ณ ตำหนักราชันผู้พิชิตในวังหลวงของแคว้นเป่ยสุ่ย
ราชันผู้พิชิตคือการดำรงอยู่ที่พิเศษที่สุดในแคว้นเป่ยสุ่ย เขาไม่มีญาติ ไม่มีลูกหลาน และหมกมุ่นอยู่กับศิลปะการต่อสู้เพียงเท่านั้น และเพื่อเป็การรำลึกถึงการอุทิศตนของเขาให้กับจักรพรรดิผู้ก่อตั้งแคว้นเป่ยสุ่ย พระองค์จึงสร้างตำหนักพิเศษสำหรับให้เขาใช้ชีวิตและฝึกฝนวรยุทธ์ไว้ในพระราชวัง ซึ่งเป็สัญลักษณ์แสดงสถานะอันสูงสุดของเขาในแคว้นเป่ยสุ่ย
เมื่อราชันผู้พิชิตจากไป ตำหนักของเขายังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้ ไม่เคยมีใครได้อาศัยอีก มีแค่คนเข้าไปทำความสะอาดเพียงเท่านั้น
หลัวเลี่ยถูกจัดให้อยู่ในตำหนักราชันผู้พิชิต
หลังจากที่เขานั่งลงแล้ว หลิวหงเหยียนและเสวี่ยปิงหนิงก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ตามที่หญิงสาวทั้งสองคนพูด พวกเขาต้องใช้ประโยชน์จากการที่หลัวเลี่ยผ่านด่านทดสอบสี่ด่านติดต่อกัน ทั้งยังได้รับตราคำสั่งผู้พิชิตมา ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความภักดีของกองทัพอ๋องหนานหลี่ และจะต้องคว้าโอกาสนี้เพื่อจัดการกับชงโหวหู่ แต่สำหรับวิธีที่จะใช้จัดการนั้นหลัวเลี่ยไม่ได้ถาม และเขาไม่สนใจสิ่งเหล่านี้
สิ่งที่เขาสนใจมากกว่าคือลูกแก้วลึกลับที่เขาได้รับ
ลูกแก้วนี้ขนาดใหญ่เท่ากำปั้นเด็กทารก เป็ทรงกลม และดูเหมือนมีหมอกลอยวนอยู่ข้างใน
ทุกครั้งที่เขาถือมัน หลัวเลี่ยจะมีความรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่ามีความลึกลับของศิลปะการต่อสู้ซ่อนอยู่ในลูกแก้ว
อย่างไรก็ตาม ความรู้ของหลัวเลี่ยยังตื้นเขินเกินไป เขาเริ่มค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับลูกแก้วผ่านหนังสือต่างๆ
การทำงานอย่างหนักย่อมได้ผลตอบแทนเสมอ!
ในที่สุดเขาก็ค้นพบต้นกำเนิดของลูกแก้วในหนังสือความเป็ไปของ์และโลก
ลูกแก้วนี้มีชื่อว่า ลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่ง
ข้างในมีความลึกลับของ์และโลก ที่ปรมาจารย์ได้เข้าใจใน่ชีวิตของเขา โดยก่อนตายเขาได้ผนึกความเข้าใจเกี่ยวกับความเป็ไปของ์และโลกในความคิดของเขาทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลัง เพื่อให้ผู้ที่ได้รับสามารถเพิ่มพูนความรู้และเข้าใจในความเป็ไปของ์และโลกได้ง่ายๆ
การค้นพบนี้ทำให้หัวใจของหลัวเลี่ยเต้นแรงชั่วขณะ
ความเป็ไปของ์และโลก!
ั้แ่แรกเริ่ม เขารู้ว่าเคล็ดวิชาั์เป็ที่รู้จักในฐานะเคล็ดวิชาในการฝึกฝนพลังวรยุทธ์อันดับหนึ่ง แต่เขาไม่เห็นการต่อสู้โดยใช้พลังกายจากระดับการฝึกวรยุทธ์เดียวกัน เหตุผลก็คงอยู่ในความเป็ไปของ์และโลกนี้
ไม่มีทักษะใดที่สามารถแข่งกับเคล็ดวิชาั์ได้!
