ขณะที่สองพ่อลูกกำลังเดินหมากอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงบ่นพึมพำของนาง จึงมองมาทางนางด้วยความประหลาดใจ เห็นนางชี้มือวาดไปมากลางอากาศ ทางหนึ่งพูดกับตัวเองราวกับเสียสติไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
“เสด็จแม่ ท่านกำลังทำอะไรพ่ะย่ะค่ะ” ไท่จื่อน้อยร้องถาม
เฟิ่งเฉี่ยนตอบกลับมาด้วยท่าทีหดหู่ว่า “เสด็จแม่ปวดใจเพราะเพิ่งสูญเสียเงินไปก้อนใหญ่!”
เซวียนหยวนเช่อหน้าดำทะมึนทันที “ในสายตาของเ้ามีเพียงเื่เงินหรือไร”
เขาไม่พูดยังดี พอพูดขึ้นมานางจึงมีโทสะ หากมิใช่เขาที่ริบตั๋วเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงของนางไป นางจะขาดสภาพคล่องเช่นนี้หรือ
“ใช่สิ คนยากจนอีกทั้งไม่ได้รับรางวัลเช่นข้า จะไม่ใช่มีแต่เื่เงินในสายตาได้อย่างไร” เฟิ่งเฉี่ยนพูดพร้อมกับเดินเข้าไป
ไท่จื่อน้อยประหลาดใจ “เสด็จแม่ไม่เคยได้รับเงินรางวัลจากเสด็จพ่อหรือ เสด็จพ่อมักจะให้รางวัลเย่เอ๋อร์เสมอพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนได้ยินแล้วแทบสติหลุด กระทั่งบุตรชายยังได้รางวัลมากกว่านาง นางช่างล้มเหลวจริงๆ!
นางลูบศีรษะเล็กๆ ขณะพูดอย่างหมดอาลัยตายอยาก “อย่าเอ่ยถึงเลย เ้าไม่รู้หรอกว่าเสด็จพ่อของเ้าตระหนี่เพียงใด...”
เซวียนหยวนเช่อตวัดสายตามองมาทางนางปราดหนึ่ง จากนั้นหลุบตาลงมองหมากบนกระดาน ทว่ามุมปากกลับยกยิ้มเป็รอยยิ้มมีเลศนัย
ไท่จื่อน้อยส่ายหน้าพูดอย่างไรเดียงสา “ไม่เลยพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อไม่ตระหนี่แม้แต่นิดเดียว เสด็จพ่อให้ของขวัญล้ำค่าแก่เย่เอ๋อร์มากมายพ่ะย่ะค่ะ!”
ดวงตาของเฟิ่งเฉี่ยนทอประกายวาบ “จริงหรือ อยู่ที่ใด ให้เสด็จแม่ดูหน่อย!”
บุตรชายมีเงิน นางจะกลัวอะไร
ของบุตรชายก็คือของมารดา!
ความคิดอันน่ายินดีเพิ่งจะบังเกิดขึ้น เสียงกระแอมกระไอเหมือนจะส่งสัญญาณเตือนก็ดังมาจากฝั่งตรงข้าม เซวียนหยวนเช่อมองหมากบนกระดานก่อนพูดเสียงเย็น “หากเ้ากล้าแตะต้องข้าวของของเย่เอ๋อร์เพียงแค่ชิ้นเดียว เจิ้นจะเรียกคืนสิ่งของที่เป็รางวัลของเขากลับมาทั้งหมด!”
เฟิ่งเฉี่ยนสะอึกราวกับเพิ่งกลืนแมลงวันลงคอไปได้ครึ่งทาง “จะเกินไปแล้ว...”
เมื่อสบสายตากับแววตาคมปลาบของเขา นางเปลี่ยนคำพูดทันที “เฮอะ ข้าหมายถึงข้าจะไปยุ่งกับข้าวของของลูกได้อย่างไรกัน”
ไม่เอาถ่านเลย!
ไท่จื่อน้อยถาม “เสด็จแม่ จะไปดูสิ่งของอีกหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
เฟิ่งเฉี่ยนโบกไม้โบกมือ “ไม่ดูแล้ว ไม่ดูแล้ว ดูแล้วยิ่งปวดใจ!”
มือเล็กๆ ลูบแขนของนาง ไท่จื่อน้อยปลอบโยนนาง “เสด็จแม่ไม่ต้องเศร้าใจ เสด็จพ่อเป็คนชัดเจนมาโดยตลอด ขอเพียงท่านทำดี เสด็จพ่อจะต้องประทานสิ่งของให้ท่านแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนกลอกตาขาว “ช่างเถิด เขาจะประทานรางวัลอะไรให้ข้าหรือ นอกเสียจากพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก!”
“นับว่าเ้ากระจ่างแจ้งในตัวเองดี!” เซวียนหยวนเช่อพูดด้วยสีหน้าแยกแยะอารมณ์ไม่ออก ทว่าแววตากลับมีรอยยิ้มพาดผ่าน
เฟิ่งเฉี่ยนยิ่งคิดยิ่งโมโห นางกวาดสายตามายังหมากบนกระดาน “เย่เอ๋อร์ สู้ๆ สังหารเขาให้ราบเป็หน้ากลอง!”
เซวียวหยวนเช่อเลิกคิ้ว “ก็ลองดู”
เฟิ่งเฉี่ยนมองหมากบนกระดาน นางที่เดิมทีไม่แตกฉานในเื่ศิลปะการเดินหมากล้อมแม้แต่น้อย หลังจากที่นางได้อ่านและทำความเข้าใจ 《ตำราทักษะการเดินหมากล้อม》กลยุทธ์การเดินหมากล้อมพลันกระจายตัวออกมาเบื้องหน้านางอย่างชัดเจน เห็นหมากขาวของบุตรชายกำลังจะวางลงไป ทว่าตำแหน่งนั้นเป็กับดักอย่างชัดเจน นางจึงรีบไอแค่กๆ เพื่อยับยั้ง “เย่เอ๋อร์ ไตร่ตรองดูให้ละเอียดอีกครั้ง เสด็จพ่อของเ้านั้นเ้าเล่ห์ราวกับจิ้งจอก ไม่แน่ว่าอาจขุดหลุมเอาไว้รอเ้าแล้วก็เป็ได้ รอเพียงให้เ้าะโลงไป!”
มือของไท่จื่อน้อยชะงักงัน คิ้วเล็กๆ นั้นขมวดแน่น หลังจากใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เขาพลันวางหมากขาวลงไปอีกตำแหน่งหนึ่งด้วยความเบิกบานใจ
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นแล้วพลันรู้สึกว่าบุตรชายของตนมีพร์อย่างยิ่งยวด เพียงแค่ชี้แนะเล็กน้อยก็กระจ่างแจ้ง ตำแหน่งที่เขาเดินเป็ตำแหน่งที่ดีที่สุดในตอนนี้
นางลูบศีรษะเล็กๆ แล้วกล่าวชื่นชม “เย่เอ๋อร์ เ้าเก่งมาก!”
เสี่ยวไท่จื่อยิ้มเบิกบานใจจนตายิบหยี เขาถามขึ้นอย่างประหลาดใจ “เสด็จแม่ ท่านมิใช่เดินหมากไม่เป็หรือพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นเหตุใดจึงรู้ว่าเย่เอ๋อร์เดินก้าวต่อไปอย่างไรดี”
“อุ๊บ...” เฟิ่งเฉี่ยนคิดๆ “เสด็จแม่ก็เพียงแค่เดาส่งเดชเท่านั้น เห็นเ้าเดินหมากเด็ดขาดเช่นนั้น ย่อมต้องไม่ผิดแน่”
“อ้อ เป็เช่นนี้หรือ” ไท่จื่อน้อยหันกลับมาสนใจการเดินหมากอีกครั้ง
เฟิ่งเฉี่ยนลอบพรูลมหายใจโล่งอก เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งกลับประสานเข้ากับสายตานิ่งลึกของเซวียนหยวนเช่อ นางตะลึงงันทว่าไม่หลบสายตาอย่างใจกล้า ต่อให้นางเดินหมากเป็แล้วอย่างไรเล่า หรือการเดินหมากล้อมเป็ถือเป็เื่ผิดกฎหมาย
เซวียนหยวนเช่อจ้องนางอยู่ครู่หนึ่ง จึงหยิบหมากดำมาวางลงไปบนกระดาน
เฟิ่งเฉี่ยนยื่นหน้าเข้าไปดู ตายแล้ว ก้าวนี้โเี้เกินไปแล้วนะ!
