แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ยังนำสิ่งของติดกลับไปบ้าง
เช่นผักชิงไช่ที่เด็ดมาใหม่ๆ ข้าวสารที่เหลืออยู่เล็กน้อย แล้วก็เกลือกับไขมันสัตว์เป็ต้น
ส่วนเสื้อผ้ากับผ้าห่มล้วนแต่ไม่เอาไป
ก่อนจากไป เซวียเสี่ยวเหล่ยหันกลับมาปิดประตูอย่างระมัดระวัง ก่อนลงจากูเาตามพวกนางไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ูเาปลายเดือนสาม ต้นไม้ร่มรื่น พืชพรรณสะพรั่งงดงาม ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
อาเหลยเด็ดผลไม้และดอกไม้ป่าริมทางกินไม่หยุดปาก
"ต้าเหนียงจื่อ ไปเมืองหลวงคงต้องล่ามอาเหลยไว้ มิเช่นนั้นหากมันวิ่งพล่านไปทั่วก็อาจถูกผู้อื่นจับตัวไป"
ซีมู่เซียงเห็นลิงน้อยวิ่งซุกซนไปทั่ว ก็รู้สึกวิตกกังวลแทนมัน
เซวียเสี่ยวหรั่นตรึกตรองดู ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็ไปได้
แต่อาเหลยจะยอมให้นางล่ามมันไว้หรือ เซวียเสี่ยวหรั่นรู้สึกลำบากใจ
"ต้าเหนียงจื่อ ตอนนี้ลองล่ามมันดูก่อน มิเช่นนั้นหากไปสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน มันเกิดตื่นกลัวอาละวาดขึ้นมา ท่านจะควบคุมมันไม่อยู่ ผู้เคราะห์ร้ายคงไม่พ้นต้องเป็อาเหลย"
ซีมู่เซียงเกลี้ยกล่อม ตอนนี้อาเหลยดูเหมือนจะเชื่อฟัง แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็เพียงลิงตัวหนึ่ง
เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้า "น้องมู่เซียงกล่าวมีเหตุผล ข้างนอกไม่ใช่ป่าเขา หากอาเหลยวิ่งซุกซนไปทั่ว สุดท้ายผู้ตกเป็เบี้ยล่างก็ยังคงเป็มันเอง ข้าจะลองล่ามมันดู"
เซวียเสี่ยวเหล่ยได้ยินพวกนางคุยกันกับหู แววตาที่มองอาเหลยเจือไปด้วยความเวทนาสงสาร
หลังจากอูหลันฮวากลับมาแล้ว ซีมู่เซียงก็วัดตัวให้เซวียเสี่ยวเหล่ย เริ่มตัดเสื้อผ้าให้เขา เซวียเสี่ยวหรั่นก็มาช่วยเหลือ
อาภรณ์ชุดใหม่ก็ตัดเสร็จก่อนฟ้ามืด ให้เซวียเสี่ยวเหล่ยผลัดเปลี่ยนหลังอาบน้ำได้พอดี
ส่วนเซวียเสี่ยวเหล่ยไม่รู้ว่าไปหาเชือกป่านมาจากไหน ปลายด้านหนึ่งผูกติดกับต้นไม้ ส่วนอีกด้านก็ผู้ที่เอวของอาเหลย ฝึกให้มันคุ้นเคยกับการถูกล่ามอย่างค่อยเป็ค่อยไป
ตอนแรกอาเหลยนึกว่าเขาเล่นกับมัน ก็มิได้นำพา ผ่านไปสักพักถึงมันถึงพบว่าตนเองถูกล่าม ไม่อาจไปไหนมาไหนอย่างมีอิสระ ก็เริ่มหงุดหงิด
อาเหลยไม่ชอบการถูกล่ามด้วยเชือกป่าน มันแยกเขี้ยวยิงฟัน ทั้งยังคำรามใส่เซวียเสี่ยวเหล่ยอย่างกราดเกรี้ยว
เซวียเสี่ยวเหล่ยลองปลอบโยนมัน แต่มันกลับยิ่งต่อต้าน
ยามเซวียเสี่ยวหรั่นเดินออกมา มันก็วิ่งไปหาพลางหลั่งน้ำตาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจ
วิ่งเข้ามากอดแล้วปลอบประโลมเบาๆ
