“บากะ!” นักปราชญ์ชาวญี่ปุ่นมองไปยังเพื่อนที่นอนแน่นิ่งอยู่ที่ข้างแม่น้ำในที่สุดก็ได้สติกลับมาจากความตื่นตระหนก แล้วด่าทอออกมา
เ้านี่หยาบคายก็หยาบคายแต่ก็ยังมีเื่ที่พอจะให้คนเอ่ยชม อย่างเช่นในขณะที่ทุกคนต่างพากันกลัวหลินลั่วหรานจนไม่กล้าจะขยับนายทหารญี่ปุ่นคนนี้ก็กล้าที่จะคว้าเอาคาตานะแล้วพุ่งเข้าไป
การฝึกศาสตร์นั้นมีหลายทางไม่ใช่เพียงแค่ลัทธิเต๋าเท่านั้น เหมือนนายทหารญี่ปุ่นคนนี้ประเทศแห่งดินะุอย่างญี่ปุ่นก็ถือเป็ประเทศที่เชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้เช่นกัน ห้าสิบปีที่ผ่านมากลับใช้การต่อสู้เข้ามาสู่การฝึกศาสตร์ แม้ว่าจะเพิ่งก้าวเข้ามาได้ไม่นานแต่หากพูดถึงการต่อสู้ระยะประชิดแล้ว เหวินกวนจิ่งอาจไม่สามารถเอาชนะได้!
คาตานะนั้นคมกริบและเล็กบางแต่เมื่อชายคนนี้ตวัดดาบลง กลับมีกำลังมากพอที่จะผ่าเขาได้ทั้งลูก หลินลั่วหรานยกดาบเจาเสวี่ยขึ้นป้องกันก่อนที่เธอจะหาจุดอ่อนของนักดาบคนนี้ได้ เธอไม่อาจโต้กลับได้ง่ายๆหากเข้าไปต่อสู้ก็ไม่ได้มีผลดีอะไรและอาจจะทำให้การข่มขู่ก่อนหน้าของเธอดูอ่อนลงด้วย
เธออยู่ไม่ห่างจากแม่น้ำนักเพียงไม่กี่ก้าวก็ถอยเข้าไปยังแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว ภายใต้เวทธาตุน้ำน้ำเ่าั้ซัดเข้ามาที่ปลายเท้าของเธอ ก่อนจะเกิดเป็คลื่นขึ้นมาและตัวเธอก็ยืนอยู่บนเกลียวคลื่นนั้น
นายทหารญี่ปุ่นได้แต่อาศัยพลังภายในและยังคงดึงดันที่จะพุ่งเข้ามาหาตัวของเธอ ดาบคาตานะประกายแวววาวเขาอยากจะทำกับเธอเหมือนที่เธอทำกับชายหัวล้านเธอจะต้องโดนคาตานะผ่าเป็สองซีกเพื่อระบายความโกรธแค้นในใจของเขา
หลินลั่วหรานส่งเสียงฮึในอาวุธระดับห้าอย่างดาบเจาเสวี่ยเต็มไปด้วยพลัง ดาบคมธรรมดาๆแบบนั้นจะมาต่อต้านได้อย่างไร ตอนแรกเธอตั้งใจจะหวดดาบออกไป ผ่าให้ร่างของเขากลายเป็สองซีกแต่เมื่อคิดดูแล้ว เธอยืนอยู่บนเกลียวคลื่นน้ำไหลเชี่ยว แล้วจะทำอะไรให้มันยากทำไม?
การสร้างความน่ากลัวนั้นยิ่งทำได้มากเท่าไรก็ยิ่งดี หลินลั่วหรานเสียดายพลังที่เธอสะสมมาหลายวันเธอหลบการโจมตีหมายชีวิตของเขา มือขวาของเธอขยับร่ายเวทที่ระดับฝึกลมปราณตอนกลางสามารถใช้ได้อย่าง“เสียงคำรามัน้ำ” อย่างรวดเร็ว ไม่ได้ใช้โจมตีอะไรมากนัก แต่กลับสวยงามมากเหมาะแก่การใช้ข่มขวัญ!
