คุณยายขมวดคิ้ว “ฉันเองก็ได้ยินเื่นี้มาเหมือนกัน”
“ฉันเองก็มีคนหลายคนเข้ามาถาม” คุณปู่จ้าวพยักหน้า
ทั้งสามคนมองไปที่ซ่งมู่ไป๋ด้วยอยากรู้ว่าชายหนุ่มคิดเห็นกับเื่นี้อย่างไร
ซ่งมู่ไป๋ยิ้มก่อนจะเล่าให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนฟัง “เมื่อเช้าตอนผมกับโม่โม่กำลังจะขึ้นเขาบังเอิญเจอคนข้างบ้าน ผู้หญิงคนนั้นพูดจาไม่น่าฟัง โม่โม่จึงโต้ตอบกลับไป ผู้หญิงคนนั้นคงโมโหก็เลยเอาไปพูดให้คนอื่นฟังเสียๆ หายๆ ผมเองก็อยากหมั้นเหมือนกัน แต่กลัวโม่โม่จะไม่ยอม”
คุณยายถอนหายใจ “ผู้หญิงคนนี้นี่ปากไม่ดีเลย ไว้โม่โม่กลับมาจะลองถามดู”
เมื่อเซี่ยโม่กลับมา คุณยายจูงมือหลานสาวพาไปตรงที่ไม่มีคนก่อนจะเอ่ยถาม “เมื่อเช้าตอนหลานจะขึ้นเขาบังเอิญเจอคนข้างบ้านเหรอ”
เซี่ยโม่พยักหน้า จากนั้นก็เล่าให้ฟังว่าสาวใหญ่ข้างบ้านพูดจาไม่ดีและทำท่าทางถือดีอย่างไรบ้าง
“ผู้หญิงคนนี้นี่ ทำไมถึงนิสัยไม่ดีแบบนี้ เที่ยวใส่ร้ายหลานให้คนอื่นฟังไปทั่ว”คุณยายได้ฟังแล้วก็โมโห
ว่าเสร็จก็พูดกับหลานสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนที่หลานเอาข้าวไปให้เฉินเฟิงกับสือโถว พวกเราปรึกษากับเสี่ยวซ่งแล้ว เขายอมหมั้นกับหลาน ยายเลยอยากถามหลานว่าจะตกลงไหม”
เซี่ยโม่ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะปฏิเสธ “คุณยายคะ อย่าไปสนใจคำพูดไร้สาระพวกนั้นเลยค่ะ อีกอย่างหนูอายุยังน้อย รออีกหน่อยค่อยว่ากันเถอะค่ะ พวกเราอ้างกับคนอื่นก็ได้ว่าคุณตาคุณยายรับพี่ซ่งเป็หลานบุญธรรมแล้ว”
“เป็ความคิดที่ดี งั้นเดี๋ยวยายไปพูดกับตาให้” คุณยายพยักหน้าเห็นด้วยกับหลานสาว
“เดี๋ยวหนูไปช่วยพูดค่ะ” เซี่ยโม่เดินตามคุณยายไปหาคุณตา ซึ่งอาจารย์กับพี่ซ่งก็นั่งอยู่ด้วย เธอพูดสิ่งที่คิดออกมาให้ทุกคนได้รับรู้
คุณตาได้ฟังก็พยักหน้าเห็นด้วย “แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน”
คุณปู่จ้าวพยักหน้าเห็นด้วยโดยไม่พูดอะไร
มีแค่ซ่งมู่ไป๋คนเดียวเท่านั้นที่แววตาหม่นหมองลง แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น เขาปรับสีหน้าท่าทางให้กลับมาเป็ปกติ แสดงว่าเขายังทำดีไม่พอ เด็กสาวถึงได้ไม่ยอมตกลง
ความจริงยังไม่ต้องพูดถึงเื่อื่น ลำพังแค่เื่ที่ชายหนุ่มโมโหจนเืขึ้นหน้า ต่อยพั่งจื่อโดยไม่สนใจจะฟังเหตุผล แค่เื่เดียวก็เพียงพอให้เซี่ยโม่ปฏิเสธแล้ว
