ฉินเฟิงที่แอบดีใจอยู่เมื่อครู่กลับต้องตกตะลึง ก่อนหน้านี้เขายังรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง นึกไม่ถึงว่าพี่เฉินผู้ลึกลับจะรู้จักชื่อของตนเอง แต่คำพูดที่ตามมาทำให้ฉินเฟิงรู้สึกจมดิ่งลงไปทันที ในใจของเขายิ่งกระวนกระวาย จนอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองฉินอวี่
เมื่อเขาพบว่าฉินอวี่กำลังจ้องมองตนเองด้วยสายตาที่เ็า ฉินเฟิงก็รู้สึกเหมือนตกไปในห้องเก็บน้ำแข็งใต้ดิน
บุคคลที่องค์หญิงสี่ยังเรียกว่าพี่ชาย ตนเองจะสามารถคิดร้ายกับคนผู้นี้ได้หรือ? ฉินเฟิงครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว และนึกเสียว่าไม่เคยมีบุคคลนี้อยู่ในความทรงจำของเขามาก่อน
องค์หญิงสี่หลงหลิงและหลงอวี่ต่างหันไปมองฉินเฟิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเยือกเย็นในดวงตาของหลงหลิง เมื่อนางได้ยินว่าจื่อซวินเอ๋อมาถึงเมืองหลักเทียนอู่ จึงคิดจะมาประจบประแจง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะมีเื่ไม่คาดคิดเช่นนี้เกิดขึ้นมา
คำพูดของพี่เฉินหมายถึงฉินเฟิงที่มาพร้อมกันกับตนเอง มีคำกล่าวว่าพวกเดียวกันย่อมอยู่ด้วยกัน ฉินเฟิงโอหังอวดดี ยโสเย่อหยิ่ง เช่นนั้นแล้วตนเองคงจะถูกมองไม่ต่างอะไรกัน?
หลงหลิงเป็คนฉลาดเป็พิเศษ แต่คราวนี้นางคงคิดมากเกินไป จึงคาดเดาผิดเสียแล้ว
หวังอวี่จ้องไปทางฉินเฟิงอย่างเย้ยหยัน ทุกคนต่างได้ยินคำเสียดสีและความขยะแขยงในคำพูดของฉินอวี่ หากเป็ปกติแล้ว ด้วยคำพูดเหล่านี้ ฉินเฟิงคงถูกองค์หญิงสิบสามเตะออกไปแล้วแน่นอน เป็แค่ลูกพ่อค้าคนหนึ่งยังจะกล้าตามตื๊อองค์หญิงสิบสาม? แม้ว่าผู้เป็ตาของเขาจะเป็แม่ทัพ แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความต่ำต้อยของลูกพ่อค้าได้
สายตาของจื่อซวินเอ๋อสว่างขึ้นเล็กน้อย ความประหลาดใจเปล่งประกายขึ้นในสายตาของนาง และแอบหันไปมองฉินอวี่ นางไม่เคยได้ยินเื่เกี่ยวกับฉินอวี่ผู้นี้เลยแม้แต่น้อย และในตอนนี้ นางจึงอาศัยเื่ของฉินเฟิงเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวตนและที่มาที่ไปของสหายเฉินผู้นี้
“พี่... พี่เฉิน เอ่อ... ล้วนแต่เป็เื่เหลวไหลจากคนอื่นทั้งนั้น แม้ว่า... ข้าฉินเฟิง... จะต่ำต้อย แต่ไม่... ไม่เคยอวดดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความยโสโอหัง” ฉินเฟิงพูดอย่างแทบร้องไห้ออกมา หากไม่อธิบายให้ชัดเจน เช่นนั้นแล้ว สายสัมพันธ์ที่เขาทุ่มเทมานานคงจะต้องสูญสิ้นไปแน่นอน และเขาจะสูญเสียโอกาสได้ใกล้ชิดองค์หญิงสิบสามหลงอวี่ไปด้วย
เมื่อฉินเฟิงนึกถึงเื่นี้ เขาก็รู้สึกเย็นขึ้นมาจากฝ่าเท้าเข้าสู่หัวใจทันที ถ้าเขาสูญเสียไม้ใหญ่อย่างองค์หญิงสิบสามไป เขาจะมีอะไรไปใช้ในการสืบทอดเป็ผู้นำตระกูล?”
