหล่าผู้าุโทั้งสามล้วนไม่อยากข้องเกี่ยวกับเื่ของคนในสกุลหลิน แต่หลังจากหลี่เจิ้งกำลังจะดึงตัวหลินฟู่อินไปจากหมู่บ้าน พวกเขาจึงตกลงที่จะให้ความช่วยเหลือแก่หลินฟู่อิน
เมื่อเห็นว่าพวกเขามีท่าทีคล้อยตาม หลินฟู่อินจึงควักเงินสี่สิบตำลึงเงินออกมาเบื้องหน้าชายร่างใหญ่และมอบให้เขาหนึ่งถึงสองตำลึง
หลินฟู่อินกล่าวว่า “ในภายภาคหน้าข้าอาจจะต้องรบกวนเหล่าผู้าุโและท่านหลี่เจิ้ง นี่เป็น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากข้าเ้าค่ะ หากท่านย่าไม่ได้สร้างปัญหาให้กับข้าเพราะหลินซิ่วไฉนั้น ข้ารับปากว่าจะมอบเงินเพิ่มให้อีกสิบสองตำลึงเงินเลยเ้าค่ะ และหากกิจการของข้าเติบโตไปได้ดีในอนาคต เงินสัญญาในส่วนนี้ก็จะเพิ่มตามมากขึ้นเ้าค่ะ”
เหล่าผู้าุโทั้งสี่ต่างจ้องไปยังแท่งเงินวาววับเบื้องหน้า สายตาของพวกเขาเถรตรงมาก
สิบสองตำลึงเงิน พวกเขาไม่ได้เห็นสิ่งนี้บ่อยๆ ในที่อยู่อาศัยหรอกนะ
นี่เป็เพียงการเริ่มต้นเท่านั้น ยังมียี่สิบสองตำลึงเงินรออยู่เมื่อครบรอบปี หากธุรกิจของหลินฟู่อินดำเนินไปด้วยดีก็จะสามารถทำเงินได้มากกว่านี้อีก!
พวกเขาเพียงต้องสนับสนุนหลินต้าหลาง และห้ามบรรดาคนโง่จากบ้านใหญ่สกุลหลินไม่ให้มาขโมยเงินของหลินฟู่อิน
นี่ช่างง่ายดายนัก!
ถึงแม้หลินต้าหลางจะมีพรสววรรค์ แต่ไม่ใช่กับที่แห่งนี้ หมู่บ้านหูลู่
ตรงกันข้ามกับหลินฟู่อิน กิจการของนางกำลังดำเนินไปด้วยดี สิ่งนี้ทั้งหมู่บ้านหูลู่สามารถรับรู้ได้ เพราะหลินฟู่อินเป็คนของหมู่บ้านหูลู่!
เหล่าผู้าุโที่มักถูกขนานนามว่าจิ้งจอกเฒ่าจึงมีงานเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง พวกเขาสัญญาว่าจะช่วยเหลือหลินฟู่อิน และช่วยจับตาดูคนจากบ้านใหญ่สกุลหลินไว้
มีคนคุ้มครองหลินฟู่อินเช่นนี้แล้ว ใครเล่าจะกล้ามารังแกเด็กสาวกัน
หลินฟู่อินบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว นางจึงออกจากบ้านของหลี่เจิ้งไปอย่างอารมณ์ดี ปล่อยให้หลี่เจิ้งและผู้าุโทั้งสามสนทนากันต่อไป เมื่อวันที่จัดงานเลี้ยงน้ำชาให้หลินต้าหลางมาถึง หลินฟู่อินจะจัดการกับปู่หลินต่อไปอย่างไร
หลังจากแก้ไขปัญหาได้แล้ว หลินฟู่อินก็เดินทางกลับเข้าเมืองอีกครั้ง
บังเอิญว่าหลิวฉินมาหาหลินฟู่อินที่ร้านค้า หลิวฉินแจ้งกับนางว่า้าเพิ่มปริมาณถั่วปากอ้าและถั่วงอกอีก
เนื่องจากในตลาดไม่ได้วางขายถั่วปากอ้าแบบสดๆ และถั่วงอกแบบที่หลินฟู่อินคาดการณ์ไว้ ถั่วทั้งสองชนิดนี้วางขายในตลาดมาร่วมเดือน แต่มีเพียงครอบครัวของนางเท่านั้นที่มี
ถั่วงอกและถั่วปากอ้าสดไม่เพียงขาดแคลนในภัตตาคารเท่านั้น ตอนนี้บรรดาบ้านที่ร่ำรวยต่างก็มาภัตตาคารเพื่อซื้อถั่วกลับไปรับประทานกัน
แม้แต่คนทั่วไปยังกัดฟันซื้อถั่วเล็กน้อยเพื่อเป็ประโยชน์สำหรับผู้สูงอายุและเด็ก
ดังนั้นหลินฉินจึงร้อนรนนัก
หลังจากที่หลินฟู่อินให้สัญญากับหลี่เจิ้งเพื่อแลกเปลี่ยนกันนั้น นางก็ขอให้ต้ายากลับไปที่หมู่บ้านและพูดคุยกับหลี่เจิ้งถึงการคัดเลือกกลุ่มคนฝีมือดีมาทำงาน
เนื่องจากต้องขยับขยายกิจการ ร้านค้าของหลินฟู่อินจึงมีพื้นที่ไม่เพียงพออีก หลิวฉินมีเส้นสายอยู่ เขาจึงไปเช่าบ้านสำรองหลังใหญ่ทางตะวันตกของเมือง และค่อยๆ ย้ายสิ่งของต่างๆ ไปที่นั่น
แต่ร้านค้าของหลินฟู่อินยังคงดำเนินการอยู่
“เอาละ ฟู่อิน ่นี้ข้ายุ่งกับเื่กิจการมาตลอดจนข้าลืมถามเ้าไปเสียสนิท ใครคือบุรุษที่เดินทางไปกับเ้าที่เมืองชิงเหลียนในวันนั้น”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้