ตอนที่หยวนอวี่ถูกเชิญมาที่เรือนเด็ดดารา ในใจนางก็ทั้งงุนงงและกังวลอยู่เล็กน้อย ด้วยไม่แน่ใจว่าลู่หลิงฉิงผู้นี้จะรู้เื่ระหว่างนางกับรัชทายาทแล้วหรือไม่ ตอนนี้ถึงได้คิดจะมาตักเตือน
นางเอาแต่คิดว่า หากชายารัชทายาทรู้เื่ของตนและรัชทายาทขึ้นมาจริงๆ หลังจากนั้นนางควรต้องทำเช่นไรต่อไป? เพราะฝีมือของลู่หลิงฉิงนี้ แม้นางจะไม่เคยประจักษ์กับตา แต่เมื่อนึกถึงการตายอย่างอนาถของเฉียวอวิ๋นซีในตอนนั้น นางก็นึกหวาดกลัวอยู่ไม่มากก็น้อย
คนอื่นล้วนเชื่อว่าเฉียวอวิ๋นซีตกเืตาย แต่นางกลับรับรู้ได้ว่า เื่นี้ต้องเกี่ยวข้องกับลู่หลิงฉิงแน่
ทันทีที่ก้าวเดินเข้าไปในห้องอบอุ่นของเรือนเด็ดดารา นางก็ถอดเสื้อกันลมออก ส่งให้สาวใช้ ก่อนจะมองลู่หลิงฉิงที่นั่งอยู่บนที่นั่งสูงด้วยท่วงท่าสง่างาม บนใบหน้าแขวนรอยยิ้มเรียบเฉยไว้ ไม่รู้เพราะเหตุใดพอได้เห็นรอยยิ้มนี้ ใจนางก็ยิ่งไม่สงบ
ลู่หลิงฉิงยิ้มเดินเข้าไปต้อนรับ นางลากมือหยวนอวี่มาแล้วพูดว่า “อวี่เอ๋อร์ ได้ยินว่าไม่กี่วันก่อนเ้าโดนลมหนาว ตอนนี้ดีขึ้นบ้างหรือยัง? ” แน่นอนว่านางย่อมสังเกตเห็นอาการหวาดกลัวที่ปิดไม่มิดของหยวนอวี่ นางรู้สึกพอใจยิ่งต่ออากัปกริยาทั้งหลายนี้
การหวาดกลัวถือเป็เื่ดี คนคนหนึ่งหากปราศจากความหวาดกลัวก็เรียกได้ว่าเป็คนที่ไร้จุดอ่อน คนเช่นนี้จัดการได้ยากนัก
หยวนอวี่มองลู่หลิงฉิง ในใจยังนึกไม่ออกว่าคน้าให้นางมาที่นี่ทำอะไร ถึงกระนั้นสิ่งที่นางทำในตอนนี้ได้ก็แค่ร่วมแสดงละครร้องรับไปกับอีกฝ่าย “ขอบพระทัยชายารัชทายาที่ทรงเป็ห่วงเพคะ หม่อมฉันไม่เป็อะไรมากแล้วเพคะ”
นางไม่เชื่อหรอกว่าลู่หลิงฉิงจะจิตใจดีเป็ห่วงตน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีเหตุผลบางประการที่ไม่อาจบอกใครได้เป็แน่ เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยวนอวี่ก็ยิ่งรวบรวมสติ ด้วยกังวลว่าตนอาจตกเข้าไปในหลุมพรางของลู่หลิงฉิงได้
ลู่หลิงฉิงไม่สนหรอกว่าหยวนอวี่จะคิดเช่นไรอยู่ เพราะั้แ่ที่นางให้คนไปตามหยวนอวี่มาก็ไม่เคยเชื่อว่า หยวนอวี่จะเชื่อใจตน นางพูดอย่างปลงๆ “น้องหญิงเด็กกว่าข้าสองสามปี หากวันนี้เปิ่นเฟยจะบังอาจแทนตัวเองกับเ้าว่า พี่หญิง น้องหญิงคงไม่ว่าอันใดกระมัง”
หยวนอวี่นั่งลงตรงข้ามลู่หลิงฉิง นางยิ้มบางๆ ส่ายหน้า “การได้มีพี่หญิงที่สถานะสูงส่งเช่นชายารัชทายาท หากหยวนอวี่คิดอยากจะมีก็ไม่ใช่ว่าจะมีได้นะเพคะ แน่นอนว่าต้องยินดีแน่”
ถึงกระนั้นในใจนางกลับเอาแต่พึมพำว่า ใคร้าพี่หญิงเช่นเ้ากัน ไม่ใช่ว่าอาศัยแค่ตัวเ้าที่โชคดีกว่าข้าเท่านั้นหรอกหรือ เพราะหากให้พูดถึงสถานะจริงๆ แล้ว ตัวข้ายังนับว่าสูงส่งเสียยิ่งกว่าเ้าอีก อย่างไรเสีย เ้าก็แค่แต่งให้รัชทายาทเท่านั้น รอไปก่อนเถอะ ต้องมีสักวันที่ข้าจะเหยียบเ้าไว้ใต้ฝ่าเท้า
สตรีสองคนที่ต่างก็มีความคิดชั่วร้ายกำลังนั่งสนทนากัน เริ่มแรกชายารัชทายาทก็เพียงสอบถามเื่ทั่วๆ ไปกับหยวนอวี่ แต่ในตอนหลังก็เริ่มพูดคุยถึงเื่ของตนกับรัชทายาท พูดถึงความยากลำบากของรัชทายาท รวมถึงเื่ที่อวิ๋นซีและหนิงอ๋องหยิ่งยโสเสียจนไม่เห็นรัชทายาทอยู่ในสายตา
แน่นอนว่า เื่ที่อวิ๋นซานเป็ลูกชายของเจิ้นหนานอ๋อง นางก็รู้แล้ว และเพราะรู้แล้วถึงได้คิดจะยืมมีดฆ่าคน ซึ่งมีดเล่มนี้จะให้ดีที่สุดก็ต้องเป็หยวนอวี่ นังชั้นต่ำที่วันๆ มัวแต่โง่เง่าเฝ้ารอวันที่สามีของนางจะได้ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์ทองแล้วแต่งตัวเองเข้าไป...
