ภายในตำหนักเหมันต์อากาศเย็นะเื กลับให้ความรู้สึกสุขสบายโดยไม่รู้สึกหนาวสะท้าน ไท้หยูฝึกวิชาร่างทองพันชั้นขั้นเหล็กดาราจนถึงระดับสูงสุด อีกครึ่งก้าวก็จะสามารถทะลุระดับทองเทพแล้ว
ภายใต้การชี้แนะของปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง มรรคาอาวุธก็คืบหน้าขึ้นอีกก้าวหนึ่ง กลับเป็ฉงฉงที่มักเหน็บแนมเขาอยู่หลายคำว่า “เ้าคิดว่าตนเองเป็แม่ทัพในสมรภูมิหรือ จึงได้ฝึกอาวุธคู่เช่นนี้”
เื่นี้เขาเองก็จนปัญญาจะเถียงกลับ แม้แต่เขาก็ใคร่ดึงิญญาของไท้หยูคนเก่าขึ้นมาจากปรภพ ถามเขาสักหลายคำ น่าเสียดายที่มิอาจทำเช่นนั้น
ยามนั้นใจของเขาพลันสั่น สายตาจ้องไปทางประตูใหญ่ของสำนักพันปี ประตูแดงขวางกั้น จิตสังหารรุนแรงแผ่พุ่งจากทิศนั้น
ไท้หยูสีหน้าเคร่งขรึมกล่าวพึมพำว่า
“มาแล้ว”
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งในร่างพลันยิ้มออกมา รู้สึกคึกคักเป็พิเศษบ่นด้วยใบหน้าเป็รอยยิ้ม
“ไม่ได้ต่อยตีมาเป็พันปี ร่างกายแข็งทื่อไปหมดแล้ว”
ไม่ทราบว่าปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งและฉงฉงในยามนี้จะร้ายกาจสักเท่าใด แม้นว่าจะมีสองตาเฒ่าที่ถือว่าเป็จุดสูงสุดของแต่ละเผ่าพันธุ์อยู่ข้างกาย ทว่าไท้หยูยังกังวลอยู่ไม่น้อย หนึ่งต้านสิบ ต่อให้เป็่ที่เขาสมบูรณ์พร้อมที่สุดยังลำบากเหน็ดเหนื่อย ยามนี้อ่อนแอกว่าปกติ นี่มิต่างจากใช้ร่างกายต้านสายน้ำไหลบ่า ถูกสายน้ำซัดลอยละลิ่ว
เ้าสำนักทั้งสองล้วนอยู่ระดับจิตไร้ขอบ ผู้อื่นที่มาล้วนเป็ระดับรวมกายขั้นสมบูรณ์ ฝ่ายเขามีเพียงเขาคนเดียว
ไท้หยูพลันเอ่ยขึ้นมาว่า
“ต้องวางแผนก่อนหรือไม่”
ฉงฉงและปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งแค่นเสียงเ็ากล่าวอย่างดูถูกพร้อมกันว่า
“อ่อนแอเกินไป” มิทราบคำว่าอ่อนแอเกินไปนี้กล่าวกับศัตรูหรือไท้หยูเอง
มหาพยุหะปกคลุมเทือกเขาหยก ปกป้องสำนักพันปีมาหลายชั่วอายุคน ไม่เคยถูกผู้ใดทำลายมาก่อน
เ้าสำนักเมฆัร่างสูงกำยำเก้าเชียะจ้องมองม่านพลังที่กางกั้นตนเองเอาไว้ภายนอก มองประตูแดงใหญ่โต ด้านในมองเห็นห้องโถงใหญ่ของสำนักพันปีอย่างเลือนราง พลางะโเสียงดังราวกับัคำรามว่า
“ไท้หยูไสหัวสุนัขของเ้าออกมาพบบิดา”
ด้านข้างยืนไว้ด้วยเ้าสำนักพิรุณพายุที่ปลอดโปร่งใบหน้าเปื้อนยิ้ม คิ้วหนาราวก้อนเมฆ ยามต้องสายลมกระเพื่อมไหวเป็ระลอก คล้ายหนอนมีขนสองตัวกำลังขดติดอยู่บนเปลือกตา ให้ความรู้สึกขัดใจผู้มองอย่างยิ่ง หากมิใช่ว่าเป็ผู้มีฐานะสูงส่งและถือดี คงมีคนไม่น้อยที่แนะนำให้เขาไปโกนคิ้วออก
