เื่ความมั่นใจจนเกินตัว ฝังเข็มผู้ป่วยโดยไม่ปรึกษาแพทย์ชำนาญการ เป็เหตุให้บุตรสาวถูกว่ากล่าวตักเตือนอยู่ครึ่งค่อนวัน
เหม่ยฉีสำนึกผิดในเื่ที่นางกระทำ ด้วยความโง่เขลาของนาง คิดว่าแม่ทัพปีศาจคงจะไม่เป็อะไร คืนก่อนนั้นนางลองฝังเข็มให้เขาแล้วเห็นว่าปรับสมดุลหยินหยางได้ เขานอนหลับสบายดี เขาเองก็เข้าข้างนาง กล่าวว่าทีบิดาเล่า ชอบให้บุตรสาวชิมยาขนานใหม่ นางจึงมีสมองผิดปกติเยี่ยงนี้ ไหนจะเื่เยว่ฉีกลืนตำราปีศาจเข้าไป...
ครั้นบุตรสาวและบุตรเขยคะยั้นคะยอถามเื่ตำราผสานจิตใจว่ามีความเป็มาอย่างไร บิดาก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนา พาบุตรสาวกลับเรือนหมอหลวง กระทั่งวันต่อมาครอบครัวท่านผู้ตรวจการเข้ามาพบสกุลหยางถึงเรือนาุโ บิดาและบุตรสาวไปพบพวกเขา นำตะกร้าสมุนไพรบำรุงเอ็นและข้อกระดูกมอบให้ บ่าวรับใช้ชายบ้านสกุลจางเข้ามารับไป
“ถึงงานยาของราชสำนักจะยุ่งเอามาก ๆ พอนึกถึงผู้ใหญ่สกุลจางที่เคยไปมาหาสู่กัน เราสองพ่อลูกเลยตื่นมาต้มยาั้แ่ฟ้ามืด ใช่ไหม? ลูกสาว”
“เ้าค่ะท่านพ่อ” เหม่ยฉียิ้ม หลังจากที่นางประสานมือคำนับทักทายผู้าุโอย่างนอบน้อม นั่งลงบนตั่งไม้สลักลายบุปผางามในเรือนใหญ่
จากที่นั่งของนางมองออกไปเห็นสวนหย่อม ต้นไม้สูงตระหง่านรายล้อมรอบเรือนร่มรื่น นกกระจอกร้องเพลงเคียงคู่บนกิ่งไม้ ใต้สายลมพัดอ่อนในฤดูวสันต์ เด็กน้อยวิ่งเล่นสนุกสนาน เด็กโตนั่งอ่านหนังสือในเรือน นางรู้จักพวกเขาทั้งหมดไม่ว่าจะเป็บุตรชายวัยเจ็ดขวบ บุตรสาววัยสี่ขวบและห้าขวบเป็บุตรฝั่งท่านลุง บุตรสาวอีกสองอายุสิบเอ็ดปี ลี่เหยาและสามีของนางนั่งอยู่ข้างกันช่วยดูแลเด็ก ๆ อีกแรง
ถัดจากบิดาไปเป็ที่นั่งของฟานฮูหยิน ลิ่วฮูหยิน ท่านลุงผู้เป็ญาติทางฝ่ายบิดา บิดามารดาของท่านผู้ตรวจการนั่งในฝั่งตรงกันข้าม หลายคนมีสีหน้าคร่ำเครียด เมื่อบุตรชายฝั่งสกุลจางพูดขึ้นมาว่าคืนนั้นเป็เพียงเื่เข้าใจผิดกัน
“ก็พอจะถือว่าเป็เื่เข้าใจผิดได้ เพียงแต่ใต้เท้าหลิวคงไม่คิดว่า... เืดำปี๋ขนาดนั้นเป็เืพรหมจรรย์ของหญิงสาวใช่หรือไม่?”
