เมืองหยงโจวคึกคักแทบทุกวัน
ไม่ว่าจะเกิดาที่ชายแดนหรือขุนนางในวังถูกถอดจากตำแหน่ง เื่เหล่านี้ล้วนไม่เกี่ยวอะไรกับผู้คนในหยงโจวเลย ที่นี่ห่างไกลจากเมืองหลวงและศูนย์กลางของอำนาจ จึงมีคนไม่มากนักที่หลงใหลในอำนาจ
เื่ที่สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตัว รวมถึงทำให้เหล่าคหบดีและขุนนางที่หยงโจวพูดถึงได้นั้นย่อมไม่ใช่เื่อื่นใดนอกจากหญิงสาวที่งดงามที่สุดในหอจุ้ยฮวน
เื่ที่ทำให้ผู้คนยังคงตื่นเต้นและเป็ที่กล่าวถึงคือพิธีประชันสาวงามของหอจุ้ยฮวน
หลังจากพิธีประชันสาวงามจบลงเมื่อวานนี้ หลายคนลังเลที่จะจากไปเพราะ้ายลโฉมความงามของคณิกาชั้นสูงคนใหม่ที่มีนามว่าปี้เหยียน
จนกระทั่งเช้าตรู่ ผู้คนที่จับกลุ่มสนทนากันอยู่รอบๆ หอจุ้ยฮวนก็แยกย้ายกันไปในที่สุด
ดวงอาทิตย์เพิ่งโผล่ออกมาและความครึกครื้นของหอจุ้ยฮวนยังไม่เริ่มต้นขึ้น แต่ด้านหน้ากลับมีรถม้าจำนวนหนึ่งจอดรออยู่แล้ว
เหล่าบุคคลสำคัญส่งรถม้ามารอพร้อมกับเทียบเชิญ
นายหญิงแห่งศาลาฉีอวิ๋นนั่งอยู่หน้าโต๊ะและมองดูเทียบเชิญกองโต นางรู้สึกปวดหัวอยู่พักหนึ่ง
บุคคลสำคัญทั้งหมดในเมืองหยงโจวยกเว้นซูเจินล้วนส่งเทียบเชิญมาหานาง แม้แต่บิดาของซูเจินซึ่งดูเหมือนจะไม่อยากน้อยหน้าผู้อื่นก็ส่งเทียบเชิญมาด้วยเช่นกัน
ถ้านางปฏิเสธ หลังจากนี้นางจะอยู่ในเมืองหยงโจวต่อไปได้อย่างไร?
หอจุ้ยฮวนที่นางเพียรสร้างมาต้องยืนหยัดต่อไปให้ได้!
นางดื่มชากาแล้วกาเล่า และคิดหาวิธีรับมือกับเทียบเชิญเ่าั้
เกี้ยวสี่คนหามออกจากประตูหลังและตรงไปยังจวนผู้ว่าการ
หลังจากอวิ๋นจื่อทานอาหารแล้ว นางกับซูเจินก็ไปคำนับผู้ว่าการซูตามธรรมเนียมของตระกูลซู
ก่อนหน้านี้ซูเจินถามอวิ๋นจื่อว่า “เ้ามีคำตอบให้ข้าแล้วหรือยัง?”
อวิ๋นจื่อตอบเบาๆ “ท่านอยากรู้จริงๆ หรือ?”
ซูเจินพยักหน้า
อวิ๋นจื่อขยับเข้าไปใกล้หูของซูเจินและกระซิบบางอย่าง
เมื่อได้ยินคำพูดของอวิ๋นจื่อ ซูเจินก็มีท่าทีกระสับกระส่าย เมื่อเขาไปหาผู้ว่าการซูสีหน้าของเขาจึงไม่ค่อยดีนัก
นี่ทำให้ผู้ว่าการซูไม่สบายใจ
เหตุใดซูเจินที่สงบนิ่งมาโดยตลอดจึงมีท่าทีกระสับกระส่าย?