“คุณตา คุณยาย อาจารย์ แบบนี้ก็ดีครับ ผมจะคอยดูแลโม่โม่เอง ผมจะทำให้ทุกคนเห็นถึงความจริงใจของผมให้ได้” ซ่งมู่ไป๋พูดด้วยสีหน้าจริงจังเด็ดเดี่ยว
เห็นดังนั้นผู้ใหญ่ทั้งสามคนก็พยักหน้าอย่างพึงพอใจ
เซี่ยโม่หน้าแดงก่อนจะพูดเปลี่ยนเื่ “พี่ซ่ง พวกเราขึ้นเขากันเถอะค่ะ ตอนบ่ายไม่ต้องเก็บฟืนแล้ว เก็บแค่เกาลัดก็พอ หน้าหนาวจะได้เอามาต้มหรือย่าง ไม่ก็ไว้ทำปิ่งเกาลัดกิน”
ผู้าุโต่างพยักหน้ารับรู้ก่อนจะบอกหลานทั้งสอง “งั้นก็ไปเถอะ ถึงยังไงเื่ฟืนก็ไม่รีบ”
“ไม่เป็ไรครับ ไว้ผมหาวันพาเพื่อนไปตัดฟืนมาให้ รับรองว่ามีพอใช้ทั้งฤดูหนาวแน่นอน” ซ่งมู่ไป๋ให้คำมั่น
คุณตาถึงยิ้มรับ “ถ้าได้แบบนั้นก็ดี แล้วพวกเราจะรอนะ”
ในบ้านเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ความอบอุ่นห้อมล้อมไปทั่ว
เซี่ยโม่กับซ่งมู่ไป๋เดินออกจากบ้าน จูงจักรยานตรงไปที่ตีนเขา
แต่พอไปถึงทั้งสองคนกลับต้องแปลกใจ ตรงพุ่มไม้ใหญ่ที่เคยใช้เป็ที่แอบจักรยาน มีเด็กสาวที่อยู่บ้านข้างๆ กำลังขุดหาผักอยู่
หากนำจักรยานไปแอบตรงอื่นต้องเดินอ้อมไปไกล กลับลงมาจากเขาจะเดินไปเอาจักรยานก็ค่อนข้างลำบาก
เซี่ยโม่ได้แต่โมโหอยู่ในใจ เจอสองแม่ลูกคู่นี้ทีไร ไม่มีเื่ดีทุกที
แม่อีกฝ่ายพูดเื่ของเธอไปทั่ว ส่วนคนลูกก็มานั่งขุดหาผักอย่างไม่รู้เื่รู้ราว
นาทีนั้นเธอคิดแผนหนึ่งขึ้นมาได้ จงใจพูดกับชายหนุ่มเสียงดัง “พี่ซ่ง พวกเราขึ้นเขาไปล่าสัตว์กันเถอะค่ะ จับกระต่ายป่ากับไก่ป่าสักสองสามตัว ตอนเย็นจะได้ต้มกิน”
ซ่งมู่ไป๋มีสีหน้างุนงง เด็กสาวไม่ได้บอกว่าจะมาเก็บเกาลัดหรอกหรือ เหตุใดถึงเปลี่ยนเป้าหมายล่ะ
อีกอย่างเขาไม่ถนัดการล่าสัตว์ ไม่แน่ใจว่าตัวเองจะล่าได้
ขณะที่เขากำลังมึนงงอยู่นั้น เด็กสาวก็ส่งสัญญาณผ่านสายตามาให้
แม้จะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังมีแผนอะไร แต่เขาก็เออออตามน้ำ “เอาสิ”
เด็กสาวข้างบ้านได้ยินก็ตาลุกวาว ความฝันของเธอคือจับกระต่ายป่าและไก่ป่าเอาไปทำอาหารกินให้หนำใจ
ตอนแรกอุตส่าห์วาดหวังไว้อย่างดี ถ้าหมอรักษาเท้ามาประจำที่หมู่บ้านเมื่อไรเธอจะไปขอฝากตัวเป็ลูกศิษย์ พอถึงตอนนั้นจะได้เก็บสมุนไพรไปขายและเอาเงินไปซื้อเนื้อมาทำกินได้
ทว่าหมอรักษาเท้าคนนั้นกลับเป็อาจารย์ของเซี่ยโม่เสียอย่างนั้น เื่นี้เลยต้องล้มเลิกไป
ล่าสัตว์เป็อีกหนึ่งความฝันของเธอ แต่น่าเสียดายที่ไม่เคยได้มีโอกาส
ในที่สุดวันนี้โอกาสก็มาถึง!
