ชีวิตหลังจากนั้นผ่านไปอย่างคลื่นลมสงบ
แม้ทังอวิ๋นฉีจะทิ้งคำพูดไว้ แต่หลังจากนั้นโหยวเสี่ยวโม่ก็ไม่ได้เจอนางอีก และไม่ได้ยินว่านางไปหาหลิงเซียว แต่เขาเองก็ไม่ได้เจอหลิงเซียวเหมือนกัน
หลังจากนั้นได้ยินมาว่า ทังฝานมอบงานให้หลิงเซียว จากนั้นเขาก็ยุ่งมาตลอด แทบไม่เห็นเงา เห็นได้ว่าเขายุ่งมากเพียงใด โหยวเสี่ยวโม่เดาว่าพวกทังอวิ๋นฉีกับเซียวหลงคงไปฟ้อง ดังนั้นทังฝานจึงให้ภารกิจแก่หลิงเซียวเพื่อจะได้ไม่มีเวลามาหาเขา
แต่นี่ล้วนเป็สิ่งที่เกิดขึ้นตอนหลัง
เมื่อกลับถึงทัพพิภพ โหยวเสี่ยวโม่ไปหาจ้าวต๋าตันก่อน คุยกับเขาได้ราวครึ่งชั่วยามค่อยกลับห้อง
หลายวันไม่ได้กลับมา โต๊ะเก้าอี้ในห้องมีฝุ่นจับเล็กน้อย โหยวเสี่ยวโม่ไปตักน้ำใส่กะละมังกลับมา ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็เช็ดโต๊ะเก้าอี้จนสะอาด เมื่อเทน้ำทิ้งกลับมา เขาก็เข้าห้วงมิติ
เมื่อเปิดประตูเรือนไม้ออก ร่างหนึ่งก็กระโจนเข้าใส่ตัวเขา
โหยวเสี่ยวโม่ก้มลงมอง ดวงตาคู่สีแดงฉานของเ้าลูกบอลกะพริบตามองเขาท่าทีอ้อนวอน ส่งเสียงครางหงิงๆ ภาพนี้ทำให้เขารู้สึกผิด
โหยวเสี่ยวโม่เม้มปาก ไม่มีทางติดกับหรอก หากว่าปล่อยมันออกไป มันต้องทำลายแปลงหญ้าเซียนจนสิ้นซากแน่ เมื่อเคยติดกับมาแล้วรอบหนึ่ง เขาไม่มีทางให้มันเกิดขึ้นอีกแน่นอน
เมื่อเ้าลูกบอลเห็นท่าทีเ้านายไม่โต้ตอบ ก็กัดฟันกรอด
โหยวเสี่ยวโม่แกล้งไม่เห็น วางมันลงพื้น จากนั้นหยิบเนื้อแพะหมื่นปราณในถุงเก็บของออกมาหนึ่งชิ้น เนื่องจากเนื้อยังไม่ได้ล้างสะอาด ในบ้านไม้จึงมีกลิ่นคาวเืจางๆ คละคลุ้ง
โหยวเสี่ยวโม่ไม่ได้ใส่ใจ จับเนื้อวางลงในกะละมังไม้ จากนั้นถือมันเข้าไปในห้องครัว
ด้านหลัง ขณะที่เขาหยิบเนื้อออกมา ดวงตากลมโตของเ้าลูกบอลก็จดจ้องอยู่ที่เนื้ออย่างละสายตาไม่ลง สายตานั้นราวกับนักล่า แฝงด้วยความดุร้ายพร้อมขย้ำ เห็นได้ว่าแม้มันยังเล็กอยู่ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรู ความสามารถนั้นก็ไม่ได้เล็กเลย
เห็นโหยวเสี่ยวโม่ออกไป เ้าลูกบอลก็ตามออกไปอย่างเร็ว
ตอนที่โหยวเสี่ยวโม่สร้างบ้านไม้นี้ คิดไว้ว่าอาจต้องเข้าครัวทำอาหาร ดังนั้นจึงจงใจสร้างห้องครัวเล็กๆ ไว้ด้วย แม้จะเล็กไปหน่อย แต่ก็มีของครบครัน ถ้วยชาม หม้อ ตะหลิว ฟืน ข้าวสาร เครื่องปรุงต่างๆ นานามีไม่ขาด
