แสงจันทร์สาดส่องลงมายังป่ารกทึบที่ห้อมล้อมสถานที่แห่งหนึ่งไว้ วัดร้างไร้ชื่อถูกซุกซ่อนอยู่ภายใต้เงาไม้ไผ่ที่แกว่งไกวไปมาตามสายลม ม่านหมอกสีเทาคลุ้งทั่วบริเวณ ราวกับเป็ม่านพรางปิดบังความมืดดำที่ซ่อนเร้นอยู่ภายใน
แม้เคยเป็สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ แต่กาลเวลาที่ผันผ่านได้กลืนกินความรุ่งเรืองของมันไปจนหมดสิ้น หลังคาโบสถ์เก่าผุพัง แผ่นกระเบื้องแตกร้าวหล่นลงมากองตามพื้น บานประตูไม้สูงใหญ่ที่เคยโอ่อ่า กลับถูกกัดกร่อนด้วยกาลเวลา แง้มเปิดอ้ากว้างราวกับปากของอสูรร้ายที่พร้อมจะกลืนกินผู้ใดก็ตามที่ก้าวเข้ามา เสาของวัดถูกเลื้อยพันด้วยเถาวัลย์ ตะไคร่น้ำปกคลุมกำแพงหนาทึบ บ่งบอกว่าที่แห่งนี้ถูกทิ้งร้างมาช้านาน ความเงียบงันที่ผิดธรรมชาติเพิ่มความน่าขนลุก สายลมเย็นวูบผ่านไปพร้อมเสียงกระซิบของใบไผ่คล้ายเสียงกระซิบกระซาบของิญญาที่เร้นกายอยู่ในความมืด
ลู่วหยินก้าวขาเข้าเขตแดนของวัด ความรู้สึกอึดอัดหนักอึ้งบีบคั้นอยู่ในอก แม้ไม่ได้หวาดกลัวสิ่งลี้ลับ แต่บรรยากาศรอบตัวก็บีบให้เขาไม่อาจคลายความระแวดระวังได้ มือข้างหนึ่งจับด้ามกระบี่แน่น ดวงตาคมกริบสอดส่องรอบกาย
“ที่นี่สินะ” เขาพึมพำกับตนเอง สูดลมหายใจลึกพลางมุ่งหน้าไปยังโบสถ์เก่าที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางลานกว้าง
“พรรคเหินฟ้าส่งเ้ามาสินะ”
เสียงใสเย็นเยียบดังขึ้น ทว่ากลับแฝงไปด้วยความเฉยชา ลู่วหยินหยุดฝีเท้าเงยหน้ามองขึ้นไปยังหลังคาโบสถ์ ร่างหนึ่งยืนตระหง่านอยู่ที่นั่น แม้แสงจันทร์จะทอประกายอ่อน แต่ดวงตาลึกสีเทาของนางกลับฉายแววเ็า ราวกับเป็ดวงตาของผู้ที่มองเห็นความเป็ไปของโลกโดยปราศจากอารมณ์
นางสวมผ้าคลุมหน้าสีดำปิดบังใบหน้าส่วนล่างไว้ เผยให้เห็นเพียงดวงตาคมกริบและเส้นผมสีเงินเข้มที่ทัดไว้ด้วยปิ่นปักผมลวดลายอ่อนช้อย เครื่องแต่งกายของนางเป็ชุดบุรุษสีดำสนิท แต่ถึงกระนั้นก็มิอาจปกปิดสรีระอันอ่อนช้อยได้ สะโพกที่ผายรับกับส่วนเอวคอด กอปรกับหน้าอกที่สะท้อนแสงจันทร์เลือนราง บ่งบอกว่านางเป็สตรีโดยสมบูรณ์
