เนื่องจากโจวเฉิงต้องไปเรียนที่วิทยาลัยสองปี หน่วยงานจึงให้วันลากับเขา โจวเฉิงบอกว่าจะพาเซี่ยเสี่ยวหลานมาเยี่ยมพ่อเฒ่าแม่เฒ่าตระกูลโจว แน่นอนว่าตระกูลโจวคนอื่นๆ ย่อมมาด้วยเช่นกัน
ตอนนี้คนตระกูลโจวทยอยกันมาถึงบ้านพ่อเฒ่าแม่เฒ่าจำนวนไม่น้อย
เซี่ยเสี่ยวหลานมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส คุณย่าโจวสังเกตเห็นเช่นนั้น อย่างไรหญิงชราก็อายุมากแล้ว ไม่จำเป็ต้องเหนียมอายอะไร จึงถามออกไปตรงๆ ดั่งที่ใจคิด
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กล้าบอกเหตุผลออกไปเท่าไร อยู่ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ จะดูเป็การโอ้อวดเกินไปหรือเปล่า?
ทว่าโจวเฉิงไม่มีทางปล่อยโอกาสในการเยินยอว่าที่ภรรยา
“ตอนเช้าผมไปซื้อบ้านเป็เพื่อนเสี่ยวหลานครับ เธอถูกใจบ้านหลังนี้มานานแล้ว ตอนนี้พอซื้อมันมาได้เธอย่อมรู้สึกดีใจเป็ธรรมดา”
ซื้อบ้าน?
ใครซื้อบ้าน?
ป้าสะใภ้ของโจวเฉิงทนฟังไม่ไหวจึงโพล่งออกไป “พวกหลานเริ่มคิดเื่เรือนหอไวขนาดนี้เชียวหรือ ซื้อบ้านตอนนี้จะเร็วเกินไปหน่อยหรือเปล่า เสี่ยวหลานยังเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยอยู่มิใช่รึ อย่างไรหลังเข้าทำงานแล้วทางหน่วยงานย่อมจัดสรรบ้านพักให้นี่นา”
หน่วยงานย่อมจัดสรรที่พักให้แน่นอน แต่ก็ต้องรอคิวตามระดับตำแหน่งน่ะสิ
หน่วยงานที่มีสวัสดิการที่พักดี อาจจะได้บ้านขนาดสองห้องนอนเล็กๆ แต่หากไม่ดีก็อาจจะได้แค่ห้องเดียวเท่านั้น
อย่างไรก็ตามปี 1984 ใครบ้างจะสนใจเื่ที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคนในเมือง ไม่มีใครรังเกียจที่ตัวเองได้อาศัยอยู่บ้านหลังใหญ่เกินไป มีแต่บ่นว่าบ้านใหญ่ไม่พอน่ะสิ
แม้เซี่ยเสี่ยวหลานจะสอบติดมหาวิทยาลัยหัวชิง แต่ถ้าเธออยากได้บ้านพักอย่างครอบครัวป้าสะใภ้ ไม่รู้เลยว่าเธอต้องทำงานอีกกี่ปี
ว่ากันว่านักศึกษาหลังเรียนจบก็จะกลายเป็ข้าราชการของประเทศ แต่ข้าราชการเองก็มีการแบ่งระดับชนชั้น มิเช่นนั้นจะมีคำว่า ‘ข้าราชการระดับสูง’ หรือ หากเลื่อนขั้นได้เป็ข้าราชการระดับสูงเมื่อไร บ้านพักที่ประเทศจัดสรรให้ย่อมไม่เบียดเสียดอย่างแน่นอน ก็เหมือนบ้านที่คุณปู่คุณย่าโจวอาศัยอยู่ ต่อให้มีเงินมากมายเพียงใดก็เช่าไม่ได้
สิ่งที่ป้าสะใภ้้าสื่อคือ เซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่ทันแต่งงานกับโจวเฉิง ก็รีบร้อนขอให้โจวเฉิงซื้อบ้านให้แล้วอย่างนั้นหรือ?
