“ห่อยาที่อยู่บนร่างกายของฮองเฮาถูกพวกเขาพบแล้ว”
ซูจิ่นซีกล่าวอย่างจริงจัง
“พระชายา ตอนนี้พวกเราควรทำอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ? ”
เหล่าทหารองครักษ์กังวลมาก อย่างไรเสียฮองเฮาก็มีฐานะแตกต่างจากผู้อื่น หากมีอันใดผิดพลาดไปพวกเขาอย่าคิดที่จะมีชีวิตรอดแม้แต่ผู้เดียว
ซูจิ่นซีไม่พูดจาอันใด นางหลับตาทั้งสองข้างลง และเริ่มเปิดระบบถอนพิษใหม่อีกครั้ง
มีเสียง ‘ติ๊ดติ๊ดติ๊ด’ เบาๆ จากระบบถอนพิษสะท้อนกลับมา ซูจิ่นซีค่อยๆ เดินไปตามทิศทางที่เสียงบอกทีละก้าวๆจนไปถึงขอบหน้าผา
“พระชายา ไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ! ”
ด้านหน้าเป็หน้าผา หากเดินต่อไปอีก ซูจิ่นซีอาจเหยียบกับอากาศและตกลงจากหน้าผาอย่างแน่นอนทหารองครักษ์ใกลัวจนเหงื่อไหล รีบเข้ามาคว้าซูจิ่นซีเอาไว้
ซูจิ่นซีลืมตาขึ้นมาก็เห็นด้านหน้าเป็หมอกที่ไร้ก้นเหวลึกจนไม่เห็นจุดสิ้นสุด ทันใดนั้นก็รู้สึกวิงเวียนศีรษะ ตาลาย รู้สึกใไม่น้อย
“พวกเ้า ผู้ใดมีความสามารถลงไปด้านล่างหน้าผาหรือไม่? ” ซูจิ่นซีถาม
เมื่อครู่นี้ เสียงแ่เบาของระบบถอนพิษบอกนางว่าแหล่งต้นตอของพิษนั้นอยู่ที่ก้นเหว
แม้ว่าเหล่าทหารองครักษ์ต่างก็เป็ยอดฝีมือของฮ่องเต้ ทว่าหน้าผานี้สูงนับหมื่นชุ่นแม้แต่นกก็ไม่สามารถบินไปถึงก้นเหวได้ พวกเขายิ่งไม่ต้องพูดถึง
เมื่อเห็นว่าทุกคนต่างพากันส่ายศีรษะ ใบหน้าของซูจิ่นซีก็แสดงความผิดหวังเล็กน้อย
หากเยี่ยโยวเหยาอยู่ก็ดีสิ เขาจะต้องมีวิธีแน่นอน ซูจิ่นซีพึมพำในใจ
“พระชายา มีเถาวัลย์อยู่ตรงนั้น พวกเราจะผูกเชื่อมเถาวัลย์ หากอาศัยความแข็งแกร่งของเถาวัลย์น่าจะไม่มีปัญหาพ่ะย่ะค่ะ”
ทหารองครักษ์กล่าว
ซูจิ่นซีพยักหน้าและเดินไปช่วยทหารองครักษ์ผูกเถาวัลย์เข้าด้วยกัน
แม้ว่าถุงยาผงนั้นจะถูกพบและโยนทิ้งไปแล้ว ทว่ายาผงที่ห้อยไว้กับพระวรกายของฮองเฮายังคงมีเศษละอองเหลืออยู่ระบบถอนพิษจึงตรวจสอบได้ยากเล็กน้อย ทว่าซูจิ่นซีก็หาเจอจนได้
ไม่เลวเลย ในเวลานี้ฮองเฮาถูกคุมตัวไว้ใต้หน้าผาอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าไม่ได้อยู่ที่ด้านล่างของหน้าผา ทว่าอยู่ในถ้ำบนหน้าผา
