“ปัง!” เสียงพลันดังขึ้น หมัดของเย่เฟิงโจมตีกระบองหลิวจินเต็ม ๆ ด้วยพลังอันแกร่งกล้าทำให้กระบองหลิวจินสั่นอย่างแรง จากนั้นอัดกระแทกเข้าที่หน้าอกของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น ทำให้เขาเซถอยหลังพร้อมกระอักเื
ฉากนี้ทำให้ทุกคนต่างต้องตกตะลึง การโจมตีของเย่เฟิงทรงพลังมาก แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ก็ยังต้านไม่ได้ ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว
จากนั้นเย่เฟิงก้าวออกมาพร้อมเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นไปด้วยพลังเกินสองแสนจินโจมตีต่อทันที ราวกับหมัดนั้นสามารถบดขยี้ทุกสิ่งให้แหลกเป็ผุยผง
“ตาย!” แม้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 คนนั้นจะาเ็ แต่เขาเป็คนแน่วแน่ เขาจึงเผชิญหน้ากับหมัดของเย่เฟิงอีกครั้งและตอบสนองในทันที จากนั้นเขาฟาดกระบองหลิวจินที่เปี่ยมด้วยพลังมหาศาลออกไป
“ตูม!” หมัดของเย่เฟิงเข้าปะทะกับอาวุธของอีกฝ่ายโดยไร้ความเกรงกลัวใด ๆ ตามมาด้วยเสียงปะทะดังสนั่น ทันใดนั้นคลื่นพลังจากกระบองหลิวจินถูกส่งไปยังแขนของผู้ฝึกยุทธ์คนนั้น ทำให้กระดูกแขนของเขาส่งเสียงกร๊อบดังลั่นออกมา มิหนำซ้ำกระบองหลิวจินยังกระแทกเข้าที่หน้าอกของเขาอีกครั้ง ทำให้กระดูกบริเวณหน้าอกแตกหักหลายท่อน พร้อมเสียงร้องโหยหวนดังออกจากปากเขา
“สารเลว เอานี่ไปกินซะ!” ขณะเดียวกันอีกด้านหนึ่ง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ฝ่ายราชวงศ์ซัดผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนกระเด็นออกไป จากนั้นวาดฝ่ามือจู่โจมเย่เฟิง หมายสังหารเย่เฟิงด้วยฝ่ามือนี้
“ไปให้พ้น!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ จากนั้นเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นด้วยอำนาจฟ้าดินขั้นผันแปร่ปลาย ก่อนจะเข้าปะทะกับพลังฝ่ามือของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 คนนั้น
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว เย่เฟิงยังคงนิ่งดุจภูผา แต่ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ฝ่ายราชวงศ์ถูกซัดจนเซถอยหลังไป 6-7 ก้าว ลมปราณก็แตกซ่านเล็กน้อย
“วูบ!” ขณะเดียวกันเย่เฟิงเคลื่อนไหวอีกครั้ง พร้อมโคจรพลังดารา ก่อนจะหายตัวไปจากที่เดิม แล้วไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ที่ถือกระบองหลิวจินคนนั้นในนาทีต่อมา
“ตาย!” เสียงเย็นเยือกดังออกจากปากของเย่เฟิง จากนั้นวาดฝ่ามือภูผาพิฆาตจู่โจมทันที ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์คนนั้นตื่นใ ก่อนจะใช้พลังฝ่ามือเข้าต่อต้าน แต่กลับไร้ประโยชน์
การโจมตีของเขาสู้ฝ่ามือภูผาพิฆาตของเย่เฟิงไม่ได้ กระดูกแขนจึงหักไปหลายท่อน ขณะเดียวกันพลังภูผาพิฆาตก็จู่โจมเข้าที่หน้าอกของเขาเต็มแรง ทำให้หน้าอกของเขายุบลงไป ก่อนจะตายคาที่
“โหดร้ายมาก!” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องตกตะลึงพร้อมตัวสั่นสะท้าน พลังของเย่เฟิงไม่เพียงแต่เกินความคาดหมายของพวกเขา แต่ยังลงมือเด็ดขาดและโเี้มาก แม้อีกฝ่ายจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 และ 6 แต่ก็ยังสู้เย่เฟิงไม่ได้
สีหน้าของจ้าวหยางและเซิ่งอ๋องเปลี่ยนไป พวกเขาไม่คาดคิดว่าเย่เฟิงจะก้าวหน้าขนาดนี้ในเวลาสั้น ๆ เพียง 20 วันเท่านั้น โดยเฉพาะเซิ่งอ๋อง เมื่อวานนี้เขาส่งผู้ฝึกยุทธ์กลุ่มใหญ่ไปจัดการเย่เฟิง ในกลุ่มนี้รวมทั้งผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดอย่างเหยียนว่านซานด้วย แต่ก็ยังคงฆ่าเย่เฟิงไม่สำเร็จ เย่เฟิงไม่เพียงแต่ไม่ตาย แต่พลังยังก้าวหน้าขึ้นอีก