ใช่แล้ว ไม่มีใครสามารถเทียบเคียงกับเคล็ดวิชานี้ได้ ก่อนกำเนิดเคล็ดวิชาั์ มีคำกล่าวว่า เคล็ดฝึกตนทั้งสิบเป็การฝึกฝนร่างกายที่เป็ที่นับถือมากที่สุด
ทว่าเมื่อเคล็ดวิชาั์ปรากฏขึ้น ก็ได้รับการยอมรับจากปราชญ์ว่ามีพลังมากกว่าสองหรือสามเท่าของเคล็ดฝึกตนทั้งสิบ
สองถึงสามเท่าที่ไหนกัน ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลยด้วยซ้ำ
แต่ก็มีหลายแง่มุมในการต่อสู้ เคล็ดวิชาเป็เพียงรากฐาน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหลายอย่าง เช่น ความแข็งแกร่งของพลังวรยุทธ์ ความแข็งแกร่งของอาวุธ ประสบการณ์การต่อสู้ สภาพแวดล้อม การฝึกฝน และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย
อย่างไรก็ตาม ในการต่อสู้ของผู้ที่ฝึกเคล็ดวิชาั์กับผู้ที่มีวรยุทธ์ระดับเท่ากัน โดยพื้นฐานแล้วแทบจะไม่พ่ายแพ้เลย เพราะมีพลังมากกว่าสองถึงสามเท่า แสดงให้เห็นว่ายิ่งระดับสูงเท่าไร ช่องว่างในระดับก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
นี่หมายความว่า ผู้ฝึกเคล็ดฝึกตนทั้งสิบแทบจะไม่มีโอกาสชนะผู้ฝึกเคล็ดวิชาั์ได้เลย
และความหวังเดียวอยู่ในความเป็ไปของ์และโลก
การเข้าใจความเป็ไปของ์และโลก เข้าใจพลังจากภายในสู่ภายนอก สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ของบุคคลโดยรวมได้สามหรือสี่เท่า
ดังนั้นผู้ฝึกเคล็ดวิชาั์ที่ไม่เข้าใจความเป็ไปของ์และโลก อาจพ่ายแพ้ต่อผู้ฝึกเคล็ดวิชาฝึกตนทั้งสิบที่เข้าใจความเป็ไปของ์และโลกได้
ซึ่งวิธียุติความเป็ไปได้ของความพ่ายแพ้ คือการเข้าใจความเป็ไปของ์และโลก
ทว่าการเข้าใจความเป็ไปของ์และโลกนั้นไม่ง่ายเลย
ตามที่เสวี่ยปิงหนิงกล่าว มีความเป็ไปได้สูงมากที่คนเพียงหนึ่งในแสนคนเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าใจความเป็ไปของ์และโลกได้
การจะเข้าใจความเป็ไปของ์และโลกนั้นขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคลล้วนๆ ต้องใช้ความเข้าใจเป็อย่างมากจึงจะสำเร็จ และจะมีโอกาสเพิ่มมากขึ้นหากมีลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่ง
แน่นอน พูดง่ายๆ ก็คือขึ้นอยู่กับความเข้าใจของแต่ละคนล้วนๆ
แม้จะได้รับการสนับสนุนโดยลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่ง แต่ก็สำเร็จได้ยากยิ่ง
“ลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่ง!”
“ความเป็ไปของ์และโลก!”
“ดูเหมือนว่าข้าได้ของดีจากการทำลายด่านที่สี่ของบททดสอบผู้พิชิต”
เดิมทีหลัวเลี่ยเสียใจมากเกี่ยวกับด่านที่สี่ของบททดสอบผู้พิชิต เขาสละสิ่งตกทอดของผู้พิชิต และได้รับสมบัติมาเพียงสามสิ่งเท่านั้น พูดตามตรง เขาไม่มีความสุขเท่าไรนักในตอนนั้น
ตอนนี้เขามีความสุขแล้ว
เขา้าที่จะเข้าใจความเป็ไปของ์และโลกผ่านลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่ง
เขา้าที่จะผลักดันตัวเองไปสู่จุดสูงสุดของการอยู่ยงคงกระพันอย่างแท้จริงในผู้ฝึกวรยุทธ์ระดับเดียวกัน เพื่อให้คนอื่นไม่มีคุณสมบัติที่จะท้าทายเขา แม้แต่ในคนระดับวรยุทธ์เท่ากัน
หลัวเลี่ยนั่งขัดสมาธิในห้องฝึกฝนที่แยกออกมาจากตำหนักราชันผู้พิชิตทันที และเริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่ง
ห้องโถงด้านข้างนี้เป็สถานที่ฝึกซ้อมของราชันผู้พิชิต หลิวหงเหยียนเล่าในตอนที่เขานั่งลง นางบอกว่าห้องโถงนี้เป็ที่ที่ราชันผู้พิชิตใช้ฝึกฝนวรยุทธ์ตลอดทั้งปี หลังจากที่เขาได้เลื่อนระดับวรยุทธ์เป็ระดับวังชะตา เห็นได้ชัดว่าการฝึกฝนตลอดทั้งปีนั้นช่วยได้มากในการบ่มเพาะพลัง