ผู้ว่าการซูปฏิบัติตามธรรมเนียมอย่างเหมาะสม จากนั้นเขาก็เตรียมที่จะกล่าวอวยพร
ทันใดนั้นซูเจินก็กล่าวว่า “ท่านพ่อโปรดมอบชื่อใหม่เป็ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ แก่นางด้วย”
ของขวัญ? เดิมทีมันมีไว้สำหรับลูกหลานของตระกูลซูตอนที่พวกเขาเคารพบรรพบุรุษในศาลบรรพชน
ผู้ว่าการซูครุ่นคิดแต่ไม่ได้พูดอะไร
ซูเจินกล่าวต่อว่า “น้องสาวของข้างดงามเพียบพร้อมและมีหัวใจที่บริสุทธิ์ พี่ชายอย่างข้าคิดว่าปี้หลัวเป็ชื่อที่ดีที่สุดสำหรับนาง”
อวิ๋นจื่อกล่าวขอบคุณเบาๆ
ผู้ว่าการซูกล่าวชมเชยสองสามคำด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็ลุกขึ้นและจากไป
ซูเจินขยิบตาให้อวิ๋นจื่อและเดินตามผู้ว่าการซูไปอย่างรวดเร็ว
เขาดึงร่างอันอ้วนท้วนของผู้ว่าการซูเข้าไปในห้องห้องหนึ่งแล้วกล่าวเสียงเบาว่า “ท่านพ่อจะไปไหนขอรับ?”
ผู้ว่าการซูมีท่าทีหดหู่ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าไม่ได้จะไปหอคณิกา ข้าจะไปทำงานที่ศาล”
“ท่านคิดว่าข้าจะเชื่อหรือ?” ซูเจินกล่าวเบาๆ
สีหน้าของผู้ว่าการซูดูเสียใจมาก เขากล่าวว่า “เจินเอ๋อ เ้าอย่าคิดเช่นนั้น บุรุษมักพบเจอปัญหาเล็กน้อยเสมอและข้าจะจัดการมันเอง! เอาล่ะ ข้าเลี้ยงดูเ้ามานานขนาดนี้ ข้ายังไม่ได้ขอให้เ้าขอบคุณข้าเลย แต่ข้าก็ยอมรับว่าบางทีข้าอาจทำอะไรขัดใจเ้าบ้าง พอแก่ตัวมาข้าก็อยากมีชีวิตที่สุขสบาย เ้าไม่สงสารบิดาผู้แก่ชราของเ้าเลยหรือ?”
คำพูดของผู้ว่าการซูนั้นฟังดูจริงใจอย่างยิ่ง หากเป็คนอื่นคงใจอ่อนและปล่อยเขาไปแล้ว
ซูเจินกลอกตา “ท่านพ่อ หลายปีมานี้ท่านเหนื่อยบ้างหรือไม่?”