รอให้รัฐจัดสรรบ้านให้ไม่ได้หรืออย่างไร ใครๆ ก็ผ่านจุดนี้มาด้วยกันทั้งนั้น ต่อให้เป็คนตระกูลโจวก็ไม่มีอภิสิทธิ์ในเื่นี้ ทำงานดี มีความสามารถ ย่อมได้รับการจัดสรรบ้านเป็ลำดับต้นๆ และหากเก่งเป็พิเศษ บ้านที่ได้รับการจัดสรรมาก็จะกว้างกว่าคนอื่นแน่นอน
ป้าสะใภ้ของโจวเฉิงทำไมถึงใจแคบเช่นนี้น่ะหรือ ก็เพราะตำแหน่งหน้าที่ของโจวกั๋วปินนั้นสูงกว่าโจวเหวินปังสามีเธอถึงสองขั้น
บรรดาที่พักอาศัยของคนตระกูลโจว คนที่พักอยู่ในบ้านที่ดีที่สุดคือสองผู้าุโประจำตระกูล
และต่อมาก็คือครอบครัวของโจวเฉิง
บ้านของครอบครัวโจวเฉิงเดิมทีก็ดีมากอยู่แล้ว ต่อให้โจวเฉิงแต่งงานไปก็ไม่จำเป็ต้องไปอยู่ที่อื่นนี่นา ทว่าป้าสะใภ้ไม่ขัดสักหน่อยคงไม่รู้สึกสบายใจสักเท่าไร อย่างไรก็ตามป้าสะใภ้ไม่ได้มีจิตใจมุ่งร้ายแต่อย่างใด เธอแค่อยากหาเื่ยุ่งยากให้ครอบครัวของโจวเฉิงสักนิด ระหว่างสะใภ้ย่อมมีความขัดแย้งกันเป็ธรรมดา และตอนนี้ป้าสะใภ้กำลังหาเื่กวนฮุ่ยเอ๋อ ลูกชายยังไม่ทันแต่งงานก็ถูกว่าที่ลูกสะใภ้บงการเสียแล้ว เื่เช่นนี้แม่สามีคนไหนจะชอบใจเล่า!
โจวเฉิงรู้นิสัยใจแคบของป้าสะใภ้ของตนเองดี
กวนฮุ่ยเอ๋อเองก็รู้อยู่เต็มอกจึงขี้คร้านจะใส่ใจพี่สะใภ้ เธอตัดสินใจเดินไปช่วยงานในครัว พลางคิดอย่างประหลาดใจ ก่อนหน้านี้เซี่ยเสี่ยวหลานบอกว่ามีธุรกิจเป็ของตัวเอง นึกไม่ถึงเลยว่าจะสามารถซื้อบ้านที่ปักกิ่งได้แล้ว สวมหมวกสองใบในเวลาเดียวกัน ธุรกิจของเธอยังไปได้สวยขนาดนี้เลยหรือ?
ไม่รู้ทำไม ลูกพี่ลูกน้องหญิงของโจวเฉิงอย่างโจวอี๋กลับดูนิ่งมาก วันนี้เธอไม่พูดขัดออกมาสักคำ และที่นี่คือบ้านตระกูลโจว เซี่ยเสี่ยวหลานไม่จำเป็ต้องโอ้อวดตัวเอง เธอเชื่อใจโจวเฉิง ดังนั้นให้โจวเฉิงจัดการก็พอแล้ว
เพราะอีกฝ่ายเป็ญาติผู้ใหญ่ โจวเฉิงจึงไม่ได้สวนกลับแรงนัก
“ป้าฟังผิดแล้วครับ ไม่ใช่ผมกับเสี่ยวหลานซื้อบ้านด้วยกัน แต่เป็ผมที่ไปซื้อบ้านเป็เพื่อนเสี่ยวหลานต่างหาก ตอนนี้เธอซื้อบ้านที่ปักกิ่งด้วยตัวเองครับ”
คนตระกูลโจวต่างพร้อมใจกันกันหันมองเซี่ยเสี่ยวหลาน
ป้าสะใภ้กระจ่างแจ้งขึ้นมาทันที “ครอบครัวเสี่ยวหลานซื้อบ้านให้หรือ?”