หยวนอวี่เดินออกไปจากจวนรัชทายาทด้วยใจไม่สงบ ในหัวนางยังคงมีเสียงของลู่หลิงฉิงดังอยู่ไม่ขาด “ในตอนนี้โอรสสายตรงและสะใภ้สายตรงก็กลับมาเมืองหลวงแล้ว รัชทายาทจึงไม่ได้รับความไว้วางพระทัยจากฝ่าาเหมือนเมื่อก่อน เปิ่นเฟยกังวลจริงๆ ว่าจะมีสักวันที่หนิงอ๋องและชายาจะจัดการรัชทายาท ยิ่งกว่านั้น ตอนนี้ยังได้รู้แล้วว่า อวิ๋นซีผู้นั้นมิใช่สตรีชนชั้นล่างจากดินแดนตะวันตกเฉียงเหนือธรรมดาๆ อย่างที่พวกเราเคยทราบ บิดาของนางเป็ถึงลูกชายเพียงคนเดียวของเจิ้นหนานอ๋อง ทว่ามีเื่หนึ่งที่คนอื่นยังไม่รู้ก็คือ เจิ้นหนานอ๋องได้ขอพระราชโองการแต่งตั้งอวิ๋นซานคนนั้นเป็เจิ้นหนานอ๋องซื่อจื่อแล้ว บิดาข้าบอกว่า เื่นี้ฝ่าาเองก็ทรงเห็นชอบถึงขนาดที่ราชโองการนั้นได้ส่งไปถึงมือของเจิ้นหนานอ๋องแล้วด้วย ตอนนี้รอแค่เจิ้นหนานอ๋องตามซื่อจื่อกลับมาได้ คนก็จะได้รับการแต่งตั้ง”
“นอกจากนี้ อวี๋อ๋องเองก็สนิทชิดเชื้อกับหนิงอ๋องมาั้แ่ต้น ผนวกกับในมือของหนิงอ๋องที่มีอำนาจการทหารของดินแดนตะวันตกเฉียงเหนืออยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีเจิ้นหนานอ๋องเข้ามาอีกคน กำลังทหารหนึ่งในสามของหนานเย่าก็เรียกได้ว่าอยู่ในมือหนิงอ๋องหมดแล้ว สถานการณ์เช่นนี้ สำหรับรัชทายาทแล้วก็ราวกับไฟลุกโหมไม่ปาน”
หยวนอวี่คิดอยู่นาน จนกระทั่งกลับไปถึงจวนผิงหยางโหว ขณะเดียวกันั้แ่ชิวิกลับมาจากศาลาว่าการก็หาภรรยาไม่เจอ ตอนนี้จึงยังเป็กังวลจนคิดจะออกไปตามหาที่นอกจวน แต่เมื่อกำลังจะเดินออกไปก็เห็นนางเดินเข้ามาพอดี เขารีบขึ้นหน้าไปรับ “ฮูหยิน เ้าไปไหนมา สามีกลับมาไม่เห็นเ้าก็ร้อนใจแทบแย่”
หยวนอวี่จดจ้องบุรุษที่ทั้งสีหน้าและดวงตาเต็มไปด้วยความเป็ห่วง นางตอบเรียบๆ “ชายารัชทายาทเรียกหาข้า ข้าจึงไปที่เรือนเด็ดดารามา” พูดจบ นางก็หันหลังกลับ มุ่งหน้าไปยังเรือนของตนด้วยท่าทีเฉยชายิ่ง
ชิวิมองเงาหลังของหยวนอวี่ ในใจเ็ป แต่ก็คิดเพียงว่า ไม่ว่าอย่างไรสตรีนางนี้ก็ยังอยู่ข้างกายตน แค่นี้...ก็เพียงพอแล้ว
เดิมทีชิวเหลียนคิดจะออกไปด้านนอกก็บังเอิญเห็นฉากนี้เข้าพอดี นางแค่นเสียงเ็า เดินขึ้นหน้าไปผลักพี่ชายเบาๆ นางกล่าว “ท่านพี่ ข้าจะบอกท่านให้ หากท่านยังปล่อยให้นางขี่อยู่บนศีรษะเช่นนี้ต่อไป คงมีสักวันที่ท่านต้องมานั่งเสียใจในภายหลังแน่ หญิงผู้นี้คอยแต่หาเื่ให้โดนจัดการ นางไม่รู้จักหลักที่ว่าแต่งออกมาแล้วก็ต้องเชื่อฟังสามีหรือไร นางไม่แม้แต่จะบอกกล่าวสักคำก็ออกไปเอง อีกทั้ง ยามกลับมาก็ยังทำท่าปั้นปึ่งอีกต่างหาก มิน่าเล่าตอนนั้นท่านแม่ถึงได้ไม่ชอบหญิงผู้นี้เพียงนั้น ข้าว่านะ นางเป็ตัวปัญหาชัดๆ แล้วศักดิ์ศรีความเป็ชายของท่านเล่าหายไปไหนเสียหมด? ”