ดวงตาของผู้ว่าการซูมืดลง “เจินเอ๋อ ั้แ่เสวียนซวนจากไปข้าก็กลายเป็ศพเดินได้ ไม่ว่าข้าจะเหนื่อยหรือไม่ล้วนไม่มีความหมายใดๆ”
ซูเจินหัวเราะออกมาดังๆ ราวกับได้ยินเื่ตลกที่น่าขบขันที่สุด
“นี่เป็เื่ตลกที่น่าขบขันที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมา ท่านกล้าพูดได้อย่างไรว่าการจากไปของท่านแม่ทำให้ท่านกลายเป็ศพเดินได้? หัวใจของท่านทำมาจากอะไร? ท่านลืมสำนักชิงซานไปแล้วหรือ? ตอนที่มีคนพาท่านแม่ไปท่านทำอะไร? พูดมาสิว่าท่านทำอะไร? ใน่สิบปีที่ผ่านมาท่านทำร้ายผู้หญิงไปแล้วกี่ราย? ข้ายังเรียกท่านว่าท่านพ่อเพราะเห็นแก่บุญคุณที่ท่านเป็ผู้ให้กำเนิด ดังนั้นโปรดมีจิตสำนึกสักนิดเวลาท่านกล่าวอะไรออกมา”
ผู้ว่าการซูยอมแพ้และกล่าวว่า “เจินเอ๋อ เ้าไม่เข้าใจข้าเพราะเ้ายังไม่เจอคนที่เ้ารัก เอาล่ะ หยุดพูดเื่นี้เสียที ข้าจะไปศาลแล้ว”
เมื่อมองด้านหลังของผู้เป็บิดาที่กำลังเดินจากไป ซูเจินก็เม้มปากก่อนจะยกยิ้มอย่างเ็าและพึมพำกับตัวเอง “ท่านรู้ได้อย่างไรว่าข้ายังไม่เจอคนที่ข้ารัก”
เมื่ออวิ๋นจื่อกลับมาที่เรือนของตนเอง นางก็พบว่านางได้รับเทียบเชิญจากหวังฉีอวิ๋น
‘ข้าต้องแจ้งซูเจินหรือไม่?’
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกว่าต้องแจ้งให้เขาทราบก่อน
ซูเจินกำลังสงบสติอารมณ์อยู่ในห้อง และเมื่อเห็นอวิ๋นจื่อกำลังเดินเข้ามา เขาก็ถามอย่างไร้เรี่ยวแรงว่าเกิดอะไรขึ้น
อวิ๋นจื่อกล่าวถึงเทียบเชิญที่นางได้รับ
ในดวงตาดอกท้อของซูเจิน ความสดใสและความเปล่งประกายได้กลับคืนมาอีกครั้ง เขากล่าวว่า
“เ้าก็ไปพบนางแล้วใช้โอกาสนี้ให้เป็ประโยชน์ บางทีนี่อาจเป็โอกาสดีในการหาเงิน อย่างไรเสียเ้าก็ต้องไปจากที่นี่ในไม่ช้า หากเ้ากลับจากไปพบป้าอวิ๋นแล้วอย่าลืมมาพบข้า ข้ามีเื่ต้องพูดคุยกับเ้า”
อวิ๋นจื่อพยักหน้าแล้วไปหาหวังฉีอวิ๋นทันที
นางพาไป๋จื่อไปด้วย
หลังจากเห็นไป๋จื่อ ดวงตาของหวังฉีอวิ๋นก็ทอประกายเล็กน้อย ในใจของนางมีเพียงหงจินเท่านั้นที่สามารถเรียกได้ว่าเป็ผู้ที่ได้รับการฝึกฝนจากนาง
อวิ๋นจื่อทักทายอีกฝ่ายอย่างอบอุ่น
หวังฉีอวิ๋นก็ตอบรับอย่างกระตือรือร้นเช่นกัน
ในใจของอวิ๋นจื่อราวกับมีคนตีกลองอยู่ด้านใน
เป็ไปได้ไหมว่านางมาเพื่อเจรจาการค้าจริงๆ?
หวังฉีอวิ๋นยิ้มกว้างก่อนจะกล่าวว่า “เมื่อวานข้ายังไม่ได้แสดงความยินดีกับเ้าเลย เ้าก็มาอยู่ที่จวนตระกูลซูเสียแล้ว”
อวิ๋นจื่อตอบรับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
นายหญิงแห่งศาลาฉีอวิ๋นกล่าวต่อว่า “ตอนนี้ข้าเห็นเ้าได้อยู่ในที่ที่ดีเช่นนี้แล้วข้าก็มีความสุขจริงๆ แต่ข้าคิดว่าในเมื่อเ้าเป็คนใจกว้าง ข้าจึงมีเื่อยากขอร้อง ข้าสงสัยว่าเ้าจะเต็มใจช่วยหรือไม่?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้