นิ้วทั้งห้าของหลินลั่วหรานขยับไปมาอย่างว่องไวท่าร่ายเวททั้งเจ็ดสิบสองท่าถูกร่ายจนเสร็จสิ้น เสียงคำรามของัถูกส่งออกมาจากแม่น้ำทรายเหลืองก่อนที่จะเกิดน้ำวนขึ้นในแม่น้ำ ด้วยน้ำวนที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ค่อยๆมีพลังของคลื่นพายุลมฝนขึ้นมา
หลินลั่วหรานเปล่งเสียงออกมา “เวทสมบูรณ์! ไป!” ัน้ำขนาดสามสิบฟุตปรากฏขึ้นกลางน้ำวนพลังลมรุนแรงซัดกระหน่ำผ่านไป ภายใต้เสียงคำรามของัคลื่นน้ำก็ซัดมาทางตัวของนักรบญี่ปุ่น!
เกลียวคลื่นเข้าโจมตีที่ตัวของเขาตอนแรกเขาก็ใ แต่หลังจากที่พบว่าแรงรัดจากัน้ำนั้นเป็เพียงแรงของน้ำเบาๆไม่ได้มีพลังการโจมตีอะไร เขาก็ถอนหายใจออกมา ก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าตัวเองถูกผู้หญิงตรงหน้าหลอกเอาในตอนที่กำลังจะใช้ศาสตร์ดาบที่มีชื่อเสียง ัน้ำที่ดูไร้กำลังก็รัดแน่นขึ้นในตอนที่เขาพยายามดิ้นรนอยู่นั้น มันก็ลากเขาลงไปในน้ำ!
ในตอนแรกเขาก็หวังที่จะดิ้นรนต่อจึงโผล่หัวขึ้นมาจากน้ำบ้างในบางครั้ง แต่ว่าด้วยเวลาที่ไหลผ่านไป สามสิบวินาที หนึ่งนาที ห้านาที...เมื่อผ่านไปสิบกว่านาที ก็พบเพียงเกลียวคลื่นแล้วที่ไหนยังจะมีเงาของนักดาบคนนั้นให้เห็นอีกเล่า?
หลินลั่วหรานคิดอย่างมีเล่ห์เหลี่ยมนี่เป็พลังธาตุน้ำที่ใช้ธรรมชาติของเวลาเข้าช่วยเมื่อเอามาใช้กับคนที่เพิ่งจะก้าวสู่ศาสตร์ด้วยการต่อสู้แล้วถือได้ว่าไร้หนทางจะเอาชนะ...แต่ว่า ถ้าเป็การแกล้งคนแล้วทำไมเหรอ?
เธอถอนหายใจเอาลมสกปรกๆ ออกมาหลินลั่วหรานทำได้ตามจุดประสงค์แล้ว รูปร่างของัน้ำนั้นยิ่งใหญ่การตายด้วยัช่างเข้ากับนักดาบชาวญี่ปุ่น นักปราชญ์จากประเทศอื่นต่างพากันยืนตัวแข็งพวกเขาหันมาสบตากัน ต่างก็เห็นได้ถึงความหวาดกลัวในแววตาของเพื่อนร่วมทีม จะแย่งสมบัติก็ได้แต่ว่าต้องมีชีวิตรอดด้วยถึงจะดี ไม่อย่างนั้นก็ต้องถอยก่อนน่ะสิ?
ดาน่าขัดขวางความตั้งใจที่จะล้อมโจมตีของพวกผีดูดเืเอาไว้แม้ว่าการที่ทุกคนเข้าไปพร้อมกันนั้นทั้งป้องกันและโจมตีก็สามารถฆ่านักปราชญ์สาวผู้นี้ได้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องสูญเสียและาเ็กันอีกเท่าไร
ก่อนหน้านี้พวกเขาเข้ามาทำร้ายตอนที่นักปราชญ์จีนกำลังพักเหนื่อยหลังจากปล่อยพลังดังนั้นก็เลยดูถูกพวกเขาไป ในตอนนี้เมื่อได้รู้แล้วว่านักปราชญ์ทางตะวันออกไม่ใช่ไม่เก่งแต่เป็เพราะพวกเขายังไม่ได้พบกับนักปราชญ์สาวที่มีพลังเก่งกล้าเช่นนี้ หัวใจของเหล่าบาทหลวงผู้หล่อเหลาต่างแตกสลายหญิงสาวที่ดูสวยสดงดงามราวกับนางฟ้าในเทพนิยายทำไมถึงฆ่าคนได้อย่างกับไทแรนโนซอรัส?