ด้วยวิชาตัวเบาอันล้ำเลิศ นางพลิกกายตีลังกาลงจากจั่วหลังคาแ่เบาราวขนนก ร่างโปรยลงมาด้วยความสง่างาม ก่อนจะยืนประจันหน้ากับลู่วหยินโดยไม่หวาดหวั่น นางยกมือไขว้ไว้ด้านหลัง ร่างกายตั้งตรง แสดงออกถึงความมั่นใจและแข็งแกร่ง
ลู่วหยินจับจ้องไปยังเข็มกลัดที่ติดอยู่บนอกซ้ายนาง เป็ตราสัญลักษณ์ของพรรคมาร สิ่งนี้ทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าหญิงสาวเบื้องหน้าเป็ศัตรู
“คนของพรรคมาร!” เขากล่าวพลางชักกระบี่ออกจากฝัก แววตาเปลี่ยนเป็เยียบเย็นพร้อมเข้าสังหาร
หญิงสาวเพียงแสยะยิ้มบาง ราวกับกำลังดูถูกความใจร้อนของเขา “เ้ามาที่นี่เพื่อ ‘สิ่งนั้น’ ใช่หรือไม่”
ลู่วหยินขมวดคิ้วแน่น นางรู้ได้อย่างไรว่าเขามีจุดประสงค์ใด หรือพรรคมารล่วงรู้แผนการของพรรคเหินฟ้าั้แ่แรกแล้วกันแน่
“ข้ามไม่รู้ว่าเ้าพูดเื่อะไร” เขาตอบเสียงแข็ง
นางหัวเราะเบาๆ ดวงตาสีเทาฉายแววเ้าเล่ห์ “หัวใจแห่งโลกา...ข้าเดาว่านั่นคือสิ่งที่พรรคเหินฟ้า้า มิใช่หรือ”
ลู่วหยินกำกระบี่แน่น หัวใจเต้นระรัว 'นางรู้จริงๆ อย่างนั้นหรือ หรือว่าพรรคมารจะรู้อยู่แล้วว่าพรรคเหินฟ้ากำลังจะมา' ในใจเขาคาดเดาไปต่างๆ นาๆ
เพียงสบสายตา หญิงสาวพลันเลิกคิ้วเล็กน้อย นางมองดูบุรุษที่อยู่เบื้องหน้าด้วยแววตาเย้ยหยัน ดวงตาสีเทาลึกล้ำฉายแววฉงนปนเวทนา คำกล่าวของนางเปี่ยมด้วยความเย้ยหยันอย่างมิได้ปกปิด
"น่าแปลกที่ครั้งนี้พรรคเหินฟ้าส่งยอดฝีมือมาแค่คนเดียว หืม...ว่าแต่ทำไมสภาพเ้าถึงสะบักสะบอมเช่นนั้น? อย่าบอกนะว่าแค่พวกโครงกระดูกเ่าั้ก็ทำให้เ้ากลายเป็สภาพนี้ได้?"
นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ท่วงท่าผ่อนคลาย ราวกับคำพูดของตนเป็เพียงการหยอกล้อสัพยอกเท่านั้น แต่ในดวงตากลับเปล่งประกายเหยียดหยาม ขนาดแค่ซากศพเดินได้ยังทำให้เขาอยู่ในสภาพเช่นนี้ แล้วเขายังกล้ามาพูดเื่ต่อสู้กับพรรคมารอีกหรือ?