“เ้าดื่มสุราจนเมามายในโรงเตี๊ยม มีถ้วยหนึ่งใส่ใบต้าหมา[1] เ้าแพ้มันจนอาเจียนเป็โลหิต เ้าแพ้มาั้แ่เล็กแล้วมิใช่หรือ? เ้าช่วยรักษาหน้าข้าหน่อยเถิดเยว่ฉี ทำเป็ลืม ๆ ไปเสีย”
“ลูกสาว เ้าหลับหูหลับตาสักครั้งเถิดนะ อย่าผิดใจกับผู้าุโเลย ยังไงซะก็เป็ครอบครัวเดียวกัน ยามเ้าประพฤติผิด พวกเขาก็ให้อภัย”
เหม่ยฉีฝืนยิ้มมองบิดาโดยไม่โต้แย้ง แม้ในใจสุมด้วยไฟโทสะ ก่อนที่นางจะชะโงกคอมองบานประตูว่างเปล่า ด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ท่านแม่ทัพของนางคงนั่งทำงานอยู่ที่กระโจมข้างกำแพงเมือง นางนั่งใจลอยอยู่นาน เมื่อทางผู้ใหญ่สนทนากันเื่บ้านเมือง เื่สุขภาพและการเรียนของบุตรหลาน
“เอ๊ะ... ย่าได้ยินว่าคุณชายสามย้ายมาประจำการในต้าเหลียงแล้วหรือ?”
“ขอรับท่านย่า ข้าเคยรับปากเยว่ฉีไว้นานแล้วกลับไม่ทำมันเสียที จนนางหมดรักในตัวข้าไปพึงใจแม่ทัพเจี้ยนหยู่...”
“โธ่ หลานเขย พูดเื่นี้ทีไร ก็น่าเห็นใจเ้า ข้าว่าหลานสาวคงไม่หมดใจไปเสียทีเดียวหรอกกระมัง ทำไมเ้าทั้งสองไม่ลองไปเที่ยวชมเมือง ระลึกถึงความสัมพันธ์ในวันวาน เยว่ฉี เ้าออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง มัวแต่ขลุกอยู่ในโรงปรุงยา เมื่อไรจะได้ออกเรือน มีทายาทสืบสกุล ดูท่านพ่อเ้ามองเด็กตัวเล็ก ๆ ในเรือนสิ อยากจะอุ้มหลานเต็มทนแล้วเห็นไหม?”
ท่านย่าซักไซ้หลานสาว ซึ่งนางก็มีความเห็นตรงกัน บิดาเอาแต่มองเด็ก ๆ ด้วยสายตาเอ็นดูยิ่งนัก ทางด้านสกุลจางถือโอกาสไถ่ถามนางว่าทำไมไม่ไปเยี่ยมเยียนพวกเขา เด็กน้อยที่บ้านนั้นต่างคิดถึงนาง
บิดาของท่านผู้ตรวจการเป็บัณฑิตที่มีชื่อเสียง อบรมสั่งสอนบุตรชายเป็อย่างดีจนกระทั่งสอบเข้าเป็ผู้ตรวจการได้ มารดาแม้เป็สามัญชนก็วางตัวเหมาะสม ทั้งสองเอ็นดูเยว่ฉีมาก อยากได้นางเป็ลูกสะใภ้อย่างตรงไปตรงมา เื่ฮูหยินใหญ่สมรู้ร่วมคิดกับฝั่งฮูหยินสกุลหยางนั้นทั้งสองคงไม่รู้เื่ด้วย เหม่ยฉีไม่พาลโกรธพวกเขาแล้วนางยังรักษาน้ำใจบิดา
“ข้าเคยได้ยินเื่เมืองฉางอัน เมืองลั่วหยางยังจัดงานรื่นเริงอยู่ทุกปี เมื่อนานมาแล้วใต้เท้าหลิวเคยรับปากว่าจะพาข้าไป ลองไปดูก็ดีเ้าค่ะ...”
“ดีสิ! ดีเลย พวกเ้ากลับไปเตรียมของให้เรียบร้อย จะไปกันเมื่อไรดี?”
