“ขอโทษนะ ฉันทนการรังแกจากพวกคุณไม่ไหวแล้ว! ต่อไปนี้จะเอาเปรียบใครก็ไปเอาเปรียบคนอื่นเถอะ! ฉันไม่ขอเป็ทาสของพวกคุณอีก!” คังอิงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ฉันไปเอาเปรียบเธอั้แ่เมื่อไหร่? ั้แ่เธอแต่งเข้าบ้านเรา ฉันก็ปฏิบัติกับเธอเหมือนลูกสาวแท้ๆ มาตลอด ไม่เคยให้เธออดอยากเลยสักครั้ง!” เหมยเหนียงทำท่าทางแก่ชรา ภาพตรงหน้าสามารถหลอกลวงผู้คนได้จริงๆ
“ใช่ ไม่เคยให้ฉันอดอยาก เพราะเงินที่เอาไปซื้ออาหารพวกนั้นเป็เงินที่ฉันหามาด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง! ั้แ่ฉันมาเหยียบบ้านพวกคุณ ทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกคุณกิน ฉันเป็คนออกเงินให้ทั้งหมด!”
คังอิงยิ้มเยาะ ทำให้เหมยเหนียงรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
ที่มุมหนึ่งภายในร้านกาแฟ มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งรอใครบางคนอยู่ แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับฉากการหย่าร้างที่ดูเผ็ดร้อนและน่าสนใจแบบนี้ ั์ตาของเขาฉายแววสนุกสนานเล็กน้อย ‘ผู้หญิงคนนี้พูดจาเป็เหตุเป็ผล รู้จักใช้หลักฐานในการหาข้อได้เปรียบให้ตัวเอง ดูท่าเธอคงไม่ใช่คนโง่’ สายตาของเขาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของคังอิง...
ผิวพรรณขาวผ่อง ริมฝีปากสีแดงสด คำพูดโต้แย้งที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนของเธอพลันกวาดล้างบรรยากาศที่ซบเซาของร้านกาแฟไปในพริบตา
สองชั่วโมงต่อมา คังอิงก้าวออกจากสำนักกิจการพลเรือนอำเภอหลี่ว์พร้อมกับใบหย่าในมือ อารมณ์ของเธอแจ่มใสเป็ที่สุด
เหมยเหนียงกับลูกชายกลัวคนอื่นจะนินทาว่า พวกเขามีพฤติกรรมไม่เหมาะสม จนขายหน้าชาวบ้าน อีกทั้งยังกลัวว่าคังอิงจะนำหลักฐานเ่าั้ไปแจ้งความ พวกเขาจึงทำได้แค่ยอมหย่ากับเธอด้วยความโกรธ แต่มีข้อแม้ว่าคังอิงต้องออกจากบ้านไปมือเปล่า และยังต้องมอบหลักฐานทั้งหมดที่อยู่ในมือให้พวกเขาด้วย คังอิงเห็นด้วยโดยไม่ลังเลสักนิด เธอยินยอมเซ็นชื่อลงในใบหย่าทันที
เมื่อได้ใบหย่ามาแล้ว เธอก็ได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง แม้ว่าการเกิดใหม่จะทำให้เธอต้องสูญเสียทรัพย์สมบัติกว่าหมื่นล้านหยวนที่สะสมไว้ในชาติก่อน แต่เธอไม่ได้รู้สึกเสียดายเลยแม้แต่น้อย เพราะ่ยุค 90 นั้นเต็มไปด้วยโอกาสทอง เธอมีคลังความรู้มากมายล่วงหน้าขนาดนี้ ยังจะกลัวว่าจะใช้ชีวิตในยุคนี้ไม่ได้หรือไง?