หากเป็นาง เพียงแค่สะบัดดาบครั้งเดียว คงไม่เหลือเศษกระดูกให้เก็บกวาดด้วยซ้ำ
ลู่วหยินกัดฟันแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ ข่มกลั้นความเ็ปภายในร่างกาย เขารู้ดีว่าสภาพของตนย่ำแย่เพียงใด แต่จะให้ศัตรูมองว่าตนไร้ค่าเช่นนี้มิได้! มือขวากำกระบี่แน่น ลำแสงเย็นวาบสะท้อนภายใต้แสงจันทร์
"นั่นมิใช่ธุระที่เ้าต้องใส่ใจ ส่ง 'สิ่งนั้น' มา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า" น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แม้กำลังภายในจะยังฟื้นฟูไม่เต็มที่ แต่เขามิอาจปล่อยให้ศัตรูดูแคลนพรรคเหินฟ้าไปได้มากกว่านี้
หญิงสาวหัวเราะเบาๆ คล้ายได้ยินเื่ชวนขัน "งั้นหรือ ข้าว่าแค่เ้ายกกระบี่ขึ้นก็ร้าวถึงกระดูกแล้วกระมัง"
นางกอดอกมองเขาด้วยสายตาประเมิน ประหนึ่งกำลังมองลูกแมวที่พยายามแยกเขี้ยวขู่สุนัขป่า ความดื้อดึงของเขาทำให้นางอดรู้สึกเวทนาไม่ได้ แม้รูปลักษณ์ภายนอกจะเป็จอมยุทธ์ แต่ััได้เลยว่าชีวิตของเขาช่างเ็ปและยากลำบากเพียงใด บางทีเขาอาจเป็เพียงหมากตัวหนึ่งที่ถูกใช้แล้วทิ้งโดยพรรคเหินฟ้า
"หุบปาก! ถึงข้าจะต้อยต่ำ แต่เพื่อพรรคและปกป้องสิ่งชั่วร้าย ต่อให้ข้าต้องสละชีวิต ข้าก็ยอม!" ลู่วหยินตวาดออกมาอย่างเหลืออด เขายืนหยัดในสิ่งที่ตนเองตั้งมั่น แม้ร่างกายจะย่ำแย่ แต่แรงใจกลับมิได้ลดละเลยแม้แต่น้อย
หญิงสาวจ้องเขานิ่ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "งั้นข้าขอถามอะไรหน่อยสิ เ้าคิดว่าพรรคของเ้าดีเลิศประเสริฐศรีงั้นหรือ?"
"พรรคมารไม่มีสิทธิ์มาจาบจ้วงพรรคเหินฟ้า!" ลู่วหยินสวนกลับทันทีโดยไม่ต้องคิด แม้จะรู้ดีว่าอีกฝ่ายอาจกำลังใช้วาจาปั่นหัวเขา แต่หัวใจของเขามั่นคงดั่งศิลา ไม่หวั่นไหวต่อคารมของพวกมารแม้แต่น้อย
"ข้าเดาได้ว่าประมุขพรรคของเ้าไม่ได้บอกสินะ ว่า 'หัวใจแห่งโลกา' มันคืออะไร ใช้ทำอะไรได้บ้างใช่ไหมล่ะ?"
ลู่วหยินกำกระบี่แน่นขึ้นกว่าเดิม "นั่นไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ข้าต้องสนใจ ข้าทำตามหน้าที่ของข้า!"
หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ "อืม...เ้าคงเป็สุนัขรับใช้แสนภักดีสินะ"
ลู่วหยินเห็นว่าเขาเสียเวลามามากพอแล้ว อีกทั้งกำลังภายในของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นพอให้ต่อสู้ได้ ดวงตาฉายแววมุ่งมั่น กระชับกระบี่ในมือแน่นขึ้น
"ส่งมาเสียดีๆ หรือจะต้องให้ข้าใช้กำลัง่ชิงมา!"