เนื่องจากในห้วงมิติไม่มีน้ำเปล่า ดังนั้นโหยวเสี่ยวโม่จึงใช้น้ำปราณล้างเนื้อ เมื่อล้างเสร็จก็วางไว้บนเขียง เขาไม่ได้รีบร้อนทำอาหารให้เ้าลูกบอล จากนั้นก็หยิบของบางอย่างออกจากถุงเก็บของ เป็ของที่เขาซื้อมาตอนลงเขา มีพวกผักใบเขียว เครื่องเทศ เครื่องปรุงรสต่างๆ
เมื่อจัดวางของพวกนี้เข้าที่ โหยวเสี่ยวโม่ค่อยหยิบมีดขึ้นมา จัดการแล่เนื้อออกมาแปดส่วนชิ้นไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังดี จากนั้นหย่อนลงไปในหม้อที่ตั้งไว้ ต้มไม่กี่นาทีแล้วหยิบขึ้นมา จากนั้นค่อยเทเครื่องปรุงที่ปรุงรสไว้เรียบร้อยลงไปในหม้อ แล้วเติมน้ำปราณลงไป ปิดฝาหม้อ เตรียมสุมไฟให้แรงขึ้น
ความเคยชินกับการใช้เตาแก๊สในยุคปัจจุบัน ตอนนี้ต้องมาก่อฟืนทำอาหาร โหยวเสี่ยวโม่รู้สึกไม่ค่อยชิน ไม่ง่ายเลยกว่าจะสุมไฟให้แรงขึ้นได้ ทั้งยังต้องเฝ้าดูกองฟืนตลอด
แม้เขาจะไม่เคยปรุงเนื้อแพะหมื่นปราณมาก่อน หากจะต้มจนเปื่อยให้เข้าเนื้อนั้นต้องใช้เวลานานพอสมควร ดังนั้นต้องคอยดูตลอด จุดนี้ยุ่งยากนิดหน่อย
ที่จริงโหยวเสี่ยวโม่ทำอาหารอย่างอื่นได้ เพราะเขาเคยอยู่ตัวคนเดียวมา่หนึ่ง หากบอกว่าทำอาหารไม่เป็คงไม่ใช่ แต่เ้าลูกบอลเป็สัตว์กินเนื้อ แม้เขาจะทำได้ดีแค่ไหนมันก็ชื่นชมไม่เป็ ดังนั้นจึงต้มเป็เนื้อเปื่อยไปเลยดีกว่า
แต่ไม่นานนักก็เริ่มระลึกตัวถึงความด้อยความรู้
เขานึกว่าการต้มเนื้อแพะหมื่นปราณต้องใช้เวลาซักสองชั่วโมงครึ่งเหมือนต้มเนื้อวัว เพราะปริมาณเยอะกว่า แต่คิดไม่ถึงว่า แพะหมื่นปราณเป็สัตว์ปีศาจขึ้นแปด และเนื้อของมันก็ใช่ว่าเนื้อทั่วไปจะสามารถเทียบได้ คุณภาพเนื้อแม้จะหาใดเทียบได้ แต่เพราะคับไปด้วยพลังปราณ ดังนั้นใช้ไฟธรรมดาไม่อาจทำให้สุกได้…
หลังจากที่เขาเปลี่ยนท่านั่งไปหลายท่า ในที่สุดโหยวเสี่ยวโม่ก็รู้สึกว่าเวลามันนานเกินไปแล้ว
กระนั้น หนึ่งชั่วยามผ่านไปเขาเปิดฝาหม้อออก เห็นว่าเนื้อนั้นเหมือนกับหนึ่งชั่วยามที่แล้วเป๊ะ จึงหมดคำพูด น้ำต้มเดือดแล้วก็จริง เครื่องปรุงก็ผสมเข้าที่แล้ว แต่เนื้อที่สำคัญสุดยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ
โหยวเสี่ยวโม่ที่รู้สึกอึ้งได้แต่ดับไฟก่อน แล้ววิเคราะห์ว่าขั้นตอนไหนผิดปกติไป
ไม่ง่ายเลยกว่าจะคิดออกได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับคุณสมบัติของเนื้อ แต่เสียดายเขามีเพียงไฟธรรมดา
ขณะนั้นเอง เขารู้สึกว่ากางเกงตัวเองกำลังจะถูกดึงหลุดลงมา รีบคว้ากางเกงไว้ ก้มลงดู เ้าลูกบอลกำลังงับขากางเกงเขาไว้ พยายามปีนขึ้นมา สองตาลุกวาวจ้องมองเนื้อในมือเขา
