สำหรับเย่เฟิงในตอนนี้ ไม่ว่าสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติหรือคนอื่นจะคิดอย่างไร มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย หลังจากเฉินเจี้ยนสยงและหลี่เสวียนแห่งตำหนักไท่จี๋พบกันแล้วจะเกิดอะไรขึ้น เย่เฟิงก็ไม่อยากขบคิดมากนัก
สองวันต่อมา ภายในเมืองทะเลทรายเล็กๆ เมืองตุนหวงใกล้ทะเลทรายตะวันตกเฉียงเหนือ รถออฟโรดที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นดินจอดหน้าตู้เอทีเอ็ม จากนั้นชายหนุ่มเสื้อเชิ้ตสีดำก็ก้าวลงจากรถ
“ลุงครับ เดี๋ยวผมจะไปกดเงินเสียหน่อย”
แน่นอนว่าชายหนุ่มเชิ้ตสีดำก็คือเย่เฟิง เนื่องจากเขาขับรถไม่เป็ จึงหาคนขับรถจากทะเลตะวันออกเพื่อมาส่งที่ทะเลทรายแห่งนี้ และตกลงกับอีกฝ่ายว่าจะให้ค่าตอบแทนเป็เงินจำนวนสองพัน แต่เย่เฟิงไม่มีเงินสดติดตัวมากนัก มีเพียงธนบัตรแดงสิบกว่าใบจึงให้อีกฝ่ายไปก่อน เมื่อถึงที่หมายค่อยมองหาตู้เอทีเอ็มเพื่อถอนเงินให้อีกฝ่าย
“ได้เลยหนุ่มน้อย”
คนขับรถเป็ทหารเกษียณที่อายุมากกว่าห้าสิบปีแล้ว ท่าทางใจดี ตอนยังหนุ่มเคยมาที่นี่จึงคุ้นเคยกับสถานที่เป็อย่างดี
ระหว่างทางเย่เฟิงสอบถามเขาเกี่ยวกับขนบธรรมเนียมของประเทศไปไม่น้อย ทั้งสองคนค่อนข้างคุยถูกคอเลยทีเดียว คนขับรถคนนี้รู้ด้วยว่าเย่เฟิงมาเมืองตุนหวงเพื่อจัดการบางอย่าง แต่ก็ไม่ถามอะไรมากมาย เพราะรู้ว่าสิ่งต้องห้ามเด็ดขาดระหว่างเดินทางคือการซักถามมากเกินไป เย่เฟิงมาทำอะไรที่เมืองตุนหวงก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขา เขาจะถามเื่นี้ไปเพื่ออะไรล่ะ?
อุณหภูมิที่ทะเลเริ่มเย็นลง หลังจากเย่เฟิงลงจากรถก็พบว่าผู้คนบนท้องถนนในเมืองล้วนสวมเสื้อผ้าค่อนข้างหนา เย่เฟิงซึ่งสวมเพียงเสื้อเชิ้ตแขนสั้นจึงดูแปลกตาเล็กน้อย แน่นอนว่าเย่เฟิงไม่สนใจสภาพอากาศอยู่แล้ว แม้จะอยู่ในทะเลตะวันออกที่มีอุณหภูมิต่ำกว่ายี่สิบสามสิบองศาเซลเซียส เขาก็ไม่รู้สึกอะไรกับอากาศเช่นนั้นนัก ยิ่งตอนนี้ระดับพลังของเขาเติบโตขึ้นมาก
ระยะทางมาเมืองตุนหวงมากกว่าสามพันกิโลเมตร เย่เฟิงต้องเจอการตรวจสอบมากมาย แต่ก็หลบเลี่ยงด้วยวิธีการต่างๆล
“ดูเหมือนว่าอิทธิพลของตำหนักไท่จี๋ก็แข็งแกร่งเหมือนกัน...”