สองเ้าสำนัก ผู้ฝึกตนที่ก้าวเข้าสู่ระดับจิตไร้ขอบมานาน ปลดปล่อยพลังลมปราณมหาศาลกดดันอยู่ด้านหน้า แม้นฟ้าโปร่งไร้เมฆ รัตติกาลยังปกคลุม กลับเกิดเสียงครืนครั่นดังสะท้านหูไม่หยุดหย่อน
ที่ด้านหลังเป็ผู้าุโสำคัญของสำนัก ทุกคนอยู่ในระดับรวมกายขั้นสมบูรณ์ กวาดตาทั้งอาณาจักรชางไห่ กลุ่มคนที่มีระดับสูงเช่นนี้นับว่ามีไม่มากนัก
ยามนั้นประตูห้องโถงพลันบังเกิดแสงสีขาว ตำหนักเหมันต์แผ่พลังน่าสะพรึงขึ้นฟ้า
ไท้หยูไม่ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนทว่าลงมือโจมตีแล้ว เขาไม่สามารถใช้พลังต่อสู้ซึ่งหน้า อาวุธหลักในการป้องกันสำนักคือมหาพยุหะ ซึ่งเป็อาวุธที่ทรงพลังที่สุดของเขา
เทือกเขาหยก เหนือนภาสำนักพันปี พลันปรากฏใบหน้าหนึ่งกอปรจากเมฆที่ไม่มี ตามมาด้วยแขนขาเริ่มงอกออกมาอย่างเลือนราง ร่างสูงหลายสิบจั้ง ยิ่งใหญ่ราวกับเทพ์เสด็จลงจากฟากฟ้า ฝ่ามือเท่ายอดเขายอดหนึ่งตบใส่ร่างเล็กราวกับมดปลวกที่ยืนอย่างโอหัง
เ้าสำนักทั้งสองจ้องมองฝ่ามือที่ใหญ่จนบดบังท้องฟ้าราตรีกาล ในใจเกิดความรู้สึกสะท้อนสะท้าน พยุหะของสำนักพันปีร้ายกาจถึงเพียงนี้..... ทุกคนร้องแย่แล้วอยู่ในใจ
มาตรว่าเคยได้ยินมามากเท่าใดทว่ายามเผชิญหน้า ยังน่าสะพรึงกว่าที่เคยได้ยินมามาก แม้แต่ผู้ฝึกตนระดับจิตไร้ขอบอย่างเ้าสำนักทั้งสอง ยังรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลกดทับจนหายใจลำบาก มิต้องเอ่ยถึงเหล่าผู้าุโที่อยู่ระดับรวมกาย หยาดเหงื่อเม็ดโตผุดกลางหน้าผาก ทุกคนต่างหลบหลีกไปคนละทาง
เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือเดียวบดบังฟ้า ไม่มีผู้ใดมั่นใจว่าสามารถใช้ร่างกายของมนุษย์ต่อต้านมันได้
สำหรับพยุหะป้องกันสำนัก ถือเป็สิ่งที่หายากอย่างยิ่ง เพราะสายพยุหะมีเพียงราชวงศ์เท่านั้น ในอาณาจักรชางไห่ มีแค่สำนักพันปีและพระราชวังของฮ่องเต้ และกำแพงเมืองเท่านั้นที่มี ต่อให้เป็สำนักใหญ่ของอาณาจักรอย่างสำนักพิรุณพายุและสำนักเมฆั ก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าพยุหะ
าสู้รบแย่งชิงดินแดนสงบมาหลายร้อยปี ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดเคยเห็นการโจมตีและป้องกันจากพยุหะ
ฝ่ามือที่แฝงพลังธาตุ ปฐี วารี ไม้ เพลิง อสนี กดทับใส่ศัตรูอย่างไร้ปรานี
ปัง
เนินเขาและก้อนหินที่ด้านหน้าประตูสีแดงยุบลงเป็รูปฝ่ามือั์ ก้อนหินถูกเพลิงหลอมละลายเป็หินเหลว จากนั้นปรากฏสายน้ำพร่างพรมราวหยาดพิรุณพร้อมกับประกายสายฟ้าผ่าเปรี้ยงโดยไร้เมฆ น้ำเดือดระเหิดเป็ไอ กรวดดินมากมายแตกกระจาย กลายเป็ฝุ่นควันผงคลีพวยพุ่งขึ้นฟ้า กอปรเป็ต้นไม้ต้นหนึ่ง กิ่งก้านแตกกระจายแทงออกทุกทิศทาง
