แน่นอนว่าเยว่เฟิงเกอย่อมเข้าใจความหมายของท่านแม่แห่งหอชมบุปผา นางดูออกว่า อีกฝ่ายไม่อยากให้นางไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ไป
“ท่านแม่หมายความว่าอย่างไร เ้าเกรงว่าข้าจะไม่มีเงินอย่างนั้นหรือ? ” เยว่เฟิงเกอพูดพลางหยิบถุงเงินข้างเอวออกมาแล้วโยนให้ท่านแม่แห่งหอชมบุปผา
ท่านแม่รับถุงเงินมาตรวจดู และพบว่าด้านในมีก้อนทองและก้อนเงินอยู่จำนวนหนึ่ง เงินเหล่านี้อย่างน้อยๆ ก็ต้องมีสักห้าร้อยตำลึง
อย่าว่าแต่ไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์เลย ต่อให้จะซื้ออันดับหนึ่งอย่างเมิ่งซีหลันไปสร้างความสำเริงสำราญทั้งเดือน เงินจำนวนนี้ก็ยังนับว่าเพียงพอ
หน้าผากของท่านแม่หอชมบุปผามีเหงื่อซึม ต้องทำอย่างไรถึงจะหยุดยั้งคุณชายตรงหน้าไม่ให้ไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ได้?
“เป็อย่างไร เงินเหล่านี้เพียงพอหรือไม่? ” เยว่เฟิงเกอเห็นว่าสีหน้าอีกฝ่ายประเดี๋ยวแดงประเดี๋ยวขาว นางก็รู้แล้วว่าเงินที่พกติดตัวมานี้เพียงพอจะไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ได้แล้ว
ตอนที่ท่านแม่แห่งหอชมบุปผากำลังทำสีหน้าลำบากใจอยู่นั้น ฉิงเอ๋อร์ที่ถูกเยว่เฟิงเกอจับมืออยู่ก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านน้า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็ท่านที่ดูแลฉิงเอ๋อร์อย่างดี ฉิงเอ๋อร์ซาบซึ้งใจยิ่ง เมื่อครู่เป็คุณชายท่านนี้ที่ช่วยฉิงเอ๋อร์ไว้ ั้แ่วันนี้ไป ต่อให้ฉิงเอ๋อร์จะต้องเป็วัวเป็ม้า ก็จะต้องตอบแทนน้ำใจของคุณชายท่านนี้ให้ได้เ้าค่ะ”
ยามที่ฉิงเอ๋อร์กล่าว ดวงตานางแดงก่ำ นางสูดจมูกอย่างแรงด้วยตั้งใจจะอาศัยการกระทำนี้หยุดน้ำตาที่กำลังรินไหล
เมื่อได้ฟังคำพูดของฉิงเอ๋อร์ รอยยิ้มการค้าบนใบหน้าของท่านแม่หอชมบุปผาก็หายไปทันที สายตาที่มองเยว่เฟิงเกอมีแววอ่อนโยน
ทว่า เยว่เฟิงเกอสังเกตได้ถึงความไม่ปกติบางอย่าง เมื่อครู่ฉิงเอ๋อร์เรียกท่านแม่ผู้นี้ว่าท่านน้า หรือว่าระหว่างพวกนางจะมีความสัมพันธ์ฉันญาติกันจริงๆ ?
แต่ในเมื่อเป็ญาติกันแล้ว เหตุใดถึงให้ฉิงเอ๋อร์มาขายเสียงดนตรีอยู่ที่นี่?