ทว่าป้าสะใภ้ยังคงยังแกล้งทำเป็ไม่เข้าใจ โจวอี๋กระตุกแขนเสื้อแม่ตัวเอง “โจวเฉิงคงหมายความว่า เสี่ยวหลานซื้อบ้านให้ตัวเองน่ะค่ะ”
โจวอี๋ไม่อยากหักหน้าแม่บังเกิดเกล้าของตนเอง แต่เธอสังหรณ์ใจว่าหากเธอไม่ห้ามปรามแม่ตอนนี้ อีกเดี๋ยวคงหน้าแตกเป็เสี่ยงๆ อย่างแน่นอน
พูดถึงตรงนี้ เซี่ยเสี่ยวหลานคงต้องอธิบายเองสินะ “ใช่แล้วค่ะ ฉันซื้อบ้านหลังหนึ่ง ต่อไปจะได้พักอยู่ที่ปักกิ่งได้สะดวกขึ้นน่ะค่ะ”
เงินทั้งหมดที่ซื้อบ้านหลังนี้ล้วนมาจากน้ำพักน้ำแรงของเธอ ทำไมเธอจะยืดอกพูดไม่ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้้าแบ่งแยกเื่ทรัพย์สินกับโจวเฉิงอย่างชัดเจน เธอแค่ป้องกันเอาไว้ก่อนเท่านั้น คนตระกูลโจวส่วนใหญ่คุยด้วยไม่ยาก แต่โจวเฉิงนั้นญาติเยอะเหลือเกิน แน่นอนว่าย่อมมีคนที่ชอบหาเื่จับผิดกัน
และตอนนี้ดูท่าเหมือนป้าสะใภ้ของโจวเฉิงจะรับบท ‘หัวหน้าฝ่ายจับผิด’ ของตระกูลสินะ
แต่เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กลัว เธอซื้อบ้านหลังนั้นด้วยตนเอง เวลาพูดย่อมเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ!
ย่าโจวดีใจมาก “เด็กคนนี้ช่างเก่งเหลือเกิน ครั้งก่อนบอกว่าทำธุรกิจของตัวเองอยู่ แต่ตอนนี้กลับซื้อบ้านที่ปักกิ่งได้แล้วรึ บ้านอยู่ที่ไหนล่ะ วันหลังพาย่าไปดูบ้างสิ”
“คุณย่าไปได้ทุกเมื่อเลยค่ะ บ้านอยู่ที่สือช่าไห่ เป็เรือนสี่ประสานหลังเล็กๆ ”
น้ำเสียงของป้าสะใภ้เมื่อครู่ทำให้กู้ซือเหยียนไม่กล้าพูดแทรก แต่ตอนนี้เธอทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว “พี่เซี่ย พี่เก่งจังเลยค่ะ ตอนคุณยายไปที่นั่น ฉันขอไปด้วยได้หรือเปล่า”
กู้ซือเหยียนและเซี่ยเสี่ยวหลานได้ติดต่อกันบ้าง เพราะได้รับอิทธิพลจากพ่อ ทำให้ตอนนี้เธอกลายเป็แฟนคลับตัวยงของเซี่ยเสี่ยวหลานไปด้วยอีกคน
ด้วยเหตุนี้ เื่ที่เซี่ยเสี่ยวหลานซื้อบ้าน คนแทบทั้งตระกูลโจวจึงรู้กันทั่วในทันที
ซื้อเรือนสี่ประสานหลังเล็กๆ ที่สือช่าไห่!
ต้องใช้เงินเท่าไรกัน?
