ควงเหยาตระหนักได้ทันที ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงมองเหอมู่หลิงเขม็ง
เมื่อเห็นแววตาเย็นะเืจับจ้องมา เหอมู่หลิงพลันตัวสั่นสะท้าน
“จับตัวนางไปขังไว้ ควงเหยา เ้าตามข้ามา!” ควงเยวี่ยโหลวเอ่ยเสียงต่ำ
ควงเหยาตวัดสายตามามองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตามผู้เป็อาจารย์ไป
เขาพบเข้ากับโจวชิงหวาที่ลานกว้าง แต่ไม่อาจรู้ได้ว่า ชายหนุ่มรู้เื่มากน้อยเพียงใด
ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะดื้อแพ่งออกไปตามหาหนีเจียเอ๋อร์ ควงเหยาจึงต้องใช้ยาทำให้เขาอ่อนแรง แล้วสั่งให้คนดูแลอย่างใกล้ชิด
กว่าจะตามออกมาได้ อาจารย์ของเขาก็ทิ้ง่ห่างไปไกลแล้ว ดังนั้น ควงเหยาจึงต้องเข้าไปในหุบเขาหิมะเพียงลำพัง
แต่นอกจากสมุนไพรและความรู้ที่เล่าเรียนแล้ว เขาก็มิได้มีความสามารถในการจดจำอะไรอีก จึงไม่รู้ทิศทางที่แน่นอนเท่าใดนัก
ครั้งแรกที่มาถึงสำนักอิ้นเสวี่ย ชายหนุ่มต้องใช้เวลากว่าสิบวัน กว่าจะจำทางไปสำนักได้ แล้วตอนนี้ เขาควรจะไปทางไหนดีเล่า?
...
อีกด้านหนึ่ง
ควงเยวี่ยโหลววิ่งมาตามเส้นทางที่เหอมู่หลิงบอก ไม่ช้า ก็มาถึงเนินหิมะที่ดูแปลกตา คาดว่าน่าจะเป็ปากถ้ำที่ถูกหิมะปกคลุมอยู่
เขาจึงใช้ลมปราณะเิปากถ้ำ พบว่าด้านในมีร่างของหญิงสาวกำลังนอนหมดสติอยู่ ในมือของนางยังคงกำมีดสั้นเอาไว้แน่น
ภายในถ้ำ อากาศหนาวเย็นกว่าที่สำนักมาก บางที นางอาจจะถูกแช่แข็งไปแล้ว…
ควงเยวี่ยโหลวรีบล้วงขวดแก้วใสออกมาจากแขนเสื้อ เทยาออกมาหนึ่งเม็ด ก่อนป้อนให้หนีเจียเอ๋อร์ เขาถอดเสื้อคลุมออกมาห่อร่างของศิษย์สาวเอาไว้ แล้วพาออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว
เดินไปได้สักพัก อุณหภูมิรอบด้านพลันลดลงทุกขณะ จนรู้สึกได้ ไม่ช้า ก็เกิดพายุหิมะขึ้น
ลมพายุเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนควงเยวี่ยโหลวต้องเดินย้อนกลับไปทางเดิม
เมื่อมาถึง เขาได้ใช้ของวิเศษที่ทำขึ้นมาส่งสัญญาณไปหาควงเหยา เพื่อบอกว่าพวกตนสบายดีและจะกลับไปในไม่ช้า จากนั้นก็พาหนีเจียเอ๋อร์กลับเข้าไปในถ้ำ
เพราะภายในถ้ำเต็มไปด้วยน้ำแข็ง เขาจึงต้องเอนร่างของหญิงสาวมาพิงไว้กับตัวเอง
พอท้องฟ้าเริ่มมืด ก็ยิ่งหนาวเย็นเป็ทวีคูณ ดุจร่างกายกำลังจะถูกแช่แข็งในไม่ช้า... หนาวจนเจ็บไปถึงกระดูก
“เจ็บ! ข้าหนาว… หนาวเหลือเกิน...” เสียงพึมพำดังขึ้น
ควงเยวี่ยโหลวจึงลืมตา มองร่างของหญิงสาวที่กำลังตัวสั่นสะท้านอย่างหนัก ด้วยคิ้วที่ขมวดแน่น ปลายนิ้วของเขา ััผ้าขาวที่พันรอบดวงตาของนางด้วยความรู้สึกผิด
ความอบอุ่นจากปลายนิ้วอีกฝ่าย ทำให้หนีเจียเอ๋อร์เอนหน้าเข้าหาโดยไม่รู้ตัว
ควงเยวี่ยโหลวพลันตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าขยับเขยื้อน
ริมฝีปากแห้งแตกของหญิงสาว ยังคงเอ่ยพึมพำ “เจ็บ! หนาว... ข้าหนาว…”
ควงเยวี่ยโหลวถอนหายใจ ตอนนี้นางกำลังอ่อนแออย่างถึงที่สุด จึงไม่แปลกที่จะแสดงท่าทีเช่นนี้ออกมา
ยิ่งดวงจันทร์ขึ้นสูง ร่างของหนีเจียเอ๋อร์ก็ยิ่งสั่นสะท้านอย่างหนัก ควงเยวี่ยโหลวจึงต้องถอดเสื้อผ้าของตนไปห่อตัวอีกฝ่าย ก่อนจะกอดนางเอาไว้เพื่อให้ไออุ่น
...