มหาพยุหะดึงพลังจากธรรมชาติ ธาตุทั้งห้าแฝงอยู่ในการโจมตี ทรงพลังถึงขีดสุด
เ้าสำนักเมฆัร่างพลิ้วไปขวาหลบรอดจากฝ่ามือ มือขวาประกบเป็ปางมือ กำเนิดก้อนเมฆม้วนขดเป็ัพันอยู่รอบกาย ทว่ากลางอกและแขนเสื้อถูกกิ่งไม้ที่คล้ายมีคล้ายไม่มีแทงใส่จนแดงฉาน
เ้าสำนักพิรุณพายุร่างหายวับปรากฏที่ห่างไปห้าลี้ โบกแขนเสื้อกลมกว้าง ท้องฟ้าเบื้องบนพลันปรากฏเมฆสีดำ สายฝนพร่างพรมลงมากลายเป็กำแพงต้านทานพลังที่กระจายจากสายฟ้าผ่าถี่ยิบ ทว่าไม่อาจหลบรอดจากพลังกระแทกของกรวดดิน อาภรณ์สีขาวกลายเป็รูหลายจุด เนื้อสีขาวปรากฏสีแดงไหลซึม
ด้านผู้าุโที่เหลือสภาพไม่สู้ดีนัก อาภรณ์หรูหราเปลี่ยนเป็สีแดง ผ้าแพรราคาแพงขาดวิ่น บ้างเนื้อตัวไหม้เกรียม บ้างเปียกชุ่มเต็มไปด้วยาแราวถูกมีดดาบฟัน สายตาพรั่นพรึงมองไม่เห็นหนทางชนะ ล้วนาเ็สาหัสภายใต้การโจมตีเดียว ถูกข่มจนขวัญหนีดีฝ่อ
ผู้าุโผู้หนึ่งของสำนักเมฆัพลันเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้าน
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าพยุหะจะสามารถทำได้ถึงขั้นนี้”
อีกผู้หนึ่งพลันกล่าวว่า
“เช่นนี้ย่อมไม่มีทางชนะ ประมุขสำนักพันปีหลบซ่อนอยู่ด้านใน พวกเราไม่สามารถโจมตีเขาได้ กลายเป็เป้าให้อีกฝ่ายโจมตีถ่ายเดียว”
มหาพยุหะที่ต้านทานได้แม้กระทั่งผู้ฝึกตนระดับเซียนนิรันดร์ การโจมตีสังหารย่อมน่ากลัวไม่แพ้กัน น่าเสียดายที่ตอนนี้ไท้หยูยังอ่อนแอพลังไม่ฟื้นคืนทั้งหมด ดังนั้นไม่สามารถรับภาระจากใช้พลังโจมตีสะท้านฟ้าได้ ไม่เช่นนั้น ฝ่ามือเดียวสามารถบดขยี้ศัตรูได้อย่างง่ายดาย
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งคึกคัก ฉงฉงก็ฮึกเหิม มีเพียงไท้หยูที่หดหู่ การะเิพลังทั้งหมดเมื่อครู่ไม่สามารถสังหารศัตรูได้แม้แต่คนเดียว หลังจากนี้ไม่อาจใช้พลังสะท้านฟ้าดินเช่นเมื่อครู่ได้อีก ดังนั้นเขาจะกลายเป็เต่าในกระดอง ทนรับการโจมตีของอีกฝ่าย
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งแย่งชิงสิทธิ์การควบคุมร่างกายของฉงฉง สองตาเฒ่านี้ผู้หนึ่งบ้าเือีกผู้หนึ่งคลั่งไคล้ อยากเป็ตัวแทนออกไปประหัตปะาให้สิ้นซาก ทว่าไท้หยูยังกล่าวว่าต่อให้เป็พวกเ้าทั้งสอง ทว่านี่ยังเป็ร่างของเขาไม่ว่าอย่างไรก็สู้ศัตรูไม่ไหว ดังนั้นจึงถูกสองตาเฒ่าดูแคลนหยามเหยียดอยู่หลายคำ
ทันใดนั้นเสาห้าต้นสีดำทะมึนพลันพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า เสาห้าต้นแฝงพลังคำสาปรุนแรงสะกดข่มพลังจากมหาพยุหะให้หม่นหมอง แม้นไม่สามารถทำลายพลังป้องกันทั้งหมดของมหาพยุหะได้ ทว่ายังลดทอนไปหลายส่วน