ฉากนี้ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์อีกสองคนตกตะลึง โดยเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ที่เพิ่งประมือกับเย่เฟิง เขาเผยสีหน้าเหลือเชื่ออย่างตื่นตระหนก ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสู้กับเย่เฟิงได้ เย่เฟิงอยู่แค่ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 ไม่เพียงแต่คว้าชัยชนะมาได้สำเร็จ แต่ยังซัดเขากระเด็น ยิ่งกว่านั้นยังฆ่าสหายของพวกเขาด้วย ทั้งหมดนี้ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
“ไป พวกเราร่วมมือกันกำจัดเด็กนี่!” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 กล่าวกับสหายของเขา อีกฝ่ายก็พยักหน้าทันที พวกเขาร่วมมือกันเพื่อจะกำจัดเย่เฟิง ทว่าพวกเขายังไม่ทันได้ก้าวเท้า ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนก็มาขวางทางพวกเขา ก่อนทั้งสองฝ่ายจะเปิดศึกกันอีกครั้ง
“ฟึ่บ!” หลังจากผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 ทั้งสองคนปะทะกัน จู่ ๆ เย่เฟิงก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง พร้อมพลังดาราห้อมล้อมร่าง เคลื่อนไหวราวกับแสงดาวก่อนจะไปเยือนเบื้องหน้าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 ฝ่ายราชวงศ์คนนั้นในพริบตา พร้อมกับเหวี่ยงหมัดที่อัดแน่นด้วยพลังไร้เทียมทานเข้าโจมตี นี่ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 คนนั้นหน้าถอดสี เขาเห็นพลังของเย่เฟิงกับตาตัวเองแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่อยากปะทะกับเย่เฟิง แต่เย่เฟิงลงมือเร็วเกินไป จนทำให้เขาตอบสนองไม่ทัน เขาทำได้เพียงยกมือขึ้นต้านหมัดนั้น ก่อนหมัดจะโจมตีมา ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 คนนั้นรู้สึกตัวสั่นสะท้าน และอวัยวะภายในได้รับความเสียหายอย่างหนัก
“ตาย!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ เขาไม่คิดปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสใด ๆ จึงรัวหมัดโจมตีต่อเนื่อง หมัดก็ทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ
“ข้ายอมแพ้!” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 คนนั้นรู้สึกตัวเองทนไม่ไหว หากเป็เช่นนี้ต่อไป เขาต้องถูกฆ่าตายเป็แน่ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยคำว่ายอมแพ้ออกไป หวังว่าเย่เฟิงจะหยุดโจมตีเขา
“เมื่อครู่อยากฆ่าข้า บัดนี้คิดว่าตัวเองไม่ไหว ก็เลยยอมแพ้งั้นหรือ เ้าคิดว่ามันเป็ไปได้ด้วยหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม เขาไม่ใช่คนใจบุญที่จะยอมให้ใครง่าย ๆ หากผู้อื่น้าฆ่าเขา เขาก็จะทำให้คนผู้นั้นชดใช้ด้วยราคาแสนเ็ป และไม่มีทางเมตตาด้วยคำขอร้องใด ๆ
“ตูม!” เย่เฟิงไม่หยุดเคลื่อนไหวแต่อย่างใด ท้ายที่สุดหมัดของเขาก็โจมตีไปที่จุดตันเถียนและจุดชี่ไห่ของอีกฝ่าย ทำให้อีกฝ่ายกรีดร้องโหยหวนด้วยความเ็ป ก่อนร่างจะกระเด็นปลิวไป กลายเป็คนไร้ค่าไปในที่สุด
“หมอนี่...” เมื่อทุกคนเห็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 5 คนนั้นถูกทำลายตบะต่างก็ใจเต้นโครมคราม เย่เฟิงลงมือได้โเี้มาก นี่ทำให้จ้าวหยางเผยสีหน้าอึมครึม “เ้าทั้งฆ่าคนและทำลายตบะ เช่นนั้นการประลองก็ไม่จำเป็แล้ว หยุดเถิด!”