หญิงสาวยืนมองเขาด้วยแววตาเวทนา คล้ายกับกำลังมองดูบุคคลที่กู่ไม่กลับอีกแล้ว
"เ้าน่ะซื่อสัตย์ดีนะ" นางเอ่ยเสียงเบา "แต่เ้าไม่รู้เื่อะไรเลยสักนิด"
แววตาของนางลึกล้ำราวกับสามารถมองผ่านทะลุจิตใจของเขาได้ ลู่วหยินรู้สึกถึงบางอย่างที่ทำให้ใจเขาหวั่นไหว แต่มันเป็เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ในเมื่อเขาเลือกเส้นทางแล้ว ก็ไม่มีวันที่จะหันหลังกลับ
“หุบปากเสีย! เ้าไม่ต้องมาปั่นหัวข้า พรรคมารมีแต่เล่ห์เหลี่ยมต่ำช้า จะให้ข้าเชื่อคำพูดของเ้างั้นหรือ!” ลู่วหยินไม่อยากเปลืองน้ำลายอีกแล้ว เขาตั้งการ์ดกระบี่ ชี้ใบดาบแหลมคมไปที่นาง
หญิงสาวแค่นเสียงหัวเราะ “แล้วเ้าคิดว่าพรรคเหินฟ้าของเ้าเป็พรรคคุณธรรมสูงส่งงั้นหรอ” นางเอียงคอมองเขา แววตาฉายแววท้าทาย “บางที...เ้าอาจจะเป็แค่เบี้ยตัวหนึ่งที่ถูกใช้โดยไม่รู้ตัวก็ได้”
ลู่วหยินกัดฟันแน่น แรงโทสะแล่นพล่านไปทั่วร่าง เขาไม่มีเวลามาเสียเวลากับวาจาเหลวไหลของศัตรู มือที่จับกระบี่กระชับแน่นขึ้นกว่าเดิม “ไร้สาระ! ข้าไม่มีเวลาฟังคำพูดลวงของเ้า หากไม่อยากตาย จงส่ง 'สิ่งนั้น' มาเดี๋ยวนี้ ข้าจะไม่พูดซ้ำคราที่สอง!”
"เ้าคิดจะประมือ ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้จักนามของคู่ต่อสู้เ้าเลยนะ พรรคเ้าคงสอนมาดีน่าดูเลย..."
"ปราณกระบี่เหินฟ้า!"
นางไม่ทันได้พูดถางถางเขาจบ ลู่วหยินพุ่งเข้าโจมตีด้วย [ตัดวายุ] คลื่นเสี้ยวโค้งขนาดใหญ่แหวกอากาศพุ่งเข้าหานาง
หญิงสาวพรรคมาระโม้วนหลังหลบได้อย่างง่ายดาย หญิงสาวพรรคมารเบือนไปด้านข้างเล็กน้อย ปรายตามองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน
"เ้าคิดจะต่อกรกับข้าด้วยสภาพเช่นนี้จริงหรือ?" นางหัวเราะเบา แฝงความเ็า "กระบวนท่าของเ้า เดาทางง่ายเสียยิ่งกว่าบทกลอนของเด็กน้อยในพรรคเสียอีก"
เพียงคำพูดเสียดสียังมิทันจางหาย ลู่วหยินก็พุ่งทะยานขึ้นฟ้า ประกายกระบี่ส่องสะท้อนใต้เงาจันทร์ เขาใช้กระบวนท่าแรก [คมสลาตัน] ฟาดฟันลงมาด้วยพลังลมปราณอันรุนแรง ใบไผ่ปลิดปลิวแตกกระจายด้วยแรงกดดันของกระบี่
ทว่าหญิงสาวเพียงก้าวเท้าเบาๆ ถอยไปด้านข้าง ปล่อยให้คมกระบี่ฟาดผ่านไปโดยมิได้ระคายผิว นางหมุนกายพลิกมือ กระบี่สีดำสนิทแทงออกด้วยท่ารวดเร็วไร้ซึ่งสุ้มเสียง [แทงสวนสะบั้นวายชน] ลู่วหยินเบี่ยงตัวหลบได้ฉิวเฉียด แต่แรงลมของคมกระบี่ทำให้เสื้อของเขาฉีกขาดเป็แนวยาว
