หุบเขาไร้โศก
หลังรอดพ้นจากสถานการณ์เลวร้ายมาได้ เหล่าผู้ฝึกตนต่างรู้สึกขอบคุณอรหันต์เหลียนเซิงผู้เปี่ยมเมตตา เพื่อแสดงถึงความซาบซึ้งใจ ทุกคนจึงกล่าวประโยคสั้นๆ อย่างตรงไปตรงมา
หลังจากกล่าวขอบคุณภิกษุชราแล้ว ก็หันมาเอ่ยกับกู่ไห่ "ขอบคุณท่านหัวหน้ากู่!"
กู่ไห่พูด พร้อมคลี่ยิ้ม "ครานี้ พวกเราถือว่าเป็สหายที่ร่วมทุกข์สุขมาด้วยกัน ไม่ต้องเกรงใจ เพียงแต่มีเื่หนึ่ง ที่ข้าใคร่ขอให้ทุกท่านช่วย"
"เชิญท่านหัวหน้ากู่บอกมาได้เลย หากสามารถช่วยได้ ข้าจะช่วยแน่นอน"
"หากมิใช่เพราะหัวหน้ากู่ และอรหันต์เหลียนเซิง พวกเราคงไม่ได้มายืนสนทนากันอยู่ตรงนี้"
"หัวหน้าสังกัดกู่ ไม่จำเป็ต้องเกรงใจเช่นนั้น เชิญท่านบอกมาได้ว่ามีเื่ใด ข้าจะช่วยเหลือท่านแน่"
กลุ่มผู้ฝึกตนต่างตบอกทันที เพื่อเป็การยืนยันสิ่งที่ตนกล่าว
"อย่างที่ข้าเพิ่งบอกไป ว่าที่มาที่นี่ในครานี้ ก็เพื่อตามหาชายที่มีนามว่าเว่ยเซิงเหริน หากทุกท่านยังอยู่ที่นี่ และได้พบคนผู้นี้ ได้โปรดแจ้งให้เขาทราบ ว่าข้าจะรออยู่ที่ทางออกใน่เดือนสุดท้าย ก่อนที่ทางเข้าดินแดนแห่งนี้จะปิดลง หากเขาไม่้ามาพบ ก็ขอให้ท่านแจ้งให้ข้าทราบด้วย ใน่เวลาเดียวกัน"
ทุกคนต่างนิ่งไปครู่หนึ่ง ไม่เคยคิดเลยว่า คำขอของอีกฝ่ายจะเรียบง่ายปานนี้
"หัวหน้ากู่โปรดวางใจ ข้าจะติดต่อไปยังกลุ่มคนในสำนัก เพื่อระดมศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งหมด ช่วยกันตามหาเขา"
"หัวหน้ากู่วางใจได้ ข้าจะรีบไปพบท่านอาจารย์ทันที เราจะต้องช่วยท่านหาเขาให้พบอย่างแน่นอน!"
เหล่าผู้ฝึกฝนต่างก็รับปากช่วยเหลือ
"ขอบคุณทุกท่านมาก!" ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณ พร้อมรอยยิ้ม
ด้วยเหตุนี้ คนที่ค้นหาตัวเว่ยเซิงเหริน จึงมีจำนวนมากขึ้น
หลังจากรับปาก ทุกคนก็จากไปทันที แม้วิกฤตจะคลี่คลายไปแล้ว แต่สถานที่แห่งนี้ก็ยังทำให้จิตใจผู้คนไม่สงบ ต่างเป็กังวล เกรงว่าคุณชายเก้าจะย้อนกลับมา
ผู้คนจึงกล่าวอำลากู่ไห่และอรหันต์เหลียนเซิง ก่อนรีบจากไป
"แล้วพบกันใหม่หัวหน้าสังกัดเิ!" กู่ไห่หันไปอำลาเิไท่ด้วยรอยยิ้ม
เิไท่จ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาซับซ้อน
"หัวหน้าสังกัดกู่ ทักษะการเดินหมากของท่าน ช่างยอดเยี่ยมนัก!" หัวหน้าเิกล่าว พลางขมวดคิ้ว
"แค่โชคดีเท่านั้น! หัวหน้าเิ ดูเหมือนท่านจะได้รับาเ็สาหัส ้าจะร่วมเดินทางไปกับเราหรือไม่?" ชายหนุ่มถาม ขณะรอยยิ้มปรากฏบนริมฝีปาก
"ไม่จำเป็ เราต่างก็กำลังหาตัวเว่ยเซิงเหริน ดังนั้นการแยกกันค้นหา น่าจะดีที่สุด เพราะมีโอกาสเจอเขามากขึ้น! หัวหน้ากู่... ข้าขอตัวก่อน!" เิไท่กล่าวปฏิเสธ พร้อมส่ายหน้า
"เช่นนั้น ก็ได้!" กู่ไห่พยักหน้า มองเหล่าสาวหออี้ผินจากไป พลางหรี่ตา
"ท่านหัวหน้า ก่อนหน้านี้ ซ่งฉิงซูอาจร่วมมือกับพวกเขา" เกาเซียนจือกล่าว พลันนิ่วหน้า
"ข้ารู้!" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม และส่ายหน้า
"ขอรับ!" เกาเซียนจือพยักหน้า
ส่วนเฉินเทียนซานที่อยู่ใกล้ๆ มีสีหน้างุนงง หมายความว่าอย่างไรที่ว่าซ่งฉิงซูกับพวกนั้นร่วมมือกัน?