คิดถึงตรงนี้ เยว่เฟิงเกอก็อดขมวดคิ้วไม่ได้
ท่านแม่แห่งหอชมบุปผาสูดลมหายใจเข้าลึก “คาดว่าคุณชายคงได้ยินแล้ว ใช่แล้ว ฉิงเอ๋อร์เรียกข้าว่าท่านน้า ที่จริงแล้วนางมีชาติกำเนิดที่น่าสงสารยิ่งนัก บิดานางเป็ผีพนัน ที่นางต้องมาร้องเพลงที่นี่ก็เพราะบิดาของนางติดหนี้พนัน ข้าในฐานะน้าของนาง ทำได้แค่หาวิธีปกป้องไม่ให้นางถูกรังแก แต่ก็ทำอะไรไปมากกว่านั้นไม่ได้”
ฟังถึงตรงนี้ เยว่เฟิงเกอก็หันศีรษะกลับไปมองฉิงเอ๋อร์ เห็นคนก้มหน้าลงไป ในที่สุดก็กลั้นไว้ไม่ไหว น้ำตาไหลออกมา
เยว่เฟิงเกอคิดไม่ถึง บนโลกใบนี้จะยังมีบิดาโฉดชั่วเช่นนี้อยู่ด้วย
หลังจากได้รู้ชาติกำเนิดของฉิงเอ๋อร์แล้ว นางก็ยิ่งอยากไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ ให้คนรีบไปให้พ้นจากทะเลแห่งความทุกข์นี้เสียที
เยว่เฟิงเกอหันศีรษะไปถามฉิงเอ๋อร์ “ฉิงเอ๋อร์ ข้าขอรับประกันว่า หากเ้ามาติดตามข้า ข้าจะไม่ให้เ้าต้องขายเสียงดนตรีให้ใครอีก และจะให้เ้าได้มีชีวิตที่ดีกว่าตอนนี้เป็พันเท่า เ้ายินดีจะติดตามข้ากลับไปหรือไม่? ”
ฉิงเอ๋อร์เงยหน้า กะพริบตาฉ่ำน้ำปริบๆ นางเห็นความจริงใจในดวงตาของเยว่เฟิงเกอ สุดท้ายจึงพยักหน้าน้อยๆ ตอบรับว่า “ข้ายินดีติดตามคุณชายไปเ้าค่ะ”
“ดี ในเมื่อเป็เช่นนี้ ข้าก็จะไถ่ตัวเ้า” เยว่เฟิงเกอพูดพลางหันศีรษะกลับมามองท่านแม่แห่งหอชมบุปผา “ท่านแม่ เงินเหล่านี้ ข้ายกให้เ้าทั้งหมดเลย ถือเสียว่าเป็ค่าไถ่ตัวฉิงเอ๋อร์ ที่เหลือเ้าก็เก็บไว้เถอะ ส่วนบิดาของฉิงเอ๋อร์นั้น หากเขากล้ามาหาเื่เ้า เ้าก็ให้เขามาหาข้าได้เลย”
เมื่อนึกถึงว่าตอนนี้ตนยังปลอมตัวอยู่ เยว่เฟิงเกอก็กล่าวขึ้นอีกครั้งว่า “เ้าให้บิดาของฉิงเอ๋อร์ไปหาข้าที่จวนจั้นอ๋องได้ ข้ามีนามว่าเยว่เฟิงเกอ” พูดจบก็จูงมือฉิงเอ๋อร์เดินจากไป
ท่านแม่หอชมบุปผาอึ้งค้างมองเยว่เฟิงเกอจูงมือฉิงเอ๋อร์จากไปขณะที่ปากนางยังคงพึมพำชื่อของเยว่เฟิงเกออยู่
นางรู้สึกคุ้นชื่อนี้มาก เพียงแต่ยังนึกไม่ออกว่าเคยได้ยินมาจากที่ใด
ฉิงเอ๋อร์ติดตามเยว่เฟิงเกอออกมาจากหอชมบุปผา คนทั้งสองเพิ่งเดินออกมาจากหอชมบุปผาได้ไม่นานก็เห็นว่าตรงหน้ามีคนกลุ่มหนึ่งมายืนขวาง ในมือถือมีด และกำลังสาวเท้าเข้ามาหาพวกนางด้วยสายตาและท่วงท่าที่ดูคุกคามยิ่ง
แน่นอนฉิงเอ๋อร์จำได้ดี คนพวกนี้เป็ลูกน้องของฉินซง นางใรีบดึงชายเสื้อเยว่เฟิงเกอ กล่าวขึ้นด้วยความหวาดกลัวว่า “คุณชาย คนพวกนั้นเป็ลูกน้องของฉินซง พวกเขาล้วนไม่ธรรมดา พวกเรารีบหนีกันเถิดเ้าค่ะ”
เมื่อเยว่เฟิงเกอได้ยินว่ากลุ่มคนตรงหน้านี้เป็ลูกน้องของฉินซงก็รู้ทันทีว่า หลังจากที่ฉินซงเสียท่าให้นาง คนคงจะกลับไปเรียกพรรคพวกมาแก้แค้นเป็แน่
เยว่เฟิงเกอไม่ได้รีบร้อนจากไปไหน นางยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นโดยปกป้องฉิงเอ๋อร์ไว้เื้ั
เพียงแต่ในบรรดาคนพวกนี้ เยว่เฟิงเกอไม่เห็นเงาของฉินซงเลย ช่างทำให้นางประหลาดใจนัก หรือว่านางจะเตะแรงเกินไปจนน้องชายของฉินซงดับอนาถแล้ว?