"ไม่เป็ไรๆ พี่ชายกำลังฝึกเ้าอยู่ มัดไว้ครู่เดียว เดี๋ยวถึงเวลากินข้าวก็ปล่อยเ้าแล้วดีหรือไม่"
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวมัน แล้วพูดซ้ำแบบเดียวกันหลายรอบ
อาเหลยคล้ายเข้าใจคล้ายไม่เข้าใจ แต่อารมณ์ไม่หงุดหงิดเหมือนตอนแรก
เซวียเสี่ยวหรั่นรู้ว่าเซวียเสี่ยวเหล่ยอยากช่วยเหลือตน ดังนั้นจึงลองล่ามอาเหลยไว้
"เสี่ยวเหล่ย อาเหลยเป็ลิงเฉลียวฉลาดมาก ก่อนที่จะให้มันทำสิ่งใด ควรสื่อสารให้มันเข้าใจก่อนจะดีที่สุด แล้วค่อยเริ่มทำอย่างอื่น แบบนี้มันถึงจะไม่หงุดหงิดอาละวาด"
เขากับอาเหลยเพิ่งรู้จักกันไม่นาน ยังไม่รู้ว่าอาเหลยก็เหมือนเด็กเล็กๆ ้าคำชมและ้าให้ลูบขน
เซวียเสี่ยวเหล่ยคอตก รู้สึกละอายใจ เป็เขาใจร้อนเกินไป ทำให้อาเหลยโมโหโทโสจนกลายเป็เช่นนี้
"ไม่เป็ไร อาเหลยงอนง้อง่ายมาก" เซวียเสี่ยวหรั่นหันมายิ้มให้เขา หลังจากนั้นก็เข้าไปห้องครัวหยิบถั่วลิสงมาหนึ่งห่อ บอกใบ้ให้เขารู้ว่าต้องใช้ถั่วลิสงง้ออาเหลย
เซวียเสี่ยวเหล่ยรับไป ก่อนย่อตัวลงข้างอาเหลย ถั่วลิสงในมือเขาดึงดูดสายตาของมันเข้าได้ในทันที
เซวียเสี่ยวหรั่นอมยิ้ม เห็นพวกเขาฟื้นฟูความสัมพันธ์ฉันมิตรและการอยู่ร่วมกันอย่างสมัครสมานได้แล้ว ก็กลับไปทำงานเย็บปักของตนเองต่อ
เมื่อคนสามคนแบ่งงานกันทำความเร็วก็ยิ่งทวีคูณ แม้ฝีมือการเย็บของเซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาจะไม่เป็ระเบียบนัก แต่หากไม่พิจารณาอย่างละเอียดก็มองไม่ออก
อาภรณ์ตัวยาวสีน้ำเงินและกางเกงขายาวตัดเสร็จก่อนฟ้ามืด
อาหารเย็น ตุ๋นน้ำแกงหัวไชเท้าซี่โครงหมู หมูสามชั้นน้ำแดง แล้วก็ผัดต้นอ่อนถั่วฝักยาว
กับข้าวไม่หลากหลาย แต่ปริมาณกลับเพียงพอ
"ต้าเหนียงจื่อ สามชั้นน้ำแดงนี้ใส่พริกเพิ่มมากหน่อยได้หรือไม่" อูหลันฮวาบ่นถึงข้อเสียเพียงอย่างเดียวของอาหารมื้อนี้ขณะเก็บถ้วยชาม ว่าเผ็ดไม่มากพอ ทำให้รสชาติอ่อนไปเล็กน้อย
เซวียเสี่ยวหรั่นอมยิ้ม "เหลียนเซวียนกินเผ็ดขนาดนั้นไม่ไหว พรุ่งนี้เสี่ยวเหล่ยต้องเริ่มกินยาแล้ว ต้องระวังการกิน แต่หากเ้าไม่ชอบที่เผ็ดน้อยไป พรุ่งนี้ข้าจะทำน้ำจิ้มพริกให้เ้าขวดหนึ่ง อยากกินเผ็ดแค่ไหนก็เติมเองได้เลย"
"ดีเลยๆ" อูหลันฮวาปรบมืออย่างตื่นเต้นดีใจ "พรุ่งนี้ให้มู่เซียงเอาพริกมาด้วย บ้านนางปลูกพริกไว้เยอะ"
"ได้สิ" เซวียเสี่ยวหรั่นตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม เธอเองก็ชอบกินเผ็ด แต่ไม่ถึงขั้นขาดรสเผ็ดไม่ได้
ตอนหัวค่ำ ต้มน้ำร้อนหม้อใหญ่ ให้เซวียเสี่ยวเหล่ยอาบน้ำให้สะอาด
หลังผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ใหม่ เดินออกมาจากครัว ด้วยความรู้สึกไม่เป็ตัวของตัวเอง
