เมื่อเย่เฟิงมาถึงชั้นล่างก็หยิบไหกักิญญาออกมา จากนั้นวาดมือกลางอากาศ ใช้ทักษะอัญเชิญิญญาจากเคล็ดวิชาผสานิญญา เพียงครู่เดียวิญญาของไห่ถางและเซวี่ยนเฟิงฝูก็ถูกเรียกออกมา
หลังจากจัดการพวกไม่ได้เื่เหล่านี้แล้ว เขาจะได้หลับอย่างสบายใจ
เมื่อิญญาสองตนปรากฏกาย พลันทำให้บรรยากาศรอบห้องโถงของบ้านพักดูวังเวงชวนขนลุก
“ฉันมีคำถามอยากถามพวกแก ให้ตอบมาตามตรง” เย่เฟิงมองิญญาสองตนที่ลอยออกมาแล้วเอ่ยเสียงเบา “พวกแกรู้เื่เกี่ยวกับตระกูลหลงมากแค่ไหน?”
ทันทีที่สิ้นเสียงถาม ไห่ถางก็ตอบทันที “ฉันพูดเอง ตระกูลหลงเป็หนึ่งในสามกองกำลังที่มีอำนาจมากที่สุดในโลกยุทธจักรตอนนี้ ถ้ำหวังหวูซานกับถ้ำเขาหลัวฝู...”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ไห่ถางดูเหมือนหวาดหวั่นเล็กน้อย เพราะเดิมทีถ้ำเขาหลัวฝูเป็ของตระกูลเย่ แต่ตอนนี้กลับถูกตระกูลหลงยึดครองไปแล้ว เธอกลัวว่าจะทำให้เย่เฟิงไม่พอใจ
“พูดต่อ” เย่เฟิงพยักหน้า เขาไม่เคยมีความทรงจำเกี่ยวกับเื่ในอดีต และไม่คิดจะใส่ใจด้วย
“คะ... ค่ะ” ไห่ถางไม่กล้าลังเล ใบหน้าเปี่ยมเสน่ห์ฉายแววตื่นตระหนกก่อนรีบพูดต่อ “บรรพบุรุษของตระกูลหลงเข้าฌานตลอดทั้งปี ว่ากันว่าได้รับพลังลมปราณมากกว่าหนึ่งร้อยปี คนในตระกูลมีประมาณสิบกว่าคนที่มีระดับพลังลมปราณมากกว่าห้าสิบปี หลงโม่หรานคือผู้นำตระกูลคนปัจจุบันที่อายุเพียงสี่สิบกว่าปีก็มีระดับพลังลมปราณห้าสิบกว่าปีแล้ว พร์นี้เรียกได้ว่าเป็จอมยุทธ์คนแรกในปัจจุบันเลยทีเดียว และบรรลุเพลงกระบี่บุปผาเหมันต์ฝ่าสายลมล้อมจันทราขั้นที่สาม...”
เพลงกระบี่ครบกระบวนขั้นที่สาม?
เมื่อเย่เฟิงได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้ว หลงโม่หรานผู้นี้คงยากจะรับมือจริงๆ ถ้ามีการพัฒนาอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ อีกยี่สิบสามสิบปี ชายคนนี้ก็จะกลายเป็อันดับหนึ่งในยุทธจักร!
แม้แต่ปรมาจารย์การต่อสู้อย่างเย่เวิ่นเทียนก็สามารถบรรลุวิชากรงเล็บัแค่ในระดับขั้นที่ 2 เท่านั้น
“แล้วอีกสองกองกำลังอำนาจคือใคร?” เย่เฟิงเชิดหน้าถามต่อ
“คือตระกูลถังกับตำหนักไท่จี๋ค่ะ” ไห่ถางตอบอย่างนอบน้อม
“อ้าว? แล้ววิหารดาบ์ของพวกเธอไม่อยู่ในนั้นด้วยเหรอ?” เย่เฟิงงุนงง
“เฮอะ” เซวี่ยนเฟิงฝูที่อยู่ข้างๆ ส่งเสียงเหยียดหยาม “แม้วิหารดาบ์จะหนึ่งในสิบถ้ำศักดิ์สิทธิ์ แต่เมื่อเทียบกับสามมหาอำนาจ นับว่ายังห่างชั้นอีกไกล”
ไห่ถางย้อนอย่างประชดประชัน “ก็ดีกว่าเป็ผีเร่ร่อนอย่างแกแล้วกัน”
