ยามนี้เคอโยวหรานกำลังเค้นสมองสุดความสามารถ ต้องทำอย่างไรนางจึงจะสามารถหลบออกจากที่นี่แล้วเรียกผู้เฒ่าพิษที่อยู่ในมิติวิเศษออกมาได้
ทันใดนั้นก็ได้ยินบุรุษชุดม่วงยกยิ้มเสเพลเอ่ยวาจาถากถางว่า “กลางวันแสกๆ เช่นนี้ยังกล้าเย้าหยอกแม่นางในเรือนผู้อื่น บ้านเมืองยังมีขื่อมีแปอยู่หรือไม่?”
เคอโยวหรานหรี่ดวงตาก่อนจะผลักอิ่งอีกับอิ่งซานที่ขวางอยู่เบื้องหน้าตนออก
“นาย...น้อย?” ด้วยความร้อนรนใจ อิ่งอีกับอิ่งซานเกือบจะหลุดปากเรียกว่า ‘นายหญิงน้อย’ ออกไปเสียแล้ว
“ไม่เป็ไร พวกเ้าถอยไปเถิด” เคอโยวหรานโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้ทั้งสองถอยหลังออกไป
แม้อิ่งอีกับอิ่งซานจะเป็กังวล แต่ยังคงไม่กล้าขัดคำสั่งของผู้เป็นาย ทำได้เพียงถอยหลังไปหนึ่งก้าว สายตาจดจ้องบุรุษชุดม่วงตรงหน้าไม่วางตา ตั้งท่าเตรียมจะพุ่งออกไปปกป้องผู้เป็นายของตนทุกเมื่อ
เคอโยวหรานถอนหายใจ จนถึงยามนี้อิ่งอีกับอิ่งซานก็ยังไม่รู้ตัวว่าพวกเขาถูกผู้อื่นวางยาพิษ อีกทั้งภายหลังยังถูกตนถอนพิษให้ไปแล้ว
เห็นทียังต้องสอนวิชาพิษให้องครักษ์เงาของสกุลต้วนอีกสักหน่อย มิเช่นนั้นหากเผชิญหน้ากับผู้ที่ใช้พิษ จะต้องตายเช่นไรก็ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
เคอโยวหรานพยายามเปิดประสาทััรับรู้โดยละเอียด นางพอจะรู้กำลังภายในของบุรุษตรงหน้าแล้ว ทั้งวรยุทธ์และวิชาพิษของบุรุษผู้นี้ล้วนแต่ล้ำลึกยากคาดเดา
ยามอยู่ต่อหน้าคนผู้นี้ อิ่งอีกับอิ่งซานก็ไม่ต่างกับเป้าลูกธนู นอกจากนี้บุรุษสวมชุดม่วงผู้นี้ยังเล็งเป้าหมายมาทางตน
เมื่อล่วงรู้ข้อนี้ เคอโยวหรานพลันสาวเท้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “เ้าคิดจะเอาอย่างไร?”
มีคนสองคนยืนอยู่บนหน้าต่างชั้นสอง ทอดมองเหตุการณ์ที่อยู่ด้านล่าง ดวงตาถึงขั้นแทบจะถลนออกจากเบ้า
บุรุษร่างสูงเกาหัว เอ่ยกับบุรุษร่างเตี้ยว่า “เหลิ่งเถิง เ้าว่าวันนี้นายท่านกินยาผิดแล้วหรือไม่?”
บุรุษร่างเตี้ยมิได้ตอบกลับคำถามของบุรุษร่างสูงแต่อย่างใด กลับเอามือข้างหนึ่งกอดอก ส่วนมืออีกข้างคลำปลายคางครุ่นคิดก่อนเอ่ย
“ขู่เถิง นอกจากยาพิษกับเงินทอง เ้าว่านายท่านหันไปสนใจคนั้แ่เมื่อใดกัน?”