“เกรงว่าข่าวลือจะดูเชื่อถือได้นะ” จื่อซวินเอ๋อเหลือบมองฉินเฟิงอย่างเฉยเมย นางรู้สึกได้ว่าฉินอวี่เกลียดชังฉินเฟิงอย่างมาก ดังนั้นนางจึงไม่รีรอที่จะสุมไฟเพิ่มเข้าไป เพื่อให้สหายเฉินผู้นี้รู้สึกติดค้างในน้ำใจของนาง
“เสี่ยวอวี่” หลงหลิงหันไปมองหลงอวี่ และพูดอย่างเ็า ด้วยน้ำเสียงที่เชิงตำหนิว่าเหตุใดจึงพาฉินเฟิงมาในวันนี้ จนขัดขวางแผนการของนาง
“ฉินเฟิง ที่แท้เ้าก็เป็คนเช่นนี้ จากนี้ไปไม่ต้องมาติดตามข้าอีก” หลงอวี่ไม่รู้ว่าเป็เพราะสถานการณ์ หรือเป็คนเกลียดคนเช่นนั้นกันแน่ เมื่อได้ยินเช่นนี้ นางก็จ้องฉินเฟิงอย่างเยือกเย็น และพูดไปอย่างเ็า
ฉินเฟิงทรุดตัวลงทันที หากจะว่าไปก่อนหน้านี้เขานับว่ายังมีความหวังอยู่บ้าง แต่แล้ว คำพูดของหลงอวี่กลับทำลายความเพ้อฝันทุกอย่างของเขาไปจนหมด
เมื่อนึกถึงเื่นี้ เขาก็คุกเข่าลงด้วยความหวาดกลัว ใบหน้าของเขาดูใมาก ราวกับคนที่จมน้ำและได้รับการช่วยเหลือด้วยการยื่นฟางหนึ่งเส้นให้คว้าจับ และรีบตรงเข้าไปตรงหน้าของหลงอวี่ พร้อมกับพูดขึ้น “องค์หญิงสิบสาม ทั้งหมดนี้เป็เื่เข้าใจผิด เป็เื่เข้าใจผิดทั้งสิ้น ท่านยังไม่รู้ความประพฤติของข้าหรือ ข้าไม่เคยเย่อหยิ่งอวดดี ไม่เคยยโสโอหัง พี่เฉินผู้นี้คงจะจำผิดคนแล้ว จำผิดคนแล้วแน่นอน” แม้ว่าเขาจะยังสงสัยอยู่ในใจเล็กน้อย แต่เขาก็เหมือนจะรู้สึกว่าเขาคุ้นกับรูปร่างท่าทางของพี่เฉินคนนี้ แต่ในตอนนี้เขาทำได้เพียงปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา
“เอาล่ะ หลิงเอ๋อ พวกเ้าออกไปก่อนเถอะ ข้ายังมีเื่ต้องคุยกับพี่เฉิน วันหลังข้าจะไปหาเ้านะ” จื่อซวินเอ๋อกล่าวอย่างเรียบเฉย
ใบหน้าของหลงหลิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย ในตอนแรกดูเหมือนจะไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อจื่อซวินเอ๋อออกปากมาแล้ว นางก็ได้แต่เชื่อฟัง หลังจากหันไปมองฉินอวี่ นางก็พูดขึ้น “ศิษย์พี่หญิงจื่อ พี่เฉิน พวกข้าขอตัวก่อน” พูดจบ หลงหลิงก็เหลือบมองหลงอวี่อย่างเ็า และหันหลังกลับออกไป และขณะเดียวกันหลงอวี่ก็จ้องมองไปยังฉินเฟิงอย่างดุดัน ก่อนจะหันหลังกลับออกไปเช่นกัน
“พาเขาออกไป” จื่อซวินเอ๋อกล่าว
ฉินเฟิงถูกหวังอวี่และหลิวอวี้ลากตัวออกไปทันที
“สหายเฉิน เ้าเป็หนี้บุญคุณข้าแล้วนะ” จื่อซวินเอ๋อเหลือบมองไปทางประตู และขยิบตาให้ฉินอวี่
ฉินอวี่เหลือบมองจื่อซวินเอ๋อและพูดว่า “ข้าก็แค่เคยเห็นฉินอวี่รังแกคนอื่นก็เท่านั้น”
“จริงหรือ? ที่แท้สหายเฉินก็เป็คนใจดีมีเมตตา” จื่อซวินเอ๋อยิ้ม และดูเหมือนกำลังครุ่นคิด พิจารณาความน่าเชื่อถือของคำพูดฉินอวี่
“เอาล่ะ รีบจัดวัตถุดิบยาให้ข้าเถอะ” ฉินอวี่ไม่อยากจะพูดอะไรมากกับจื่อซวินเอ๋อต่อไป กว่าเก้าในสิบของคำพูดเหล่านี้ล้วนแต่เป็การหยั่งเชิง เมื่อเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ การนิ่งเงียบและจากออกไปคือวิธีการที่ดีที่สุด ไม่เช่นนั้น คงต้องยุ่งยากเป็แน่
จื่อซวินเอ๋อตกตะลึง และแสร้งพูดอย่างผิดหวัง “พี่เฉินคงไม่ชอบที่จะอยู่กับซวินเอ๋อมากนักหรือ?”