เื่ความดีใจของฝั่งคนจีนคงไม่ต้องพูดถึงแม้แต่เหวินกวนจิ่งที่เคยมีท่าทางยอมแพ้ก็หายไป หากพูดถึงเื่ความสามารถแล้วหลินลั่วหรานได้ใช้ท่าทางของเธอทำให้กลายเป็นักฝึกศาสตร์ชาวจีนรุ่นใหม่อันดับหนึ่งที่ไม่มีอะไรต้องหวาดหวั่นแล้ว!
ใบหน้าของหลีซีเอ๋อร์เปล่งประกายออกมาอย่าได้พูดถึงคนที่มีความโมโหอยู่อย่างซูอี้เหรินเลยตอนนี้เขาได้จัดให้หลินลั่วหรานเข้ามาอยู่ในอันดับคนที่เขาให้ความเคารพสามลำดับแล้ว อันดับแรกนั้นแน่นอนว่าต้องเป็อาจารย์ของเขาแต่ว่าที่สองนั้น จะให้เป็ “รุ่นพี่หลิน” หรือว่ายังเป็ “รุ่นพี่เหวิน” อย่างเดิมดี?เมื่อมองไปยังรุ่นพี่ที่ไม่ได้รู้เื่อะไร เขาก็ได้แต่กำหมัดแน่นเขารู้จักรุ่นพี่เหวินมานานหลายปีแล้ว แต่กลับจัดให้เขาลงไปอยู่อันดับที่สามถ้าเขารู้ขึ้นมาจะเสียใจมากแค่ไหนกัน? รุ่นพี่หลินก็ยังไม่ได้สนิทกันมากอย่างไรก็รู้สึกผิดเอาไว้ก่อนแล้วกัน...
“มิสหลิน ไม่ได้เจอกันหลายวันยังคงงดงามเหมือนเดิมเลยนะ” ดาน่าพูดขึ้นอย่างสบายๆทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัด
ริมฝีปากของหลินลั่วหรานยกยิ้มขึ้นแต่ใบหน้าของเธอกลับไม่ได้ยิ้มตาม แต่ก็ถือได้ว่าเธอตอบรับดาน่าแล้วใครบอกว่าคนต่างชาติเล่นไท่เก๊กไม่เป็พิธีรีตองสูงศักดิ์ของผีดูดเืดาน่าก็ทำได้ดีไม่ใช่เหรอเห็นได้ชัดว่าในถ้ำค้างคาวนั้นตั้งใจวางแผนไว้ พอมาตอนนี้กลับทำเป็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“รุ่นพี่พวกเราต้องข้ามแม่น้ำไหมคะ?” หลินลั่วหรานหันมาถามและพูดออกไปให้ศัตรูได้รับรู้ยิ่งเธอแนะนำออกมาอย่างสบายๆ คนพวกนั้นก็ยิ่งไม่อยากจะทำอะไร และสามารถเข้าใจคำว่า“รังแกคนอ่อนแอ เกรงกลัวผู้แข็งแกร่ง” ไปจนถึงแก่นลึก
ข้ามแม่น้ำ? เหวินกวนจิ่งนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้าลง
ความจริงจะข้ามหรือไม่ข้ามก็เหมือนกัน...แต่ถ้าหากพวกเขาข้ามไปแล้วก็จะสามารถสะบัดเห็บหมัดพวกนี้ออกไปได้ เมื่อเป็อย่างนั้นแล้วข้ามไปก็น่าจะดีกว่า
แต่แม่น้ำแห่งนี้มีบันทึกเอาไว้ในสารหยกว่ามีความกว้างกว่าห้าสิบเมตร อีกทั้งน้ำยังไหลเชี่ยว พลังของเขานั้นมีธาตุไฟเป็หลักแม้ว่าดาบบินจะยังไม่พัง แต่ก็เกรงว่าบินไปได้เพียงครึ่งทางก็อาจจะพลังหมดก่อนอีกทั้งยังไม่สามารถดูดซับพลังจากรอบข้างได้
ดาบบินของหลินลั่วหรานนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเกิดมาเพื่อให้ผู้หญิงได้ใช้ สวยสดงดงามดูเหมือนว่าจะไม่มีศาสตร์ที่ทำให้ขยายใหญ่ขึ้นเอาไว้...
เมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าหลินลั่วหรานก็โบกมือขึ้น เสี่ยวจินก็ขยับปีกบินลงมามันใช้หัวถูไถหลินลั่วหรานอยู่สักพัก ก่อนเธอจะกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของมันจนเสี่ยวจินต้องพยักหัวลงอย่างไม่ได้ยินดีนัก
“รุ่นพี่ เพื่อความปลอดภัยครั้งหนึ่งเสี่ยวจินจะพาไปได้สองคน พวกเราข้ามแม่น้ำกันเถอะ!”