“นางแพศยา! อย่าคิดว่าตัวเองหย่าแล้วจะอวดดีได้นะ! น้องสะใภ้ของแกใกล้จะคลอดลูกเต็มทีแล้ว แกกลับไปก็ไม่มีบ้านอยู่หรอก แกมันก็แค่หมาจรจัด! ฉันจะบอกอะไรให้ ต่อให้เราหย่ากัน ฉันก็ยังเป็นักศึกษาอยู่ ฉันจะแต่งงานกับอู๋ฮวนทันที แต่ละวันไม่รู้ชีวิตจะมีความสุขขนาดไหน! เหอะ นังสารเลว!”
ฟู่ซินหลางเดินออกมาจากสำนักงานกิจการพลเรือน เมื่อเขาเห็นว่าคังอิงมีท่าทีผ่อนคลาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะตรงเข้าไปด่าทอ
“นักศึกษาเหรอ อย่าลดศักดิ์ศรีลงแบบนี้เลย ในมือฉันยังมีรูปถ่ายาแและผลตรวจอาการาเ็อยู่นะ ถ้ายังเห่าไม่หยุดละก็ ฉันจะไปแจ้งเ้าหน้าที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะ!”
คังอิงหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า แล้วโบกไปมาตรงหน้าฟู่ซินหลาง
ฟู่ซินหลางโกรธมาก “แกไม่ได้บอกว่าจะให้เอกสารทั้งหมดกับพวกเราหรือไง? ทำไมแกยังเก็บมันไว้อีก?”
“เหอะๆ เวลาต้องรับมือกับคนอย่างคุณ แน่นอนว่าฉันต้องเก็บเอาไว้สำรองสักหน่อยสิ แต่ฉันจะบอกอะไรให้นะ ขอแค่คุณไม่มารังควานฉันอีก และเวลาที่เจอกันก็ให้ความเคารพฉันหน่อย เพียงเท่านี้ฉันก็จะไม่ส่งเอกสารพวกนี้ไปที่สำนักงานกิจการนักศึกษาของวิทยาลัยครูอำเภอหลี่ว์หรอก”
คังอิงรู้จุดอ่อนของฟู่ซินหลาง เมื่อเธอเห็นว่าเขาหน้าแดงก่ำจนแทบบ้า แต่ก็ไม่กล้าทำอะไรเธอ คังอิงก็หลุดหัวเราะเสียงดังออกมา ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
คังอิงไม่อาจอาศัยอยู่ในโฮสเทลแห่งนี้ได้ตลอดไป แต่ทว่าการเช่าบ้านในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ก็ไม่ใช่เื่ง่ายเช่นกัน
ชีวิตสังคมของเ้าของร่างเดิมนั้นค่อนข้างแคบ เธอมักจะไปทำงานชั่วคราว แล้วได้รู้จักกับเพื่อนร่วมงานแค่คนสองคน พอกลับถึงบ้านก็เอาแต่วุ่นอยู่กับเื่ครอบครัว ซ้ำยังต้องคอยปรนนิบัติเหมยเหนียงกับลูกชายอีก เหมยเหนียงเก่งมากเื่ทรมานผู้คน แค่ดูแลหล่อนคนเดียวก็เสียเวลามากแล้ว ตอนนี้พอหย่าขาดกับฟู่ซินหลาง คังอิงถึงเพิ่งตระหนักได้ว่าตนไม่มีคนรู้จักเลยสักคน
การแนะนำจากคนรู้จักนั้นย่อมดีกว่าอย่างแน่นอน อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องกังวลว่าจะต้องไปอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย การที่ผู้หญิงตัวคนเดียวต้องไปใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ไม่คุ้นเคยและไร้คนช่วยเหลือนั้น เป็เื่น่ากลัวมาก คังอิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วคิดว่าตนควรไปหานายหน้าให้ช่วยแนะนำห้องเช่าจะดีกว่า
อย่างไรเสียการเช่าบ้านก็ต้องประหยัดกว่าการพักในห้องพักแน่ๆ ห้องพักนี้ราคาคืนละสิบหยวน เดือนหนึ่งก็สามร้อยหยวน พักระยะสั้นเพียงไม่กี่วันก็พอไหว แต่หากจะให้พักอยู่ที่นี่ระยะยาวละก็ สำหรับเธอที่มีเงินในมือเพียงแค่พันกว่าหยวนเช่นนี้ คงเป็ภาระอันหนักอึ้งสำหรับเธอแน่ๆ
หลังจากที่เธอใช้จ่ายไปบางส่วนแล้ว เงิน 1,600 หยวนก็เหลือแค่ 1,318 หยวนเท่านั้น เมื่อมองดูจำนวนเงินที่มากมายมหาศาลในสายตาคนทั่วไปเช่นนี้ คังอิงกลับรู้สึกกังวลอยู่บ้าง
เงินจำนวนนี้เธอสามารถทำการค้าเล็กๆ น้อยๆ ได้ เช่น ขายส่งเสื้อผ้า ตั้งแผงลอยในตลาดกลางคืน ขายอาหารเช้าแบบหาบเร่ เงินจำนวนนี้ก็พอจะเริ่มต้นได้ แต่ถ้าอยากทำธุรกิจใหญ่ๆ นั้น ยังห่างไกลจากความเป็จริงมาก
คังอิงมีความคิดมากมายในหัว เธอรู้จังหวะการพัฒนาของยุคสมัย รู้ว่าในแต่ละ่เวลาของโลกใบนี้้าสินค้าแบบใด แต่ถึงเธอจะมีความรู้เต็มหัวแค่ไหน ก็ยังถูกขัดขวางด้วยปัญหาที่เรียกว่า ‘เงิน’
คำกล่าวที่ว่า เงินน้อยหยุดยั้งวีรบุรุษ กล่าวถึงสถานการณ์ที่เธอเผชิญอยู่ในตอนนี้ได้เป็อย่างดี
คังอิงในชาติก่อนเป็ถึงนักธุรกิจหญิง เธอให้ความสำคัญกับการวิจัยเกี่ยวกับกระบวนการปฏิรูปและการพัฒนาประเทศมาโดยตลอด ด้วยเหตุนี้เธอจึงจดจำเส้นทางการพัฒนาของการปฏิรูปและการเปิดประเทศจีนที่เริ่มต้นมาั้แ่ปี ค.ศ. 1978 ได้ดี เธอรู้เื่ราวทางเศรษฐกิจที่สำคัญๆ ในประวัติศาสตร์อย่างละเอียด
คังอิงคิดจะจัดระเบียบความคิดของตนเอง เพื่อไม่ให้พลาดข้อมูลใดๆ ไป เธอ้าทำตามกระแสของยุคสมัย และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์
ในชาติที่แล้วเธอไม่ได้พบเจอโอกาสดีๆ แบบนี้ แต่เธอยังสามารถพลิกสถานการณ์ที่สิ้นหวังได้ และกลายเป็นักธุรกิจหญิงที่ประสบความสำเร็จ ในชาตินี้เธอได้คว้าโอกาสแห่งโชคชะตามา เธอจะต้องบรรลุความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากกว่าเดิมอย่างแน่นอน
ประธานบริษัทอย่างคังอิงที่อนาคตสดใส แต่ปัจจุบันกลับตกอับผู้นี้ พอเดินกลับไปที่โฮสเทลก็รู้สึกหิวขึ้นมา
เธอเหลือบมองนาฬิกาอิเล็กทรอนิกส์ราคาถูกบนข้อมือ พบว่าตอนนี้เป็เวลา 17:30 น. แล้ว ่เวลานี้เป็่ที่คนในเมืองเล็กๆ กำลังกินอาหารเย็น ร่างกายนี้ยังคงจดจำความเคยชินในอดีตได้ ดังนั้นพอถึงเวลาเธอจึงรู้สึกหิวจนท้องร้อง
คังอิงบังเอิญเจอแผงขายอาหารริมทาง เธอสั่งก๋วยเตี๋ยวจืดชืดมากินหนึ่งชาม หลังจากได้ลิ้มลองฝีมือการทำอาหารที่ย่ำแย่ของแผงลอยริมทางแห่งนี้แล้ว คังอิงก็เริ่มคิดถึงบ้านหลังใหญ่ที่แสนจะหรูหราของตนเองขึ้นมา
ที่บ้านเธอจ้างพ่อครัวไว้หลายคน เพื่อเตรียมอาหารให้เธอตลอดเวลา
ทว่าตอนนี้เธออยู่ในเมืองเล็กๆ ในยุค 90 และกลายเป็เพียงหญิงสาวผู้หย่าร้างที่ต้องมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวแสนจืดชืด ช่างเป็ความแตกต่างของฐานะที่สูงลิบลิ่ว หากไม่ใช่เพราะคังอิงเป็คนจิตใจเข้มแข็งละก็ เกรงว่าคนทั่วไปคงไม่อาจทนรับมันได้
คังอิงปลอบใจตนเองด้วยการหัวเราะเยาะตัวเอง อย่างน้อยเธอก็ดูอ่อนเยาว์ลงกว่าสิบปี ทุกวินาทีมีค่าราวกับทองคำ เวลาสิบกว่าปีนี้ไม่รู้ว่าจะมีมูลค่ามากเท่าไหร่? ยิ่งไปกว่านั้นทรัพย์สมบัติกว่าหมื่นล้านของเธอก็ยังซื้อเวลานี้ไม่ได้ เมื่อคิดแบบนี้แล้ว เธอก็เหมือนได้กำไรจาก์ด้วยซ้ำ พอปลอบใจตนเองแบบนี้แล้ว คังอิงก็เริ่มผ่อนคลายอารมณ์หดหู่ของตนลง
บนถนนระหว่างทางกลับไปที่พัก เธอแวะซื้อปากกาและสมุดบันทึกมาเล่มหนึ่ง เธอคิดว่าพอถึงโฮสเทลแล้วจะได้จัดระเบียบความคิดของตัวเอง บันทึกความทรงจำที่ทำให้เธอหาโอกาสทางธุรกิจได้ จากนั้นก็ค่อยจัดทำเป็ตารางตามปีที่เกิดเหตุการณ์ เพื่อที่เธอจะได้ไม่พลาดโอกาสทางธุรกิจต่างๆ ไป ยังไงก็เถอะ จดบันทึกเอาไว้ ยังไงก็ดีกว่าการจำเองแน่ๆ
หลังจากที่คังอิงเก็บปากกากับสมุดบันทึกใส่กระเป๋าแล้วก็รีบตรงไปยังโฮสเทลทันที
หลังจากต่อสู้กับเหมยเหนียงและฟู่ซินหลางมาสักพัก เธอก็เหนื่อยทั้งใจและเหนื่อยกาย จึงอยากพักผ่อนให้เต็มที่สักหน่อย
พอกลับถึงโฮสเทล คังอิงก็ล้มตัวลงนอนทันใด หลังจากเกิดใหม่ เธอก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยความหวาดกลัวมาตลอด พอมาถึงตอนนี้ที่เธอหย่าร้างกับฟู่ซินหลางได้สำเร็จจนเป็อิสระแล้ว ในที่สุดเธอก็ผ่อนคลายลง ความเหนื่อยล้าก็เริ่มเข้าครอบงำจิตใจของเธอ ครั้งนี้เธอนอนหลับยาวไปจนถึง 20:00 น.
คังอิงตื่นขึ้นมาพบว่าในห้องมืดสนิท เธอคลำเปิดไฟแล้วเหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือของตนเอง พบว่าตอนนี้ 20:30 น. แล้ว
ก๋วยเตี๋ยวจืดชืดที่เธอกิน่เย็นนั้นไม่มีน้ำมันเลยสักหยด ตอนนี้เธอรู้สึกหิวจนไส้กิ่ว คังอิงทนความหิวไม่ไหวจึงคิดที่จะไปหาอะไรกินที่ร้านแผงลอยข้างทางสักหน่อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้