เดินหมากเป็เพื่อนบุตรชาย ถึงกับต้องเหี้ยมโหดเพียงนี้เชียวหรือ
ก้มหน้าลงไปดูเห็นบุตรชายเผชิญด่านยาก มือเล็กๆ นั้นจับหมากขาวตัวหนึ่งทว่าตัดสินใจไม่ได้
เฟิ่งเฉี่ยนปวดใจแทนบุตรชาย จึงตัดสินใจช่วยเขา
นางยื่นมือออกไปหยิบถ้วยน้ำชาบนโต๊ะน้ำชา ขณะที่กำลังจะหยิบถ้วยน้ำชาใบหนึ่งขึ้นมา เซวียนหยวนเช่อส่งเสียงห้ามนาง “นี่เป็ถ้วยน้ำชาของเจิ้น!”
เฟิ่งเฉี่ยนชะงักงันแล้วหัวเราะกระดากใจ “ทั้งๆ ที่ใจจริงข้าคิดจะหยิบถ้วยน้ำชาของตนเองแท้ๆ แต่ไม่รู้เป็เพราะอะไรเมื่อยื่นมือออกไปกลับหยิบถ้วยน้ำชาของท่าน ขออภัยจริงๆ!”
ไท่จื่อน้อยที่อยู่ในภวังค์ความคิดของตน พลันหันหน้ามามองนางด้วยความประหลาดใจ ั์ตาดำขลับนั้นเคว้งคว้างอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าวินาทีถัดมากลับเปล่งประกายเจิดจ้า มือเล็กๆ ยื่นออกไป หมากขาววางบนกระดาน แก้มขวาอันอุดมสมบูรณ์ของเขาปรากฏให้เห็นลักยิ้มตื้นๆ
เฟิ่งเฉี่ยนยื่นหน้าเข้าไปมองตำแหน่งที่เขาเดินหมาก เป็ตำแหน่งที่นางคาดเอาไว้เช่นกัน
เหตุใดบุตรชายจึงฉลาดเยี่ยงนี้นะ
นางทั้งภาคภูมิใจและลำพองใจ
เซวียนหยวนเช่อมองนางด้วยแววตาครุ่นคิดแล้ววางหมากดำลงไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว
สองแม่ลูกมองไปพร้อมๆ กัน ถึงกับตะลึงงัน
หมากก้าวนี้ของเขาเป็หมากปลิดชีพ! หนักหนาสาหัสกว่ากลยุทธ์ ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม[1] เมื่อสักครู่เสียอีก!
ให้ตายเถอะ!
พูดกันแล้วมิใช่หรือว่าจะใช้วิธีการให้กำลังใจในการสั่งสอนลูก นี่เขาแทบจะบีบบุตรชายกระทั่ง “สิ้นหนทาง” เรียกได้ว่าทำลายความมั่นใจกันเลยก็ว่าได้!
ไม่ได้ จะให้บุตรชายสูญเสียความมั่นใจไม่ได้ นางจะต้องโจมตีกลับไป!