โหยวเสี่ยวโม่ครุ่นคิดครู่หนึ่ง เปิดฝาออกแล้วเอาเนื้อออกมาวางไว้ในกะละมัง เ้าลูกบอลส่งเสียงร้องแล้วรีบกระโจนไปในกะละมัง มุดหัวเข้าไป แล้วก็กินเนื้อนั่นอย่างเอร็ดอร่อย
แม้เ้าลูกบอลจะเกิดมาได้ไม่ถึงเดือน แต่ฟันของมันก็คมใช่เล่น เคี้ยวจับๆ ไม่กี่ทีก็กลืนเนื้อแพะชิ้นใหญ่ลงท้องไปเรียบร้อย
โหยวเสี่ยวโม่มองครู่เดียวก็ไม่มองอีกเลย เป็มนุษย์ผู้กินของสุกมาหลายปี เขารับไม่ได้กับการกินเนื้อดิบแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เคยชอบกินเนื้อปลาดิบแบบญี่ปุ่นมาก่อน แต่ที่แปลกคือ คนในบ้านเขาชอบกินกันทุกคน มีเพียงเขาที่ไม่ชอบ เขาก็หงุดหงิดมาพักหนึ่ง
เขาไม่ได้สนใจการกินของเ้าลูกบอลต่อ โหยวเสี่ยวโม่เลือกหญ้าเซียนจากชั้นวางมาหลายร้อยต้น
เขาไม่ได้หลอมยามาหลายวัน เพื่อเลื่อนขึ้นได้ไวขึ้น เขาต้องฝึกหลอมอย่างสม่ำเสมอ แต่ก่อนหน้านั้น เขาก็นั่งฌานฝึกฝนวิชาคัมภีร์ิญญา์ก่อน หนึ่งชั่วยามให้หลังถึงออกจากห้วงมิติ
โหยวเสี่ยวโม่ออกไปเดินดูด้านนอกรอบหนึ่ง พบว่าบรรยากาศในทัพพิภพไม่ต่างจากแต่ก่อนเท่าไหร่ ก่อนกลับเข้าห้องก็สืบเื่ศิษย์พี่ใหญ่มานิดหน่อย เหมือนที่เขาคิดไว้ไม่ผิด ศิษย์พี่ใหญ่ยังอยู่ที่เขานทีเมฆา
ไม่มีบุญได้พบศิษย์พี่ใหญ่ โหยวเสี่ยวโม่จึงกลับห้อง
วางหญ้าเซียนหลายร้อยต้นบนโต๊ะ โหยวเสี่ยวโม่ก็เริ่มหลอมยาเซียนตันขั้นสาม
จากครั้งแรกที่หลอมยาเซียนตันขั้นสามล้มเหลว โหยวเสี่ยวโม่เริ่มตั้งปณิธานใหม่ ว่าจะรักษาสถิติการหลอมยาพลาดเป็ศูนย์ต่อไป ไม่งั้นคงรู้สึกผิดต่อปราณิญญาของตัวเอง
แม้จะพูดเช่นนี้ แต่โหยวเสี่ยวโม่ก็มีความกดดันในใจอยู่บ้าง
เมื่อพบว่าตัวเองแท้จริงแล้วมีความพิเศษ ก็คิดว่าต้องทำให้ดีที่สุด ล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด เท่านี้ สมาธิกลับเริ่มไม่นิ่ง หากใจไม่นิ่งก็ผิดพลาดได้ง่าย
ดังนั้น เมื่อตอนนวดยาในเตาหลอมล้มเหลวเป็ครั้งที่สอง โหยวเสี่ยวโม่ถึงกับตะลึงอึ้งไปเลย
ให้ตายสิ นี่จะไปกันใหญ่แล้วนะ ทำไมหลังจากที่รู้ศักยภาพของตัวเองแล้ว โอกาสในความผิดพลาดกลับเพิ่มขึ้นซะนี่
โหยวเสี่ยวโม่ทึ้งผมตัวเองอย่างแรง เขารู้ว่าทำไมตัวเองถึงล้มเหลวเป็ครั้งที่สอง นั่นเพราะว่าเขาตื่นเต้นเกินไป ในใจนึกเพียงว่าตัวเองต้องทำสำเร็จ ปรากฏว่ารวบรวมสมาธิไม่ได้ หากเขารู้ว่าจะเป็เช่นนี้ สู้ไม่รู้ศักยภาพของตัวเองจะดีกว่า
งุ่นง่านอยู่ครึ่งค่อนวัน โหยวเสี่ยวโม่ไม่ได้หลอมยาต่ออีก แต่กลับเข้าห้วงมิติเพื่อฝึกคัมภีร์ิญญา์
