พอได้ยินหมี่หลันเยว่พูดหนักแน่นว่าจะรับงานนี้ เฉียนหย่งจิ้นก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที
"คนที่อยากได้ของไปขายส่งน่ะ เป็ญาติของเพื่อนฉัน เขาเปิดร้านอยู่ที่เมืองข้างๆ ร้านใหญ่โต ขายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ชุดชั้นใน อะไรที่ใส่ได้ขายหมด เรียกได้ว่าเป็ร้านเสื้อผ้าส่วนตัวที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนั้นเลย"
"เพื่อนฉันไปเที่ยวบ้านเขา แล้วเขาเห็นเสื้อผ้าที่เพื่อนฉันใส่อยู่ก็ชอบมาก ถามว่าซื้อที่ไหน เพื่อนฉันรู้ว่ายี่ห้อนี้พวกเราเป็คนทำก็เลยบอกข่าวให้ เขาก็เลยฝากเพื่อนฉันมาบอกว่า ถ้าที่ร้านพวกเราทำขายส่งด้วย เขาก็จะมาดู"
นี่มันโชคหล่นทับชัดๆ ถ้าทำธุรกิจนี้สำเร็จก่อนปีใหม่ รับรองว่าเงินเข้ากระเป๋าเป็กอบเป็กำ
"ตกลง พี่ไปบอกเพื่อนพี่ได้เลยว่าพวกเราทำแน่นอน แต่รายละเอียดบางอย่างพวกเราต้องคุยกันให้ดีก่อน พี่ไปบอกเพื่อนก่อนเลยนะ ว่าพวกเราตกลงแล้ว ให้เขาส่งคนมาคุยรายละเอียดกับพวกเรา"
"ได้ ฉันไปบอกเขาเดี๋ยวนี้เลย"
"รีบไปรีบกลับนะ ไปบอกแล้วรีบกลับมา ฉันยังมีเื่จะปรึกษาด้วย"
หมี่หลันเยว่มองตามหลังเฉียนหย่งจิ้นไป ก่อนจะเรียกหลินเผิงเฟยกับหมี่หลันหยางมา
โชคดีที่วันนี้เป็วันอาทิตย์ แม่ดูแลร้านหนังสืออยู่บ้าน พี่ชายเลยมาอยู่ที่ร้านเสื้อผ้าด้วย การเรียกคนมารวมตัวกันเลยง่ายหน่อย หมี่หลันเยว่เรียกหลิวเสี่ยวหว่านมาด้วย ตอนนี้พี่เสี่ยวหว่านก็ถือว่าเป็กำลังหลักของกลุ่มเล็กๆ ของหมี่หลันเยว่
"พี่หลันหยาง พี่เผิงเฟย พี่เสี่ยวหว่าน พวกเราอาจจะต้องรับงานใหญ่แล้ว เื่นี้พวกเราต้องวางแผนกันให้ดีๆ ฉันหวังว่างานนี้จะสร้างจุดเริ่มต้นที่ดีให้กับห้องเสื้อหลันเยว่ของพวกเรา"
หมี่หลันเยว่ยังตื่นเต้นเล็กน้อย น้ำเสียงเลยสั่นๆ
ถ้าสามารถรับงานใหญ่ขนาดนี้ได้ภายในสองเดือนแรกที่เปิดร้าน ถือเป็กำลังใจสำคัญให้กับพนักงานทุกคน และเป็การยืนยันว่าแนวทางที่เธอเดินมานั้นถูกต้อง ตราบใดที่ทิศทางถูกต้อง อนาคตของร้านก็จะสดใสยิ่งขึ้น
"หลันเยว่ งานใหญ่? นี่เธอหมายความว่า มีคนจะมาสั่งตัดเสื้อผ้าที่ร้านพวกเราเหรอ?"
