ตอนที่อยู่ในโรงเตี๊ยมเมื่อครู่ ภารกิจที่ซูิเยว่ได้ให้หนิงหยวนทำก็คือให้เขาไปหาศพใหม่ที่สุสานมาหนึ่งศพ จากนั้นก็โยนเข้าไปในร้านขายผ้าแล้วจุดไฟเผา
ซูิเยว่หันไปมองหวังซวิน “ั้แ่นี้เป็ต้นไป หวังซวินได้ถูกไฟคลอกตายไปแล้ว ในโลกนี้เหลือแค่เพียงอาต้า ไม่มีหวังซวินอีกแล้ว จำได้หรือไม่?”
“ขอรับ” หวังซวินมองซูิเยว่แล้วพยักหน้าหนักแน่น “ข้าจำได้ขอรับคุณหนู”
เขาพูดไปก็พลันคุกเข่าลง “ขอบคุณคุณหนูที่ได้ช่วยชีวิตข้าอีกครั้ง ต่อไปข้าจะทำงานเป็วัวเป็ม้าตอบแทนบุญคุณคุณหนู จะให้บุกน้ำลุยไฟก็ไม่หวั่นขอรับ”
“เอาล่ะ ลุกขึ้นได้แล้ว” ซูิเยว่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ความจริงแล้วนี่ก็ไม่ใช่เพื่อหวังซวินทั้งหมด แต่ถือว่าทำเพื่อตัวนางที่อยากกำจัดความกังวลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย
“ขอบคุณคุณหนูมากขอรับ” หวังซวินยืนขึ้นมองซูิเยว่ด้วยใบหน้าซาบซึ้ง
เสี่ยวอวี่ถาม “เช่นนั้นตอนนี้พวกเราก็กลับกันได้แล้วใช่หรือไม่เ้าคะ”
ซูิเยว่พิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอามือเท้าค้างพูด “ตอนนี้ ‘หวังซวิน’ ตายไปแล้ว ดังนั้นธุรกิจที่อยู่ภายใต้ชื่อของเขาก็จะถูกสำนักราชการริบไป ที่ดินในมือของเขาก็จะสูญเปล่า แต่ธุรกิจพวกนั้นจะปล่อยให้สิ้นเปลืองไม่ได้ พวกเราไปจัดการกันก่อนเถิด”
อย่างไรตอนนี้ในจวนสกุลซูก็ไม่ปลอดภัย ทำอะไรก็ล้วนอยู่ในสายตาของคนอื่น เื้ัของนางไม่มีการช่วยเหลือใดใด นางจะต้องคิดหาวิธีทำธุรกิจและทิ้งเส้นทางรอดของตัวเองสักเส้นทางหนึ่งและสร้างพื้นที่ของตัวเองขึ้นมา
ทั้งสามคนต่างมองไปทางนาง หวังซวินเอ่ยปากขึ้นมาก่อน “เช่นนั้นคุณหนูวางแผนจะทำอะไรหรือขอรับ?”
“เอาเช่นนี้แล้วกัน” ซูิเยว่ดีดนิ้วมองหวังซวินแล้วพูด “ข้าจะเอาร้านค้าพวกนั้นของเ้ามา แล้วก็ให้เ้าเป็คนคอยบริหาร หนึ่ง เพราะเ้าเดิมทีก็ถนัดด้านธุรกิจอยู่แล้ว อีกทั้งธุรกิจพวกนั้นเดิมทีก็เป็ของเ้า ไม่มีใครรู้จักมันดีเท่าเ้าอีกแล้ว สอง เ้ายังอยู่ข้างกายข้าได้ไม่นานจึงไม่ถูกคนอื่นจำได้ คิดว่าอย่างไร?”
“ไม่มีปัญหาขอรับ” หวังซวินบอกตัวเองอย่างเชื่อมั่น “มอบหมายให้ข้าทำ คุณหนูก็วางใจได้เลยขอรับ”
เสี่ยวอวี่ฟังมาได้ครู่หนึ่งก็เข้าใจแล้ว ซูิเยว่นั้นวางแผนที่จะเอาธุรกิจพวกนั้นของหวังซินมาเป็ของตัวเอง “แต่คุณหนู เื่นี้จำเป็ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยนะขอรับ หากพวกเราใช้เงินในจวนมากมายขนาดนั้น ใต้เท้าสกุลซูจะต้องรู้เข้าแน่นอน”
ซูิเยว่ฟังคำพูดของเสี่ยวอวี่จบก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน เมื่อครู่ไม่ได้คิดถึงเื่นี้เลย ที่มาของเงินทุนนั้นมีปัญหาจริงๆ เงินที่จะซื้อร้านค้านั้นนางไม่สามารถเอาเงินจากในจวนสกุลซูมาใช้ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้หลินโม่สงสัยแน่
แต่ว่าจะทำอย่างไรดีล่ะ?