“ฮองเฮา ท่านมีชะตาชีวิตแข็งแกร่งเสียจริง ทานยาพิษของข้าไปมากมายถึงเพียงนั้นคาดไม่ถึงว่ายังสามารถอยู่รอดปลอดภัยจนมาปรากฏตัวต่อหน้าข้าได้ ทว่าช่างน่าเสียดายเหลือเกินข้า้าชีวิตของท่านยิ่งนัก ท่านว่าข้าควรให้ท่านตายโดยวิธีใดดีเล่า? ”
ผู้ที่พูดเป็ซิ่งหลิวหลี
ฮองเฮาถูกจับมัดมือมัดเท้า ปากก็ถูกผ้าอุดไว้ ไม่สามารถพูดอันใดออกมาได้เลยแม้แต่ประโยคเดียว
ทว่าซิ่งหลิวหลีไม่ได้คาดหวังให้ฮองเฮาตอบคำถามของนางกลับ
ในมือของซิ่งหลิวหลีถือกริชหนึ่งเล่ม คมกริบจนไม่มีสิ่งใดเทียบได้
ทว่าสิ่งที่คมยิ่งกว่ากริชก็คือดวงตาที่ลึกล้ำของนาง มันไม่มีร่องรอยของความเป็มนุษย์เต็มไปด้วยความดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว ซิ่งหลิวหลีโบกกริชในมือจนมีเสียง “ฟิ้ว” ตามมาด้วยแสงเย็นวาบเปล่งประกายระยิบระยับเสียงใบมีดดังก้องไปทั่วถ้ำ
ฮองเฮาตกพระทัยมากจนพระพักตร์ซีดเผือด พระองค์พยายามะโถอยหลัง
ซิ่งหลิวหลีถือกริชแล้วขยับเข้าไปใกล้ฮองเฮาทีละก้าวๆ
“แทงกริชที่หน้าอก ช่างสุขสันต์เสียนี่กระไร? หรือจะใช้ยาพิษกับร่างของเ้า?หรือว่า... เ้าจะจัดการเอาตนเองชนกำแพง หรือะโหน้าผา? แล้วแต่เ้าจะเลือกเลย กลัวก็แต่ เ้าจะลงมือทำร้ายร่างกายอันล้ำค่าของตนเองไม่ได้เช่นนั้นก็ให้ข้าช่วยเ้าเถิด! กริชเล่มนี้รวดเร็วมาก ฟันลงไปเพียงครั้งเดียวก็ช่วยให้เ้าตายได้ในทันทีเ้าไม่ทันรู้สึกถึงความเ็ปด้วยซ้ำ”
ขณะที่พูด สายตาของซิ่งหลิวหลีเป็ประกาย นางแทงกริชไปยังหน้าอกของฮองเฮาอย่างไม่ลังเลทว่าในตอนที่กริชกำลังจะแทงถูกร่างของฮองเฮานั้น ซิ่งหลิวหลีกลับเปลี่ยนทิศทางมืออย่างรวดเร็วและแทงเข้ากับหินที่อยู่ด้านข้าง
ซิ่งหลิวหลีมองฮองเฮาที่ถูกทำให้ใจนหลับตาแน่น ทั้งพระวรกายของพระองค์สั่นสะท้านซิ่งหลิวหลีเม้มริมฝีปากหัวเราะ “คิกๆๆๆ” ออกมา
“แม่ของแผ่นดินอันใดกัน แบบอย่างแม่ของแผ่นดินที่ดีงามอันใดกัน วีรสตรีเฟิงอี้ [1] ที่เคยบัญชาการกองทัพอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่จักรพรรดิสามเหล่าทัพ [2] ทว่าฮองเฮาแห่งแคว้นจงหนิงก็ไม่เท่าไรเลยนี่! ฮาๆๆๆ... ”
“เหยาเหยา เลิกสร้างปัญหาได้แล้ว! เวลาไม่น้อยแล้วเมื่อได้ศีรษะของฮองเฮา พวกเรายังต้องหาทางจับซูจิ่นซีอีก เวลามีไม่มาก รีบลงมือเถิด!”