หมี่หลันหยางเข้าใจสิ่งที่น้องสาวพูดก็ตื่นเต้นไปด้วย หมี่หลันเยว่พยักหน้าเร็วๆ
"ใช่ๆ มีคนอยากมาสั่งตัดเสื้อผ้า ก็อยู่ที่พวกเราแล้วว่าจะรับมือยังไง"
"เธอไม่ได้บอกว่าอยากรอให้เปิดสาขาแล้วค่อยขยายธุรกิจเหรอ?"
คำพูดที่น้องสาวพูดกับเขาเมื่อไม่กี่วันก่อน หมี่หลันหยางยังจำได้แม่น น้องสาวเป็คนวางแผนทุกอย่าง เป็ไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนใจกะทันหัน หมี่หลันหยางอยากรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้มาจากไหน
"ตอนแรกฉันก็วางแผนไว้อย่างนั้น แต่แผนการมันก็เปลี่ยนได้เร็วนี่นา มีคนมาหาถึงที่แล้ว พวกเราจะพลาดโอกาสนี้ได้ยังไง ฉันคิดว่า พวกเรามาช่วยกันคิด ช่วยกันวางแผนหาความเป็ไปได้ หาทางรับงานนี้มาให้ได้ แถมยังต้องไม่กระทบกับการตลาดของพวกเราด้วย"
"พวกพี่ก็รู้ว่า่ก่อนปีใหม่เป็่ที่ขายดีที่สุด ไม่งั้นฉันคงไม่เร่งพี่เสี่ยวหว่านให้ทำของเยอะๆ เก็บสินค้าไว้เยอะๆ หรอก แต่ตอนนั้นที่เก็บสินค้าไว้ก็เพราะอยากมีของขายตอนหน้าใบไม้ร่วง แล้วค่อยรีบทำเสื้อผ้าหน้าหนาวต่อ ไม่คิดเลยว่าตอนนี้สินค้าพวกนั้นอาจจะมีประโยชน์"
หลิวเสี่ยวหว่านขมวดคิ้วอย่างกังวล
"หลันเยว่ สินค้าในคลังเป็เสื้อผ้าหน้าใบไม้ร่วงหมดเลยนะ เสื้อแจ็กเก็ตบางๆ เสื้อคลุมตัวเล็กๆ อะไรพวกนั้น ถ้าตอนนี้เขาจะมาสั่งของ จะเอาเสื้อผ้าหน้าใบไม้ร่วงไปได้เหรอ อีกไม่นานก็จะหมดฤดูแล้วนะ"
แต่สิ่งที่หมี่หลันเยว่กังวลไม่ใช่เื่นั้น
"พี่เสี่ยวหว่าน ไม่ว่าเขาจะเอาเสื้อผ้ารอบนี้ไปหรือไม่ก็ตาม เสื้อผ้ารอบนี้ก็ช่วยแก้ปัญหาใหญ่ให้พวกเราได้ ทำให้พวกเราไม่ต้องวุ่นวาย"
"ลองคิดดูสิ ถ้าเขาเอาเสื้อผ้าหน้าใบไม้ร่วงรอบนี้ไป พวกเราก็มีของให้เขาเลย ส่วนพวกเราเองก็เร่งผลิตของเพิ่มอีกชุด เอาไว้ขายในร้านตัวเอง แบบนี้ก็จะไม่กระทบกับการขายของพวกเรา พวกเราทำเสร็จชิ้นหนึ่งก็เอามาส่งที่ร้านชิ้นนึง ระยะทางมันใกล้ ถึงจะต้องค่อยๆ ขนมาทีละชิ้นเหมือนมดขนอาหารก็ยังส่งทัน"
"ถ้าเขาไม่เอาเสื้อผ้าหน้าใบไม้ร่วงรอบนี้ พวกเราก็ขายของพวกเราไป ก่อนจะเอาเสื้อผ้าหน้าหนาวมาขาย เสื้อผ้าหน้าใบไม้ร่วงรอบนี้ก็ยังขายได้อีกตั้งเดือนกว่า พวกพี่ก็จะได้ว่างมาช่วยเขาตัดเสื้อผ้าหน้าหนาว ไม่ว่าจะยังไง สินค้าในคลังรอบนี้นี้ก็มีประโยชน์กับพวกเรามาก"