หากเรียกว่าเรือนสี่ประสานได้ อย่างน้อยก็ต้องมีเรือนประกบสี่ด้าน ไม่ใช่บ้านเดี่ยวชั้นเดียวทั่วไปอย่างแน่นอน ตอนนี้บ้านที่สามารถซื้อขายได้อย่างอิสระมีแต่ ‘มรดก’ จากบรรพบุรุษที่รัฐบาลส่งคืนมาให้เท่านั้น บ้านลักษณะนี้แม้จะไม่ใหม่เหมือนบ้านที่หน่วยงานจัดสรรให้ แต่พื้นที่กลับกว้างขวางโอ่อ่ายิ่งนัก
อีกทั้งทำเลที่ตั้งยังดีเยี่ยม ไม่ได้ตั้งอยู่บริเวณชานเมือง แต่อยู่ติดกับทะเลสาบสือช่าไห่
คราวนี้ป้าสะใภ้หมดคำจะเอ่ย เธอยังคิดในใจว่าโจวเฉิงจะเป็คนออกเงินให้หรือเปล่า แต่ถ้ากัดไม่ปล่อยต่อไป ผู้าุโทั้งสองคงโมโหเป็แน่
ครั้งก่อนมีคนฟ้องโจวเหวินปังว่า โจวเฉิงอยู่ที่หน่วยงานทำตัวไม่ดีเสียเหลือเกิน
นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เขากลับได้โอกาสไปเรียนต่อ สุดท้ายในตระกูลโจวก็ยังคงเป็โจวเฉิงที่มีอนาคตไกลที่สุด ป้าสะใภ้รู้สึกอิจฉาไปก็ไร้ประโยชน์ ใครใช้ให้เธอมีลูกสาวเลาส แถมลูกสาวของเธอยังไม่กระตือรือร้นเื่งาน ไม่ต้องเทียบกับโจวเฉิง แค่คู่ครองของโจวเฉิง โจวอี๋ก็สู้ไม่ไหว
ย่าโจวคือคนที่เข้าใจโลกมากที่สุด
ย่าโจวคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานต้องเรียนมหาวิทยาลัยอีกหลายปีกว่าจะจบ แบบนั้นมันนานเกินไป แต่พอเห็นท่าทีของโจวเฉิงแล้วเธอจะคัดค้านไปก็ไร้ประโยชน์
หากไม่สามารถแยกออกจากกันได้ก็ควรแสดงท่าทีสนับสนุน สองหนุ่มสาวจะได้ไม่มีเื่ขัดแย้งกัน
เมื่อใกล้ถึงเวลาอาหาร คุณย่าโจวผู้เฉลียวฉลาดก็แอบถามเซี่ยเสี่ยวหลาน “บ้านที่สือช่าไห่คงราคาไม่ถูกใช่ไหม หลานบอกย่ามาเถอะ ยังขาดเงินซื้อบ้านหรือเปล่า ย่าจะช่วยออกให้”
สิ่งนี้อยู่เหนือความคาดหมายของเซี่ยเสี่ยวหลานอย่างสิ้นเชิง
กวนฮุ่ยเอ๋อกำลังช่วยงานในครัว ซึ่งไม่รู้ว่าเธอจะได้ยินหรือเปล่า เซี่ยเสี่ยวหลานรีบอธิบายขึ้นมาทันที
“บ้านราคาไม่ถูกจริงๆ ค่ะ แต่ฉันใช้เงินที่หามาได้จากการทำธุรกิจ่ก่อนหน้านี้มาจ่าย ตอนนี้ยังไม่ขาดเงิน ขอบคุณค่ะคุณย่า!”
นอกจากป้าสะใภ้ของโจวเฉิง คนตระกูลโจวไม่ได้มีความเห็นอะไรกับเื่ที่เธอซื้อบ้านแม้แต่คนเดียว
ตรงกันข้าม สิ่งที่เซี่ยเสี่ยวหลานทำกลับเอาชนะใจคุณปู่โจวรวมถึงคนอื่นๆ ในครอบครัวได้ ก่อนหน้านี้มีคนบอกว่าความคิดของเซี่ยเสี่ยวหลานยังไม่มั่นคงมิใช่หรือ แต่พอเห็นเธอถึงขั้นซื้อบ้านเตรียมตั้งรกรากที่ปักกิ่ง เื่นี้พิสูจน์แล้วว่าเธอคิดเื่อนาคตของตนกับโจวเฉิงจริงๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้