“อย่าเรียกข้าว่าเหยาเหยา เ้าไม่คู่ควร”
สายตาของซิ่งหลิวหลีดั่งคมมีด นางพูดอย่างเ็ากับทูตซ้ายชุดดำด้านข้าง
แววตาของทูตซ้ายปรากฏความหดหู่เพียงชั่วครู่ ความสิ้นหวังแวบผ่านดวงตา เขาเปลี่ยนคำเรียกและน้ำเสียงก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งว่า “ผู้คุมกฎซิ่งอย่าลืมคำแนะนำจากเบื้องบน เ้าไม่มีเวลามากแล้ว”
“ไม่ต้องให้เ้าเตือน! ”
ซิ่งหลิวหลีเบิกตาขึ้นด้วยแรงอาฆาต นางถือกริชเคลื่อนเข้าใกล้หน้าอกของฮองเฮาอย่างเชื่องช้าปลายแหลมของกรีชค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นในรูม่านตาที่สะพรึงกลัวของฮองเฮา กริชแทงเข้าไปในหัวใจด้วยเสียงดัง “ชึก”
การเคลื่อนไหวของกริชเป็ไปอย่างรวดเร็ว ฮองเฮาไม่แม้แต่จะส่งเสียงเ็ปดวงตาจ้องเขม็ง จากนั้นก็สิ้นลมหายใจ
ซิ่งหลิวหลีขว้างกริชในมือลงกับพื้นแล้วโยนถุงผ้าถักลงไป
“ใส่ศีรษะของนางลงไป เร็วเข้า เยี่ยโยวเหยาไม่ได้กินเจนะ แม้ตอนนี้เขายังไม่ลงมือทว่าจะต้องลงมือในภายหลังอย่างแน่นอน หากรอให้คนของเขามาถึงแล้วเ้ากับข้าไม่ต้องคิดหนีเลยด้วยซ้ำ”
ทูตซ้ายเดินไปยังด้านข้างของฮองเฮา วิเคราะห์ลมหายใจของพระองค์ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าแทงได้ตรงจุดฆ่าด้วยการแทงเพียงครั้งเดียว หลังจากที่ตรวจสอบจนแน่ใจว่าฮองเฮาสิ้นพระชนม์แล้วทูตซ้ายก็หัวเราะเยาะเย้ย
“ผู้คุมกฎซิ่งที่แท้ก็โเี้อำมหิต เ้าแฝงตัวอยู่ในสกุลซูมาหลายปี เกรงว่ารอจนคนสกุลซูตายพวกเขาก็คิดไม่ถึงด้วยซ้ำ คุณหนูสี่ผู้อ่อนโยนและจิตใจดีในสายตาพวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะเป็ผู้ที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาเช่นนี้”
ซิ่งหลิวหลีจ้องไปที่ทูตซ้ายโดยไม่ได้พูดอันใด
ทูตซ้ายหัวเราะอย่างเ็าแล้วกล่าวต่อว่า “ที่น่าขันที่สุดคือซูจิ่นซีผู้โง่เง่านั่นกระมัง?นางได้รับคำสั่งให้ตามหาฆาตกรที่วางยาพิษฮองเฮา กลับคิดไม่ถึงว่าฆาตกรจะเป็คนของสกุลซูหากซูจิ่นซีไม่สอบสวนเ้า ตามพระราชดำริของฮ่องเต้แล้ว โยวอ๋องและเฉินไท่เฟยโง่เง่าผู้นั้นจะต้องพัวพันกับนางหนีไปไหนไม่รอด หากนางสอบสวนเ้า สกุลซูก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน มีโทษปะาทั้งตระกูลซูจิ่นซีก็จะกลายเป็คนบาปที่ไม่กตัญญูต่อสกุลซู ไม่ว่าทางใดซูจิ่นซีก็ต้องตายทั้งนั้นละครฉากนี้ ช่างสนุกเสียจริง! ”
“หึ! ”