ในตอนนี้เองหวังซวินก็เอ่ยออกมา “คุณหนู เื่เงินที่จะซื้อร้านค้าทั้งหมดนั้นท่านไม่ต้องกังวลใจไป ก่อนหน้านี้ตอนที่ข้าเป็ลูกน้องทำงานให้กับองค์ชายห้า ข้ารู้ว่าเขาคนนี้เป็คนลงมือโเี้ ข้าจึงเตรียมหนทางเอาตัวรอดไว้แล้วขอรับ ข้าได้เอาเงินไปเก็บไว้ในคลังการเงินโดยใช้ตัวตนปลอม เงินนั้นเอามาซื้อร้านค้าพวกนี้ได้อย่างไม่มีปัญหาแน่ขอรับ”
เขาพูดไปก็ล้วงตั๋วเงินออกมาจากอกเสื้อแล้วส่งให้ซูิเยว่ “คุณหนู ข้าเก็บมันติดตัวมาตลอดขอรับ”
ซูิเยว่เดิมทียังขมวดคิ้วแน่นอยู่ พอได้ยินคำพูดของหวังซวินก็มองเขาอย่างดีใจ “ทำได้ดีมาก”
ซูิเยว่ชมหวังซวินหนึ่งที ต่อมาก็รับตั๋วเงินในมือของเขาไป “เช่นนั้นตอนนี้ก็ง่ายแล้ว เงินทุนก็มีแล้ว เหลือก็แค่เอาร้านค้าพวกนั้นมาไว้ในมือ เ้าวางใจเถิด ในเมื่อเงินทุนพวกนี้เป็ของเ้า ถึงตอนนั้นเงินกำไรส่วนใหญ่ของร้านก็ยังเป็ของเ้าอยู่ดี”
“ไม่ ไม่ขอรับ” หวังซวินรีบโบกมือทันที “แค่คุณหนูช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าก็ซาบซึ้งมากแล้ว หลังจากซื้อร้านค้าพวกนี้แล้ว ต่อไปคุณหนูก็คือเ้าของแล้ว ข้านั้นไม่อาจรับเอาไว้ได้ขอรับ”
“ก็ได้” ซูิเยว่เองก็ไม่ได้บังคับ “ต่อไปเื่นี้จะมีผลลัพธ์อย่างเดียวแล้ว”
หวังซวินโยนคำถามสำคัญออกไปอีกครั้ง “เช่นนั้น ร้านค้าพวกนี้จะเป็ใครที่ไปซื้อกับสำนักราชการหรือขอรับ?”
ทุกคนมองหน้ากันไปมา ตอนนี้ที่ข้างกายของซูิเยว่คนที่เชื่อใจได้ก็มีแค่เสี่ยวอวี่ หนิงหยวนและหวังซวินสามคน แต่สามคนนี้ล้วนไม่เหมาะที่จะออกหน้าทำเื่นี้ ซูิเยว่ก็ยิ่งไม่ได้แล้วใหญ่
หรือว่าเื่จะจบลงแค่นี้ทั้งๆ ที่ยังไม่เป็รูปเป็ร่าง?
ซูิเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็นึกถึงคนคนเดียวที่สามารถขอร้องให้ช่วยได้
ซูิเยว่ลอบถอนหายใจในใจ ชีวิตนี่ช่างยากเย็นจริงๆ
เมื่อเื่ราวมาถึงขั้นนี้ก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ทำได้แค่ต้องไปหาคนคนนั้น
“เอาเช่นนี้แล้วกัน” ซูิเยว่มองทุกคนแล้วพูด “ข้านึกถึงคนคนหนึ่งขึ้นมา บางทีอาจจะช่วยพวกเราได้ แต่ข้าจะต้องไปหาเขาก่อน พวกเ้าก็ไปรอข้าที่ตี้อีโหลว”
“ใครหรือเ้าคะ?”
