เมื่อได้ฟังคำของจุนห่าว หานรุ่ยก็พูดพลางหัวเราะว่า “เ้าคิดมากไปแล้ว คิดไปยันว่าจะถูกตามฆ่า เ้านี่ตีตนไปก่อนไข้เสียจริง ส่วนเื่บอกคนอื่น เ้าวางใจเถอะ ข้ามิใช่คนใสซื่อหรอกนะ แต่ก่อนนี้ข้าก็ไม่ค่อยเชื่อใจใคร ขนาดท่านปู่ข้ายังระแวงเลย ข้ารู้ดีว่า ท่านปู่รักข้า แต่เมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของตระกูล ข้าเชื่อว่า ท่านปู่จำเป็ที่จะต้องสละข้าไป แม้ท่านจะเ็ป แต่ความเ็ปนี้เทียบไม่ได้กับผลประโยชน์ของตระกูล ท่านปู่เป็ประมุขของตระกูล จึงต้องสละได้ทุกสิ่ง แม้กระทั่งชีวิตของคนที่เขาห่วงใย ในจุดนี้ท่านปู่ช่างไร้ความปรานีเหลือเกิน”
พอหานรุ่ยกล่าวจบ เขาก็มองจุนห่าวด้วยสายตาจริงจัง พร้อมเอ่ยขึ้นว่า “บนโลกนี้ ข้าเชื่อใจแค่ตัวเองและเ้าเท่านั้น เพราะฉะนั้น... จุนห่าว เ้าอย่าทำให้ข้าเสียใจนะ เพราะข้าอาจรับผลที่ตามมาไม่ไหว ข้าไม่รู้ว่า ตัวเองจะทำเื่บ้า ๆ อะไรลงไปบ้าง”
จุนห่าวมองเห็นถึงความรักในสายตาของหานรุ่ย ทั้งจริงจัง เด็ดเดี่ยว แน่วแน่ อีกทั้งยังบ้าคลั่ง พอเห็นหานรุ่ยที่เป็เยี่ยงนี้ จากเดิมที่จิตใจของจุนห่าวกระสับกระส่าย ก็ค่อย ๆ สงบลง เขารู้ว่า ที่หานรุ่ยเป็เช่นนี้ก็เพราะรักเขามากนั่นเอง จุนห่าวจับมือของหานรุ่ย และพูดตอบอย่างลึกซึ้งว่า “ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจ ข้าจะไม่มีวันทำร้ายเ้าเป็อันขาด” ่เวลานี้ หัวใจทั้งสองดวงต่างหลอมรวมกันเป็หนึ่งเดียว และจะไม่แยกออกจากกัน ใจของจุนห่าวมีหานรุ่ย ส่วนใจของหานรุ่ยก็มีจุนห่าว
ทั้งสองทำตัวหวานซึ้งกันอยู่พักหนึ่ง หานรุ่ยก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้งว่า “หญ้ามรกตทัวฝานในเวลานี้ยังไม่โตเต็มที่ การบ่มเพาะมันก็เป็เื่ที่ยากยิ่งนัก ข้าได้ยินมาว่า มันต้องใช้เวลาถึงหนึ่งล้านปีกว่าจะเริ่มเบ่งบาน และใช้เวลาต่ออีกหนึ่งล้านปีถึงจะโตเต็มที่ มันจะโตเต็มที่อย่างแท้จริงก็ต่อเมื่อปลูกบนดิน และหญ้าิญญาชนิดนี้ จะต้องอาศัยสถานที่ที่มีพลังิญญาเพียงพอ ต้นที่เราได้มาเริ่มเบ่งบานแล้วก็จริง ทว่าก็ยังต้องใช้เวลาอีกหนึ่งล้านปีกว่ามันจะโตเต็มที่ และจะต้องมีพลังิญญาที่เพียงพอสำหรับมันด้วย หากขาดพลังิญญาไป มันก็จะเหี่ยวเฉาเอาได้ จึงมิใช่เื่ง่ายเลยที่จะปลูกหญ้ามรกตทัวฝานนี้” เมื่อหานรุ่ยกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็หยุดพูดไปครู่หนึ่งและกล่าวต่อว่า “ก็จริงแหละนะ หากหญ้ามรกตทัวฝานโตเต็มที่ได้ง่ายดายขนาดนั้น บัดนี้ก็คงจะมีสัตว์อสูรร้ายอยู่ทั่วทุกแห่งหนไปแล้ว และโลกนี้ก็จะกลายเป็โลกแห่งการบำเพ็ญเพียรของสัตว์อสูร ถ้าเป็เช่นนั้นเราจะยังปักหลักอยู่ที่ใดได้อีก หากเราไม่ได้พบหญ้าต้นนี้ ข้าคิดว่า มันเป็เื่ยากที่หญ้านี้จะโตได้อย่างเต็มที่ ลองเอามันไปบ่มเพาะในเทศะของเ้า และคอยดูว่า ใช้เวลานานเท่าไหร่ มันถึงจะโตเต็มที่ หากเราปลูกหญ้ามรกตทัวฝานขึ้นมาจำนวนหนึ่งได้ ย่อมเป็เื่ดีต่อเราแน่” พอกล่าวถึงตรงนี้ ดวงตาของหานรุ่ยก็เปล่งประกาย แสดงให้เห็นถึงอาการตื่นเต้นของเขา
ครั้นฟังคำพูดเมื่อครู่ของหานรุ่ย ดวงตาของจุนห่าวก็เปล่งประกายวาววับด้วยเช่นกัน แววตาของเขาดูเปล่งปลั่งจนน่าใ จุนห่าวลูบคางของเขาและเอ่ยขึ้นว่า “ก็มิใช่ว่าเื่นี้จะเป็ไปไม่ได้ สภาพแวดล้อมในเทศะเหมาะกับการปลูกหญ้าิญญาอยู่ทีเดียว ข้าจะรดน้ำมัน ด้วยน้ำจากบ่อโอสถทุกวัน คงจะร่นระยะเวลาในการเติบโตของมันให้เร็วขึ้นได้แน่ แต่ข้าไม่รู้ว่า มันจะร่นเวลาให้เร็วขึ้นได้แค่ไหน พอหญ้าต้นนี้โตเต็มที่ เราค่อยนำเมล็ดพันธุ์ของมันมาปลูกเพิ่มอีก ถ้าเป็เช่นนี้ก็คงจะเพิ่มพูนได้เรื่อย ๆ” จุนห่าวกล่าวอย่างตื่นเต้น แค่ได้คิดว่า ต่อไปตนเองจะได้ฝึกกองทัพสัตว์อสูร เขาก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น
“ถ้าอย่างนั้นเ้าลองปลูกดูก่อน แล้วดูว่าจะต้องใช้เวลาบ่มเพาะนานเท่าไร ขอเพียงแค่ปลูกให้โตเต็มที่ได้หนึ่งต้น เราก็คงจะรู้แล้วว่า หญ้านี้ใช้เวลานานเพียงใดถึงจะบ่มเพาะได้สำเร็จ” หานรุ่ยเอ่ยขึ้นต่อว่า “แววตาของเ้ากำลังฟ้องอยู่นะว่า ทำไมข้าถึงใช้เงิน 10 ตำลึงเงิน เพื่อซื้อกิ่งไม้ธรรมดาและลูกบอลทมิฬไร้ประโยชน์นั้นล่ะ คงมิใช่เพราะเ้าเพลิดเพลินไปกับคำโอ้อวดของเ้าของแผงลอย เลยอยากให้รางวัลแก่เขาหรอกนะ คำพูดนี้อาจจะหลอกลวงคนอื่นได้ แต่ข้าไม่เชื่อเ้าหรอก”
“ได้อย่างไรกันล่ะ ข้าออกจะเป็คนมัธยัสถ์ ข้าจะใช้เงินโดยไม่มีเหตุผลได้อย่างไร 10 ตำลึงเงินสำหรับเราในตอนนี้ก็มิได้มีค่าเท่าไรนี่ แต่ไม่ว่า ยุงจะตัวเล็กแค่ไหน ก็ถือว่ามันเป็สัตว์ชนิดหนึ่งอยู่ดี เราสองคนยังต้องดิ้นรนต่อความยากลำบากอีกมาก ข้าก็หวงแหนเงินทุกตำลึงนั่นแหละ เพราะมันคือเงินที่มาจากหยาดเหงื่อของพวกเรา” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ยด้วยรอยยิ้ม