ผู้ฝึกตนค่อยๆ จากไปทีละคน จนเหลือแค่พวกกู่ไห่ และผู้ทรงศีล
"อรหันต์เหลียนเซิง ขอบคุณท่านมาก ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในครานี้!" กู่ไห่กล่าวขอบคุณอีกฝ่าย
ภิกษุชรามองชายหนุ่ม พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม "หัวหน้ากู่ ก่อนที่อาตมาจะลงมือ คล้ายเห็นท่านนำบางอย่าง ออกจากช่องว่างมิติในป้ายประจำตำแหน่ง เพื่อเตรียมรับมือกับอสูรเมฆา บางทีถึงจะไม่มีความช่วยเหลือจากอาตมา ท่านก็คงมีวิธีรับมืออยู่กระมัง?”
กู่ไห่ยิ้มขื่น ขณะอธิบาย "อรหันต์เหลียนเซิงล้อเล่นแล้ว ข้าหามีวิธีใดไม่ เพียงมีวัตถุที่ทำให้เกิดการะเิได้ ข้ากำลังจะโยนมันไปยังคุณชายเก้า แต่จะเป็ผลหรือไม่ ก็สุดจะรู้
ก่อนหน้านี้ ข้าเคยใช้มันกับผู้ทรยศต่อหออี้ผิน ซ่งฉิงซู แต่กลับจัดการเขามิได้ แล้วนับประสาอะไรกับคุณชายเก้าที่มีอสูรเมฆา เขาคงสามารถหลบหลีกได้โดยง่าย”
ผู้ทรงศีลมิได้พูดต่อ เพียงถอนหายใจ ก่อนถาม "ที่หัวหน้ากู่ยังอยู่ที่นี่ เพราะยังกังวลเื่สระิญญา ใช่หรือไม่?"