ฮูหยินทั้งสองได้ยินข่าวดีจากปากหลานสาว ฝั่งาุโสกุลจางเตรียมจะกล่าวเื่งานมงคลแล้ว บิดาของนางดันยกมือปรามขัดขึ้นเสียก่อน
“ใจเย็นก่อน เื่เดินทางไกลไม่ใช่ปัญหา แต่ข้าพึ่งเจรจากับลูกเขยเื่งานหมั้นหมาย เขาไม่ขัดข้องอะไร ข้าเองก็รับปากว่าจะตามใจลูกสาว เยว่ฉีเป็เด็กดี ดูแลเรือนหมอหลวงโดยไม่ขาดตกบกพร่องในหน้าที่ นางย่อมได้รับความรักจากบิดาอย่างเท่าเทียม จะมาหาว่าข้าลำเอียงทีหลังมิได้”
“ข้าซาบซึ้งในความรักของท่านพ่อยิ่งนัก!” บุตรสาวปรี่เข้าไปกอดบิดา หอมแก้มบิดาฟอดใหญ่ ไม่สนว่าใครจะพูดอย่างไรเื่แม่ทัพเจี้ยนหยู่
หมอหลวงไท่ซือจิ่วเป็ผู้ใหญ่ที่เปิดกว้าง เขายินยอมให้บุตรสาวเลือกคู่ครองด้วยตนเอง แม้แต่บุตรสาวบุญธรรมอย่างลี่เหยา เมื่อสี่ปีก่อนมีขุนนางใหญ่มาทาบทามไปเป็ภรรยา บิดาเลือกที่จะถามความเห็นบุตรสาวก่อนใคร ได้เื่ว่านางดันไปตกหลุมรักเศรษฐีร้านขายผ้าแคว้นหวู เมื่อคราวที่นางไปส่งสาส์นจากทางการแทนเยว่ฉี ซึ่งบิดาจะเอาใจขุนนางผู้นั้นก็ย่อมได้ เขากลับส่งเสริมให้บุตรสาวแต่งงานกับชายที่ตนรัก
“แม่ทัพเจี้ยนหยู่ใช้เงินมือเติบ ด้วยวิถีปีศาจของเขา ไม่รู้จักรักษาเงินทอง แต่งงานกันไปจะเป็เยี่ยงไร ลูกสาวท่านมิต้องกลายเป็ขอทานหรอกหรือ?”
“ข้าจะไปสู่ขอแม่ทัพเจี้ยนเองเ้าค่ะ!” นางโต้แย้งท่านย่าทันควัน บิดาหัวเราะเสียงดัง
“ลูกสาว เ้าต้องให้เขามาสู่ขอเ้า แม่ทัพเจี้ยนหยู่เป็คนใหญ่คนโต ย่อมประพฤติตนสมเกียรติ เห็นเขาเป็กันเองเช่นนี้ เขาก็เป็ถึงต้าเจี้ยงจวิน ขุนพลใหญ่คุมทหารทุกเหล่าทัพ ถือตราเหนือแม่ทัพทุกแคว้นเขตแดน จะแต่งงานทั้งที ให้สตรีไปสู่ขอ จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
“เ้าค่ะท่านพ่อ ถึงในโลก...” นางเงียบไป เมื่อถูกบิดาปรามด้วยสายตาดุดัน บิดาคงไม่อยากได้ยินนางพูดหรอกว่าหญิงสาวอาจคุกเข่าขอชายหนุ่มแต่งงานในโลกที่เจริญแล้ว อีกหลายพันปีข้างหน้า นางกระแอมไอเสียงดังขัดาุโ ต่างคนกำลังโต้แย้งบิดาด้วยเหตุและผลอย่างเอาเป็เอาตาย
“ข้ารักและซื่อสัตย์ต่อแม่ทัพเจี้ยนหยู่ผู้เดียวเท่านั้น! แม้สิ้นลมหายใจ หัวใจหาได้แปรเปลี่ยนไม่ ข้าเองก็จะทำทุกวิถีทางเพื่อตำแหน่งฮูหยินต้าเจียงจวิน หากข้าทำให้ใต้เท้าหลิวเข้าใจผิดอย่างไร ข้ายินดีชดใช้เป็สินน้ำใจต่อสกุลจาง”
“เ้าไม่จำเป็ต้องให้อะไรข้าเลย เยว่ฉี ขอบใจเ้าที่ตรงไปตรงมา”
“ขอบคุณท่านที่เข้าใจ ขอโทษท่านผู้ตรวจการและครอบครัวของท่านด้วย”
เหม่ยฉีก้มศีรษะให้อดีตคนรักของเยว่ฉี แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวของเขา แม้ใบหน้าหล่อเหลาระทมทุกข์ นางไม่สนใจว่าใครจะพอใจคำตอบของนางหรือไม่
จะเข้าใจหรือไม่เข้าใจ ย่อมเป็ปัญหาของบุคคลนั้น ไม่เกี่ยวกับนาง
[1] 大麻 dà má (ต้า หมา) = กัญชา