เหลิ่งเถิงเอ่ยอย่างอัดอั้นเพราะความสงสัยเช่นกัน “ขู่ เ้าว่านายท่านสนใจบุรุษผู้นั้นหรือว่าอยากจะช่วยสองแม่ลูกที่อยู่ด้านหลังกันแน่? ดูจากท่าทางแล้ว ไม่คล้ายกับเขาจะสนใจสตรีที่อยู่ด้านหลังเลยสักนิด”
ขู่เถิงยังคงไม่ตอบกลับคำถามของเหลิ่งเถิง เพียงย้อนถามกลับไปว่า “เหลิ่ง เ้ารู้สึกหรือไม่ว่าบุรุษผู้นั้นค่อนข้างอ้อนแอ้น?”
เหลิ่งเถิงชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างแล้วเอ่ยว่า “ขู่ บุรุษผู้นั้นสามารถถอนพิษของนายท่านภายในเสี้ยววินาที เ้ารู้สึกหรือไม่ว่าฝีมือของเขาค่อนข้างคล้ายคลึงกับท่านอาจารย์”
“หา?” ขู่เถิงตกตะลึง พลันเบิกตาโตมองไปทางเหลิ่งเถิง
หลังจากนั้นเหลิ่งเถิงกับขู่เถิงต่างวิ่งเบียดกันลงไปชั้นล่าง จดจ้องเคอโยวหรานไม่วางตา คิดอยากจะดูทุกกิริยาท่าทางของนางว่ามีเงาของสำนักพิษอยู่หรือไม่
ณ ชั้นล่าง บุรุษชุดม่วงโยนขลุ่ยไปไว้อีกมือหนึ่ง แสร้งทำเป็เอ่ยอย่างใช้ความคิดว่า “ไอ้หยา กล่าววาจาเกี้ยวแม่นางจากครอบครัวชาวนาเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องชดใช้เป็เงินสักห้าถึงหกพันตำลึงกระมัง?”
“ซี้ด...” ผู้คนที่เข้ามาล้อมชมต่างพากันสูดอากาศเย็นหนึ่งเฮือก
“์ แค่เย้าหยอกไม่กี่ประโยคก็ต้องชดใช้จนสิ้นเนื้อประดาตัวเชียวหรือ?”
“ไม่เพียงเท่านั้น เงินห้าพันตำลึง? ครอบครัวคนธรรมดาจะเก็บออมตั้งกี่ปีกัน?”
ยังมีคนที่เก่งคำนวณคิดบัญชีนี้ออกมาจริงๆ “ครอบครัวคนทั่วไปหาเงินได้เดือนละแปดร้อยห้าสิบอีแปะ หนึ่งปีจะหาเงินได้หนึ่งพันสองร้อยอีแปะ หากไม่กินไม่ดื่มไม่ใช้จ่ายเงินจำนวนนี้ ยังต้องใช้เวลาเก็บออมกว่าสี่พันเก้าร้อยปีทีเดียว”
“อึ๊ก...” ครั้นแม่เฒ่าเคอได้ยินวาจาของคนผู้นั้น นางถึงขั้นใจนสะอึกออกมา หัวใจเอาแต่เต้นระส่ำจนแทบจะกระโจนออกมาจากลำคอ
์ บุรุษชุดม่วงผู้นี้เรียกเงินชดเชยห้าพันตำลึง หากบุรุษรูปงามผู้นี้ยอมจ่ายจริงๆ เช่นนั้นนางกับก่วงเถียนไม่ร่ำรวยภายในชั่วข้ามคืนเลยหรือ?
ใบหน้าภายใต้หมวกเหวยเม่าของเคอก่วงเถียนแดงเถือกดั่งปูสุก นางคิดในใจอย่างมีความสุขว่า :
บุรุษชุดม่วงตรงหน้าจะต้องชอบพอนางอย่างแน่นอน ดังนั้นถึงได้ออกหน้าปกป้องตนเช่นนี้ หากได้ออกเรือนกับบุรุษชุดม่วงผู้นี้ คุณชายน้อยสกุลโฉวยังจะนับเป็อันใดกัน!