“เ้าลูกเต่ามาริอวี้ ที่แท้ก็วางแผนจะทำลายพยุหะของข้าจากภายใน เฮอะ คิดจะอาศัยพยุหะแค่นี้ทำลายพยุหะของข้า ฝันหวานเกินไปแล้ว” ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งเอ่ยอย่างหยามเหยียด
เสาห้าต้นแทงใส่ม่านใสที่ปกคลุมเทือกเขาหยกแพร่มลทินคำสาปลดทอนพลังธาตุทั้งห้า คล้ายกับผิวน้ำถูกหมึกหยดใส่ สีดำแพร่ขยายอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวก็กลืนไปครึ่งหนึ่งของเทือกเขาหยก
มหาพยุหะถูกปิดกั้น ไท้หยูมิอาจหยิบยืมพลังจากมหาพยุหะได้อีก
สีดำที่แพร่ขยายอย่างรวดเร็วพลันถักทอกันเป็ตาข่ายฟ้าผืนหนึ่งจากนั้นครอบคลุมลงมา ใจกลางตาข่ายคือห้องโถงใหญ่และตำหนักเหมันต์ พลังคำสาปกดทับใส่ ไท้หยูโบกมือซ้ายสองเท้าเหยียบใส่โล่กระดองเต่าพุ่งออกจากห้องโถงใหญ่ หลบรอดจากตาข่ายคำสาปที่คลุมลงมา
ทันทีที่ไท้หยูพลันปรากฏตัวขึ้น เ้าสำนักทั้งสองตาเป็ประกายยิ้มเยาะอย่างชั่วร้าย พลันเรียกอาวุธคู่กายออกมา กระบี่ใสหยาดพิรุณ ัเมฆดำลอยมาอยู่ใต้เท้า แผนการที่เปลี่ยนแปลงคือจะมีผู้ใช้มนต์ดำลงมือช่วยเหลือพวกเขา เมื่อผู้ใช้มนต์ดำลงมือ พวกเขาก็จะมีโอกาสจับไท้หยูแล้ว
กระถางทองเหลืองลอยออกมาอยู่ด้านหน้า เ้าสำนักเมฆัประกบปางมือ ปากพึมพำบริกรรมคาถา กระถางทองเหลืองพลันสว่างไสว อักขระสีทองกระจายพันรอบกระถางทองเหลืองเอาไว้
กระถางสั่นะเื บังเกิดกรีดร้องดังจากด้านในกระถาง พลันปรากฏควันขาวลอยขึ้นจากนั้น ประกอบรวมกันเป็รูปร่างครึ่งบนของมนุษย์ที่มีสี่แขน ดวงตาสีดำสี่ดวงทะมึนราวกับหุบเหวลึกพันจั้ง ทันทีที่ร่างมนุษย์สี่แขนปรากฏขึ้น คล้ายพกพาความแค้นและความเย็นเยือกของปรภพขึ้นมา เทือกเขาหยกแถบหนึ่งกลายเป็ฤดูสารท อากาศหนาวเย็นลงทันใด
ร่างของไท้หยูปรากฏขึ้นหน้าประตูแดง กวาดสายตาจ้องมองศัตรู โดยไม่ทักทาย ดาบโพ่คงพลันปรากฏขึ้นกลางอากาศด้านหน้าเ้าสำนักเมฆั พุ่งแทงออกอย่างดุดันรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด ประกายปรากฏก็หายวับ
เสียงเปรี้ยงดังสะท้าน ดาบทะลวงเกราะแทงใส่กระถางทองเหลืองจนเกิดประกายไฟ ทว่าไม่อาจทำลายร่างมนุษย์สี่แขนได้ ใบหน้าไร้อารมณ์ั์ตาสี่ดวงจ้องมองใส่ไท้หยู
ยามนั้นไท้หยูพลันสั่นสะท้านทั้งร่าง ขนลุกชูชัน คำว่าอันตรายปรากฏในสมอง ทว่ายังไม่ทันขยับตัว แขนทั้งสี่นั้นพลันยืดยาวออก ฝ่ามือขนาดใหญ่ทำท่าโอบกอดจากนั้นดึงกลับ
ร่างของไท้หยูพลันแข็งทื่อไม่นานดวงตาทั้งสองก็ไร้ประกาย เสียงเปรี้ยงดังสนั่น ฟ้ารัตติกาลบังเกิดสายฟ้าขึ้นหลายสาย กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวพลันแผ่ซ่าน เป็กลิ่นอายที่ะเิออกจากร่างของไท้หยู