เขาต้องทำใจให้นิ่งสงบ ไม่งั้นศักยภาพที่ดีแค่ไหนก็ไม่พ้นถูกเขาทำให้เปล่าประโยชน์ได้
เมื่อหลับตาลง เขาก็เริ่มร่ายคัมภีร์ิญญา์ รูขุมขุนทั่วร่างราวกับถูกเปิดออก พลังปราณในห้วงมิติค่อยๆ รวมตัวซึมเข้าสู่รูขุมขุนเขา จากนั้นค่อยๆ รวมตัวเข้าสู่หว่างคิ้วของเขา จวบจนพลังรวบรวมได้ที่ ไม่สามารถดูดซับพลังได้เพิ่มอีก
ตอนนั้นเอง จู่ๆ ร่างโหยวเสี่ยวโม่ก็กระตุกทีหนึ่ง ถัดมา พลังปราณิญญาก็พุ่งออกจากหว่างคิ้วเขาราวกับสายน้ำ ค่อยๆ ส่งออกมาราวกับน้ำนิ่งที่มีคลื่นเป็ระลอก มีเขาอยู่ใจกลาง และแผ่พลังออกรอบข้างตัวเขา…
จนพลังปราณิญญาของเขาแผ่ซ่านออกมาทั่วโดยรอบห้วงมิติ ใจกลางทะเลสาบด้านหน้าจู่ๆ ก็มีความเคลื่อนไหว ตรงกลางราวกับมีน้ำเดือดปุดๆ บางอย่างกำลังจะปะทุขึ้นมาจากด้านล่าง ชั่วครู่ผ่านไป ใจกลางทะเลสาบมีของสิ่งหนึ่งเท่ากำปั้น เหมือนถ้วยชาม ไข่มุกสีฟ้าครามนอนอยู่ในนั้น
วินาทีถัดมา ไข่มุกเม็ดสีฟ้าครามนี้ก็เหมือนกับถูกอะไรบางอย่างดึงดูด แล้วะโเด้งขึ้นมาจากด้านล่าง เปลี่ยนเป็แสงสว่างประกายพุ่งเข้าสู่หว่างคิ้วโหยวเสี่ยวโม่…
หลังจากไข่มุกหายไป หว่างคิ้วโหยวเสี่ยวโม่ก็มีสัญลักษณ์จางๆ ขึ้นมาแทน ส่องแสงกะพริบไม่กี่ที จากนั้นก็เลือนหายไป
หนึ่งชั่วยามผ่านไป ในที่สุดโหยวเสี่ยวโม่ก็ลืมตาตื่นขึ้น สายตาไม่มีอารมณ์พลุ่งพล่านที่ควบคุมไม่อยู่อีกต่อไป สงบนิ่งลงในที่สุด ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ เขารู้สึกว่าพลังปราณิญญาของตัวเองนั้นเพิ่มขึ้น ยื่นมือขวาออกมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกถึงบางอย่างที่น่าพิศวง ราวกับว่าเขารับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวทุกอย่างในห้วงมิติ
ทันใดนั้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่าหญ้าเซียนในแปลงนั้นมีบางส่วนเริ่มสุกเต็มที่แล้ว ถึงเวลาเก็บเกี่ยวได้แล้ว แต่พอนึกได้ว่าต้องมานั่งขุดทีละต้น ก็เริ่มรู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ขั้นตอนนี้ช่างเสียเวลาจริงๆ หากหญ้าเซียนสามารถผุดออกจากดินไปอยู่บนชั้นวางเองก็ดีสิ
เมื่อความคิดนี้แล่นออกมา ทันใดนั้นก็มีหญ้าเซียนต้นหนึ่งลอยตัดผ่านหน้าไป
โหยวเสี่ยวโม่ชะงัก นึกว่าคิดไปเอง ไม่ได้เฉลียวใจ แต่พอหญ้าเซียนอีกต้นลอยผ่านหน้าไป ในที่สุดเขาก็อึ้งตาค้างไปเลย
ถ้าคิดไปเอง ต้องไม่มีทางเกิดขึ้นสองรอบสิ?