เคอก่วงเถียนกับแม่เฒ่าเคอดีใจจนแทบจะลอยละล่องเสียแล้ว ท่าทางราวกับมองเห็นเงินสีขาวแวววาวกำลังลอยมากระแทกพวกนางก็มิปาน
เคอโยวหรานเลียนแบบท่าทางของบุรุษชุดม่วง เอาพัดพับภายในมือเคาะลงกลางฝ่ามืออีกข้างของตนครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนถามว่า “ไม่ทราบว่าต้องเรียกขานคุณชายว่าอย่างไร?”
บุรุษชุดม่วงพลันค้อมเอวขยับเข้าใกล้ใบหูของเคอโยวหราน ใช้น้ำเสียงที่ได้ยินเพียงสองคนเอ่ยออกมาหนึ่งประโยค
“ศิษย์น้องหญิงจำเอาไว้ ข้ามีนามว่าอินจิ่ว เ้าเพิ่งจะโกยเงินของข้าไปจากโรงสุราฟู่หยวนเป็จำนวนไม่น้อยใช่หรือไม่?”
“เอ่อ...” เคอโยวหราน “...”
์! ในที่สุดนางก็ได้พบกับศิษย์ระดับสูงตามคำเล่าขานที่เคยได้ยินจากปากของท่านอาจารย์เซียนพิษแล้วงั้นหรือ?
ประหลาดนัก วันนี้นางแปลงโฉมจนกระทั่งเคอก่วงเถียนกับแม่เฒ่าเคอยังจำมิได้ แต่เหตุใดศิษย์พี่ท่านนี้กลับดูออกเล่า?
นอกจากนี้ เป็ศิษย์พี่มิใช่หรือ! คนกันเองมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้เอื้อมมือออกไปหาผู้อื่นแล้วรังแกศิษย์น้องของตนเองเล่า? จะใจดำเกินไปแล้วกระมัง
เพราะศิษย์พี่ท่านนี้รู้ว่าตนแบ่งกำไรห้าส่วนจากการขายเต้าหู้จึงเกิดความไม่พอใจ ถึงได้ลอบสืบความเคลื่อนไหวของตนเพื่อมุ่งหน้ามาหาเื่โดยเฉพาะใช่หรือไม่?
ให้ตายเถิด ทว่าตนก็ได้ใช้สูตรทำเต้าหู้ช่วยให้เขาหาเงินไปไม่น้อยเช่นกันมิใช่รึ?
แบ่งกำไรห้าส่วน ต่อให้กล่าวเช่นไรก็ถือเป็เงินที่ตนหามาได้ด้วยความยากลำบาก อย่าได้ตระหนี่ถึงเพียงนี้จะได้หรือไม่?