เย่เฟิงหันไปมองจ้าวหยางด้วยสีหน้าดูแคลน “องค์ชายใหญ่กำลังล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ? ก่อนหน้านี้ตอนศึกต่อสู้ยังไม่เริ่ม ท่านก็ไม่ได้บอกว่าจะให้หยุดกลางคันได้ เวลานั้นท่านยังบอกอีกว่าหากข้าถูกผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายท่านฆ่าตายก็จะไปแค้นเคืองผู้อื่นมิได้ ทำได้เพียงโทษตัวเองที่โชคร้าย บัดนี้ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายท่านถูกข้ากำราบ ท่านก็คิดจะหยุด หรือท่านไม่คิดว่าความคิดของตนน่าขันไปหน่อยหรือ?”
เย่เฟิงเผยสีหน้าเย้ยหยัน แม้เผชิญหน้ากับองค์ชายใหญ่จ้าวหยาง แต่ก็ยังคงกล่าวโดยไร้ความเกรงใจใด ๆ เมื่อจ้าวหยางได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็รู้สึกหน้าร้อนวูบวาบ ราวกับถูกตบหน้าต่อหน้าสาธารณชนอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เขายอมรับไม่ได้
ต่อจากนั้นก็ถึงตาของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 ฝ่ายราชวงศ์ แม้พลังของอีกฝ่ายจะแกร่งกล้าเพียงใด แต่ก็ยังคงถูกเย่เฟิงทำลายตบะด้วยหมัดเดียวจนกลายเป็คนไร้ค่า
“เยี่ยม เยี่ยมมากเย่เฟิง!” ทางฝั่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ทุกคนต่างปรบมือพร้อมส่งเสียงโห่ร้องแสดงความดีใจ แต่กลับกัน ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์มีสีหน้าอึมครึม จากนั้นเห็นจ้าวหยางพูดขึ้นว่า “หลิวฉางเฟิง ถึงตาพวกเ้าออกโรงอีกครั้งแล้ว ข้าจะรอดูความสำเร็จของพวกเ้า”
“ขอรับ ท่านอ๋อง” หลิวฉางเฟิงรับคำสั่ง จากนั้นเขา หยางจง และนักดาบตาเดียวก็เดินออกมาพร้อมกัน
แม้ด้วยการนำของเย่เฟิงจะทำให้ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนคว้าชัยชนะไปสองครั้ง แต่คะแนนของฝ่ายราชวงศ์ก็ยังคงนำหน้า ซึ่งพลังของพวกหลิวฉางเฟิงก็พิสูจน์ไปแล้วก่อนหน้านี้ ดังนั้นศึกนี้ฝ่ายราชวงศ์คว้าชัยชนะมาได้อย่างแน่นอน
“ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนใครจะออกมา?” หลิวฉางเฟิงยืนตระหง่านท่ามกลางพวกเขาสามคน พร้อมกล่าวเช่นนั้น
“เย่เฟิง เ้าว่าฝ่ายเราใครจะออกไปดี?” ด้วยการนำของเย่เฟิงจึงทำให้ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนคว้าชัยชนะสองครั้งติด ฉินเจิ้นถิงจำต้องเลื่อมใสในพลังของเย่เฟิง จึงอดเอ่ยถามไปเช่นนั้นไม่ได้
“หากผู้าุโฉินเชื่อข้า ข้าย่อมมีวิธีจัดการพวกเขา” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้ม
“วิธีอะไรหรือ อย่าหลอกกันนะ” ฉินเยียนหรานที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ เย่เฟิงแข็งแกร่งจริง ๆ นางเองก็ดีใจไปด้วย ดังนั้นจึงอยากรู้ว่าเย่เฟิงจะใช้วิธีอะไรในการจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์
“ผู้าุโเยว่ ท่านนำกระบวนทัพออกรบได้หรือไม่!” เย่เฟิงยิ้มพลางเหลือบมองฉินเยียนหราน จากนั้นหันไปพูดกับเยว่กู่ที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ แม้เย่เฟิงไม่รู้ว่าพลังต่อสู้ของเยว่กู่แข็งแกร่งเพียงใด แต่เย่เฟิงแน่ใจว่าพลังต่อสู้ของเยว่กู่ต้องถึงระดับมาตรฐานของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดอย่างแน่นอน กระทั่งอาจแกร่งกว่าด้วยซ้ำ หากมีเยว่กู่นำกระบวนทัพ เย่เฟิงก็วางใจแล้ว
“ได้แน่นอน!” เยว่กู่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเริงร่า ในฐานะที่เป็ผู้ชักนำเย่เฟิงเข้าสู่สำนักยุทธ์เทียนเสวียน เขาย่อมมองเห็นพัฒนาการของเย่เฟิง ทั้งยังประสบความสำเร็จในระยะเวลาอันสั้น เขาก็ย่อมดีใจอย่างยิ่ง