เธอจะแอบตามทั้งสองคนไป พวกเขาล่าสัตว์อะไรได้เธอก็จะเข้าไปแย่ง ถ้าหากไม่ให้ ก็ค่อยข่มขู่ว่าจะเอาไปฟ้องกองการผลิต
สองคนนี้ไม่ใช่คนโง่ ต้องยอมแบ่งสัตว์ให้เธอสักหนึ่งตัวอย่างแน่นอน ไม่ใช่สิ อย่างเธอต้องได้ค่าปิดปากสองตัวต่างหาก
ซ่งมู่ไป๋ใช้สายตาถามเซี่ยโม่
เด็กสาวตอบด้วยน้ำเสียงมีลับลมคมใน “พี่มีสองทางเลือก ลองฟังดูก่อนแล้วค่อยเลือกนะคะ”
“ว่ามา”
“ทางเลือกแรกคือฉันรออยู่ตรงนี้ ส่วนพี่ขึ้นเขาไปรอแถวๆ ต้นเกาลัด พอเด็กคนนั้นเดินออกไป ฉันค่อยเอาจักรยานไปแอบ คล้องโซ่เสร็จฉันค่อยตามขึ้นไป” เธออธิบายทางเลือกที่สองต่อทันที “อีกทางเลือกหนึ่งคือพี่รออยู่ที่นี่ ถ้าเด็กคนนั้นเดินไปเมื่อไรพี่ค่อยเอาจักรยานไปแอบ คล้องโซ่เสร็จก็ค่อยตามไปเจอกันตรงต้นเกาลัด”
ชายหนุ่มตอบออกมาทันทีโดยไม่ต้องคิด “ฉันเลือกทางแรก เธอระวังตัวด้วยล่ะ”
“พี่ก็เหมือนกันนะคะ”
ซ่งมู่ไป๋พยักหน้าก่อนจะสาวเท้าเดินขึ้นเขาไป
ชายหนุ่มมีรูปร่างสูงโปร่ง ทั่วร่างแผ่กลิ่นอายเยือกเย็น เขาสะพายตะกร้าไว้ที่หลัง ในตะกร้ามีกระสอบสองใบและกระบอกไม้ไผ่ใส่น้ำดื่มอีกสองกระบอก
หลังจากชายหนุ่มเดินขึ้นเขาไป ในสายตาเซี่ยโม่เห็นตลอดว่าเด็กหวางแอบมองตามพี่ซ่ง เธอครุ่นคิดอยู่สักครู่ก่อนจะเอ่ยเสียงดังอย่างจงใจ “พี่ซ่ง พี่ขึ้นเขาไปก่อนเลยนะคะ ฉันเอาจักรยานไปเก็บก่อน”
จากนั้นแกล้งหมุนตัวเดินไปอีกทาง
ซ่งมู่ไป๋รู้ดีว่าเด็กสาวกำลังเล่นละคร เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไปทำไม ไว้เขาค่อยหาโอกาสถามทีหลัง ตอนนี้ให้ความร่วมมือไปก่อนก็แล้วกัน
ด้านเด็กสาวข้างบ้านแอบเดินตามซ่งมู่ไป๋ไป
เซี่ยโม่ย้อนกลับมาทางเดิม พบว่าเด็กสาวข้างบ้านเดินตามพี่ซ่งไปแล้วอย่างที่คาด
เธอรออยู่สักครู่จนพี่ซ่งหายลับไปจากสายตา ถึงค่อยเอาจักรยานแอบตรงแถวพุ่มไม้ที่เด็กสาวเก็บผักก่อนหน้านี้ คล้องโซ่เสร็จเรียบร้อยก็รีบเดินตามไป
ซ่งมู่ไป๋ในเวลานี้เดินมาถึงต้นเกาลัดแล้ว เขาเอาตะกร้าที่สะพายไว้บนหลังลง ก่อนจะหยิบถุงมือขึ้นมาสวมแล้วเริ่มเก็บเกาลัด
เด็กสาวข้างบ้านที่แอบดูอยู่เห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมไปล่าสัตว์สักที ก็คิดว่าอีกฝ่ายคงกำลังรอเซี่ยโม่
เช่นนั้นเธอก็จะรออยู่ตรงนี้
ไม่กี่นาทีต่อมา เมื่อเซี่ยโม่ตามมาสมทบ พบว่าพี่ซ่งเก็บเกาลัดได้หลายลูกแล้ว
“พี่ซ่ง เดินไปข้างหน้าอีกหน่อยเถอะค่ะ แถวนั้นมีต้นเกาลัดใหญ่ๆ หลายต้น พวกเราไปเก็บตรงนั้นดีกว่า” เธอชักชวนพลางชี้มือบอกชายหนุ่ม
“ได้”
ทั้งสองคนเดินตรงไปข้างหน้า โดยที่ด้านหลังมีเด็กสาวข้างบ้านค่อยๆ ย่องตามมา
“เธอตามมาจริงๆ ด้วย” เซี่ยโม่พูดด้วยเสียงไม่ดังนัก
ซ่งมู่ไป๋อดไม่ได้ที่จะถามอย่างสงสัย “เธอจะตามพวกเรามาทำไม”
“เพราะเธอนึกว่าพวกเราจะไปล่าสัตว์น่ะสิคะ ที่ตามมาคงรอฉวยโอกาสเอาสัตว์ที่พวกเราล่าได้กลับไป” เธอยกยิ้มมุมปาก
ซ่งมู่ไป๋ฟังแล้วก็สะท้อนใจ เด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบไหนย่อมเป็แบบนั้นจริงๆ มารดามีนิสัยเ้าเล่ห์ชอบเอาเปรียบ บุตรสาวก็เลยติดนิสัยแบบนี้มา เป็นิสัยที่สืบทอดผ่านทางสายเื