ชิวิหันมองน้องสาวตน จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “ร้ายแรงอย่างเ้าพูดที่ไหนกัน นิสัยของหยวนอวี่ก็เป็เช่นนี้ไม่ใช่ว่าเ้าจะไม่รู้ อันที่จริงตัวนางไม่ได้มีสิ่งใดแอบแฝง เ้าลองดูจากที่นางดีกับลูกเพียงนั้นก็รู้ได้แล้ว”
“ฮึ” ชิวเหลียนแค่นเสียงเ็า “การที่นางทำดีกับลูกตัวเองก็ถือเป็เื่ปกติ ทว่าในฐานะภรรยา นางก็ควรต้องดีกับท่านด้วยมิใช่หรือ ทว่าทุกๆ วันหลังท่านกลับมาจากทำงานกลับต้องมาเห็นหน้าตาท่าทางเช่นนี้ของนาง ข้าอยากรู้จริงๆ ท่านพี่ ท่านเหนื่อยบ้างหรือไม่? ”
ชิวิทำเพียงส่งยิ้มให้พลางลูบศีรษะน้องสาวเบาๆ ทำเอาชิวเหลียนถึงกับโกรธจนตึงตังออกจากบ้านไป สำหรับเื่ของพี่ชาย ตอนนี้นางก็นับว่าเข้าใจแล้ว และไม่ควรพูดอะไรมากอย่างเด็ดขาด เพราะในใจเขา ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะสมควรตาย เขาก็ยังจะปกป้องคนราวไข่มุกราวสมบัติล้ำค่า
ชิวิมองน้องสาวที่จากไปด้วยทีท่าเกรี้ยวกราด มุมปากปรากฏรอยยิ้มขมขื่น แท้จริงแล้วไม่ใช่เขาไม่รู้ว่าหยวนอวี่ทำเกินไปหน่อย เพราะั้แ่คลอดลูกออกมา เขาก็ไม่ได้ัันางอีกเลย
ทุกครั้งที่เขาคิดจะทำอะไร นางก็จะหลบเลี่ยงอย่างเอาเป็เอาตาย นางปฏิเสธชัดเจนเพียงนี้ แล้วตัวเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร เพียงแต่เื่นี้ยังยากที่จะยอมรับ ดังนั้น ตอนที่ได้ยินน้องสาวพูดเช่นนี้ เขาเองก็เริ่มสงสัยเช่นกันว่า การที่เขามักจะยอมและให้ท้ายโดยไร้ข้อแม้ต่อนางจะเป็เื่ที่ผิดหรือไม่?
หากเป็เช่นนี้จริง แล้วเขาควรทำเช่นไร?
ทันทีที่กลับไปถึงห้องก็ได้ยินเสียงลูกกำลังร้องไห้จ้า ขณะเดียวกันในห้องก็มีเสียงที่แสดงถึงความรำคาญของหยวนอวี่ดังลอดออกมา “ยังไม่พาเ้าผีขี้ร้องนี่ออกไปอีก ฟังแล้วให้รำคาญนัก”
ผีขี้ร้อง? ชิวิอยากจะหัวเราะแล้วจริงๆ ลูกของเขากับนาง ในสายตานางคือผีขี้ร้องอย่างนั้นหรือ อีกทั้ง คนยังทำให้นางรำคาญใจถึงเพียงนี้อีกด้วย เมื่อครู่ยามที่น้องสาวว่ากล่าวนาง ตัวเขาเองก็ช่วยโต้กลับไปอยู่สองสามประโยค ทั้งยังย้ำว่านางเป็คนดี
ทว่า ข้อเท็จจริงของเื่นี้ราวกับเป็การตบหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขามองแม่นมอุ้มลูกน้อยออกไปด้วยท่าทางน่าสงสาร ในใจของชิวิก็ราวกับเข้าสู่เดือนสิบสอง [1] เขาเดินเข้าไปในห้องและได้เห็นนางกำลังแต่งตัวอยู่หน้ากระจก
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] เดือนสิบสอง(腊月寒冬)หมายถึง เดือนสิบสองตามปีจันทรคติ สื่อถึงวันที่หนาวที่สุดของปี