หลินซือฉิงประหลาดใจมากที่เย่เฟิงสามารถทำให้คนกลุ่มนั้นยอมเปิดปากได้ เมื่อเธอได้ยินเสียงจากเครื่องบันทึกเสียงก็ประหลาดใจมากกว่าเดิม นั่นคือเสียงของจูอี้ฉวินจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าชายน่าสมเพชคนนั้นได้รับการรักษาแล้วหรือ?
เธอรีบไปที่ห้องกระจายเสียงของศูนย์การแสดงสินค้า และอธิบายด้วยตัวเอง “ขออภัยที่รบกวนทุกท่าน นี่คือคำอธิบายการปะทะกันอย่างรุนแรงที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ เนื่องจากความขัดแย้งเกี่ยวกับสัญญาการร่วมมือกับไดมอนด์กรุ๊ป นายจูอี้ฉวินไม่พอใจจึงจ้างวานกลุ่มคนมาก่อกวนงาน ซึ่งเป็การกระทำที่เลวร้ายอย่างยิ่ง การแข่งขันทางการค้าด้วยวิธีสกปรกเช่นนี้ ดิฉันซึ่งเป็ผู้จัดงานได้รับหลักฐานที่เกี่ยวข้องแล้ว และจะส่งมอบให้ตำรวจเพื่อดำเนินการแจ้งความ สุดท้ายนี้ขอให้ทุกท่านเลือกซื้อสินค้าอย่างมีความสุข และขอบคุณที่ให้การสนับสนุน!”
เสียงไพเราะดึงดูดให้ทุกคนตั้งใจฟัง เมื่อเสียงถูกแพร่ออกไปยิ่งทำให้พวกผู้ชายหลงใหลมากกว่าเดิม
ทันทีที่เสียงประกาศเงียบลง คนในงานแสดงสินค้าต่างพูดคุยกัน หัวข้อการสนทนาไม่มากไปกว่าสองเื่นี้
เื่แรกคือ ประธานไดมอนด์กรุ๊ปจ้างคนมาก่อกวนงาน มันไม่เลวร้ายไปหน่อยเหรอ? ไม่แปลกใจที่ไม่มีสินค้าของบริษัทนี้ในงาน ที่แท้เพราะมีเื่บาดหมางกันนี่เอง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่จำเป็ต้องให้คนมาก่อกวนเลยนี่? สิ่งนี้ทำให้หลายๆ คนเปลี่ยนความคิดที่มีต่อไดมอนด์กรุ๊ป! ดูจากพฤติกรรมของคนในบริษัทแล้ว หรือสินค้าของไดมอนด์กรุ๊ปจะมีข้อบกพร่องด้วยเหมือนกัน? พฤติกรรมอันเลวร้ายของประธานคนนี้ทำให้หลายคนอดสงสัยไม่ได้!
บางคนพูดคุยกันเกี่ยวกับเสียงของหลินซือฉิง
“ผู้หญิงที่เพิ่งพูดเมื่อกี้คือใคร? เสียงหวานจับใจมาก!”
“ฉันไม่รู้เหมือนกัน เสียงเธอเพราะดี แต่ไม่รู้ว่าหน้าตาดีเหมือนเสียงหรือเปล่า?”
“ไอ้บ้า! นั่นไม่ใช่ผู้จัดงานครั้งนี้เหรอ? เมื่อกี้ฉันเพิ่งเห็นเธอคุยกับพวกคนโง่กลุ่มหนึ่ง เธอสวยมาก!”
หลายคนไม่รู้ฐานะของหลินซือฉิง แต่เสน่ห์ของเธอเป็ที่ดึงดูดความสนใจผู้คนจำนวนมากเลยทีเดียว หลังจากนี้ หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่าทำให้หลายๆ คนเฝ้าคะนึงหา...
“จูอี้ฉวินล่ะ? ฉันจำได้ว่าเขาเพิ่งออกไปได้ไม่นาน”
หลินซือฉิงกลับไปที่ศูนย์แสดงสินค้า และถามเ้าหน้าที่ของตระกูลหลิน
“ใช่ครับ ดูเหมือนว่าเขาจะไปโรงแรมฝั่งตรงข้ามแล้ว”
เ้าหน้าที่คนนี้เป็ชายหนุ่มซึ่งเฝ้าทางเข้าศูนย์แสดงสินค้า เมื่อหลินซือฉิงถาม เขาก็หน้าแดง เขินอายจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ เป็ครั้งแรกที่ได้ใกล้ชิดพี่สาวแสนสวยขนาดนี้ เธอคือนางฟ้าในใจของเขาชัดๆ
พระเ้า นางฟ้ายิ้มให้เขาด้วย...
