เสิ่นเยี่ยนยื่นมือไปดึงผ้าคาดเอวของกู้เจิงเบาๆ ชุดชั้นในของนางเผยออกสู่สายตา ั์ตาเ็าของเสิ่นเยี่ยนทอประกายลึกล้ำขึ้นมา
กู้เจิงหน้าร้อนผ่าว นางรู้ว่านี่หมายความว่าอย่างไร นางอดถามขึ้นอย่างเขินอายไม่ได้ "ท่านพี่?..." แต่แล้วก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ในใจจึงลังเลเล็กน้อย หรือว่าไม่ถามดีกว่านะ
เสิ่นเยี่ยนคว้าตัวกู้เจิงขึ้นมาอุ้มอย่างง่ายดาย
แม้ว่าเขาจะดูสุภาพเรียบร้อยดุจปัญญาชน แต่สองแขนของเขากลับแข็งแกร่งยิ่งนัก เขาอุ้มนางขึ้นมาโดยไม่ต้องเปลืองแรงใดๆ
เสิ่นเยี่ยนวางภรรยาลงบนเตียงและก้มหน้ามองนาง ความงดงามของภรรยาเขารู้ั้แ่แรกเห็น สิ่งที่เขาชอบมากที่สุดคือั์ตาสดใสเบิกบานของภรรยา ซึ่งตอนนี้นางกำลังมองเขาอย่างเขินอายเล็กน้อย ท่าทางน่ารักน่าชังยิ่งทำให้ดูงดงามจนน่าใ
ในใจของกู้เจิงแม้ตั้งตารอคืนเข้าหอนี้มานาน แต่พอได้เจอกับสถานการณ์จริง จึงทั้งลังเลและทั้งตื่นเต้นมาก
ในสมองของนางตอนนี้คิดแต่เื่ของเขา เสิ่นเยี่ยนก้มหน้าลงจุมพิตกู้เจิงอย่างอ่อนโยน สมองของนางขาวโพลนไปหมด หัวใจเต้นโครมคราม ร่างกายร้อนเหมือนกำลังถูกแผดเผา
นิ้วเรียวของเสิ่นเยี่ยนกระตุกปลดอาภรณ์ชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดร่างกายของภรรยาออก ร่างกายสูงใหญ่ขยับขึ้นเบียดร่างน้อยของนาง
เสิ่นเยี่ยนรุกเร้าบดเบียดััให้ร้อนแรงมากขึ้น เพลิงปรารถนาถูกจุดให้ลุกโชน จนถึงจุดที่ต้านทานต่อไปไม่ไหว
กู้เจิงใช้มือปิดปากเสิ่นเยี่ยนไม่ให้เสียงของเขาทำคนอื่นใ
“ไม่เป็ไร เรือนนี้ใหญ่ ไม่มีใครได้ยินหรอก” เขาว่าอย่างนั้น
เช้าวันรุ่งขึ้น กู้เจิงตื่นมาพร้อมความปวดระบมไปทั้งร่าง
“นายหญิง?” ซู่หลันเห็นรอยแดงบริเวณต้นแขนและหน้าอกของกู้เจิง นางพลันใบหน้าแดงก่ำขึ้นทันที
กู้เจิงรู้สึกว่านางไม่เหมือนเป็ตัวของตัวเอง จึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แล้วแอบก่นด่าสามีในใจ “ลุกขึ้นไม่ได้ ก็กินข้าวบนเตียงแล้วกัน” เสียงนางอ่อนระโหยโรยแรงมาก
“เ้าค่ะ ให้บ่าวปรนนิบัตินายหญิงแต่งตัวก่อนเถอะเ้าค่ะ” ซู่หลันพูดพลางเรียกเหอเซียงให้นางไปยกโจ๊กที่เตรียมไว้แล้วมา
หลังจากกินโจ๊กเสร็จ กู้เจิงก็รู้สึกว่าร่างกายค่อยกลับมามีแรงขึ้น
เหอเซียงเข้ามารายงาน “นายหญิง หวังซู่เหนียงมาเยี่ยมท่านแล้วเ้าค่ะ” ยังไม่ทันสิ้นเสียง หวังซู่เหนียงก็เดินเข้ามาในห้อง
“ลูกเอ๋ย แม่มา...” เมื่อหวังซู่เหนียงเห็นท่าทางของกู้เจิง ก็เอ่ยเสียงดังลั่น “์ เ้าเป็อะไรไป?”
