เย่เฟิงรีบสลัดความคิดเื่จุดวาร์ปทิ้งอย่างรวดเร็ว เวลาเช่นนี้เขาจะมัวมาคาดเดาอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ไม่สู้รีบช่วยซูเฟิยหยิ่งออกมาให้ได้ก่อนค่อยถามจากเธอจะดีกว่า
เปลวสุริยะ!
ชายหนุ่มใช้เปลวสุริยะหลอมละลายน้ำแข็งที่เกาะกุมตามร่างของซูเฟย หยิ่งอีกครั้ง แต่ไม่ว่าพยายามเท่าไร น้ำแข็งนี้ก็ไม่มีท่าทีว่าจะละลายแม้แต่น้อย และอาจารย์ของเขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะลืมตาตื่นเช่นกัน
นี่ทำให้เย่เฟิงร้อนใจ
'หรือเราควรพาอาจารย์ออกไปจากที่นี่ก่อนดี'
ชายหนุ่มครุ่นคิด จากนั้นหันไปมองแท่งน้ำแข็งพันปี หากเขาพาซูเฟย หยิ่งออกไปจากที่นี่โดยไม่สนใจน้ำแข็งพันปี มันคงเป็เื่น่าเสียดายยิ่ง แต่หากััน้ำแข็งพันปีสุ่มสี่สุ้มห้า สุดท้ายเขาอาจตกอยู่ในสภาพเดียวกับซูเฟย หยิ่ง ซึ่งนั่นไม่ใช่เื่ที่ดีนัก
ทำอย่างไรดี?
ไม่นานเย่เฟิงก็ตระหนักได้ถึงปัญหาใหญ่ เขาเข้ามาที่นี่ได้จากการอาศัยกระบี่ไร้ตัวตน แต่หากใช้วิธีนี้เพื่อพาร่างของซูเฟย หยิ่งออกไปด้วย คงเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้เลย
หรือกล่าวได้ว่า ตอนนี้เขากำลังติดอยู่ในปราการน้ำแข็ง!
เย่เฟิงรีบกลับไปที่ตำแหน่งใกล้กับชั้นน้ำแข็งและมองหาหลงหว่านเอ๋อร์ที่อยู่ภายนอก เขาโบกมือให้หญิงสาวและกล่าวว่า “หว่านเอ๋อร์ ใช้ศรฝังดวงดาวยิงเข้ามาอีกที”
หากชั้นน้ำแข็งทั้งสามนี้ถูกเจาะทะลวง น้ำทะเลก็จะไหลทะลักเข้ามาทั่วบริเวณนี้ทันที แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา เพราะตอนนี้เขาสามารถดูแลร่างของซูเฟย หยิ่งได้แล้ว
น่าเสียดายที่ปราการน้ำแข็งสามชั้นนี่มันหนาเกินไป แม้จะมองทะลุผ่านได้ชันเจน แต่ไม่อาจส่งเสียงถึงกันได้
หลงหว่านเอ๋อร์พบว่าเย่เฟิงพยายามพูดอะไรบางอย่าง แต่เธอไม่ได้ยินเสียงนั้นเลย เธอไม่แน่ใจว่าเขา้าจะให้เธอทำอะไร แม้จะพอเดาได้ว่าเขาอาจให้เธอยิงศรฝังดวงดาวอีกครั้ง แต่ถ้าเธอเข้าใจผิดล่ะ?
เมื่อเย่เฟิงเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกกลัดกลุ้ม เขาจึงแสดงท่าทางการใช้ศรฝังดวงดาวโดยแสร้งยิงไปทางปราการน้ำแข็งที่หนาสามชั้นตรงหน้า
เมื่อเขาอยู่ภายในปราการน้ำแข็ง เขาไม่สามารถดูดซับพลังของดวงดาวได้ อีกทั้งพลังของเขาก็อ่อนแอลง แม้กระก้อนน้ำแข็งขนาดเล็กก็ยังไม่อาจทำลายได้ แต่ท่าทางที่แสดงออกของเขาก็เพียงพอให้หลงหว่านเอ๋อร์รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำอะไร
หลงหว่านเอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ จากนั้นเดินเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มปะการังใต้ทะเล ก่อนเริ่มรวมพลังเพื่อสร้างศรฝังดวงดาวขึ้นมาอีกครั้ง!