หากทางด้านอินจิ่วผู้จิตใจคับแคบล่วงรู้ความคิดของเคอโยวหราน เขาจะต้องโมโหจนฟาดหนึ่งฝ่ามือลงบนศีรษะของนางอย่างแน่นอน
เขาเกลียดการที่ผู้อื่นกล่าวว่าเขาตระหนี่มากที่สุด เขาแค่ชอบสะสมสิ่งของ ไม่ว่าจะเป็เงินก็ดี เสบียงอาหารก็ช่าง ขอเพียงเป็สิ่งที่เขาต้องตา เขาล้วนเก็บสะสมทั้งสิ้น
นอกจากนี้อินจิ่วยังเกลียดการที่ผู้อื่นมาแย่งชิงอาหารในปากของเขาเป็ที่สุด คิดอยากจะแย่งน้ำแกงไปจากปากของเขางั้นหรือ เช่นนั้นก็จงเตรียมตัวถูกทรมานจากยาพิษจนตายไปเสียเถิด
เมื่อวานอินจิ่วได้รับจดหมายจากเถ้าแก่อวี๋ ภายในจดหมายเขียนร่ายยาวหลายหน้ากระดาษ สรุปได้ด้วยหนึ่งประโยคว่า
เคล็ดลับวิธีทำเต้าหู้ เต้าฮวย และน้ำเต้าหู้ล้วนแต่เป็ของศิษย์น้องหญิงของตน ศิษย์น้องหญิงนามว่าเคอโยวหราน เป็ยอดฝีมือในการต่อรองและใช้พิษ
นางแบ่งเงินกำไรที่ได้จากการขายอาหารเหล่านี้ของโรงสุราฟู่หยวนไปจำนวนหนึ่ง หนึ่งเดือนรวมเป็เงินหลายพันตำลึง
รายได้ของนายน้อยต้องหดหายไปมากขนาดนี้ ทำให้เถ้าแก่อวี๋ปวดใจเจียนตายแล้ว ทว่าน่าเสียดายที่นางเป็ศิษย์น้องหญิงของนายท่าน เป็ศิษย์ปิดประตูสำนักของเซียนพิษ เขาที่เป็เพียงเถ้าแก่ตัวเล็กๆ มิอาจสร้างความหมางใจได้จริงๆ!
หลังจากอ่านจดหมายจบ เดิมทีอินจิ่วอยากจะหาเวลาไปพบกับศิษย์น้องหญิงผู้นี้ที่ขุดหลุมฝังกระทั่งศิษย์พี่ของตนเองสักครา
แต่ผู้ใดจะนึกว่าเขาแค่เดินทางมายังโรงสุราที่ตนเปิดกิจการเพื่อรับเงินปันผลของทุกๆ รอบฤดูกาล
กลับบังเอิญพบว่าพ่อหนุ่มน้อยรูปงามผู้นี้เป็สตรีที่ปลอมตัวมา บนใบหน้าของนางใช้ยาน้ำที่ผสมขึ้นโดยหมอเทวะเพื่อป้องกันผิวหน้ามิให้ถูกแสงแดดแผดเผา
ก่อนหน้านี้ยาน้ำเช่นนี้ยังกระตุ้นความสนใจใคร่รู้ของตาเฒ่าพิษ ทั้งยังเคยสั่งให้ตนไปขโมยมาจากหมอเทวะเพื่อนำมาศึกษา
ด้วยเหตุนี้ตนยังต้องเสียเปรียบเพราะน้ำมือของศิษย์หมอเทวะ นี่นับเป็เรือล่มในคลองระบายน้ำ [1] ครั้งแรกของอินจิ่ว ดังนั้นเขาจึงจดจำได้เป็อย่างดี
ทว่าทันทีที่ศิษย์น้องหญิงผู้นี้ล้วงเข็มพิษออกมา สายตาของอินจิ่วพลันมองเห็นทักษะการใช้เข็มของเคอโยวหรานเสียแล้ว
ท่าทางการวางมือเช่นนี้ เรียกได้ว่าเหมือนกับตาเฒ่าพิษไม่มีผิด ครั้นมองดูท่าทางนางกล่าววาจาเย้าหยอกสตรีทั้งที่เป็สตรี กระทั่งรอยยิ้มชั่วร้ายเช่นนี้ก็ยังมีเงาของตาเฒ่าพิษหลายส่วน
อินจิ่วจึงยิ่งมั่นใจแล้วว่าคนผู้นี้จะต้องเป็ศิษย์น้องหญิงของเขาอย่างแน่นอน
หลังจากแย่งเงินของเขาไปแล้ว เช่นนั้นก็ต้องเตรียมกายและใจเพื่อรับมือกับการล้างแค้นให้ดี แม้จะเป็ศิษย์น้องหญิงก็ไม่มีข้อยกเว้น
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เรือล่มในคลองระบายน้ำ 阴沟里翻船 หมายถึง เกิดความผิดพลาดในเื่ที่ทำได้ดีมาโดยตลอด