“ถุย ไม่ได้เื่ เธอให้คนของวิหารดาบ์มาช่วยเธอตอนนี้ได้ไหมล่ะ?” เซวี่ยนเฟิงฝูยิ่งพูดยิ่งเย้ยหยัน
“แก!” ไห่ถางโกรธมากและออกหมัดไปทางเซวี่ยนเฟิงฝู แต่เมื่อิญญาสองตนปะทะกันกลับไม่สามารถัักันได้ เหมือนกับกลุ่มควันจางๆ ที่ลอยอยู่ในอากาศ
“หุบปากและหยุดได้แล้ว” เย่เฟิงตวาดจนทำให้ิญญาทั้งสองตนเงียบปากทันที
ตอนนี้เป็โอกาสที่ดีที่สุดที่เขาจะทำความเข้าใจเกี่ยวกับเื่ในยุทธจักร สาเหตุที่เก็บพวกเขาสองคนไว้ก็เพื่อยืนยันซึ่งกันและกันว่าไม่มีใครพูดโกหก ซึ่งดีกว่าการปล่อยให้พวกเขาทะเลาะกัน
“ไห่ถาง เธอพูดก่อน หากมีตรงไหนไม่ถูกต้อง เซวี่ยนเฟิงฝูสามารถเสริมได้ ถึงสุดท้ายยังไงพวกนายสองคนก็เหลือไว้ได้เพียงหนึ่งเท่านั้น ควรทำตัวยังไงก็คิดเอาเองแล้วกัน”
เมื่อเย่เฟิงพูดจบก็ทำท่าทางให้ไห่ถางพูดต่อได้
ดวงิญญาของไห่ถางสั่นเทา ก่อนเริ่มถ่ายทอดเื่ราวต่างๆ อย่างตรงไปตรงมา เธอเปรียบเทียบความแข็งแกร่งระหว่างตระกูลถัง ตำหนักไท่จี๋ และตระกูลหลง รวมทั้งเื่อื่นในยุทธจักร
เย่เฟิงตั้งใจฟังและจดจำไว้ในใจเงียบๆ หากบังเอิญเจอกันในวันข้างหน้าก็สามารถนำข้อมูลที่ไห่ถางบอกเอามาอ้างอิงได้
“พี่เย่ มีเื่หนึ่งที่คุณอาจยังไม่รู้” เมื่อไห่ถางพูดเกือบหมดแล้ว เซวี่ยนเฟิงฝูที่อยู่ด้านข้างก็เหลือบมองเธอแวบเดียว แล้วพูดออกมาดังๆ ว่า “ตระกูลถังน่ะ เป็ตระกูลของแม่คุณ ที่นังผีสาวตัวนี้ไม่บอก มันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ”
“ว่าไงนะ?” เมื่อเย่เฟิงได้ยินแล้วก็ชะงักทันที
แม่ของเขายังมีชีวิตอยู่เหรอ? หรือว่าคนของตระกูลถังเป็หนึ่งในสามมหาอำนาจในยุทธจักร?
“เหลวไหล ตอนนั้นตระกูลถังยอมเสียศักดิ์ศรีไม่ได้ จึงขับไล่ถังชิงหลิงออกไปตั้งนานแล้ว...” ไห่ถางแย้งขึ้นมาทันที แต่พูดได้เพียงครึ่งเดียว ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกตัวว่าเย่เฟิงยังคงฟังอยู่ข้างๆ เธอจึงปิดปากเงียบแล้วเหลือบมองเย่เฟิงอย่างหวาดหวั่น
“ไล่แม่ของฉันออกจากตระกูลถังใช่ไหม? แล้วทำไมเมื่อกี้ถึงไม่พูด?”
เย่เฟิงขมวดคิ้ว พลางคิดว่าเขาพอรู้เหตุการณ์คร่าวๆ แล้ว ที่แท้แม่ของเขาก็ชื่อถังชิงหลิง แต่เพราะแต่งงานกับเย่ยวินเฟย คุณพ่อผู้ไม่เอาไหนของเขา จึงทำให้ตระกูลถังรู้สึกเสียหน้ามาก
เื่ราวที่เกิดขึ้นนี้ กลับทำให้ถังชิงหลิงถูกขับจากตระกูล ตระกูลถังเปราะบางเกินไปหรือเปล่า? หากเปลี่ยนเป็กำลังอำนาจแห่งโลกเทวะ ตระกูลหลงคงถูกทำลายไปนานแล้ว! และแน่นอนว่าในโลกนี้ไม่เหมือนกับโลกเทวะที่เขาจากมา ไม่แน่ว่าบางทีตระกูลถังอาจหวาดกลัวบางอย่าง...