"ชักกระบี่ได้แข็งทื่อราวกับหุ่นไม้ เ้าแน่ใจหรือว่าฝึกปราณกระบี่เหินฟ้ามาจริง" นางกล่าวพลางหมุนกระบี่ควงไปรอบตัว ท่วงท่างามสง่าและทรงพลัง
ลู่วหยินกัดฟันสะบัดกระบี่ใช้ท่า [ตัดวายุ] คลื่นลมปราณฟาดออกเป็แนวตรงหวังตัดผ่านเกราะปราณของนาง หากแต่นางเพียงพลิ้วกายหมุนตัว หลุดพ้นจากรัศมีการโจมตีอย่างง่ายดาย ดั่งสายลมอันไร้รูปร่าง
"เชื่องช้า... ไร้ซึ่งพลิกแพลง... เห็นแล้วน่าเบื่อเสียจริง" นางยิ้มเ็า ก่อนจะใช้ท่า [คมดาบรัติกาล] ตวัดกระบี่แหวกม่านอากาศ เสียงเสียดสีของคมดาบกับลมปราณดังสะท้านไปทั่ว ลู่วหยินรีบยกกระบี่ขึ้นปัดป้อง แต่แรงปะทะทำให้แขนของเขาสั่นสะท้าน เขาถอยหลังไปสองก้าว ฝ่าเท้าจมลงไปในเศษซากใบไผ่
หญิงสาวมิให้โอกาสได้ตั้งหลัก วาดกระบี่พุ่งเข้าจู่โจมต่อเนื่องด้วยกระบวนท่ารวดเร็ว [จักระนิรยบาล] ปลายกระบี่ทมิฬแหวกอากาศเป็วงหมุน ราวกับวงแหวนแห่งอเวจีที่พร้อมจะบดขยี้ทุกสิ่ง
ลู่วหยินเบี่ยงตัวหลบ แต่ปลายกระบี่ของนางยังคงตามติดดุจเงา เขากัดฟันโคจรลมปราณ ปล่อยท่าสุดท้ายที่มีพลังมากที่สุด [เหมันต์ทลาย] ลมปราณเย็นเยียบแผ่ซ่านออกไปทั่วบริเวณ คมกระบี่ที่ตวัดออกไปพุ่งตรงเข้าหาหญิงสาวเบื้องหน้า
แต่แทนที่นางจะถอยหนี นางกลับแทงกระบี่ออกสวนหมัดด้วยความเฉียบคม พลังของ [แทงสวนสะบั้นวายชน] ทำลายแรงปะทะของลู่วหยินจนสิ้นซาก เขายกกระบี่ขึ้นตั้งกันแต่ไม่อาจยั้งแรงะเิของพลังลมปราณสีดำทมิฬสะท้อนกลับ กระเด็นไปกระแทกต้นไผ่ล้มระเนระนาด เืไหลซึมออกมุมปาก
หญิงสาวเดินเข้าหาเขาช้า ๆ ดวงตาสีเทาของนางสะท้อนประกายเ็า "ข้าคิดไว้อยู่แล้วว่าเ้าเป็แค่นกที่พยายามจะบินสูง แต่สุดท้ายก็แค่ร่วงลงมา... น่าสมเพชจริงๆ"
ลู่วหยินพยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่ร่างกายของเขากลับไม่ขยับตามที่้า เขารู้แล้วว่าความต่างของวรยุทธ์นั้นมากเพียงใด นางมิใช่คู่มือที่เขาจะเอาชนะได้โดยง่าย แต่ถึงกระนั้น ในดวงตาของเขายังคงมีเปลวเพลิงแห่งการต่อสู้ที่ยังไม่มอดดับ
"ยอมแพ้เสียเถิด ข้าไม่อยากฆ่าคนไม่มีทางสู้" นางชี้ปลายดาบไปที่เขา
"ไม่มีทาง! ถ้าข้าไม่ได้ 'สิ่งนั้น' กลับไป ข้าขอตายเสียดีกว่า!" เขากัดฟันกรอดแล้วตั้งท่ากระบี่อีกครั้ง
"เ้านี่มันงี่เง่าเสียจริง! แต่ก็นะ...ข้าก็รู้สึกประทับใจในความใจสู้ของเ้า น่าเสียดายที่คนใสซื่อต้องมาตายเพราะโดนหลอกใช้"
"ย๊ากกก!"