เสี่ยวอวี่ถามอย่างอยากรู้ ซูิเยว่ใกล้ชิดกับใครบ้าง สนิทกับใครบ้าง นางรู้ดีมาก
ซูิเยว่เองก็ไม่ได้ปกปิดพวกเขาแล้วบอกไปตรงๆ “องค์ชายสาม จี๋โม่หาน”
ใบหน้าของทั้งสามคนแสดงความตกตะลึงออกมาทันที ใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งถึงได้สติกลับมา เมืองหลวงนี้มีองค์ชายสามจี๋โม่หานแค่พระองค์เดียวเท่านั้น อีกทั้งยังเป็คนที่ช่วยชีวิตซูิเยว่เอาไว้เมื่อคืนอีก
“คุณหนู” หนิงหยวนขมวดคิ้ว “องค์ชายสามเป็คนของราชวงศ์ คนคนนี้พวกเราเองก็ไม่ได้สนิท เขาจะตกลงหรือขอรับ คุณหนูโปรดคิดให้ดีๆ เถิดขอรับ”
จี๋โม่หานจะตอบรับช่วยนางหรือไม่ ในใจของซูิเยว่เองก็ไม่แน่ใจ แต่ตอนนี้จี๋โม่หานนั้นเป็คนเดียวที่จะช่วยนางได้
จี๋โม่หานคนนี้มีความคิดซับซ้อนมาก อีกทั้งอาจจะรู้แล้วว่านางแอบทำเื่พวกนั้นไว้ แต่ก็ไม่ได้เปิดเผยเื่ของนางออกมา
ถึงจะไม่รู้ว่าจี๋โม่หานมีเป้าหมายอะไรกันแน่ แต่อย่างน้อยตอนนี้จี๋โม่หานก็เป็คนที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
“วางใจเถิด ถึงแม้ข้าจะไม่ค่อยเข้าใจจี๋โม่หานและไม่เคยคุยกันมาก่อน แต่อย่างไรเมื่อคืนก็เป็เขาที่ช่วยข้าเอาไว้ ตอนนี้มีแค่เขาคนเดียวที่สามารถช่วยพวกเราได้”
หนิงหยวนพูดต่อ “เช่นนั้นก็ได้ขอรับ คุณหนูระวังตัวด้วย”
“อืม”
หลังจากแยกทางกันแล้ว พวกหนิงหยวนสามคนก็กลับไปที่ตี้อีโหลวก่อน ส่วนซูิเยว่ก็ไปที่จวนองค์ชายสามเพียงคนเดียว
จากตรงนี้ไปที่จวนองค์ชายสามนั้นก็ไม่ได้ใกล้ ซูิเยว่ต้องจ้างรถม้าคันหนึ่ง จากนั้นค่อยลงตอนใกล้จะถึงจวนองค์ชายสาม
จวนองค์ชายสามค่อนข้างห่างไกล ประตูจวนก็มีทหารคุ้มกันหนาแน่น จากที่ได้ยินมาทหารพวกนี้ล้วนร่วมสนามรบกับจี๋โม่หานในตอนนั้น ดังนั้นหากมีคนคิดจะบุกเข้าไปในจวนก็เป็เื่ที่ไม่ฉลาดนัก
ซูิเยว่เดินมาถึงหน้าประตูใหญ่ก็ถูกกันเอาไว้ องครักษ์ที่หน้าประตูจำนางไม่ได้ “หยุด มาทำอะไรที่นี่?”
ซูิเยว่ตอบตามความจริง “ข้าคือซูิเยว่ บุตรีของสกุลซู เดินทางมาที่นี่เพื่อขอเข้าเฝ้าองค์ชายสาม รบกวนไปรายงานด้วย”
องครักษ์หลายคนมองตากันก่อนจะปฏิเสธออกมาอย่างเ็า “องค์ชายสามของพวกเราไม่พบแขก”
นิสัยขององค์ชายสามเป็อย่างไรพวกเขารู้ดี ปกติแล้วจี๋โม่หานไม่ชอบพบแขก โดยเฉพาะสตรี ดังนั้นไม่ว่าจะเป็คุณหนูบ้านไหนก็ไม่พบ
แต่วันนี้นางจะต้องพบจี๋โม่หานให้ได้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้