กู้เจิงสะบัดมือให้สาวใช้สองคนออกไปก่อน นางนอนทรุดตัวอยู่บนเตียง มองซู่เหนียงอย่างหมดแรง ซู่เหนียงล่าวอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “บุตรเขยใหญ่ดุดันถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
“ซู่เหนียง” กู้เจิงกระดากอาย
หวังซู่เหนียงเหนียงปิดปากหัวเราะ ตบหน้าบุตรสาวเบาๆ แล้วพูดว่า “ลูกเอ๋ย เ้ามีวาสนานะ”
กู้เจิง “...”
หวังซู่เหนียงหัวเราะด้วยความเบิกบาน “เมื่อก่อนแม่เคยบอกเ้าแล้วว่า เจิงเอ๋อร์ของข้างดงามถึงเพียงนี้ จะมีบุรุษที่ไหนไม่หลงรักกัน สตรีต้องใช้กลยุทธ์สิบแปดอย่างถึงจะมัดหัวใจของสามีไว้ได้ ก่อนหน้านี้แม่ยังกังวลว่าเ้าจะสำรวมเกินไป ตอนนี้ไม่กังวลแล้วล่ะ แต่งงานมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว แต่บุตรเขยใหญ่ยังปฏิบัติต่อเ้าอย่างเร่าร้อนเช่นนี้ แม่ก็สบายใจขึ้น”
กู้เจิง “...”
“วันนี้ซู่เหนียงมาทําไมหรือ?” นางถามขึ้น
“เพราะว่าเมื่อคืนไม่ได้มา วันนี้เลยมาแสดงความยินดีกับเ้าน่ะ” ซู่เหนียงกล่าวตอบ
“ถ้าซู่เหนียงไม่มีธุระอะไรก็กลับไปก่อนเถอะเ้าค่ะ ข้า้าพักผ่อนสักหน่อย”
“เ้าเด็กคนนี้ ยังจะไล่แม่ไปอีกหรือ” หวังซู่เหนียงกลอกตามองบุตรสาว “ดูท่าเ้าจะเหนื่อย รีบพักผ่อนเถอะ”
ขณะที่หวังซู่เหนียงกำลังจะลุกขึ้น เหอเซียงก็เข้ามารายงานอีกว่า “นายหญิง คุณหนูสี่กับองค์หญิงสิบเอ็ดมาแล้วเ้าค่ะ”
“คุณหนูสี่กับองค์หญิงสิบเอ็ดก็มาด้วยหรือ? รีบเชิญพวกนางเข้ามา” หวังซู่เหนียงกล่าวอย่างกระตือรือร้น
กู้เจิง “...” วันนี้คือวันอะไร ทำไมถึงมีแขกมากันเยอะขนาดนี้
“พี่ใหญ่” เสียงกู้เหยาดังมาก่อนเ้าตัวจะมาถึง ไม่นานก็เห็นนางลากองค์หญิงสิบเอ็ดเข้ามาด้วย
กู้เจิงลุกขึ้นย่อกายคารวะองค์หญิงสิบเอ็ดพร้อมกับหวังซู่เหนียง
“ไม่ต้องมากพิธี ท่านไม่สบายหรือ?” องค์หญิงสิบเอ็ดคิดว่าการเข้าไปในห้องของคนอื่นนั้นไม่เหมาะสม แต่กู้เหยาดึงนางวิ่งเข้ามา จึงไม่มีเวลาให้นางปฏิเสธ ตอนนี้เห็นฮูหยินน้อยเสิ่นแม้จะแต่งตัวเรียบร้อย ทว่าเส้นผมยังไม่ได้หวี จึงอดรู้สึกไม่ได้ว่าตนเองไร้มารยาทเกินไป
“ไม่เป็ไร ไม่เป็ไร” หวังซู่เหนียงเม้มปากกลั้นขำอยู่ด้านข้าง “นางแค่หมดแรงเท่านั้น”
กู้เจิงมองมารดาอย่างหมดคำพูด เื่แบบนี้ต้องพูดออกไปตรงๆ ด้วยหรือไร
“พี่ใหญ่ไปทำอะไรมาถึงได้หมดแรงเ้าคะ?” กู้เหยาถามด้วยความแปลกใจ สองสาวมองกู้เจิงอย่างสงสัย
กู้เจิงยิ้มกระอักกระอ่วน น้องสี่ผู้นี้จริงๆ เลยเชียว พาองค์หญิงตรงดิ่งเข้ามาในห้องเช่นนี้ “ขอองค์หญิงโปรดทรงอภัยในความเสียมารยาทของหม่อมฉันด้วยเพคะ เหอเซียง พาองค์หญิงไปรับชาที่ห้องโถงใหญ่ก่อน”