จากนั้นเย่เฟิงเลือกผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 หนึ่งคนจากฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ซึ่งเย่เฟิงดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนอ่อนแอ จะต้องคว้าชัยชนะมาได้อย่างแน่นอน
“ฮ่า ๆ ๆ ข้าก็อยากเห็นนักว่าเขาเย่เฟิงมีวิธีอะไรที่จะทำให้ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนชนะผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายข้าได้” จ้าวหยางแสยะยิ้มขณะมองเย่เฟิงจัดกระบวนทัพ พร้อมเผยสีหน้าเหยียดหยาม
“หลิงเอ๋อร์ ตำแหน่งขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 ให้เ้าลงแล้วกัน!” สุดท้ายสายตาของเย่เฟิงก็ไปหยุดที่กงซุนหลิงเอ๋อร์ ซึ่งในที่แห่งนี้มีเพียงเย่เฟิงที่เข้าใจพลังของกงซุนหลิงเอ๋อร์ที่สุด และนางก็ไร้เทียมทานในระดับขั้นพลังเดียวกัน
เมื่อกงซุนหลิงเอ๋อร์ได้ยินเช่นนั้นก็กะพริบตาปริบ ๆ ราวกับรู้สึกเกินคาด ถึงอย่างไรนางก็ไม่ใช่คนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่ในเมื่อเย่เฟิง้าให้นางออกโรง นางก็ย่อมไม่ปฏิเสธ จากนั้นนางพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “ก็ได้!”
แต่การกระทำของเย่เฟิงกลับทำให้ผู้คนประหลาดใจไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์ พวกเขาต่างะเิหัวเราะออกมา ศึกรอบนี้นั้นเป็ของผู้ฝึกยุทธ์แท้ที่ 7 ถึง 9 ซึ่งเป็สามระดับที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ แต่เย่เฟิงกลับให้เด็กสาวอายุ 15-16 ปีออกมาสู้ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 มันจะไม่น่าตลกไปหน่อยหรือ
“เด็กน้อย เ้าอายุเท่าไรกัน เ้ายินดีติดตามข้าในฐานะสาวรับใช้ข้าหรือไหม? เวลานั้นข้าจะปฏิบัติต่อเ้าเป็อย่างดี!” พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้น ทำให้ใครที่ได้ยินต่างรู้สึกไม่ชอบใจ ซึ่งผู้พูดก็คือนักดาบตาเดียว ตอนนี้ดวงตาที่เหลืออยู่ข้างเดียวของเขากำลังกวาดมองเรือนร่างของกงซุนหลิงเอ๋อร์ด้วยสายตาละโมบ
จำต้องบอกว่ากงซุนหลิงเอ๋อร์เป็ผู้หญิงที่สวยงดงามอย่างมาก ผนวกกับรูปร่างโดดเด่นของนางก็ยิ่งมีเสน่ห์
เมื่อนักดาบตาเดียวกล่าวจบ ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์ส่วนใหญ่ต่างก็เผยรอยยิ้มชั่วร้าย แต่ดวงตาของกงซุนหลิงเอ๋อร์เผยประกายเย็นเยือกพร้อมไอเย็นแผ่ออกจากร่าง ไม่รอให้เยว่กู่และอีกคนเตรียมพร้อม นางก็ลงมือโจมตีผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์เป็คนแรก
พลันแสงสีม่วงพวยพุ่งออกจากร่างกงซุนหลิงเอ๋อร์ ก่อนจะกลายเป็แถบผ้าสีม่วงนับไม่ถ้วน แล้วพุ่งไปหานักดาบตาเดียว นี่ทำให้นักดาบตาเดียวหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขาไม่คิดว่ากงซุนหลิงเอ๋อร์จะลงมือได้เฉียบขาดเช่นนี้ อีกอย่างนางยังเลือกเขาเป็คู่ต่อสู้ ช่างแกร่งเท้าหาเสี้ยนเสียแล้ว
“สาวสวย ไยโมโหเป็ฟืนเป็ไฟเยี่ยงนี้เล่า?” นักดาบตาเดียวกล่าวพลางยิ้มชั่วร้าย พร้อมกับถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นกวัดแกว่งดาบต่อเนื่อง เพื่อพยายามกำจัดแถบผ้าสีม่วงพวกนั้น
“ชิ้ง ฉับ วูบ ครืน!” เสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง รังสีดาบของนักดาบตาเดียวก็โจมตีแถบผ้าสีม่วงพวกนั้นไม่หยุดยั้ง ซึ่งรังสีดาบที่คล้ายดูคมกริบ แต่กลับทำอะไรแถบผ้าสีม่วงพวกนั้นไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