เย่เฟิงขบคิดในใจ ไม่นานก็หยิบบัตรเอทีเอ็มกดถอนเงินมาหนึ่งหมื่น ให้คนขับรถหนึ่งพัน ส่วนที่เหลือเก็บใส่แหวนมิติเผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน บัตรเอทีเอ็มหลายใบที่ส่งให้หลินซือฉิงตรวจสอบนั้น แต่ละใบมีเงินมากกว่าสิบล้านซึ่งถูกเย่เฟิงส่งทั้งหมดให้กับโอวบี ตอนนี้บริษัทที่เย่เฟิงก่อตั้งขึ้นมามีเงินไม่มากเท่าไรแล้ว เหลือเพียงหนึ่งหรือสองล้าน จึงนำให้โอวบีใช้หมุนเวียน ส่วนเงินที่เหลืออีกหลายร้อยล้านถูกใช้อย่างบ้าคลั่งโดยเย่เฟิง ทั้งซื้อสมุนไพรจำนวนมาก สกัดเป็เม็ดยา ทั้งเม็ดยาฟื้นฟูพลังชี่และเม็ดยารักษาแผลกว่ายี่สิบเม็ด หากคำนวณคร่าวๆ เพื่อใช้เดินทางในทะเลทรายก็เพียงพอแล้ว
เื่นี้ทำให้เย่เฟิงถึงกับถอนหายใจ เพราะถึงจะมีเงินเท่าไรก็ไม่พอจริงๆ เงินจำนวนหลายร้อนล้านสำหรับคนธรรมดาถือเป็เงินจำนวนมหาศาล แต่สำหรับเขามันถูกใช้หมดไปเพียงเพื่อการมาทะเลทราย ดูเหมือนว่าอนาคตต่อจากนี้เราต้องคิดวิธีหาเงินเสียแล้ว...
หลังจากซื้อสมุนไพรทุกชนิดเป็จำนวนมากแล้ว เตาเฟิงฟาร์มาซีก็เข้าตาผู้คนในที่สุด เงินจำนวนมากกว่าหนึ่งร้อยล้านหยวนที่ใช้ไปแท้จริงแล้วไม่ได้นับว่ามากอะไรในโลกนี้ เมื่อเทียบกับบุคคลที่มีทรัพย์สินหลายแสนล้าน เย่เฟิงยังคงด้อยเกินไปด้วยซ้ำ เพียงแต่เตาเฟิงฟาร์มาซีซื้อสมุนไพรล้ำค่าจำนวนมากในคราวเดียว ดังนั้นผู้คนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องจึงให้ความสนใจก็เท่านั้นเอง...
เย่เฟิงส่ายหัวอย่างไม่อยากคิดมาก ตอนนี้เขาอยู่ในทะเลทราย และควรต้องพบกับซูเฟยหยิ่งรวมทั้งจุดวาร์ปก่อนเป็การดีที่สุด ระหว่างดำเนินภารกิจจำเป็ต้องระวังคนจากตำหนักไท่จี๋อยู่เสมอ ตามที่ได้ยินจากเฉินฮุย ตำหนักไท่จี๋ส่งคนจำนวนมากมาที่นี่รวมถึงผู้าุโสี่คนด้วย กล่าวได้ว่าตอนนี้ที่ทะเลทรายมีกำลังคนแข็งแกร่งเกือบครึ่งหนึ่งของตำหนักไท่จี๋!
ด้วยความแข็งแกร่งของผู้ฝึกวรยุทธ์ในตอนนี้ก็เพียงพอที่จะกวาดล้างสำนักอื่นๆ แล้ว
เย่เฟิงก้าวออกจากตู้เอทีเอ็ม เมื่อเงยหน้าก็เห็นสถานการณ์ตรงหน้า รถออฟโรดสีเขียวเข้มที่จอดอยู่ถูกรอบล้อมโดยกลุ่มผู้ชายลักษณะคล้ายนักเลงข้างถนนซึ่งถือแท่งเหล็กและก้อนอิฐคล้ายกับ้าปล้นชิง
เย่เฟิงหรี่ตามอง นักเลงพวกนั้นต่างเห็นว่ารถคันนี้เป็ป้ายทะเบียนนอกพื้นที่จึงกล้าปล้นงั้นหรือ? น่าเสียดายที่รถคันนั้นไม่มีของมีค่าอะไรและคนขับรถเองก็ไม่ได้พกเงินสดติดตัวเลย สิ่งเดียวที่มีค่าก็มีเพียงรถออฟโรดคันนั้น
“ลงมา!”