อึ้งไปได้ห้านาที โหยวเสี่ยวโม่ก็ลุกขึ้นไปยังแปลงหญ้าเซียน ชะเง้อคอดู เดิมแปลงหญ้าเซียนที่ควรจะมีต้นหญ้าเซียนสุกงอมอยู่กลับเกลี้ยงเตียนเป็ผืนกว้าง ดินก็ถูกขุดจนร่วนทั้งผืน
เขาไม่เชื่อ จากนั้นวิ่งไปยังสวน มองไปยังราวชั้นวาง ้ามีหญ้าเซียนนับพันต้นวางเรียงไว้อย่างเป็ระเบียบ รากของหญ้าเซียนยังมีเศษดินติดอยู่ ดินนั้นเปียกชื้น ชัดว่าพึ่งถูกขุดออกมา
นี่...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?
พึ่งฝึกพลังไปได้เพียงกว่าหนึ่งชั่วยาม ลืมตาตื่นมาก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น น่าอัศจรรย์เกินไปแล้ว
โหยวเสี่ยวโม่มั่นใจได้เื่หนึ่ง ว่าความสามารถใหม่นี้ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอน ดังนั้นเป็ไปได้สูงว่าขณะที่เขากำลังฝึกพลังเมื่อครู่นั้นเกิดเื่บางอย่างที่เขาไม่รู้ จึงส่งผลให้เป็เช่นนี้
แม้จะแปลกใจอย่างมาก แต่ก็อดยอมรับไม่ได้ว่า ความสามารถเช่นนี้สุดยอดไปเลย!
มีความสามารถนี้ โหยวเสี่ยวโม่ก็ไม่ต้องห่วงเื่การเพาะปลูกและรดน้ำต้นหญ้าเซียนอีกต่อไป เพียงแค่นึกคิด ห้วงมิติก็จะช่วยทำทุกอย่างให้เอง เดิมทีเขาตั้งใจซื้อสัตว์ปีศาจหลายตัว เห็นทีตอนนี้ไม่ต้องแล้ว
ใช่สิ ไม่รู้ว่าเ้าลูกบอลจะเป็ไงบ้าง
เพียงแค่ความคิด เ้าลูกบอลที่กำลังนอนหลับพุงพลุ้ยหลังกินอิ่มจู่ๆ ก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาทันใด เ้าลูกบอลกำลังนอนแหงนท้องขึ้น กรนอย่างสบายใจ
แต่พึ่งห่างจากมันไม่นาน โหยวเสี่ยวโม่รู้สึกว่าตัวเ้าลูกบอลนั้นโตขึ้นจากเดิม จากเดิมที่ตัวโตเท่าศีรษะคน ตอนนี้กลับโตขึ้นเป็เท่าตัว ค่อยๆ โตจาก่วัยทารก เริ่มมีความเป็หมาป่าเืสีขาวตัวเต็มวัย
โหยวเสี่ยวโม่อ้าปากเหวอมองอยู่นาน วันนี้มีแต่เื่พิเศษเกิดขึ้น
แม้ไม่รู้ว่าทำไม แต่เขาก็เดาได้ว่าน่าจะเกี่ยวกับเนื้อแพะหมื่นปราณที่มันกินเข้าไป ถึงว่าหลิงเซียวทำไมถึงชอบเนื้อสัตว์ปีศาจขั้นแปดนี่นัก ที่แท้ก็เพราะความวิเศษมากมายของเนื้อแพะหมื่นปราณนี่เอง
หากเป็เช่นนี้ต่อไป ไม่นานเ้าลูกบอลตัวน้อยคงโตเป็เ้าลูกบอลใหญ่แล้ว
อารมณ์เบิกบานเช่นนี้ โหยวเสี่ยวโม่จึงไม่ได้หลอมยาทั้งวัน แต่เขาไม่มีใจจะหลอมยาด้วย
หากเนื้อแพะหมื่นปราณทำให้เ้าลูกบอลเติบโตได้ งั้นก่อนแดน์วิมานจะเปิด เขาจึงตัดสินใจว่าจะเลี้ยงเ้าลูกบอลให้ตัวโตในสองเดือนนี้ แต่เพราะไม่มีไฟที่เหมาะสม ดังนั้นจึงต้องป้อนมันแบบดิบๆ
เมื่อตัดสินใจได้ วันถัดมา โหยวเสี่ยวโม่ก็เริ่มหลอมยา
ครั้งนี้เขาไม่ล้มเหลวอีกแล้ว ราวกับว่าพลังใจกับพลังปราณิญญานั้นบรรลุแล้ว เขารู้สึกว่าหลอมยาได้ลื่นมือขึ้น
เช่นนี้ เวลาสองเดือนพริบตาเดียวก็ผ่านไปแล้ว
คำสัญญาสองเดือนของขงเหวินก็มาถึงแล้วเช่นกัน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้