ลู่วหยินพุ่งคมดาบไปหานางอีกครั้ง เพียงแค่นางตวัดกระบี่ขึ้น กระบี่ของเขาก็กระเด็นออกมือ หมดหนทางให้เขาสู้ต่อ
หญิงสาวพรรคมารหมุนกระบี่ในมืออย่างเชื่องช้า ปรายตามองลู่วหยินที่บัดนี้ไร้อาวุธ ดวงตาสีเทาลึกเร้นไปด้วยความเวทนา
"พอเถอะ เ้าเองก็รู้ดีว่าไม่มีทางชนะข้า" นางเอ่ยเสียงราบเรียบ "ต่อให้เ้าจะพยายามฝืนอีกกี่ครั้ง ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิม เ้าเพียงแต่เสียแรงเปล่าเท่านั้น"
"หุบปาก!" ลู่วหยินกัดฟันแน่น หยาดเหงื่อและโลหิตไหลซึมตามขอบริมฝีปาก ถึงจะเสียกระบี่ไป แต่เขายังมีสองมือและร่างกายนี้อยู่ เขาตั้งท่าหมัด แน่นิ่งประดุจขุนเขา ก่อนจะพุ่งทะยานเข้าใส่นางด้วยวิชาฝ่ามือ
เมื่อหมัดแรกพุ่งเข้าหา นางเอียงตัวหลบอย่างง่ายดาย ไม่ต้องออกแรงใดๆ ราวกับสายลมพลิ้วพัด ผ่านไปโดยไร้ร่องรอย นางพลิกข้อมือเล็กน้อย ฝ่ามือของลู่วหยินตวัดเฉียดร่างนางไปเพียงเส้นยาแดง
เพียงแค่นางตวัดกระบี่ขึ้น กระบี่ของเขาก็กระเด็นออกมือ หมดหนทางให้เขาสู้ต่อ
'เร็ว... นางเร็วกว่าข้ามากเกินไป!' ลู่วหยินรู้สึกถึงช่องว่างของพลังฝีมืออย่างชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่อาจหยุดยั้งร่างกายตัวเองจากความพยายาม
เขาย่อตัวหมุนพลิก ใช้แรงเหวี่ยงของร่างกายส่งฝ่ามืออัดเข้าหาชายโครงนาง ทว่านางกลับหมุนตัวพลิ้วไหว อ้อมไปอยู่ด้านหลังเขาในพริบตา
"ไร้ค่า..." เสียงกระซิบเย้ยหยันดังอยู่ข้างหู ก่อนที่ฝ่ามือของนางจะแตะเบาๆ ลงบนไหล่ของเขา แล้วออกแรงผลักเพียงนิดเดียว
"อึก!" ลู่วหยินถูกส่งกระเด็นไปข้างหน้า ไถลล้มลงกับพื้นอย่างหมดท่า
"เ้าสู้ข้าไม่ได้ รับความจริงเสียเถิด" นางเอ่ยเสียงเรียบ กวาดตามองเขาที่นอนหอบหายใจอย่างอ่อนแรง "หรือเ้าจะรอให้ข้าลงมือหนักกว่านี้ล่ะ"
นางกระชับกระบี่ในมือเล็กน้อย แรงกดดันแผ่ซ่านออกมาทำให้บรรยากาศรอบข้างราวกับหยุดนิ่ง ลู่วหยินกำมือแน่นจนสั่นเทา ดวงตาเหมือนจะวูบปิดได้ทุกครั้งที่กระพริบ กำลังของร่างกายเหลือไม่มากแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้