"พอดีตัวเลย ฝีมือการตัดเย็บของน้องมู่เซียงช่างยอดเยี่ยมนัก" เซวียเสี่ยวหรั่นเห็นเด็กชายแต่งตัวเรียบร้อย รอยยิ้มก็ฉายจากก้นบึ้งดวงตา
เซวียเสี่ยวเหล่ยลูบเนื้อผ้านุ่มที่สวมอยู่บนตัว เห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของนาง เขาก็อดยิ้มตามไม่ได้
"ต้าเหนียงจื่อ ชุดเก่าของคุณชายน้อยยังเก็บหรือไม่" อูหลันฮวาหยิบเสื้อผ้าเก่าที่ทั้งสกปรกและขาดรุ่งริ่งออกมา
"ทิ้งไปเถอะ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์" เซวียเสี่ยวหรั่นมองเซวียเสี่ยวเหล่ย เห็นเขาไม่ต่อต้าน ก็บอกให้อูหลันฮวาเอาไปทิ้งข้างนอก
แล้วหยิบผ้าแห้งมาขยี้ผมให้เขา เซวียเสี่ยวหรั่นนำเสื่อสองผืนออกจากห้องมาปูที่พื้นในห้องโถง แล้วเอาผ้าห่มที่ยืมมาจากบ้านของซีมู่เซียงปูทับลงไป
"เสี่ยวเหล่ย ทนลำบากนอนพื้นไปก่อนสักสองวันนะ"
"ไม่ลำบากเลยขอรับ พี่สาว แค่นี้ก็ดีมากแล้ว" เซวียเสี่ยวเหล่ยพูดด้วยใจจริง
การเตรียมการเช่นนี้นับว่าดีมากแล้วสำหรับเขา
เซวียเสี่ยวหรั่นลูบหัวเด็กชายอย่างเวทนา เขาเตี้ยกว่าเธอหนึ่ง่ศีรษะ ตัวผอมแห้งนิดเดียว ทั้งตัวแทบไม่มีเนื้อเลย แม้แต่ดวงตาก็ยังเห็นเป็เบ้าลึก
"หลับให้สบายเถอะ เ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"
เธอปิดประตูห้องโถง หมุนตัวไปห้องของเหลียนเซวียนเพื่อพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ รวมถึงการเตรียมการแต่ละอย่างของเซวียเสี่ยวเหล่ย
เหลียนเซวียนฟังเงียบๆ สีหน้าเคร่งขรึมค่อยผ่อนคลายลงทีละน้อย
่นี้นางยุ่งวุ่นวายอยู่กับเื่ของอูหลันฮวากับเซวียเสี่ยวเหล่ย เวลามาพูดคุยกับเขาน้อยลงไปมาก
แม้นางจะชอบพูดพล่ามไปเรื่อยๆ ไร้แก่นสารสำคัญ แต่อาจเป็เพราะเคยชินกับเสียงพูดจ้อของนางแล้ว
หากนางเงียบเกินไป เขากลับรู้สึกผิดปรกติ
"วันนี้วันที่ยี่สิบสองแล้ว อีกเจ็ดวันพวกเราก็จะเดินทาง สองวันมานี้ต้องล่ามอาเหลยให้บ่อยขึ้น หลังออกเดินทางแล้ว หากมันไม่เคยชิน อาละวาดขึ้นมาก็คงย่ำแย่"
เซวียเสี่ยวหรั่นกำลังจะเล่าถึงเื่ของอาเหลย
"อื้ม ให้เซวียเสี่ยวเหล่ยรับผิดชอบแหละดีแล้ว เขาค่อนข้างสนิทสนมกับอาเหลย" เหลียนเซวียนมอบหน้าที่ให้เซวียเสี่ยวเหล่ย
"ก็ได้ แต่วันนี้อาเหลยค่อนข้างฉุนเฉียว ข้าต้องอบรมมันซ้ำๆ ตั้งหลายประโยค" เซวียเสี่ยวหรั่นปรายตาไปที่อาเหลยซึ่งหลับสนิทอยู่มุมห้อง
"เคยชินเมื่อไร เดี๋ยวก็ดีเองนั่นแหละ" เหลียนเซวียนยิ้มซ่อนนัย
มิเช่นนั้นไหนเลยจะมีคำกล่าวว่า เมื่อเคยชินจะกลายเป็นิสัย
เหมือนเช่นเขาที่ฟังนางบ่นจุกจิกตลอดหลายเดือนจนชินเสียแล้ว
รอยยิ้มบนมุมปากเจือไปด้วยความรู้สึกฝาดเฝื่อน คล้ายกำลังเยาะหยันตนเองเสียมากกว่า