“อรหันต์เหลียนเซิงล้อเล่นอีกแล้ว ข้าน้อยเพียงสนใจมันเท่านั้น” ชายหนุ่มยิ้ม พร้อมแก้ต่าง
"ขอเรียนตามตรง จากการสำรวจก่อนหน้านี้ ที่ด้านล่างของสระนั้นมีอาวุธวิเศษที่ผู้าุโกวนฉีเหลือทิ้งไว้ หากท่านสนใจ เพียงใช้พลังแห่งหมาก ก็คงได้มันมาแล้ว" อรหันต์เหลียนเซิงอธิบาย พลางยกยิ้ม
"โอ้! พลังแห่งหมาก?" กู่ไห่แสดงสีหน้าแปลกใจยิ่ง
"ท่านยังจำหมากสีทองในมือคุณชายเก้าได้หรือไม่?" ภิกษุชราถาม ท่าทีจริงจัง
“โอ้?” ดวงตาชายหนุ่มสั่นไหวทันที
รู้ว่าคุณชายเก้าอาศัยพลังแห่งหมาก ดึงพลังจากฟ้าดิน เพื่อใช้เรียกอสูรเมฆาออกมา
"โดยทั่วไป หมากสีทองจะปรากฏขึ้น หลังจากประตูมิติเปิดออกสามเดือน สถานที่ที่จะพบมัน ได้ถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้ว และหนึ่งในนั้น ก็อยู่ใต้สระิญญา
ปกติหมากสีทองจะปรากฏหลังสามเดือนก็จริง แต่อาตมาได้ทำลายค่ายกลไปแล้ว หาก้า ท่านก็สามารถนำไปใช้ได้ทันที แต่มันสามารถใช้ได้แค่ในดินแดนนี้เท่านั้น หากที่นี่ปิดลง ก็จะใช้มิได้อีก" อรหันต์เหลียนเซิงอธิบาย
“หมากสีทอง ที่คุณชายเก้าใช้อัญเชิญอสรพิษเก้าเศียรน่ะหรือ?” ดวงตาของเฉินเทียนซานสว่างขึ้นทันที
เสี่ยวโหรวก็สนใจมากเช่นกัน
ทว่า กู่ไห่กลับรู้สึกสับสน “อรหันต์เหลียนเซิง ข้าไม่เข้าใจ หากหมากสีทองจะปรากฏขึ้นในอีกสามเดือน หลังจากดินแดนนี้เปิดออก นี่มิใช่เป็การให้โอกาสให้คนนอก ได้เสริมความแข็งแกร่งกันหรอกหรือ?
นอกจากนี้ ข้ายังได้ยินเิไท่กล่าวว่า ผู้าุโกวนฉีดูเหมือนจะสั่งมิให้ศิษย์ของอี้เทียนเก๋อ เข้ามาก้าวก่ายการกระทำของคนนอก ไม่ว่าเื่ใดก็ตาม... เหตุใดท่านผู้าุโจึงทำเช่นนั้นขอรับ?"
“ที่ท่านคิดไว้นั้นไม่ผิด! นี่เป็เจตนารมณ์ของผู้าุโกวนฉี เขาได้เตรียมการ และทิ้งสมบัติของอี้เทียนเก๋อจำนวนมากไว้ที่นี่ ก็เพื่อให้คนนอกมาเอาไป” อรหันต์เหลียนเซิงอธิบาย
"โอ้? ข้าไม่เข้าใจ!"
"ในปีนั้น เมื่อผู้าุโกวนฉีแพ้และจากไป แต่หมากอีกหนึ่งกระดานในตอนท้ายนั่น ผลของมันไม่มีใครรู้แน่ชัด บางทีมันอาจเป็เพียงส่วนหนึ่งในแผนการของผู้าุโกวนฉีก็เป็ได้ อย่างไรก็ตาม ท่านไม่จำเป็ต้องไปคิดมากหรอก สักวันเมื่อน้ำลด ตอก็ผุดออกมาเอง" อรหันต์เหลียนเซิงกล่าว พร้อมส่ายหน้า
กู่ไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ
"ตามมาเถอะ อาตมาจะพาไปดู" ภิกษุชราเอ่ย พร้อมยกยิ้ม
...
ที่ทางออกดินแดนแรกสาบสูญ
ชายชุดขาวสามคนกำลังวิ่งอย่างร้อนรน
"มารเฒ่ากู่ไห่นั่น สังหารอาจารย์ลุงซ่งฉิงซูไปแล้ว เขาย่อมรู้ว่าพวกเราเป็ศิษย์สำนักซ่งเจี่ย และต้องตามมาสังหารแน่!"
“รีบกลับไปรายงานหัวหน้าสำนัก เร็ว! มารร้ายแซ่กู่ ได้สังหารศิษย์สำนักซ่งเจี่ยทั้งสิ้นสี่สิบคน! มันเป็ปีศาจ!"
"ศิษย์พี่ศิษย์น้องทุกคน ต้องมาตายในเงื้อมมือเ้ามารร้ายแซ่กู่ กลับไปแจ้งหัวหน้าสำนัก ให้กำจัดคนของมันให้สิ้น!"
