ลูกศรจำนวนมากราวกับห่าฝนพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง เย่เฟิงยืนอยู่กลางลานหินอ่อน ห่างจากกำแพงเกือบหกสิบเมตร ต่อให้ใช้ความเร็วสูงสุด ก็ไม่มีทางหลบลูกศรห่านี้พ้นแน่
ศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักหลายคนที่อยู่ในห้องควบคุมกลไกต่างโล่งใจในที่สุด เ้าหนุ่มที่ชื่อเย่เฟิงนี่น่ากลัวเกินไป แม้แต่สี่ผู้าุโของสำนักก็ไม่อาจทำอะไรมันได้เลย แต่เมื่ออยู่ภายใต้ลูกศรจำนวนมหาศาลนี้ มันย่อมไม่มีทางหนีไปได้และสิ้นชีพที่นี่ในที่สุด เมื่อเ้าสำนักฉีหลินจือมาถึง พวกเขาที่ร่วมกันกำจัดศัตรูร้ายตัวนี้ย่อมได้รับคำชื่นชมแน่นอน...
“ระวัง!”
จื่อเจี้ยนหลานซึ่งอยู่นอกลานหินอ่อนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นชัดเจน หญิงสาวอดร้องเตือนด้วยความร้อนใจไม่ได้ ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง หัวใจบีบรัด
ต้องกล่าวว่ากำแพงเหล่านี้ สร้างขึ้นตามหลักการออกแบบของาในเมืองโบราณ ต่อให้มีผู้ฝึกวรยุทธ์มากมายร่วมกันปิดล้อมที่นี่ ก็ย่อมถูกลูกศรห่าใหญ่สังหารเสียทั้งหมด นับประสาอะไรกับเย่เฟิงที่มีคนเดียว
ถึงอย่างนั้น เย่เฟิงกลับทำสิ่งที่ทุกคนไม่อาจเชื่อสายตาตัวเอง
กระบี่ไร้ตัวตน!
สิ่งที่ชายหนุ่มทำ ไม่ใช่การล่องหน แต่เป็การเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปเลย!
เวลาเพียงไม่ถึงศูนย์จุดศูนย์หนึ่งวินาที ร่างของเย่เฟิงกลับหายไปจากกลางลานหินอ่อน จากนั้นปรากฏตัวอีกครั้งนอกลาน การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตา ด้วยเหตุนี้ ลูกศรจำนวนมากจึงปักลงพื้นทั่วลานหินอ่อน เวลานี้ในลานไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเลย
ผู้าุโจมูกโตและผู้าุโคุมกฎหลี่เทียนนั้นสิ้นชีพไปก่อนหน้านี้แล้วภายใต้กระบี่ของเย่เฟิง ส่วนร่างเทียมของชายหนุ่มที่ถูกขังอยู่ในกรงเหล็กนั้น เมื่อถูกห่าลูกศรโจมตีก็สลายเป็ควันต่อหน้าต่อตาทุกคน
“ไปกันเถอะ ไปหาฉีหลินจือ”
เย่เฟิงมายืนอยู่หน้าจื่อเจี้ยนหลานที่กำลังตกตะลึง เขากล่าวกับหญิงสาวอย่างเรียบง่าย
“…”
จื่อเจี้ยนหลานไม่อาจตอบสนองสิ่งที่เกิดขึ้นได้ทัน เมื่อครู่นี้หญิงสาวปวดใจกับการต้องเห็นเย่เฟิงถูกสังหารไปต่อหน้าต่อตา แต่เวลานี้ ชายหนุ่มกลับเคลื่อนที่ออกจากลานหินอ่อนในชั่วพริบตา มายืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว
เขาทำได้อย่างไร?
ในใจจื่อเจี้ยนหลานบังเกิดความมั่นใจ เย่เฟิงเป็คนลึกลับและแข็งแกร่งมาก หากต้องเผชิญหน้ากับฉีหลินจือ เขาคงสามารถต่อกรกับอีกฝ่ายได้ใช่ไหม?
“เธอเดินไหวไหม?”