รุ่งขึ้น พายุหิมะได้สงบลงแล้ว
หนีเจียเอ๋อร์รู้สึกตัวตื่นขึ้น พอมือเล็กๆ ของนางััเข้ากับร่างกายอันเปลือยเปล่าของใครบางคน ก็พลันสะดุ้งใ
“อย่าขยับ!” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น
“ท่านอาจารย์” หนีเจียเอ๋อร์ควานมือออกไป แต่กลับพบว่าตนกำลังััหน้าอกและหน้าท้องของอีกฝ่าย...
ควงเยวี่ยโหลวหน้าเห่อร้อน รีบดันร่างของนางออก แล้วสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว เขาหันหลังไปแต่งตัว เมื่อจัดการเรียบร้อยแล้ว ก็หันมามองหนีเจียเอ๋อร์
“ควงเจีย หากเ้าไหวก็ลุกขึ้นเถอะ!”
หนีเจียเอ๋อร์ค่อยๆ ประคองร่างลุกขึ้น แต่ก็พลาดท่า ลื่นล้มลงไปอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์ นี่เรายังอยู่ในถ้ำหรือเ้าคะ?”
“อืม…” ควงเยวี่ยโหลวไม่อาจทนมองได้ จึงเข้าไปช่วยพยุงนางขึ้นมา “เมื่อวานเกิดพายุหิมะ ข้าจึงพาเ้ากลับมาหลบที่นี่ก่อน”
“แสดงว่า ข้าทำให้อาจารย์ต้องมาติดอยู่ที่นี่ทั้งคืนหรือเ้าคะ?” หนีเจียเอ๋อร์หน้าแดงระเรื่อ
“ไม่เป็ไรหรอก ข้านั่งสมาธิในห้องน้ำแข็งจนชินกับความหนาวเย็นเสียแล้ว” ควงเยวี่ยโหลวใช้เสื้อของตน คลุมไหล่นางเอาไว้
จากนั้น คนทั้งสองก็เริ่มเดินทางกลับสำนัก
ตอนนี้ ในใจของหนีเจียเอ๋อร์พลันรู้สึกแปลกๆ ซึ่งนางเองก็ไม่อาจเข้าใจได้...
เดินไปสักพัก ก็พบกับควงเหยาและศิษย์ในสำนักที่ออกมาช่วยกันตามหานาง เมื่อเห็นว่าพวกเขาปลอดภัย ทุกคนก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
โจวชิงหวารีบวิ่งเข้ามาหา ก่อนชะงักฝีเท้า เมื่อเห็นมือของคนทั้งสองเกาะกุมกันแน่น ก็นึกหึงหวงจนแทบทนไม่ไหว
“ขอบคุณท่านที่ช่วยเหลือ ตอนนี้ ช่วยส่งนางให้ข้าได้หรือไม่?”
ช่างเป็คำขอบคุณ ที่ให้ความรู้สึกตรงกันข้าม
หนีเจียเอ๋อร์ขมวดคิ้ว “พี่ชิงหวา ท่านอาจารย์อุตส่าห์ช่วยข้าเอาไว้ อย่าทำตัวหยาบคายสิ!”
ได้ยินเช่นนั้น โจวชิงหวาพลันเงียบไป
ควงเยวี่ยโหลวมองชายหนุ่ม แล้วจับมือของหนีเจียเอ๋อร์มาส่งต่อให้
โจวชิงหวารับมือเล็กมากุมไว้ พลางใช้มืออีกข้างปลดเสื้อที่คลุมไหล่ของหนีเจียเอ๋อร์ออก แล้วคืนให้เ้าของ ก่อนแทนที่ด้วยเสื้อคลุมสีขาวของตน...