พอได้ฟังการวิเคราะห์ของหมี่หลันเยว่ ทั้งสามคนก็ค่อยๆ คลายความกังวลลงไปบ้าง เพราะถ้าเป็งานใหญ่จริง ด้วยความสามารถในการผลิตเสื้อผ้าของโรงงานตัวเอง ก็ต้องคำนวณให้ดีๆ ถ้าผลิตตามจำนวนที่เขาสั่งไม่ได้ ก็อย่ารับงานเลยดีกว่า ไม่งั้นค่าปรับที่ต้องจ่ายถ้าทำงานไม่สำเร็จ อาจจะทำให้โรงงานเจ๊งได้
"ก็ต้องขอบคุณหลันเยว่ที่มองการณ์ไกล"
หลิวเสี่ยวหว่านคิดถึงท่าทีที่ไม่ใส่ใจของตัวเองในตอนนั้น แถมยังทำเหมือนไม่อยากทำ ก็รู้สึกละอายใจ
"ตอนที่เธอให้พวกเราเร่งทำสินค้า ฉันก็คิดจริงๆ นะว่ามันเกินความจำเป็"
"สินค้าค้างคลังเยอะๆ มันก็ต้องสร้างความกดดันให้กับร้านของพวกเรา ฉันเลยไม่อยากให้พวกเขาทำเยอะ โชคดีที่ฟังเธอ ตอนนี้พอดูแล้ว ฉันเกือบจะพลาดเื่ใหญ่ไปแล้ว ต่อไปฉันต้องฟังแผนการและคำแนะนำของเธอเยอะๆ เตรียมพร้อมไว้ก่อนดีกว่าไม่เตรียมอะไรเลย"
หลังจากทบทวนความผิดพลาดของตัวเอง หลิวเสี่ยวหว่านก็พูดอย่างจริงใจ
"หลันเยว่ จริงๆ แล้วเธอเคยบอกฉันไว้แล้วว่า โอกาสมีไว้สำหรับคนที่พร้อมเสมอ ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการตัดสินใจของเธอถูกต้อง ตอนนี้ฉันนับถือเธออย่างหมดหัวใจจริงๆ สายตาที่มองการณ์ไกลของเธอ ทำให้ฉันนับถือจริงๆ ฉันต้องเรียนรู้จากเธออีกเยอะเลย"
หลินเผิงเฟยกับหมี่หลันหยางเห็นด้วยกับคำพูดของหลิวเสี่ยวหว่าน การตัดสินใจของหมี่หลันเยว่มีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจของร้านเสื้อผ้า เธอสามารถตัดสินใจได้อย่างถูกต้องที่สุดในเวลาที่เหมาะสม ทำให้ห้องเสื้อหลันเยว่เดินหน้าไปอย่างมั่นคงั้แ่เปิดร้านมาจนถึงตอนนี้
หมี่หลันเยว่รับฟังคำชมพวกนี้ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือ ทำยังไงถึงจะคว้างานใหญ่ชิ้นนี้มาให้ได้ ส่วนเื่คำชม รอให้เงินทองเข้ากระเป๋าแล้วค่อยตัดสินก็ยังไม่สาย หมี่หลันเยว่จะไม่ปล่อยให้ความสำเร็จที่ยังมาไม่ถึงมาทำให้เธอหน้ามืดตามัว
"สินค้าแค่นี้ มันช่วยพวกเราได้แค่่สั้นๆ มันไม่พอใช้หรอก ที่ฉันเรียกพวกพี่มารวมกัน ก็เพราะอยากจะคุยกับพวกพี่ว่า ต่อไปพวกเราต้องทำยังไง ถึงจะรับมือกับงานใหญ่ขนาดนี้ได้ เพราะพวกเราก็มีร้านของตัวเองด้วยนี่นา"