ศิษย์สามคนของสำนักซ่งเจี่ย หนีไปยังทางออกด้วยความโกรธแค้น ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้พบซ่งฉิงซูที่หุบเขาไร้โศก จึงรู้เื่ราวทั้งหมดแล้ว
แม้กู่ไห่จะช่วยพวกเขาไว้จากคุณชายเก้า แต่ทั้งสามก็ยังเกลียดชังอีกฝ่ายอยู่ดี หลังจากทุกอย่างจบลง จึงปลีกตัวออกมาอย่างเงียบๆ
ขณะที่ทั้งสามกำลังวิ่งไปที่ทางออกนั้น
"หยุด!" ทันใดนั้น เสียงะโอันเย็นะเื ก็ยับยั้งพวกเขาไว้
ชายชุดดำผู้หนึ่งยืนขวางหน้าคนทั้งสาม ทั้งร่างปกคลุมไปด้วยสีดำสนิท แต่บริเวณอกกลับมีตราสุริยันสีทองอยู่ เสื้อคลุมสีเข้มและลวดลายสีทอง ดูลึกลับหาใดเปรียบ
“เ้าเป็ใคร? เหตุใดถึงมาขวางทางพวกข้า” ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยถาม สีหน้าเ็า
“ทางออกถูกเรายึดไว้แล้ว นับจากนี้เป็ต้นไป จนกว่าที่นี่จะปิดลง ผู้ฝึกตนเข้ามาได้ แต่ไม่อนุญาตให้ออก” ชายชุดดำกล่าวเสียงเยียบเย็น
"พวกเ้า?" ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยอุทานอย่างงุนงง
ขณะที่หันไปมอง ก็พบว่าห่างออกไป มีชายชุดดำซึ่งมีตราสุริยัน ยืนอยู่หลายคน ราวกับกำลังปิดกั้นทางออก ซึ่งเป็กลุ่มหมอกขนาดใหญ่เอาไว้จากที่ไกลๆ
"ศิษย์พี่ อย่าไปฟังวาจาไร้สาระเหล่านี้เลยขอรับ พวกมันยังอยู่อีกตั้งไกล เรารีบออกไปกันเถอะขอรับ!" ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยผู้หนึ่งเสนอ
"ตกลง!"
คนทั้งสามลงความเห็นกันเรียบร้อย ก็วิ่งไปยังทางออก ที่เต็มไปด้วยหมอกทันที โดยมิได้สนใจชายชุดดำแต่อย่างใด
"หึ!" ชายชุดดำแค่นยิ้มเย็น
ปัง!
ศีรษะของศิษย์สำนักซ่งเจี่ยที่อยู่หน้าสุด... ะเิออก!
“อ๊าก!” สองคนที่เหลือต่างร้องอุทานอย่างขวัญผวา
พวกเขาไม่เห็นชายชุดดำลงมือแต่อย่างใด ดูเหมือนคนเ่าั้จะมิได้ทำสิ่งใด แต่อยู่ๆ ศีรษะศิษย์พี่ก็ะเิออก?
"ไสหัวกลับไป!" ชายชุดดำผู้มีตราสุริยันกล่าว
"เ้า... เ้า... เ้า... เราเป็ศิษย์สำนักซ่งเจี่ย หัวหน้าสำนักของเรา ไม่ปล่อยเ้าแน่!" ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยอีกคน ะโขู่อย่างขลาดกลัว
"หึ!"
ปัง!
เป็อีกครั้ง... ที่ศีรษะของศิษย์สำนักซ่งเจี่ยะเิออก!
ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าแม้แต่น้อย อยู่ๆ ศีรษะก็ะเิในบัดดล คนสุดท้ายที่เหลือ ล้มลงกับพื้นเพราะหวาดกลัว และขยับถอยไม่หยุด
"ปีศาจ! ปีศาจ!" ชายคนนั้นกระถดตัวหนีอย่างหวาดหวั่น กลัวจนขนหัวลุก
ทว่า ชายชุดดำกลับมิได้ไล่ตาม คล้ายไม่ใส่ใจ ตราบใดที่ไม่คิดฝ่าออกไป
ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยคนสุดท้าย ล่าถอยด้วยความหวาดผวา และเฝ้ามองจากระยะไกล มีชายชุดดำซึ่งมีลวดลายสุริยันบนหน้าอกทั้งหมดยี่สิบคน คอยปกป้องเขตหมอกนั้นจากรอบทิศ ผู้ฝึกตนได้รับอนุญาตให้เข้ามาได้ แต่ไม่ให้ออกไปข้างนอก?