ในใจคิดเช่นนี้ ใบหน้าของนางก็ค่อยๆ เผยรอยยิ้มออกมา
เยว่เฟิงเกอไม่เห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย นางคิดว่าแค่ตบตีฉินหว่านไปทีหนึ่งก็ได้รับห้ามูลค่าการซื้อ เช่นนั้นหากว่านางทุบตีฉินซงเล่า จะได้มูลค่าการซื้อด้วยหรือไม่?
มิหนำซ้ำนางยังเตะเข้าจุดยุทธศาสตร์ของฉินซงด้วย คาดว่าคงจะได้มูลค่าการซื้อมหาศาล
ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังคิดอยู่นั้น กลุ่มคนตรงหน้าก็เดินมาถึงตรงหน้านางแล้ว
ผู้นำเป็ชายที่ไว้หนวดสองเส้น ในมือถือมืดยาว เขาถลึงตามองเยว่เฟิงเกออย่างโกรธแค้น ก่อนจะเหลียวมองฉิงเอ๋อร์ที่หลบอยู่เื้ันางไปทีหนึ่ง ตอนนี้เขาแน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าผู้นี้นี่แหละที่เตะคุณชายของเขา
“ทุกคนมัวอึ้งอะไรอยู่ จัดการ” ชายหัวหน้าที่ไว้หนวดสองเส้นะโใส่พวกพ้องของเขา
คนพวกนั้นรับฟังคำสั่ง ต่างชูมีดแล้วย่ำเท้าเข้าหาเยว่เฟิงเกอ
ฉิงเอ๋อร์ใจนหน้าซีดขาว ตัวสั่น
นางรู้ เื่นี้เกิดขึ้นเพราะนาง หากว่าคุณชายตรงหน้าผู้นี้ได้รับาเ็ ชั่วชีวิตนี้นางคงไม่อาจให้อภัยตัวเองได้
คิดถึงตรงนี้ ฉิงเอ๋อร์ก็ปลุกความกล้าในตัว นางก้าวขึ้นมายืนขวางหน้าเยว่เฟิงเกอ กางแขนสองข้างออกแล้วะโใส่กลุ่มคนตรงหน้า “อย่าเข้ามานะ ไม่เช่นนั้นข้าจะสู้ตายกับพวกเ้า”
เมื่อคนพวกนั้นได้ยินคำพูดของฉิงเอ๋อร์ พวกเขาไม่เพียงไม่ถอยร่น ทั้งยังหัวเราะฮ่าฮ่าออกมาอีกด้วย
“ในเมื่อเ้าอยากตายเพียงนี้ ข้าก็จะสงเคราะห์ให้” ชายคนหนึ่งหยุดยืนตรงหน้าฉิงเอ๋อร์ เขายกมีดขึ้น เตรียมจะสับลงกลางศีรษะฉิงเอ๋อร์
ฉิงเอ๋อร์ใจนเผลอหลับตาปี๋ทั้งสองข้าง ท่าทางนางคล้ายกำลังรอความตาย
แต่รออยู่นาน มีดเล่มนั้นก็ยังไม่สับลงมา
ตอนที่นางลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นว่าชายคนนั้นได้ล้มไปนอนแทบเท้านางโดยไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะใดเรียบร้อยแล้ว
เมื่อคนอื่นเห็นเช่นนั้นก็รีบกรูกันเข้ามา พวกเขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าใครเป็คนลงมือ ถึงแม้ในใจจะเริ่มหวาดกลัว แต่ก็ยังไม่มีความคิดที่จะหยุด
เยว่เฟิงเกอใบหน้าประดับรอยยิ้ม แต่สายตากลับเ็าเหมือนน้ำแข็ง “ดูท่าพวกเ้าทุกคนคงจะรนหาที่ตาย”
