“สหาย ท่านมาดูแผงของเราตรงนี้เถอะ สินค้าของเราล้วนมาจากซากปรักหักพังโบราณทั้งสิ้น ท่านลองดูว่า พอมีอะไรที่จำเป็ต่อท่านบ้าง” เ้าของร้านแผงลอยคนหนึ่งกล่าวขึ้น เ้าของแผงลอยผู้นี้เห็นจุนห่าวซื้อหญ้าจากแผงข้าง ๆ อย่างฟุ่มเฟือยพอดี เขานึกอิจฉาเ้าของแผงขายคนนั้น เมื่อเห็นว่า จุนหาวใช้เงินจำนวนไม่น้อย เพื่อซื้อหญ้าธรรมดาได้อย่างง่ายดาย เขาจึงเริ่มเสนอสินค้าของเขาให้กับจุนห่าว ทุกอย่างที่ขายล้วนเป็ของราคาถูกทั้งสิ้น แต่เขาอาจขายได้เงินมากกว่าเดิม หากพบคนที่ล่อลวงได้ง่ายเช่นจุนห่าว เขาคงทำเงินได้มากขึ้นแน่ เพราะเขายังไม่เคยเจอคนที่หลอกง่ายอย่างจุนห่าวมาก่อน
จุนห่าวคิดในใจ นี่ข้าถูกมองว่า เป็คนหลอกง่ายไปเสียแล้วหรือ แม้จุนห่าวจะมาอยู่ที่แผ่นดินชางหลานแค่ไม่กี่ปี แต่เขาก็รู้จักสิ่งอันตรายมากมายบนแผ่นดินนี้ แต่มิใช่สำหรับซากปรักหักพังโบราณ ทุกครั้งที่เกิดซากปรักหักพังโบราณขึ้น มันจะสามารถสร้างความปลุกปั่นไปทั่วทั้งแผ่นดินชางหลานได้ อีกทั้งวัตถุในซากปรักหักพังโบราณจะมีค่ามาก เฉกเช่นเดียวกับหญ้าธรรมดาที่อยู่ในซากปรักหักพังโบราณ หากอยู่มาได้จนถึงตอนนี้ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน หลังจากที่เก็บสะสมเป็เวลาหลายปี หญ้าธรรมดาก็จะสามารถกลายเป็หญ้าิญญาได้
จุนห่าวก้มศีรษะลงและมองสิ่งของต่าง ๆ บนแผงขาย มีหนังสือเก่าที่ขาดวิ่น กิ่งไม้แห้ง หญ้าิญญา ทั้งยังมีกระดูกและฟันของสัตว์อสูรอีกด้วย และยังมีอะไรบางอย่างที่จุนห่าวก็ไม่รู้ว่า มันคืออะไร ในสายตาของจุนห่าว สินค้าของร้านนี้ยังไม่มีอะไรที่ถูกใจเขาเลย
จุนห่าวหยิบกิ่งไม้แห้งมากิ่งหนึ่ง เขาเอ่ยถามพลางชี้ที่กิ่งไม้แห้งกิ่งนั้นว่า “กิ่งไม้นี่ก็มาจากซากปรักหักพังโบราณอย่างนั้นรึ เ้าคิดว่า ข้าเป็คนซื่อบื้อสินะ นี่มันเป็แค่กิ่งไม้ธรรมดาชัด ๆ” ถึงจุนห่าวจะไม่รอบรู้เท่าหานรุ่ย ทว่าเขาก็คอยหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแผ่นดินชางหลานอยู่เสมอ แม้เขาไม่อาจพูดได้ว่า เขารู้จักพืชทุกชนิดบนแผ่นดินของชางหลานก็ตาม ทว่าเขารู้จักสิ่งที่บันทึกอยู่ในหนังสือทั้งหมด เป็ที่ชัดเจนว่า กิ่งไม้ชนิดนี้ พบได้ทั่วไปตามท้องถนน จุนห่าวเปิดโปงพ่อค้า ณ ตรงนั้น เพราะอยากรู้ว่า เขาจะพูดแก้ตัวอะไรออกมาบ้าง