สำหรับน้ำแข็งพันปี… ไว้ค่อยว่ากันทีหลัง
ตอนนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือความปลอดภัยของซูเฟย หยิ่ง เพราะเขาไม่ใช่คนประเภทสนใจแต่ประโยชน์ของตัวเอง
ขณะยืนอยู่ข้างชั้นน้ำแข็ง เย่เฟิงมองหลงหว่านเอ๋อร์ผ่านชั้นน้ำแข็งอยู่หลายครั้งพร้อมกับคำนวณเวลาในใจ ในบางครั้งเขาก็คอยเหลือบมองไปช่องรูโหว่งน้ำแข็ง้าทั้งสองช่องด้วย
ภายในช่องน้ำแข็งทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยน้ำทะเล แต่ที่น่าสนใจคือน้ำทะเลไม่ได้ไหลเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้ หากพวกเ้าหน้าที่สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติหรือคนอื่นๆ ภายนอก้าจะเข้ามาในที่แห่งนี้ พวกเขาก็ทำได้เพียงค้นหาเส้นทางที่เชื่อมต่อมาถึงช่องน้ำแข็งทั้งสองช่องนี้เท่านั้น
“ด้วยความซับซ้อนเหมือนเขาวงกตแบบนั้น ต่อให้เป็หน่วย NSA ก็คงอีกนานกว่าจะเข้ามาได้”
เย่เฟิงส่ายหัว อีกครึ่งชั่วโมงก็จะสามารถพาซูเฟย หยิ่งไปจากที่นี่ได้แล้ว จากนั้นเขาจะหาพื้นที่ลับตาคนเพื่อสร้างร่างเทียมขึ้นมา เพื่อใช้แย่งชิงน้ำแข็งพันปีในภายหลัง
เย่เฟิงได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะเป็ไปตามแผนที่วางไว้…
ชายหนุ่มอธิษฐานในใจ ขอให้แผนที่วางไว้สำเร็จไปได้ด้วยดี ทุกครั้งที่เขามองยังร่างของซูเฟย หยิ่ง เรือนผมสีดำที่ยาวถึงสะโพกนั้น ทำให้คิดถึง่เวลาที่อยู่ในโลกเทวะ ่เวลาที่เขาติดตามหญิงสาวผู้นี้
บางทีเย่เฟิงก็คาดหวังว่าซูเฟย หยิ่งตื่นจากการหลับใหลขึ้นมาเสียตอนนี้ จากนั้นพวกเขาก็จะได้ท่องไปทั่วโลกด้วยกัน…
“จริงสิ”
เย่เฟิงครุ่นคิดอยู่สักพักก็พลันนึกขึ้นได้ถึงบางอย่าง เขารีบกางมือออกและมองเข้าไปที่ฝ่ามือ ในเมื่อทักษะเปลวสุริยะขั้นที่หนึ่งไม่สามารถหลอมละลายน้ำแข็งได้ ทำไมเขาไม่ลองเพิ่มระดับมันขึ้นเป็ขั้นที่สอง— สุดยอดเปลวสุริยะ? หากอุณหภูมิของเปลวสุริยะสูงกว่าไฟปกติสิบเท่า สุดยอดเปลวสุริยะคงมีอุณหภูมิสูงกว่าเปลวสุริยะอีกสิบเท่าเช่นกัน
สุดยอดเปลวสุริยะนั้นมีความสามารถในการเผาไหม้ แม้จะอยู่ในน้ำก็ตาม หากผู้ที่ระดับวรยุทธ์สูงโยนบอลเพลิงสีขาวลงไปในทะเลสาบแล้วละก็ มันอาจถึงขั้นทำให้น้ำในทะเลสาบระเหยไปจนหมด!
ตอนที่เย่เฟิงมีระดับพลังสิบปีในโลกเทวะ ทักษะโจมตีแรกของเย่เฟิงที่ได้เรียนรู้ก็คือเปลวสุริยะ เมื่อได้ฝึกมันพักใหญ่ซูเฟย หยิ่งก็เห็นว่าเขาสามารถควบคุมมันได้ดี เธอจึงสอนสุดยอดเปลวสุริยะให้เขาเพิ่มเล็กน้อย
น่าเสียดายในตอนที่พวกเขาปะทะดับราชันย์หั่วยวินเยา ซูเฟยหยิ่งติดพันอยู่กับการต่อสู้อันยืดเยื้อ ขณะที่เย่เฟิงเข้าสู่ถ้ำเพลิงเมฆาเพื่อตามไปช่วย รู้ตัวอีกทีก็ถูกส่งมายังโลกใบนี้เสียแล้ว…
'ต่อให้ไม่มีอาจารย์คอยสอน ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะฝึกสุดยอดเปลวสุริยะเองไม่ได้นี่นา?'