นางกระแทกบุตรชายเบาๆ มือของบุตรชายสั่น หมากขาวในมือจึงตกลงมาประจวบเหมาะตกลงมาในถ้วยน้ำชาของนาง นางร้องว่า “ไอหยา! น้ำชาถ้วยนี้ใช้ไม่ได้แล้ว ดูท่าคงต้องเททิ้งกระมัง อย่าได้เสียการใหญ่เพราะเื่เล็กน้อย ดื่มแล้วจะทำให้ท้องเสีย!”
ซ่า—
น้ำชาถ้วยหนึ่งถูกนางสาดลงบนพื้น
ไท่จื่อน้อยตะลึงงัน ดวงตากลมโตดำขลับของเขาเปล่งประกายราวกับมีดวงดาวปรากฏอยู่ที่นั่น เขาเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่างจึงรีบหยิบหมากขาวอีกตัวหนึ่งวางลงบนตำแหน่งตรงกลางของกระดาน
ทันทีที่วางหมากขาวตัวนี้ลงไป แม้จะสูญเสียพื้นที่ส่วนหนึ่งไป ทว่ากลับทำให้เกิดพื้นที่ใหม่ในการประลองกัน สถานการณ์จึงดูสดใสขึ้นบ้าง และเป็การข่มขู่ฝ่ายหมากดำ
มือที่ถือหมากดำชะงักค้าง เซวียนหยวนเช่อจ้องมองกระดานหมากด้วยท่าทีครุ่นคิด นี่เป็การครุ่นคิดที่นานที่สุดั้แ่เริ่มประลองเดินหมากล้อมกับบุตรชาย
เห็นเช่นนี้ไท่จื่อน้อยดีใจเสียจนดวงตาโค้งลง ใบหน้าเล็กๆ กลายเป็สีชมพูด้วยความตื่นเต้นยินดี เขาหันหน้ามามองเฟิ่งเฉี่ยน เฟิ่งเฉี่ยนประคองดวงหน้าเล็กๆ ของเขาเอาไว้แล้วจุมพิตลงไปหนึ่งครั้ง “เย่เอ๋อร์ เ้าเก่งเกินไปแล้ว!”
เซวียนหยวนเช่อเงยหน้าขึ้นมองเฟิ่งเฉี่ยนด้วยแววตานิ่งลึก หมากดำวางลงบนกระดานหมากอย่างรวดเร็ว
การเดินหมากก้าวนี้ค่อนข้างเป็ไปตามธรรมชาติ ไท่จื่อน้อยจึงไม่ได้ใคร่ครวญนานนัก เขาเดินหมากก้าวต่อไปทันที
สองพ่อลูกเ้าก้าวหนึ่งข้าก้าวหนึ่ง ประลองฝีมือกันสิบกว่าครั้ง ระหว่างนั้นเฟิ่งเฉี่ยนได้พยายามคิดหาวิธีส่งสัญญาณให้กับบุตรชาย แต่ทว่ายังคงพ่ายแพ้ให้กับเซวียนหยวนเช่อที่แตกฉานในเื่หมากล้อมในที่สุด
แม้จะพ่ายแพ้ทว่าไท่จื่อน้อยยังคงรู้สึกยินดีปรีดา ในสายตาของเขาการพ่ายแพ้ให้กับเสด็จพ่อนั้นเป็เื่สมควร สามารถประมือกับเสด็จพ่อสิบกว่าครั้งทำให้เขาพอใจมากแล้ว
เมื่อผ่านการลงสนามจริง ไท่จื่อน้อยจึงกระจ่างแจ้งในเคล็ดลับของการเดินหมากที่หานไท่ฟู่เคยพร่ำสอนเอาไว้อย่างแท้จริง ดังนั้นสำหรับเขาแล้ว เขาได้เรียนรู้เพิ่มขึ้นมาก
[1] กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพาฝ่าตีประจิม หรือ เซิงตงจีซี เป็หนึ่งในกลศึกสามก๊ก หมายถึง การโจมตีศัตรู จะต้องเตรียมการและบุกโจมตีในจุดที่ศัตรูต่างคาดไม่ถึง เพื่อเป็การป้องกันไม่ให้ศัตรูตั้งรับ