หนึ่งในนั้นสวมเสื้อหนัง หัวล้านครึ่งหลังมัดจุกเป็ปอยผม กำลังคาบบุหรี่ ท่อนเหล็กในมือเคาะกระโปรงรถออฟโรดจนเกิดเสียงดัง ‘เคร้ง’ ทำให้คนรอบๆ ต่างใกลัว ส่วนชายผมสั้นใส่เสื้อแขนสั้น ที่แขนมีรอยสักลายเสือโคร่งก็เปิดประตูรถ เนื่องจากคนขับรถกำลังรอเย่เฟิงกลับมาจึงไม่ได้ล็อกประตู คนพวกนี้จึงสามารถเปิดประตูได้
เมื่อต้องเผชิญกับหลุ่มคนที่เหมือนโจรเช่นนี้ สีหน้าคนขับรถก็ไม่มีท่าทีตื่นตระหนก เขาถอดหมวกกันแดดออกแล้ววางเท้าไปที่คันเร่ง
“ฉันมีเงินติดตัวอยู่สามพัน เอาไปเลย”
คนขับรถหยิบเงินเป็ปึกออกจากอก เหลือบมองชายสวมเสื้อหนังผ่านหน้าต่างรถ ถ้าอีกฝ่ายเอาเงินไปแล้วจากไป คนขับรถก็ไม่ต้องคิดอะไรมาก เพราะเขาเคยมีประสบการณ์มากมายตอนเป็วัยรุ่น แต่ก็ผ่าน่วัยเืร้อนมานานแล้ว แม้เขาจะถูกปล้นไปสามพัน จนการมาเมืองตุนหวงครั้งนี้ทำให้เขาเป็หนี้ แต่เงินพวกนั้นไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขา เขาเต็มใจพาเย่เฟิงมาที่เมืองตุนหวงไม่ใช่เพราะเื่เงินแต่เป็เพราะรู้สึกว่าเย่เฟิงคนนี้เป็ชายหนุ่มที่ดีและพูดจาสุภาพมาก
น่าเสียดายที่พวกนักเลงไม่คิดเช่นนี้เลย ชายคนนี้ควักเงินออกมาสามพัน ไม่ใช่ว่ามันมีเงินติดตัวมากกว่านี้หรอกหรือ? จึงทำให้เหล่านักเลงไม่พอใจอย่างยิ่ง!
“นี่ไอ้แก่ คิดว่าสามพันแล้วเราจะปล่อยไปงั้นหรือ? รีบๆ ออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างงั้นฉันจะทุบแก และค้นจนแกหมดตัวแน่!”
ชายผมสั้นที่มีรอยสักรูปเสือโคร่งตรงแขนร้อง ‘เพ้ย’ ออกมา เอื้อมมือข้างหนึ่งเข้าไปหลังรถและพยายามดึงคนขับรถออกไป ขณะเดียวกันก็้าเปิดประตูฝั่งคนขับ
แต่ขณะนั้นเอง แรงมหาศาลจากด้านหลังก็ดึงร่างของเขาก่อนจะได้เข้าไปอย่างเต็มตัว จากนั้นร่างนักเลงคนนั้นก็ลอยกระแทกพื้นทะเลทรายที่อยู่นอกรถอย่างแรง
“ปล้นกลางวันแสกๆ แบบนี้ไม่กลัวตำรวจกันหรือไง?”
เสียงแ่เบาของเย่เฟิงดังเข้าหู ชายหนุ่มเหยียบแขนข้างที่มีรอยสักลายเสือตัวใหญ่จนเกิดเสียงดัง ‘กร๊อบ’ เพราะกระดูกหัก!
“อ๊าก—“
ชายคนนั้นถูกเหยียบจนกระดูกแขนหัก จึงส่งเสียงกรีดร้องอย่างเ็ปทันที พวกนักเลงที่เหลือตอบสนองไม่ทัน และยืนมองเหตุการณ์อย่างเหลือเชื่อ
ในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ มีคนกล้าต่อกรกับแก๊งของพวกเขางั้นหรือ?
แม้ชายเสื้อเชิ้ตสีดำจะดึงแขนต้าหูออกมาและเหยียบจนกระดูกแขนหัก ท่าทางดูมีพละกำลัง แต่แค่คนคนเดียวจะจัดการคนจำนวนมากได้อย่างไรกัน ไอ้เด็กนี่มันโง่หรือเปล่า?