ซิ่งหลิวหลีส่งเสียงอย่างเ็า ดวงตาทั้งสองฉายแววโหดร้ายและเยือกเย็น
“เกรงว่า นางจะไม่มีแม้แต่โอกาสให้ตายเสียด้วยซ้ำ”
ท่านประมุขหลาน้าคน นางจะต้องพาซูจิ่นซีกลับไป แม้จะเกลียดซูจิ่นซีก็ต้องรักษาชีวิตของซูจิ่นซีไว้ก่อนชั่วคราวนี่เป็โอกาสสุดท้ายของนางแล้ว
ดวงตาของทูตซ้ายมีแววเ็าเช่นกัน
“ยังไม่ลงมืออีก! ”
ซิ่งหลิวหลีกล่าวอย่างเ็า
ทูตซ้ายไม่รอช้าอีกต่อไป แววตาเปล่งประกายความโเี้ เขาดึงดาบยาวออกจากเอวแล้วยกขึ้นสูงฟันไปที่คอของฮองเฮา
“หยุดนะ! ”
ใน่เวลาอันตราย มีเสียง “เพล้ง” ดังขึ้นและดาบยาวในมือของทูตซ้ายก็ถูกก้อนหินชนจนร่วงไป เวลาเดียวกันนั้นพลันได้ยินเสียงของซูจิ่นซีสะท้อนกลับมา
ซูจิ่นซีเป็คนตัวเล็ก ทว่าแข็งแกร่งเด็ดเดี่ยว นางยืนอยู่ที่ทางเข้าถ้ำทั่วทั้งร่างถูกย้อมด้วยแสงสว่างสีแดงฉานจากทางด้านหลัง สายลมยามเย็นโบกพริ้วเสื้อผ้าและผมสีดำให้สยายไปในอากาศดูแล้วช่างองอาจ หยิ่งทะนง และสง่างามยิ่งนัก
ด้านหลังของนางมาพร้อมด้วยเหล่าทหารองครักษ์หลายสิบนาย
“ซูจิ่นซี? ”
ซิ่งหลิวหลีหัวเราะอย่างเ็า
“หนทาง์เ้ากลับไม่ไป นรกไร้ประตูเ้าแส่เข้ามา เ้ากับข้าช่างเป็ศัตรูที่ไม่อยากพบหน้าแต่กลับต้องเจอกันเสียจริงเ้ามาก็ดีแล้ว ข้าจะได้ไม่ต้องลำบากไปตามจับเ้า”
ซูจิ่นซีค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น นางยกยิ้มที่มุมปาก รังสีมืดมนทะลุทะลวงออกมา “ซิ่งหลิวหลี เมื่อคืนเ้ากินกระเทียมไปกระมัง? ปากถึงได้เหม็นเพียงนี้... ”
“พรื๊ด... ”
ทหารองครักษ์ที่อยู่ด้านหลังซูจิ่นซีอดขำไม่ได้ พวกเขาหัวเราะมีเสียงออกมา
ซิ่งหลิวหลีโกรธเป็ฟืนเป็ไฟในทันที “ชิ้ง!” ดาบยาวที่เอวถูกนำออกมา มือทั้งสองกำแน่นวาดโค้งขึ้นไปในอากาศชี้ไปยังระหว่างคิ้วของซูจิ่นซี
“หยุดพูดจาไร้สาระ แล้วนำอาวุธออกมาเถิด! ฝีปากไม่นับเป็ความสามารถดาบเท่านั้นจึงจะมองเห็นวรยุทธที่แท้จริง”
ซิ่งหลิวหลีตั้งท่าเตรียมต่อสู้กับซูจิ่นซีด้วยดาบกลับไม่คาดคิดว่าซูจิ่นซีจะไร้เดียงสามาก นางกลับกล่าวว่า “มีเหตุผลอันใดที่จะต้องต่อสู้กับเ้า? อีกอย่าง... ข้าไม่เป็วรยุทธด้วย”
......
เชิงอรรถ
[1] วีรสตรีเฟิงอี้ หมายถึง วีรสตรีที่อยู่เคียงบ่าเคียงไหล่ผู้นำ เฟิงอี้ มีความหมายว่าวิหคหงสาในกลุ่มดาวอี้ที่สามารถนำพาความเป็สิริมงคลมาสู่โลกมนุษย์
[2] สามเหล่าทัพ คือ ทัพบก ทัพเรือและทัพอากาศ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้