สีหน้าของฉินอวี่กระตุกทันที
ครึ่งวันต่อมา
ฉินอวี่นำวงแหวนมิติออกมาจากร้านขายยา และเดินผ่านฝูงชนไปอย่างต่อเนื่อง เข้าไปยังร้านค้าอีกหลายแห่ง ท้ายที่สุด จึงเปลี่ยนกลับสู่รูปลักษณ์เดิม
เื่ของฉินเฟิงช่วยเตือนสติของฉินอวี่ขึ้นมาได้ ไม่ว่าจะเป็อดีตหรือปัจจุบัน อำนาจและพละกำลังถือว่ามีความสำคัญยิ่งนัก ด้วยสถานการณ์ที่ตกต่ำอย่างรวดเร็วของฉินเฟิง คำพูดของตนเองไม่เป็เพียงจุดเริ่มต้น แต่ผู้กำหนดชะตากรรมของเขาแท้จริงแล้วคือท่าทีของจื่อซวินเอ๋อ
ท่าทีของคนเพียงคนเดียว แต่กลับกำหนดชีวิตของเขาได้!
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้ใดติดตามเขา ฉินอวี่จึงกลับเข้าไปในจวนตระกูลฉิน
“คุณชายสาม นายท่านเชิญเข้าพบ!” เสียงที่หนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้น
ในเวลาเดียวกัน
“พี่หญิงสี่ ศิษย์พี่หญิงจื่อมีที่มาที่ไปอย่างไรกันแน่? เหตุใดจึงเรียกคนขั้นยุทธ์ระดับที่หนึ่งเช่นนั้นว่าพี่ใหญ่? ข้ายังมีพละกำลังถึงขั้นยุทธ์ระดับที่สามเชียวนะ” หลังจากกลับเข้าวังหลวง หลงเฟยก็อดถามไม่ได้
“ขั้นยุทธ์ระดับที่หนึ่งสามารถยืนเคียงกับจื่อซวินเอ๋อได้? จื่อซวินเอ๋อคนนั้นมีประวัติที่ลึกลับมาก แม้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ในสำนักพบเห็นนางยังก็ต้องเกรงกลัว คนทั่วไปไม่อาจจะติดต่อกับนางได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเป็สหายกับจื่อซวินเอ๋อเลย ให้พวกเ้าฝึกฝนให้มาก พวกเ้ายังไม่เชื่อฟัง โดยเฉพาะเ้าเสี่ยวอวี่ ไปคบเพื่อนแบบไหน เย่อหยิ่งอวดดี ยโสโอหัง อยู่ในในเมืองเล็กๆ อย่างเมืองหลักเทียนอู่ยังกล้าเป็แบบนี้ หากเข้าไปยังสำนักเซียน จะเป็ตายอย่างไรก็ไม่อาจรู้ได้” หลงหลิงหันไปมองหลงอวี่ พลางพูดอย่างขุ่นเคือง
สีหน้าของหลงอวี่น้อยใจมาก “พี่หญิง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าฉินเฟิงจะเป็คนเช่นนี้ ต่อหน้าข้า เขาก็ดูเป็คนว่าง่ายและซื่อสัตย์...”
“เอาล่ะ เป็เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ต้องอาศัยฉินเฟิง ว่าจะสืบหาตัวตนแท้จริงของพี่เฉินคนนั้นได้หรือไม่ ในเมื่อเป็คนแคว้นอู่ ก็น่าจะต้องหาที่มาที่ไปของเขาได้ พวกเ้าสองคนตั้งใจฝึกฝนให้ดีเถอะ หลังจากผ่านการชุมนุมไปภายในครึ่งปี จะต้องเข้าสู่สองอุปสรรคแรก หากเป็ที่ต้องตาของสำนักได้ พวกเ้าก็จะได้รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า แคว้นอู่เป็เพียงส่วนเล็กๆ ในเขตแดนฟ้าชิงเหลียนเท่านั้น” หลงหลิงพูดจบก็เร่งฝีเท้าจากไปอย่างรวดเร็ว
“พี่อวี่ เป็เพียงส่วนเล็กๆ หมายความว่าอย่างไร?” ครู่หนึ่ง หลงเฟยก็ถามขึ้นเบาๆ
หลงอวี่จ้องไปที่ด้านหน้า และดูเหมือนจะไม่ได้ยินสิ่งที่หลงเฟยถาม ดวงตาของนางพร่ามัว ความร้อนรุ่มและความปรารถนาก็ปรากฏผ่านสายตา “พื้นที่เล็กๆ ของเขตแดนฟ้าชิงเหลียน เขตแดนฟ้าชิงเหลียน... จะต้องมีสักวันหนึ่งที่ตัวข้าหลงอวี่ จะต้องขึ้นไปบนเขตแดนฟ้าชิงเหลียนให้ได้! แทนที่จะเป็องค์หญิงของแคว้นอู่เช่นนี้ไปตลอดกาล!”