“เ้าค่ะ” เหอเซียงพากู้เหยากับองค์หญิงสิบเอ็ดออกไป
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าคุณหนูสี่กับองค์หญิงจะกลายเป็เพื่อนรักกันได้” หวังซู่เหนียงมองบุตรสาวตัวเองแล้วเอ่ยขึ้น “โอกาสดีๆ เช่นนี้ เ้าก็ตีสนิทบ้างสิ”
กู้เจิงกลอกตามองซู่เหนียงอย่างหนังยิ้มเนื้อไม่ยิ้ม* นางนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ซู่หลันรีบเข้าไปหวีผมให้นาง
(*การยิ้มอย่างไม่เต็มใจหรือเสแสร้ง)
กู้เหยากับองค์หญิงสิบเอ็ดมาที่นี่เพราะเมื่อ่เช้าทั้งสองคนกับพระชายาตวนไปที่บ้านตระกูลหนิงมา เื่ราวของหนิงซิ่วอิงกับน้องรองกู้เจิ้งชินผ่านไปนานแล้ว แต่กู้อิ๋งกับหนิงซิ่วอิงเองเป็มิตรสหายกันมาหลายปี พวกนางจึงค่อยๆ กลับมาดีกันแล้ว
หนิงซิ่วอิงหมั้นหมายกับท่านแม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยน กู้อิ๋งจึงไปเยี่ยมนาง
“พี่หนิงร้องไห้จนน่าปวดใจ” กู้เหยาถอนหายใจ “ก็จริง แต่ไหนแต่ไรพี่หนิงชอบคนสุภาพเรียบร้อย แม่ทัพเยี่ยนผู้นั้นเป็นักรบ ดูองอาจเกรียงไกร แต่มักจะทำหน้าเ็า ทำให้ผู้คนกลัว”
“ที่จริงแม่ทัพเยี่ยนเข้าหาได้ง่ายมาก แม้ว่ามักจะมีสีหน้าเ็า แต่แม่ทัพในราชสำนักล้วนเป็เช่นนี้” องค์หญิงสิบเอ็ดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ก็แค่อายุยังมากกว่าพี่สาวสกุลหนิงเยอะมาก"
“องค์หญิงคงไม่รู้ว่าพวกแม่ทัพล้วนต้องเคยฆ่าคนในสนามรบมาก่อน พละกำลังนั้นมากกว่าวัวตัวหนึ่ง คุณหนูสกุลหนิงผู้งามหยดย้อย ย่อมต้องกลัวเขาเป็ธรรมดา” หวังซู่เหนียงกล่าว
กู้เจิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ซู่เหนียง อย่าพูดเหลวไหล”
กู้เจิงรู้สึกว่าซู่เหนียงของนางนั้นพูดเกินจริงไปมาก “แม่ทัพเยี่ยนมีบารมีชื่อเสียงในราชสำนักและหมู่ราษฎร เป็แม่ทัพที่ดีคนหนึ่ง คุณหนูหนิงแต่งเข้าไปแล้ว น่าจะไม่ทำให้นางผิดหวัง”
“แต่พี่หนิงไม่ชอบเขานะเ้าคะ คนที่นางชอบคือ...” กู้เหยาปิดปาก คนที่ชอบคือพี่รองของนางต่างหาก
กู้เจิงยิ้ม หนิงซิ่วอิงกับน้องรองชอบกัน แต่ทั้งสองคนล้วนไม่มีวาสนาต่อกัน “วันนี้พวกเ้ามาหาข้าที่นี่ ก็เพื่อบอกเื่พวกนี้กับข้างั้นหรือ?”
“ลืมเื่สำคัญไปเสียได้” กู้เหยาหัวเราะคิกคัก “พี่ใหญ่ พวกเรานัดพี่สามไปเดินเล่นด้วยกัน ท่านก็ไปด้วยกันเถอะเ้าค่ะ”
“ได้สิ” กู้เจิงตอบรับ
หลังจากส่งองค์หญิงสิบเอ็ด กู้เหยา และหวังซู่เหนียงกลับไปแล้ว กู้เจิงก็ได้ให้ซู่หลันเอาสมุดบัญชีในจวนมาดู