เย่เฟิงเดินเข้ามาสำรวจอาการหญิงสาว เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวก็ขมวดคิ้ว
“ไหว ฉันยังพอเดินไหว” จื่อเจี้ยนหลานกล่าวเสียงอ่อน พร้อมพยายามลุกขึ้น
“ฉันจะพาเธอไปเอง”
เย่เฟิงมองอาการของจื่อเจี้ยนหลานแล้วก็รู้ว่าฤทธิ์จากพิษใจสลายร้ายแรงขึ้นกว่าเดิม จึงเข้าไปอุ้มร่างบางเข้ามาในอก
เมื่อชายหนุ่มก้าวเท้าเข้าลานหินอ่อนซึ่งเต็มไปด้วยลูกศร ความวุ่นวายก็เกิดขึ้นทันที
ตึง!
กรงเหล็กถูกยกขึ้นมาอีกครั้ง แต่ถูกกระบี่ของเย่เฟิงฟันจนกระจายเป็ชิ้นๆ ชายหนุ่มยังคงเดินต่อไปขณะโอบอุ้มจื่อเจี้ยนหลาน เพราะเขายังมีเื่ต้องพึ่งผู้หญิงคนนี้อยู่
“คนของสำนักอิ่นเซียนทั้งหมดจงฟัง!” เย่เฟิงรู้ว่าในสำนักอิ่นเซียนตอนนี้ มีเพียงฉีหลินจือคนเดียวเท่านั้นที่เป็ภัยคุกคามแก่เขา ชายหนุ่มจึงไม่คิดจะหลบซ่อนอีกต่อไป “ในวันนี้ เย่เฟิงคนนี้จะสังหารฉีหลินจือเ้าสำนักของพวกแกด้วยมือคู่นี้ ถ้าไม่อยากตายก็จงหลีกทางไปซะ มันผู้ใดที่คิดขัดขวาง ก็จงเตรียมตัวตายได้เลย!”
ชิ้นส่วนน้ำแข็งพันปีในมือกำลังเติมเต็มพลังชี่ที่ถูกใช้ไปให้กลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายของเย่เฟิงกลับสู่สถานะพร้อมต่อสู้อีกครั้ง
คำพูดของเขาทำให้เหล่าศิษย์สำนักหลายคนที่อยู่ที่นี่เงียบกริบไปทันที และไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่ปลายนิ้ว เย่เฟิงจึงสามารถเดินผ่านลานหินอ่อนนี้ไปอย่างง่ายดาย มุ่งหน้าสู่ใจกลางสำนัก
เมื่อมาถึง สถานที่ซึ่งเขายืนอยู่นี้ คนสำนักอิ่นเซียนใช้ในการหารือเื่สำคัญต่างๆ และเป็จุดรวมตัวของเหล่าศิษย์ทั้งหลาย อย่างไรก็ตามตอนนี้เป็่ค่ำแล้ว ศิษย์ส่วนใหญ่ล้วนแยกย้ายกันเข้านอน ที่แห่งนี้จึงเปล่าเปลี่ยวและไร้ผู้คน
“ฉีหลินจือน่าจะพักผ่อนอยู่ที่ตำหนักส่วนท้าย”
“อืม”
เย่เฟิงเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วผ่านหน้าประตู ห้องโถง จนมาถึงลานหน้าตำหนัก ด้านซ้ายเป็สวนที่จัดเรียงด้วยหินรวมทั้งน้ำพุ ส่วนด้านขวาเป็ห้องแถวเรียงต่อกัน จื่อเจี้ยนหลานบอกว่านั่นเป็ที่พักของศิษย์ในสำนัก
แต่ส่วนหน้าเป็ตำหนักสูงราวๆ สามชั้นซึ่งแยกออกไปจากที่พักของเหล่าศิษย์สำนัก พื้นที่ค่อนข้างกว้างเป็สี่เหลี่ยมจัตุรัส มันคือตำหนักส่วนท้ายที่จื่อเจี้ยนหลานกล่าวไว้
เย่เฟิงไม่จำเป็ต้องกระจายจิตหยั่งรู้ออกไปสำรวจภายในก็พบว่าภายใต้แสงจันทร์นี้ ร่างของชายชราหลังค่อมยืนอยู่ที่ระเบียงชั้นสามของตำหนัก และมองลงมาทางเย่เฟิงด้วยสายตาว่างเปล่า
ฉีหลินจือ!