"แถมฟังจากที่พี่หย่งจิ้นพูด ร้านเสื้อผ้าที่เมืองข้างๆ ก็ดูใหญ่มาก เสื้อผ้าที่เขา้าก็คงจะต้องมีจำนวนมาก ฉันว่ามันน่าจะเกินกำลังการผลิตของพวกเราไป ฉันเลยคิดว่า สิ่งที่พวกเราต้องทำเป็อย่างแรกก็คือ หาคนงานเพิ่ม หาเครื่องจักรเพิ่มอีก"
"พอดีเลย บ้านตรงนั้นก็สร้างเสร็จแล้ว ที่ก็กว้างขวาง พวกเราย้ายไปตรงนั้นเลย ไปเริ่มงานที่นั่นกัน"
หลิวเสี่ยวหว่านพยักหน้าเห็นด้วย และรีบรับหน้าที่ของตัวเอง
"เื่คนฉันรับผิดชอบ สองวันเสร็จแน่นอน"
ที่หมู่บ้านของเธอ พอเห็นว่าเด็กผู้หญิงที่ตัวเองพาออกมาตอนนี้แต่ละเดือนสามารถเอาเงินกลับบ้านได้ แถมยังได้เยอะ ไม่ต้องพูดถึงว่ามีกินมีอยู่พร้อมสรรพ ก็มีหลายคนที่อยากจะลองดูบ้าง แต่หาช่องทางไม่ได้ ถ้าเธอกลับไปประกาศรับสมัคร รับรองว่าต้องมีคนอยากมาทำงานเยอะแยะ เธอก็เลือกได้ตามสบาย เลือกคนที่เก่งที่สุดได้แน่นอน
"อืม เื่นี้ต้องรีบจัดการ พี่เสี่ยวหว่านต้องใส่ใจเื่นี้หน่อย แต่ก่อนที่จะหาคนงาน พี่ต้องรีบทำอีกเื่หนึ่งก่อน ก็คือตัวอย่างเสื้อผ้าหน้าหนาว พี่ต้องให้พวกเขาทำออกมาให้เยอะๆ หน่อย อย่างน้อยก็แบบละสองสามชุด ทำให้เสร็จภายในสองวันนี้ ฉันหวังว่าตอนที่คนจากที่นั่นมา พวกเขาจะได้เห็นสินค้าที่เสร็จแล้ว"
แบบเสื้อผ้าหน้าหนาว หมี่หลันเยว่ให้ไปนานแล้ว แต่เพราะเวลามันกระชั้นชิด ่ก่อนหน้านี้ก็ทำแต่เสื้อผ้าหน้าใบไม้ร่วง เลยยังไม่ได้เริ่มตัดเย็บเสื้อผ้าหน้าหนาว แบบเสื้อผ้ายังอยู่ในมือของหลิวเสี่ยวหว่าน หมี่หลันเยว่สั่งไว้ว่า จะให้ประกาศแบบก็ต่อเมื่อแน่ใจว่าจะเริ่มตัดเย็บแล้วเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้แบบเสื้อผ้ารั่วไหลออกไปก่อน
"ตกลง ฉันจะสั่งให้พวกเขาทำตัวอย่างออกมาเลย"
หลิวเสี่ยวหว่านก็เป็คนตรงไปตรงมา รีบตอบรับทันที หลันเยว่ก็ให้เธอรีบไปจัดการ
"ต้องเร่งความเร็วแล้ว พวกเราเห็นได้ชัดว่ารอไม่ได้อีกแล้ว ต้องรีบเอาตัวอย่างออกมาให้ได้"
หลิวเสี่ยวหว่านที่กำลังจะออกไป ก็จู่ๆ ก็นึกเื่นึงขึ้นมาได้