ห้องโถงค่อนข้างใหญ่มาก กินเนื้อที่กว่าครึ่งหมู่[1]
ยกเว้นเสาลวดลายเรียบๆ ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสามฉื่อที่อยู่ตรงกลางห้องแล้ว ก็ไม่มีการตกแต่งและไม่มีสิ่งของอย่างอื่นอีกเลย
พื้นและผนังเรียบมาก
หลัวเลี่ยนั่งลงข้างเสาต้นนั้น
นำลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่งออกมา เขาสงบสติอารมณ์ กำจัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดในหัวทิ้งไป ก่อนใช้สายตาแหลมคมจ้องมองลูกแก้วและสังเกต
การสังเกตเป็ขั้นตอนแรก
เขาเห็นเพียงเมฆและหมอกลอยอยู่ในลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่งเท่านั้น จากนั้นจึงเริ่มขั้นตอนที่สอง ซึ่งก็คือการทำความเข้าใจ
เมื่อมองดูเช่นนี้ จากตอนแรกที่หลัวเลี่ยมองเห็นลูกแก้วแห่งพลังอันยิ่งใหญ่และมุมหนึ่งของโถงด้านข้าง ตอนนี้สายตาของเขาค่อยๆ ลดระยะการมองเห็นแคบลงเรื่อยๆ ในที่สุดก็มองเห็นเพียงลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่งเท่านั้น
ดูเหมือนว่าจะไม่มีสิ่งอื่นอีกแล้วในลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่ง
เขาสังเกตต่อไป
เมฆและหมอกในลูกแก้วมณีแห่งสรรพสิ่งกำลังเคลื่อนตัว ภายใต้การสังเกตของเขา เมฆที่ลอยอยู่ในนั้นยังคงกระจายไปทางซ้ายและขวา
กระจัดกระจายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังมองไม่เห็นความหมายที่แท้จริง
เขาจับจ้องต่อไป
เวลาผ่านไปกับการเฝ้าดู
ขณะที่ภายนอก หลิวหงเหยียนและชงโหวหู่กำลังแข่งขันไปพร้อมๆ กับพลังของหลัวเลี่ยอย่างต่อเนื่อง
ข้างในหลัวเลี่ยกำลังไล่ตามพลังที่ราชันผู้พิชิตทิ้งไว้
สองวันต่อมา หลัวเลี่ยเจ็บดวงตาจนไม่มีแม้แรงลืมตา แต่เขายังไม่คิดจะล้มเลิกแม้แต่น้อย เขาถูกดึงดูดอยู่ในนั้นอย่างสมบูรณ์ และไม่ได้รับผลกระทบจากความรู้สึกไม่สบายทางร่างกายใดๆ
พรึ่บ!
ใน่สองวันที่ผ่านมา เมฆและหมอกยังคงกระจายตัวไปทางซ้ายและขวา หลังจากกระจายตัวอีกครั้ง ทันใดนั้นฉากก็ปรากฏขึ้น
มันเป็ูเาลูกหนึ่ง ูเาศักดิ์สิทธิ์ที่ยากจะข้ามผ่านได้ ดูเหมือนว่าูเาศักดิ์สิทธิ์นี้สูงจนคล้ายจะแยกโลกออกเป็สองด้าน เปรียบดั่งเป็เสาต้นเดียวที่ค้ำยันท้องฟ้าเอาไว้
นี่คือความเป็ไปของ์และโลกที่ราชันผู้พิชิตเข้าใจ
ขุนเขา!
ด้วยความยิ่งใหญ่และสูงชันของูเา มันแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่แห่งพลังของราชันผู้พิชิต
และไม่รู้ว่าเป็ผลที่เกิดจากการ ‘มอง’ ใน่แรกหรือไม่ เมื่อูเาลูกนี้ซึ่งเป็สัญลักษณ์ของพลังปรากฏขึ้นจริงๆ หลัวเลี่ยกลับรู้สึกราวกับว่าไม่มีตัวตน เขารู้สึกว่าิญญาหลุดออกจากกายของเขาแล้วเข้าไปยังลูกแก้วแห่งสรรพสิ่ง ก่อนจะหยุดลงที่เชิงเขาแห่งนี้
เมื่อมองขึ้นไปทีู่เาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุดนี้ หลัวเลี่ยก็เริ่มปีน เขา้าที่จะไปถึงยอดเขา เสมือนมีเพียงการปีนขึ้นไปบนยอดเขาเท่านั้นที่จะสามารถทำให้เข้าใจความเป็ไปของ์และโลกได้
ดังนั้นเขาจึงปีนขึ้นไปอย่างไม่หยุดยั้ง ไม่เคยหยุด
ไม่ว่าพระอาทิตย์จะขึ้นหรือตก พระจันทร์จะขึ้นหรือจะตก
ไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือน เขาก็ยังไม่ละทิ้งความปรารถนาที่จะปีนขึ้นไปให้ได้
[1] 1 หมู่ หรือ ไร่จีน เท่ากับ 666.67 ตารางเมตร