เ้าสำนักอิ่นเซียนรู้อยู่แล้วว่าเย่เฟิงต้องมา แต่สาเหตุที่ชายชราไม่ปรากฏตัวั้แ่ทีแรก เพราะ้ายืมมือชายหนุ่มจัดการบางสิ่ง
ตำราเคล็ดอสูรร่ำไห้ ไม่ว่าใครล้วน้าสิ่งนี้ หากมันตกไปอยู่ในมือของผู้าุโคุมกฎหลี่เทียน ตำแหน่งของฉีหลินจือย่อมต้องสั่นคลอน เขาจึงดูเย่เฟิงต่อสู้กับผู้าุโทั้งสี่อย่างใจเย็น ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็อย่างไร เขาย่อมได้ประโยชน์ทั้งสิ้น
“เ้าหนุ่ม แกใจกล้าดีนี่”
ฉีหลินจือเป็ฝ่ายเริ่มบทสนทนาก่อน เสียงแหบแห้งและฟังดูมืดมนดังจากยอดหอคอยของตำหนัก เมื่อจื่อเจี้ยนหลานเห็นชายชราหลังค่อม ความรังเกียจและเกรงกลัวก็ปรากฏในดวงตา โชคดีที่ภายใต้อกแกร่งของเย่เฟิง หญิงสาวรับรู้ได้ถึงความมั่นคงและความอบอุ่นที่ช่วยลดทอนความหวาดหวั่นได้มาก
“ฉันก็คิดว่าแกกล้าดีเหมือนกัน ตาเฒ่า” เย่เฟิงยิ้ม “ที่ส่งนักฆ่ามารังควานคนของฉัน เป็ความคิดของแกงั้นเหรอ?”
ฉีหลินจือยืนอย่างมั่นคง ขณะจ้องเย่เฟิงที่โอบร่างของจื่อเจี้ยนหลานไว้ ความเหี้ยมเกรียมฉายวาบขึ้นมาในแววตาของชายชราทันที เ้าเด็กคนนี้ถึงกับกล้าแตะเนื้อต้องตัวผู้หญิงของเขา
แม้ฉีหลินจือจะแก่ชรา แต่เพราะฝึกฝนวรยุทธ์ ความชราไม่ได้ทำให้ความแข็งแกร่งของเขาลดลงแม้แต่น้อย ก่อนหน้านี้หลังสิ้นสุดการปิดด่านฝึกตนอันแสนโดดเดี่ยวเดียวดาย เมื่อเห็นเด็กสาวที่เคยรับเลี้ยงไว้ เติบโตขึ้นจนกลายเป็โฉมสะคราญอย่างไม่คาดหมาย นี่ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง!
สำหรับฉีหลินจือแล้ว สำนักอิ่นเซียนนี้เป็ของเขา หากเขา้าสิ่งใด ไม่ว่าใครหน้าไหนก็คัดค้านไม่ได้ทั้งนั้น
“มันเป็ความคิดของฉันเอง แล้วจะทำไม?” ฉีหลินจือยิ้มเย็น “เวลาเดียวกับที่แกก้าวเข้ามาที่นี่ ชีวิตของแกก็จบสิ้นแล้ว!”
“งั้นหรอ?”
เย่เฟิงแสดงท่าทีไม่ยินดียินร้าย ขณะหันมองซ้ายขวา เขาััได้ว่าที่สวนทางซ้าย ตลอดจนที่พักอาศัยทางขวา มีศิษย์สำนักอิ่นเซียนดักซุ่มอยู่กว่าสิบคน รอโอกาสจู่โจมด้วยมีดบินและอาวุธลับที่เปล่งประกายวาววับ
“วางผู้หญิงคนนั้นลง แล้วส่งตำราเคล็ดอสูรร่ำไห้มาซะ” ร่างค่อมของฉีหลินจือภายใต้แสงจันทร์ดวงนี้ดูมืดมนอย่างยิ่ง “บางที ฉันคนนี้อาจไว้ชีวิตน้อยๆ ของแกก็ได้”
คำพูดที่ฟังดูไร้สาระนี้ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะเชื่อ เย่เฟิงมั่นใจว่าทันทีที่เขาวางร่างจื่อเจี้ยนหลาน มีดบินและอาวุธลับมากมายจะโจมตีเข้ามาจากทุกทิศทาง สาเหตุที่ชายชราไม่ลงมือตอนนี้ก็เพราะไม่้าให้จื่อเจี้ยนหลานได้รับาเ็ ถึงอย่างนั้นในสถานการณ์นี้ เย่เฟิงก็มีไพ่ตายที่เย่เวิ่นเทียนบอกแก่เขาก่อนมาที่นี่แล้วเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้