"หลันเยว่ ต้องรีบซื้อผ้ากลับมาเพิ่มด้วยนะ ผ้าสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้าหน้าหนาว ในคลังของพวกเรายังขาดอยู่อีกเยอะ เพราะไม่ได้รีบเริ่มตัดเย็บ รอบที่แล้วที่ซื้อมาเลยยังไม่ครบ"
"เื่นี้ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันถึงได้เรียกพี่เผิงเฟยมาด้วยไง ก็จะมาคุยเื่ซื้อของนี่แหละ พี่เสี่ยวหว่านไม่ต้องห่วง เื่ผ้า ฉันไม่ปล่อยให้พวกพี่ขาดแน่นอน พวกพี่มีหน้าที่ผลิตอย่างเดียว เื่เตรียมของ ฉันจัดการให้เอง"
พอได้รับการยืนยันจากหมี่หลันเยว่ หลิวเสี่ยวหว่านก็วางใจออกไป ทำงานอีกเยอะแยะ ต้องจัดการเื่ให้โรงงานผลิตตัวอย่างเสร็จ แล้วยังต้องรีบกลับไปที่หมู่บ้านเพื่อรับสมัครคนงาน พอรับคนกลับมาแล้ว ก็ต้องรีบฝึกให้พวกเขาปรับตัวเข้ากับขั้นตอนการทำงานของโรงงานได้เร็วๆ แล้วเริ่มงานให้เร็วที่สุด ดังนั้นเวลาเลยมีจำกัดมากๆ
"พี่เผิงเฟย เื่ของพี่เสี่ยวหว่านจัดการเสร็จแล้ว ต่อไปก็ต้องดูที่พี่แล้ว"
พอจัดการเื่ของหลิวเสี่ยวหว่านเสร็จแล้ว ต่อไปก็เป็เื่ของหลินเผิงเฟย การจัดซื้อผ้าสำหรับตัดเย็บเสื้อผ้าหน้าหนาวและการจัดซื้อเครื่องจักรเป็เื่ที่สำคัญมากๆ ต้องรีบลงมือทำทันที รวมถึงการซื้ออุปกรณ์อื่นๆ ด้วย พวกอุปกรณ์เล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น กระดุม ซิป ตะขอ ถ้าขาดอะไรไปก็ไม่ได้
"ฉันรู้แล้ว หลันเยว่ ฉันจะไปรวบรวมรายการวัสดุที่ต้องใช้ แล้วสั่งซื้อทันที ฉันจะเตรียมของให้พร้อมในวันนี้"
หลินเผิงเฟยได้ยินหลันเยว่สั่งงานพี่เสี่ยวหว่านแล้ว ก็รู้เองว่าจะต้องทำอะไร
"ค่ะ ฉันวางใจในการทำงานของพี่เผิงเฟย แต่ถึงเื่มันจะเร่งด่วน แต่พวกเราก็ต้องใจเย็นๆ ต้องเตรียมเื่ต่างๆ ให้ดีทีละอย่าง ถึงจะช้าหน่อยก็ไม่เป็ไร ดีกว่าเกิดข้อผิดพลาด"
หมี่หลันเยว่กำชับ แล้วก็คุยกับหลินเผิงเฟยถึงจำนวนเครื่องจักรที่้าและเื่การจัดซื้อผ้าอย่างละเอียดอีกรอบ หลินเผิงเฟยก็รับงานไป
"แล้วตอนนี้ฉันต้องทำอะไร?"
หมี่หลันหยางรับงานใหญ่เป็ครั้งแรก ก็เลยทำอะไรไม่ถูกจริงๆ หมี่หลันเยว่รีบปลอบใจเขา บอกว่าอย่ากังวล การรับงานเป็การดี ไม่จำเป็ต้องทำให้ทุกคนใจคอไม่ดี มันไม่สวยงามเลย เพราะตราบใดที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ไม่มีปัญหาอะไรที่แก้ไขไม่ได้