ในโลกของการฝึกฝน ประเทศต่างๆ ก็เป็เพียงดินแดนการต่อสู้ที่แย่งชิงดินแดน และเครื่องมือในทรัพยากรการฝึกฝนของเหล่าผู้มีอำนาจเท่านั้น ในฐานะที่เป็องค์หญิงแคว้นอู่ หลงอวี่จึงตระหนักมานานแล้วว่า แคว้นอู่มีสำนักใหญ่สำนักหนึ่งอยู่เื้ั และสำนักใหญ่ก็ต้องพึ่งพาอาณาจักรอีกหลายแว่นแคว้น แคว้นอู่จึงเป็เพียงหนึ่งในจำนวนเ่าั้
จักรพรรดิแห่งแคว้นอู่ ก็ยังเป็เสด็จพ่อของนางที่เก็บตัวบำเพ็ญเป็ระยะเวลายาวนานแรมปี ละเลยกิจการของรัฐ นับประสาอะไรกับการแสวงหาหนทางให้พวกเขาได้เข้าสู่สำนักเซียน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนางเอง
ในบรรดาองค์ชายและองค์หญิงแคว้นฉู่เกือบยี่สิบคน มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะได้เข้าสำนักแห่งนั้น แม้แต่หลงหลิงเองก็ยังเป็เพียงศิษย์สำนักในระดับกลางคนหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าหลงอวี่จะสูงส่งเป็ถึงองค์หญิง แต่รากฐานของนางก็ปกติทั่วไป ตอนอายุสิบเจ็ดปียังเข้าถึงได้เพียงขั้นยุทธ์ระดับที่สอง ด้วยคุณสมบัติเช่นนี้จึงไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะเข้าสู่สำนักได้ สิ่งนี้ทำให้หลงอวี่ไม่พอใจอย่างมาก
บางทีต่อหน้าคนธรรมดาสามัญ องค์หญิงคือหงส์งามบนต้นอู๋ถง แต่หากเป็เบื้องหน้าคนสำนักเซียน องค์หญิงหรือคนธรรมดาก็ไม่ต่างกัน!
ร้านขายยาหมื่นสรรพสิ่ง
“ผู้าุโ สืบเบาะแสของคนผู้นั้นได้บ้างหรือไม่?” จื่อซวินเอ๋อยืนอยู่บนระเบียงบนอาคาร มองดูฝูงชนที่หนาแน่นทางด้านล่าง และพูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน ด้านข้างกายของนางไม่มีผู้ใดอยู่ ราวกับว่านางกำลังพูดอยู่กับตนเอง
“หายไปแล้ว” เงาร่างในชุดดำปรากฏขึ้นข้างกายของจื่อซวินเอ๋ออย่างแปลกประหลาด
จื่อซวินเอ๋อใเล็กน้อย และหันศีรษะไป และพูดด้วยความประหลาดใจ “ระดับฝึกฝนอย่างผู้าุโ เหตุใดจึงหายไปได้?”
“คนผู้นั้นระแวดระวังเป็พิเศษ ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนเขาจะรู้สึกถึงมโนจิตของข้าได้ และไม่รู้ว่าใช้วิชาอะไรจึงสลัดพ้นมโนจิตของข้าไปได้ คุณหนู ขออภัยด้วยที่ข้าต้องพูดตามตรง ตราบใดที่ยังไม่รู้ที่มาที่ไปของเขาแน่ชัด อย่าแตะต้องเส้นใต้หรือขีดจำกัดของคนผู้นั้นเด็ดขาด หากข้าเดาไม่ผิดละก็ หากคนผู้นั้นไม่ได้สำเร็จวิชาระดับสูง ก็อาจจะถูกเขายึดร่างไป”
จื่อซวินเอ๋อใ
“ยึดร่าง?”
“คุณหนูลองคัดลอกวัตถุดิบยาทั้งหมดที่เขา้าไว้อีกหนึ่งชุด ดูว่าเขา้าปรับแต่งกระดูกอย่างไรกันแน่ เช่นนี้ก็อาจจะพอคาดเดาตัวตนของเขาได้ คุณหนูอาจจะลองเริ่มจากตระกูลฉินก่อน เพื่อดูว่าพอจะได้เบาะแสอย่างไรบ้าง”