เหวินกวนจิ่งพยักหน้าแน่นอนว่าเขากับหลินลั่วหรานรับหน้าที่ในการปกป้องดูแลพวกเขาจัดให้คนที่ทำปากยื่นอย่างหลีซีเอ๋อร์และซูอี้เหรินขึ้นไปก่อนในขณะที่ทางนี้กำลังมีความสุขและมีสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้นของอีกฝั่งเสี่ยวจินก็ขยับปีก ก่อนจะโบยบินออกไป
การที่ต้องทำหน้าที่เป็เครื่องบิน “รหัสเสี่ยวจิน”นั้นทำได้อย่างถนัด ไม่นานนักมันก็กลายเป็เพียงจุดดำบนท้องฟ้า มันบินออกห่างไปไกลแล้ว
ระยะทางห้าสิบกว่ากิโลเมตรเสี่ยวจินใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีก็บินกลับมา แม้จะไม่สามารถเทียบกับเครื่องบินได้แต่ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับรถยนต์มากนัก
หลินลั่วหรานให้ลูกท้อมันเป็ของรางวัลอินทรีโง่อย่างเสี่ยวจินที่ถูกผู้เป็นายหลอกล่อด้วยของรางวัลจึงหายเหนื่อยเป็ปลิดทิ้งมันเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ ก่อนจะมองข้ามเหล่านักปราชญ์จากประเทศอื่นที่พากันยืนนิ่ง
นักปราชญ์ต่างชาติ เหม่อลอยมากไปไหม?
แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ตอนนี้พวกเขากับอาการเหม่อลอยนั้น จริงๆ แล้วควรจะเรียกว่าอับอายเสียมากกว่าคนมากมายขนาดนี้ แต่กลับแย่งแผนที่มาจากเหวินกวนจิ่งไม่ได้ อีกทั้งยังยืดเยื้อจนมีคนมาช่วยเหลือ...ต่างคนต่างเกี่ยงกันกลัวจนไม่กล้าจะทำอะไรดูเหมือนว่าคุณชายสูงศักดิ์อย่างดาน่าไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปแล้วจึงพาพวกผีดูดเืบินจากไปก่อน
นี่เป็เื่ที่ช่วยไม่ได้ ขืนอยู่ที่นั่นต่อไปนอกจากจะดึงดันกับผู้หญิงคนนั้นแล้วยังหวังว่าจะจับมือตกลงกันแล้วขอให้เธอสั่งให้อินทรีนั่นพาข้ามไปอย่างนั้นเหรอ?
อย่าฝันเลย!
เมื่อเห็นว่าเหล่านักปราชญ์ต่างพากันแยกย้ายออกไปความรู้สึกหนักอึ้งที่แบกเอาไว้ก็เหมือนว่าจะเบาลงไปบ้าง เธอได้รับาเ็ภายในไม่ใช่เื่ที่จะรักษาได้ในไม่กี่วัน หากยังต้องต่อสู้กันไปอีก แม้จะชนะแต่เธอก็กลัวว่าจะยิ่งาเ็หนักขึ้น สุดท้ายคนที่ลำบากก็คือเธอ
“รุ่นพี่คนพวกนี้ทำไมถึงพูดจารู้เื่ขึ้นมาแล้ว?” เธอมองไปยังมนุษย์หมาป่าเปลือยท่อนบนที่ยังไม่อยากออกไปหลินลั่วหรานคิดขึ้นมาได้ว่าที่ด้านนอกเหวินกวนจิ่งเคยพูดเอาไว้ทุกครั้งที่สถานที่ลึกลับเปิดออก ทุกๆ คนต่างก็แย่งกันไม่หยุด แต่ดูจากตอนนี้แล้วดูเหมือนพวกเขาไม่อยากเสี่ยงชีวิตง่ายๆ สักเท่าไรเลย?