“ขอบคุณนะ”
หลินซือฉิงยิ้ม และหันไปคุยกับเตาปาที่อยู่ข้างๆ
“เสี่ยวลิ่ว แกไปจับมันที่โรงแรม ส่วนเสียวอู่ไปดักที่ประตูหลังโรงแรม”
เตาปาโบกมือ เขาเห็นว่าการจับคนอ้วนที่ไร้เรี่ยวแรงไม่จำเป็ต้องใช้คนมากมาย
ชายสองคนเดินออกจากศูนย์แสดงสินค้า แล้ววิ่งข้ามถนนไปยังโรงแรมที่สูงกว่ายี่สิบชั้น
“น่าเสียดายที่ช้าไปก้าวหนึ่ง”
จ้าวอี้เปยซึ่งลอยล่องหนอยู่เหนือพวกเขาส่ายหน้าช้าๆ
ตอนที่เขามาตรวจสอบก็เห็นจูอี้ฉวินเรียกแท็กซี่ออกไปทางประตูหลังโรงแรมเรียบร้อยแล้ว น่าเสียดายที่เขาเป็เพียงิญญาไม่มีร่างกาย จึงหยุดอีกฝ่ายไว้ไม่ได้ ทำได้เพียงกลับมาบอกข่าวแก่เย่เฟิง ให้เย่เฟิงคิดวิธีรับมือ
หน่วยของเย่เฟิงแต่ละคนมีหน้าที่ของตัวเอง การทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของงานแสดงสินค้านี้ก็เพียงพอแล้ว! ต่อให้กองกำลังทหารขับรถถังบุกเข้ามาปล้นก็เป็ไปไม่ได้ที่จะทำสำเร็จ
กระทั่งเรือดำน้ำเย่เฟิงก็ะเิมาแล้ว เขายังจะกลัวแค่รถถังทำไม?
แต่สำหรับหยินเสินแล้ว การมีจิตหยั่งรู้และมีผู้ฝึกิญญาสองตนซึ่งร่อนเร่ไปได้ทุกที่ของเย่เฟิง ต่างก็เป็ไปไม่ได้
…………
จูอี้ฉวินรีบหนีออกทางประตูหลังโรงแรม เขาคาดเดาได้ถูกต้องว่าตัวเองจะถูกเปิดโปง
“ให้ตายเถอะ หลินเหรินเทียนก็คือคนตระกูลหลิน ทำไมฉันถึงโง่ขนาดนี้ แถมยังร่วมมือกับเขาอีก คราวนี้ตกหลุมพรางอย่างอนาถแล้ว!”
จูอี้ฉวินซึ่งนั่งอยู่บนเบาะหลังของรถแท็กซี่คิดอย่างขมขื่น
อันที่จริงไม่ใช่เพราะเขาโง่ แผนเดิมนั้นไม่น่าพลาดได้ ชายชุดดำเจ็ดแปดคนนั้นล้วนเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ แค่จัดการบริษัทรักษาความปลอดภัยเตาเฟิง มันไม่น่ายากเกินไปไม่ใช่หรือ?
แต่เขาไม่คิดเลยว่าลูกน้องของเย่เฟิงจะมีฝีมือขนาดนี้!
ตอนนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้ว หลังจากเหตุการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่าหลินเหรินเทียนทอดทิ้งเขาแล้ว แต่ไม่ว่าเื่จะเป็อย่างไร หลินเหรินเทียนก็ไม่มีทางเปิดโปงเขาแน่ มิเช่นนั้นหลินเหรินเทียนอาจจะเสียหน้าได้มิใช่หรือ?
ต่อให้เป็คนจากตระกูลหลินด้วยกัน แต่เขาใช้วิธีการต่างๆ เพื่อขัดขวางหลินซือฉิงซึ่งเป็คนในตระกูล หากถูกหลินเต๋อเทียนรู้เข้า ต้องได้ชดใช้เป็แน่
ในสถานการณ์ตอนนี้ เขาทำได้เพียงหนีไปก่อน ที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ให้ถูกจับได้ เขาหวังเพียงชายชุดดำพวกนั้นจะปากแข็งได้นานกว่านี้อีกหน่อย หากเขาถูกตระกูลหลินแห่งเยี่ยนจิงจับได้ ไม่ต้องคิดเลยว่านักธุรกิจที่ไม่มีคนใหญ่คนโตหนุนหลังอย่างเขาจะต้องพบเจอเื่เศร้าขนาดไหน
เขาไม่คิดเลยว่าเย่เฟิงจะใช้การสะกดจิตจนชายชุดดำไม่อาจปากแข็งแม้เพียงเสี้ยววินาที
ความจริงต่อให้ไม่สะกดจิต ชายชุดดำพวกนั้นก็ไม่อาจเก็บความลับต่อไปได้ พวกเขาทำทุกอย่างเพื่อเงินเท่านั้น ไม่ใช่นักเลงฝีมือดี แล้วทำไมต้องปิดปากเงียบเื่มีคนล่วงเกินตระกูลหลินด้วยล่ะ?
“แค่ออกไปจากเยี่ยนจิงก่อน ถึงเวลานั้นฉันจะพูดว่าพวกเขาใส่ร้าย ฉันตกเป็เหยื่อ”
จูอี้ฉวินสมกับเป็จิ้งจอกเฒ่าเ้าเล่ห์ที่ทำธุรกิจมาหลายปี เขามีวิธีรับมือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ เขาจะค้านหัวชนฝา และบอกว่าชายชุดดำเ่าั้ได้รับการว่าจ้างจากหลินซือฉิงและเล่นละครใส่ร้ายเขา แค่นี้ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ? ภาพลักษณ์ของเขาต่อสาธารณชนจะต้องพลิกกลับในทันทีแน่นอน!
น่าเสียดายที่ความคิดของเขาถูกพังทลายลง
เอี๊ยด!
รถแท็กซี่ที่จูอี้ฉวินนั่งอยู่หักพวงมาลัยกะทันหัน คนขับแท็กซี่เหยียบเบรกทันทีพร้ะโกนด่า “แม่ง รนหาที่ตายหรือไงวะ...”
จูอี้ฉวินเงยหน้ามองก็เกิดอาการลนลานทันที
แค่เห็นชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีดำยืนอยู่หน้ารถแท็กซี่และยิ้มกว้างให้เขา หากไม่ใช่เย่เฟิงแล้วจะเป็ใครได้อีก?
จนถึงตอนนี้ จูอี้ฉวินยังมีรอยเตะครั้งที่แล้วของเย่เฟิงอยู่เลย นั่นคือสาเหตุที่ทำให้เขาต้องนอนโรงพยาบาลถึงสองสามวัน และจ่ายค่ารักษาพยาบาลจำนวนไม่น้อย แม้แต่ค่ายายังแพงจนไม่คุ้มเลย
“ขอโทษทีพี่ชาย ผู้โดยสารของพี่เกี่ยวข้องกับคดีอาชญากรรม เขาจำเป็ต้องให้ความร่วมมือในการสืบสวน”
เย่เฟิงเดินเข้ามาอย่างสงบนิ่ง เมื่อคุยกับคนขับแท็กซี่เสร็จก็เปิดประตูรถแล้วลากคอเสื้อจูอี้ฉวินออกมา
ธนบัตรสีแดงหนึ่งใบลอยเข้าไปในรถแท็กซี่ ทำให้คนขับแท็กซี่ดีใจมาก เด็กคนนี้ใจกว้างจริงๆ มาจับคนแล้วยังให้เงินเขาตั้งหนึ่งร้อยหยวน! ถ้าเป็ตำรวจคนอื่น คงพูดจาไม่ดี ทั้งยังจะจับเขาในฐานะผู้สมรู้ร่วมคิดเพื่อเรียกค่าเสียหายอีก
คนขับแท็กซี่ปลาบปลื้มมาก จึงเหยียบคันเร่งขับรถออกไปทันที
“จูอี้ฉวินใช่ไหม ครั้งที่แล้วยังถูกฉันสั่งสอนไปไม่พออีกเหรอ?”
เย่เฟิงยืนหรี่ตามองอยู่ข้างถนน และคว้าคอเสื้อของจูอี้ฉวินไว้ ไฝเม็ดใหญ่บนจมูกของชายวัยกลางคนดูน่าสมเพช บวกกับความสูงเพียงหนึ่งเมตรหกสิบเิเของอีกฝ่ายที่แม้อยู่ต่อหน้าหลินซือฉิง ก็ยังต้องเงยหน้ามองหญิงสาว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้