“ฉันแค่กลัวว่าพี่เย่จะโกรธ” ไห่ถางรีบส่งยิ้มสวยเอาใจ
“แล้วตอนนี้แม่ของฉันอยู่ที่ไหน?” เย่เฟิงถาม
“เอ่อ คือ... เื่นี้ฉันไม่รู้จริงๆ...” ไห่ถางพูดเสียงสั่นเครือ เพราะกลัวว่าหากเย่เฟิงโกรธแล้วจะทำลายดวงิญญาของเธอ
“แล้วไป ฉันจะถามเธออีกว่าเมื่อปีก่อน มีนักดาบคนหนึ่งก่อเหตุสังหารผู้บริสุทธิ์ในเมืองเยี่ยนจิง สังหารคนตายไปหลายสิบคน เธอรู้ไหมว่ามันเป็ใคร?” เย่เฟิงถามถึงศัตรูของเตาปาด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“คนนั้น... คืออาจารย์อาของฉันเอง เขาชื่อ ‘ซือถูฉางเตา’ แต่เขาเก็บตัวใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา และไม่ได้ปรากฏตัวมานาน...” ไห่ถางตอบขณะในใจรู้สึกท้อแท้ หรือเย่เฟิงมีเื่บาดหมางกับอาจารย์อาซือถู?
“เข้าใจแล้ว” ชายหนุ่มพยักหน้า ก่อนวาดมือในอากาศเพื่อขับไล่ิญญา!
ไห่ถางเห็นดังนั้นก็แสดงท่าทางประหลาดใจและดุร้ายทันที แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร ิญญาของเธอก็สลายเป็ควันขาวหายไปอย่างสมบูรณ์!
ถ้าเขาไม่ได้เคล็ดวิชาซิวหลัวมา บางทีอาจยังเก็บเธอไว้ก็ได้ แล้วค่อยๆ เค้นถามถึงวิชาพลังภายในกับชุดกระบวนยุทธ์ของวิหารดาบ์ แต่ตอนนี้เขาชักเบื่อเสียแล้ว ถึงอย่างไรตำราเคล็ดวิชาซิวหลัวที่มีก็ดีมากแล้ว เย่เฟิงจึงไม่้าวิชาพลังภายในของวิหารดาบ์!
ยิ่งกว่านั้นวิหารดาบ์มีแต่พวกวิปริต หากนำเคล็ดวิชาของพวกเขามาฝึกฝน คงได้กลายเป็คนบ้า อยู่ห่างจากพลังภายในประเภทนี้น่าจะดีกว่า
ชายหนุ่มโบกมืออีกครั้ง เพื่อขับไล่ิญญาเซวี่ยนเฟิงฝูเป็รายต่อไป!
เมื่ออีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็เดือดดาล “ไอ้ระยำ! แกไม่รักษาคำพูด—”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ิญญาทั้งร่างก็ถูกเย่เฟิงขับไล่จนแตกกระจายแล้วค่อยๆ สลายหายไป!
เย่เฟิงหัวเราะเย้ยหยัน รักษาคำพูดหรือ? คนเราต้องทำเพื่อตัวเอง กับศัตรูตัวร้ายอย่างไห่ถางและเซวี่ยนเฟิงฝู จำเป็ต้องรักษาคำพูดด้วยเหรอ? ก่อนหน้านี้เขาคิดกำจัดทั้งสองคนเพื่อไม่ให้มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ก่อนจะจัดการ ต้องรีดข้อมูลออกมาให้มากที่สุดเท่านั้น...
หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้ว เย่เฟิงก็เริ่มทดลองใช้เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์ ในที่สุดแสงสีทองเป็ประกายก็ส่องแสงออกมาจากมือของเขา ในที่สุดผลการยับยั้งพลังลมปราณจากปืนระงับชีพจรของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็หายไปอย่างสมบูรณ์!
เขาเก็บไหกักิญญาไว้อย่างดี จากนั้นใช้เคล็ดแสงศักดิ์สิทธิ์รักษาาแ เพียงไม่นานาแไฟไหม้บนหลังของเขาก็ได้รับการรักษาและสมานตัวกันเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มจึงอาบน้ำให้สดชื่นและผ่อนคลายเสียหน่อย
เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อย จึงเดินไปหยิบหินจิติญญาออกจากตู้ สิ่งนี้คือผลงานเพียงหนึ่งเดียวของการค้นหากว่าครึ่งเดือนของเขาในูเาฉางไป๋ ถึงเวลาที่จะให้ซูเมิ่งหานดูดซับพลังฟ้าดินจากหินก้อนนี้แล้ว ระดับพลังลมปราณน่าจะพุ่งพรวดจนบรรลุถึงขั้นสามปีเลยหรือเปล่า?
ก่อนหน้านี้เย่เฟิงเคยตรวจสอบเส้นลมปราณของเธอแล้ว แม้จะยังไม่ผ่านการเบิกเส้นลมปราณ แต่ก็พอรับพลังลมปราณขั้นสามปีได้ ขณะถือหินจิติญญาไว้ในมือ เขาก็เดินขึ้นชั้นบน ซูเมิ่งหานยังคงรอเขาอยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้