เมื่อครู่ตอนที่ชายคนนี้คิดจะทำร้ายฉิงเอ๋อร์นั้น เยว่เฟิงเกอก็ได้ชิงลงมืออย่างรวดเร็ว สับไปที่คอเขา
ชายคนนั้นตาเหลือกแล้วล้มพับลงไปทันที
ยามนี้ทุกคนพากันกรูเข้ามา เยว่เฟิงเกอปกป้องฉิงเอ๋อร์ไว้ข้างหลัง เผชิญหน้ากับหมัดมือที่พุ่งเข้าใส่
ทว่า ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังรับมือกับคนกลุ่มนั้นอยู่นั้น จู่ๆ ชายหนวดสองเส้นที่เป็หัวหน้าก็ส่งเสียงร้องใ จากนั้นล้มฟุบลงไปบนพื้นทันที
ไม่นานคนอื่นๆ ก็พากันส่งเสียงร้องแล้วค่อยๆ ทยอยล้มลงพื้นไป
ตอนที่เหลือรอดอยู่แค่สี่ถึงห้าคน ในที่สุดพวกเขาก็รู้ถึงอันตรายแล้ว พร้อมใจกันหยุดมือ แต่ยังคงถือมีดมองไปรอบๆ ด้วยท่าทีระแวงระวัง
ฉับพลันนั้นลมปราณจากฝ่ามือหอบหนึ่งก็กระแทกเข้าใส่ ทำให้คนที่เหลืออยู่สี่ห้าคนล้มพับลงไปบนพื้นตามๆ กันทันที
ตอนที่เยว่เฟิงเกอกำลังครุ่นคิดอยู่ว่าเป็ฝีมือใคร ก็เห็นเงาร่างสายหนึ่งค่อยๆ ร่อนลงจากฟ้า
ตอนที่เขาร่อนลงถึงพื้นตรงหน้าเยว่เฟิงเกอ นางก็ยิ้มกว้างออกมา
“ม่อหลิงหาน” เยว่เฟิงเกอไม่ได้เรียกเขาว่าท่านอ๋อง แต่เรียกชื่อเขาตรงๆ
อย่างไรเสีย ตอนนี้นางก็สวมอาภรณ์บุรุษอยู่ จะให้คนอื่นรู้ไม่ได้ว่านางคือชายาจั้นอ๋อง
ส่วนม่อหลิงหาน เขารู้เื่ที่เยว่เฟิงเกอแอบออกมาจากจวนจากปากของถานอี้แต่แรกแล้ว แต่เขากลับไม่ได้คิดขัดขวาง และเพียงแอบตามนางไปจนกระทั่งนางเข้าไปในหอชมบุปผา
ยามนั้นม่อหลิงหานไม่ได้ตามเข้าไป เขาเพียงเฝ้ารออยู่ด้านนอก
แน่นอนว่าตอนที่เห็นกงซุนหนานเสียนเดินออกมา เขายังอดขมวดคิ้วไม่ได้
เดิมเขานึกว่าที่เยว่เฟิงเกอแอบหนีออกมาจากจวนเงียบๆ ตอนกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้จะเพื่อมาแอบพบกงซุนหนานเสียน แต่เวลาผ่านไปเป็นานก็ยังไม่เห็นนางออกมาสักที
ในตอนที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น ก็เห็นเยว่เฟิงเกอจูงมือแม่นางน้อยคนหนึ่งเดินออกมาจากหอชมบุปผาพอดี จึงได้ลอบติดตามคนทั้งสองไป ก่อนจะได้พบกับคนกลุ่มนี้ที่ดักรอหาเื่เยว่เฟิงเกออยู่
ในฐานะสามีของเยว่เฟิงเกอ เขาจะนั่งดูอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร
ครั้งนี้เขาไม่รอให้เยว่เฟิงเกอได้สู้จนพอใจ ก็ออกโรงซัดคนจนสลบไป
ม่อหลิงหานเองก็รู้ว่าคนพวกนี้เป็คนของจวนเสนาบดี จึงไม่ได้สังหาร