เย่เฟิงกัดฟันหวนนึกถึง่เวลาที่ซูเฟยหยิ่งแสดงสุดยอดเปลวสุริยะให้ดู
ซึ่งมันแตกต่างจากเปลวสุริยะมาก สุดยอดเปลวสุริยะนั้นมีสีขาว อีกทั้งอุณหภูมิของมันยังสูงมาก ซูเฟย หยิ่งไม่กล้าใช้สุดยอดเปลวสุริยะ เพราะเพียงััมันก็สามารถแผดเผาผู้คนจนระเหยกลายเป็อากาศธาตุ
สำหรับตัวเย่เฟิงถือว่าเป็ผู้มากพร์ที่หาได้ยากคนหนึ่งในโลกเทวะ ไม่อย่างนั้นซูเฟย หยิ่งคงไม่สนใจและเลือกรับเขาเป็ศิษย์
ก่อนได้พบซูเฟย หยิ่ง เย่เฟิงเป็เพียงเด็กกำพร้าในหมู่บ้านเล็กๆเท่านั้น ในตอนนั้นเขามีอายุเพียงสิบขวบ ไม่เคยได้กินอิ่มเลยสักมื้อ…
แม้จะเป็บุคคลที่มากพร์ แต่การทำความเข้าใจจนบรรลุฃทักษะสุดยอดเปลวสุริยะได้ มันไม่ใช่เื่ง่าย
คนทั่วไปต้องใช้เวลาถึงร้อยวันจึงจะสามารถเข้าใจมันได้ แต่เย่เฟิงกลับเข้าใจมันภายในวันเดียว! นี่คืออัจฉริยะ ไม่ว่าวิชาเซียนแบบใด เขาก็สามารถเข้าใจมันได้ในทันที พรวสรรค์ของเขาไม่ใช่เพียงสามัญ แต่อยู่ในระดับเทพพระเ้า หรือกระทั่งจอมปีศาจ...
ความเข้าใจที่รวดเร็วระดับนี้ ไม่ว่าจะเป็วิชาเซียนแขนงไหนก็สามารถเรียนรู้ได้ในทันที น่าเสียดายที่สภาวะการเรียนรู้ที่รวดเร็วนี้ไม่ใช่เื่ง่ายที่จะเป็กันได้ กระทั่งซูเฟย หยิ่งที่ฝึกฝนมาจนถึงระดับพลังหนึ่งร้อยปี ก็เข้าสู่สภาวะนี้ได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น
ไฟถือเป็หนึ่งในธาตุพื้นฐานในโลกเทวะ
หาก้าบรรลุทักษะสุดยอดเปลวสุริยะ ย่อมต้องเข้าใจในธรรมชาติของไฟอย่างลึกซึ้ง หากเขาลองแปรสภาพพลังชี่เป็เปลวเพลิงดูล่ะ? หรือหากโคจรพลังชี่ให้อุณหภูมิของเปลวสุริยะให้ขึ้นขึ้นไปอีก?
'ต้องบีบอัดพลังชี่ให้เข้มข้นกว่านี้'
เย่เฟิงนึกขึ้นได้แววตาพลันเปล่งประกาย แม้มันจะเป็เื่ยากในการบีบอัดพลัง แต่หากทำสำเร็จ เขาอาจสามารถใช้ทักษะสุดยอดเปลวสุริยะได้
แต่ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังพยายาม ทันใดนั้นได้เกิดเสียงประหลาดพลันขึ้นตรงเหนือหัวของเขา
มันเป็เสียงกระแสน้ำ! และยังมีเสียงหอบใครใจของใครบางคน!
ภายในบริเวณปราการน้ำแข็งนี้จิตหยั่งรู้ของเย่เฟิงไม่อาจใช้งานได้ ทันทีที่เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าขนาดกลมเล็กของใครบางคนที่ร่วงลงมาจากช่องน้ำแข็งช่องหนึ่ง
คนผู้นั้นคือหญิงชราที่นั่งบนแพไม้ไผ่ที่เขาเห็นก่อนหน้า!
เย่เฟิงพลันตื่นตัว เขาหยุดคิดเื่สุดยอดเปลวสุริยะชั่วคราว
ร่างของหญิงชราแคระมีเกร็ดน้ำแข็งเกาะอยู่ประปราย เธอร่วงลงมาจากช่องน้ำแข็งที่เชื่อมต่อมาถึงที่แห่งนี้ จากนั้นจึงใช้วิชาตัวเบาทรงตัวให้ยืนได้อย่างมั่นคง แม้จะร่วงลงมาจากระดับความสูงถึงสิบเมตรก็ไม่เป็ปัญหา
หญิงชราผู้นี้สูงเพียงหนึ่งร้อยสามสิบเิเ ร่างกายรวกับเด็กเล็กทั่วไป แต่กลิ่นอายรอบตัวหญิงชราทำให้เย่เฟิงหรี่ตามองด้วยความประหลาดใจ
หญิงชราเจวี๋ยฉิงผู้นี้เป็ยอดฝีมือที่มีระดับวรยุทธ์ห้าสิบปี!