คนพวกนั้นน่าครั่นคร้ามและแข็งแกร่ง แค่เสียงแค่นหัวเราะ ก็สามารถะเิศีรษะฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว?
นี่มิใช่ดินแดนแรกสาบสูญหรอกหรือ? มิใช่ว่าพลังของผู้ฝึกตน ถูกระงับไว้แค่ระดับก่อ์หรือ? แล้วคนเ่าั้ ทำแบบนี้ได้อย่างไร?
ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยผู้นั้น หลบหนีอย่างตื่นตระหนก แต่เมื่อหันไปมองอีกครั้ง คาดไม่ถึง ว่าชายชุดดำซึ่งมีตราสุริยันบนหน้าอก...
... กำลังคุกเข่า ทั้งยี่สิบคน
“ใคร!... เป็ผู้ใดกัน? ที่ทำให้กลุ่มปีศาจเ่าั้ ยอมก้มหัวทำความเคารพได้?” ศิษย์สำนักซ่งเจี่ยเบิกตาโตด้วยความใ
ฟึ่บ!
เงากลุ่มหนึ่งค่อยๆ ปรากฏออกมาจากม่านหมอก
เป็คนราวพันกว่าคน สวมชุดดำที่มีลวดลายสุริยันตรงอก ด้านหลังมีคนอีกสามสิบคน แบกโลงศพยาวสิบจั้ง ก้าวตามมาอย่างช้าๆ
พันกว่าคน... ปีศาจกว่าพันตนหรือ?
ผู้นำกลุ่มชายชุดดำกว่าพันคน ถือคทาห้าสีไว้ในมือ และเงยศีรษะมองท้องฟ้า
ชายชุดดำกว่าพันคนที่อยู่ด้านหลัง ต่างคุกเข่าให้กับชายผู้ถือคทา ยกเว้นเพียงผู้แบกโลงศพเท่านั้น ที่ยังยืนอยู่
"ท่านประมุขกำลังจะกลับมาแล้ว เ้ารู้จุดประสงค์ที่เรามาที่นี่หรือไม่" ชายชุดดำที่มีตราสุริยันตรงอกและถือคทา ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"องค์จักรพรรดิเซียนต้าิ โปรดสั่งการ!" ชายชุดดำกว่าพันคน ตอบกลับอย่างเคารพ
"หาเบาะแสของ 'จักรพรรดินีหนี่วา' แม้ว่าต้องทำลายอี้เทียนเก๋อทั้งหมด ข้าก็ไม่สน หาที่อยู่ของนางให้พบ มิฉะนั้น ตาย!" จักรพรรดิเซียนต้าิสั่ง
"ขอรับ! เราจะพยายามสุดความสามารถขอรับ!" ชายชุดดำทั้งหมดตอบรับด้วยความเคารพ
"พยายามสุดความสามารถ? หึ! ดูเหมือนพวกเ้ายังไม่เข้าใจ ประมุขกำลังจะกลับมา หากท่านไม่พบจักรพรรดินีหนี่วา ข้าก็คงไม่อาจช่วยพวกเ้าได้ เพราะข้าไม่มีคุณสมบัติพอจะทำเช่นนั้น! พวกเ้าต้องหาจักรพรรดินีหนี่วาให้พบเท่านั้น!" จักรพรรดิเซียนต้าิกล่าวเสียงเคร่ง
"ขอรับ!" กลุ่มชายชุดดำตอบรับ น้ำเสียงหนักแน่น
จักรพรรดิเซียนต้าิพยักหน้า ก่อนหันหน้าไปมองศิษย์สำนักซ่งเจี่ยที่อยู่ห่างออกไป
แม้ชายผู้นั้นจะคลุมผ้าปิดบังใบหน้า แต่ศิษย์สำนักซ่งเจี่ย ก็ยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จับจ้องมา เขารู้สึกราวกับตนเองเป็มด ที่กำลังถูกเฝ้ามองจากสรวง์ เวลานั้นศิษย์สำนักซ่งเจี่ย คล้ายถูกตรึงจนไม่กล้าขยับเขยื้อน ร่างโชกไปด้วยเหงื่อเย็นเฉียบ สะพรึงกลัวเกินบรรยาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้