“ท่านจะบอกว่า มันเป็แค่กิ่งไม้ธรรมดาได้อย่างไร ในเมื่อมันมาจากซากปรักหักพังโบราณจริง ๆ ท่านไม่รู้หรอกว่า ที่ท่านถืออยู่ในมือหาใช่กิ่งไม้ธรรมดาไม่” เ้าของแผงลอยเอ่ยขึ้น เขาคิดในใจ เหตุใดคนผู้นี้ถึงได้สงสัยในคำพูดของเขาขึ้นมาล่ะ เมื่อครู่นี้ตอนที่ซื้อหญ้ายังไม่เห็นจะพูดอะไรเลย เพื่อเงินที่อยู่ในกระเป๋าของจุนห่าว เ้าของแผงลอยจึงต้องดิ้นรนและหาข้อแก้ตัว
“หึ ถ้าอย่างนั้นมันไม่ธรรมดาตรงไหนกัน ข้าก็เห็นอยู่ว่า มันเป็แค่กิ่งไม้ธรรมดา ๆ” จุนห่าวจับกิ่งไม้ด้วยนิ้วโป้งและนิ้วชี้ พลางถามพ่อค้าด้วยสายตาดื้อดึง เวลานี้เขาอยากจะรู้นักว่า เ้าของแผงลอยผู้นี้จะแถเื่กิ่งไม้นี่ ให้เป็ของล้ำค่าแห่ง์ได้อย่างไร
“เ้าไม่รู้หรอกว่า แต่เดิมกิ่งไม้นี้มิได้เป็เช่นนี้มาก่อน ก่อนหน้านี้มันมีสีขาวโปร่งใส แถมยังเปล่งแสงเป็ประกายสีขาวอีกต่างหาก แต่เพราะมันถูกเก็บเอาไว้นานเกินไป มันจึงกลายเป็เช่นนี้” เ้าของแผงลอยกล่าวเกินจริง เขาใช้สมองในการแก้ตัวอย่างหนักในเวลานี้ เพื่อให้กิ่งไม้นี้มีประวัติที่สูงส่ง สมองของเ้าของแผงลอยจึงเกิดแสงแวบขึ้นมา เขาคิดในใจว่า ได้การล่ะ ต้องทำให้ดูลึกลับเข้าไว้ เขาพูดกับจุนห่าวว่า “เ้ารู้จักวังเซียนอวี้เจินไหม?”
“วังเซียนอวี้เจินอย่างนั้นรึ?” จุนห่าวจงใจลากเสียงยาว “หากเป็คนบนแผ่นดินนี้ย่อมรู้จักแน่ เพราะที่นั่นคือวังเซียนที่ปรากฏอยู่บนแผ่นชางหลานเมื่อหลายพันปีก่อน ครานั้นวังนี้มีชื่อเสียงจนะเืเลือนลั่นไปทั่วแผ่นดินชางหลาน ข้าได้ยินมาว่า ภายในนั้นมีภยันตรายอย่างยิ่งยวด แต่ทว่าก็มีโอกาสมากเช่นกัน อีกทั้งภายในนั้นมีหญ้าิญญาล้ำค่าอยู่ทั่วทุกแห่งหน และสัตว์อสูรของที่นั่นก็ทรงพลังยิ่ง มีนักพรตจำนวนไม่น้อยที่สิ้นชีพที่นี่ นอกจากนี้ข้ายังได้ยินมาอีกว่า ภายในนั้นมีสมบัติแห่ง์ที่ไม่เคยปรากฏบนแผ่นดินชางหลานมาก่อนอยู่มากมาย แต่น่าเสียดายที่โอกาสและอันตรายมักเป็ของคู่กัน หากไม่ได้พบกับสมบัติล้ำค่า ชีวิตของนักพรตก็คงจะสูญสิ้นแทน” เมื่อจุนห่าวกล่าวจบ เขาก็เอ่ยกับเ้าของแผงลอยต่อในทันทีว่า “ท่านยังไม่บอกข้าเลยนะว่า กิ่งไม้ในมือข้ามาจากวังเซียนอวี้เจินหรือไม่?