เหวินกวนจิ่งฝืนยิ้มถ้าไม่ใช่เพราะเธอฆ่าคนได้อย่างโเี้ พวกเขายอมออกไปก็แปลกอยู่หรอก! แต่ว่าเมื่อเป็แบบนี้แล้วเห็นได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่เหมือนกับที่หัวหน้าหน่วยบอกเหวินกวนจิ่งไตร่ตรองอยู่สักพักก่อนจะตอบกลับไป “น่าจะเพราะการฝึกศาสตร์ยากขึ้นทุกวันดังนั้นพวกนักปราชญ์ต่างชาติพวกนี้จึงไม่ค่อยอยากจะเสี่ยงชีวิตเท่าไร!”
การฝึกศาสตร์นั้นไม่ง่าย มันไม่ใช่คำพูดลอยๆแต่เมื่อดูจากร้อยปีที่แล้ว เมื่อกลับไปจากสถานที่ลึกลับสุดท้ายนักปราชญ์จีนต่างก็สามารถเป็ระดับพื้นฐานกันได้ทั้งนั้นอีกทั้งยังเป็จำนวนไม่น้อย แต่ครั้งนี้ล่ะ...เหวินกวนจิ่งมองไปยังหลินลั่วหรานนอกจากเธอจะสามารถเป็ระดับพื้นฐานได้แน่แล้ว เื่หลังจากนี้ใครจะบอกได้กัน?
หลินลั่วหรานความรู้สึกไวเธอสามารถรับรู้ได้ถึงความน้อยใจในน้ำเสียงของเขา เธอยิ้มออกมาบางๆก่อนจะพูดออกมาด้วยความหนักแน่น “รุ่นพี่เหวิน พี่ต้องเป็ระดับพื้นฐานได้แน่!”
คำพูดของเธอ แน่นอนว่าไม่ใช่คำสัญญาแต่เป็ความเชื่อมั่นที่มีในตัวเหวินกวนจิ่งและความคาดหวังที่มีต่อโลกการฝึกศาสตร์จีน
เหวินกวนจิ่งนั้นตามหลังเธอแค่ไม่กี่ก้าวความจริงก็เป็ระดับฝึกลมปราณปลาย ถ้าหากว่าเขายังไม่สามารถเป็ระดับพื้นฐานได้นักปราชญ์รุ่นใหม่ไม่ใช่ว่าต้องมีหลินลั่วหรานเพียงคนเดียวเหรอ?
โลกนั้นกว้างใหญ่ ถ้าหากว่ามีตัวเธอเพียงคนเดียวมันจะเป็ความเหงาที่โดดเดี่ยวมากแค่ไหนกัน...
เหวินกวนจิ่งนึกถึงแผนที่หนังแกะในอ้อมอกขึ้นมาเขารู้สึกเชื่อมั่นมากขึ้น ตัวเขาเป็ตัวอย่างของนักปราชญ์รุ่นใหม่มาโดยตลอดถ้าเขายังไม่อาจเป็ระดับพื้นฐานได้แล้วจะสร้างความมั่นใจให้กับพวกรุ่นน้องได้อย่างไร?
เขามองไปยังหลินลั่วหรานที่มองหาเงาของอินทรีทองได้แต่แอบกำหมัดแน่น ถ้าเขาไม่สามารถเป็ระดับพื้นฐานได้แล้วเขาจะเอาหน้าที่ไหนไปให้เธอเรียกว่า “รุ่นพี่เหวิน” กัน?!
เขาถอนหายใจเอาความไม่สบายใจออกมาก่อนที่เขาจะรู้สึกว่าท้องฟ้านั้นสว่างขึ้นมามาก
หลินลั่วหรานไม่ได้หันกลับมา แต่กลับรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของเหวินกวนจิ่งเหมือนกับวันที่เธอเข้าใจกระจ่างขึ้นที่บ้านของท่านผู้บังคับบัญชาฉินการฝึกศาสตร์นั้น หากไม่มีหัวใจที่กล้าหาญเพื่อออกไปตามหาพลังธรรมชาติแล้วจะสามารถฝึกศาสตร์ไปถึงระดับที่ไม่แก่ไม่ตายและอยู่สบายไปตลอดชีวิตได้อย่างไร?
ในผืนน้ำอันห่างไกลร่างของเสี่ยวจินก็ปรากฏขึ้น้า มันบินไปมากว่าสี่รอบแล้ว และรอบสุดท้ายก็เหลือเพียงเธอและเหวินกวนจิ่งแล้ว...
แน่นอนว่า “รหัสเสี่ยวจิน” นั้นดีใจที่สุดเมื่อเห็นจากไกลๆ ว่าเหลือเพียงสองคน มันก็แผดเสียงร้องที่เต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยและความดีใจออกมา