เซี่ยเจิงใช้เวลาของการสูบบุหรี่หนึ่งมวนนี้เล่าเื่ราวที่โจวเจ๋อหยวนเรียกมันว่า “ความเข้าใจผิด” ให้ชวีเสี่ยวปอฟังทั้งหมด
ั้แ่ตอนเริ่มรับฟัง จนกระทั่งถึงตอนนี้ล้วนทำได้เพียงแค่เงียบ
ท้องฟ้าด้านนอกค่อยๆ มืดลง ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเซี่ยเจิงจึงถูกกักขังอยู่ในความมืดไปโดยปริยาย ในตอนนั้นชวีเสี่ยวปออยากที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาสักหน่อย แต่เขาก็กลับรู้สึกว่ามันจุกอยู่ในลำคอ
ทว่าเซี่ยเจิงกลับดูค่อนข้างจะสงบนิ่ง
ถึงขนาดที่ว่าในขณะเล่าไม่มีแม้แต่จะติดขัดเลยสักนิด ราวกับว่าเขาได้เตรียมการมาเป็เวลานานแสนนาน จนในที่สุดช่องโหว่ตรงที่ใดสักแห่งก็ได้แยกออกจากกัน จึงทำให้เขาสามารถนำสิ่งเหล่านี้ออกมาเล่าได้อย่างราบรื่นและง่ายดาย
ชวีเสี่ยวปอเอื้อมมือออกไปหยิบก้นบุหรี่ที่ดับไปแล้วจากมือของเซี่ยเจิง ทันทีที่เขาััโดนเซี่ยเจิง ชวีเสี่ยวปอก็ร้องว่า “อ๋า” ขึ้นมาในใจทันที
อันที่จริงในตอนนี้เซี่ยเจิงรู้สึกกลัวเป็ที่สุด เพราะทั้งตัวของเขากำลังสั่นระริก ถึงแม้ว่าจะสั่นเพียงแค่น้อย แต่ชวีเสี่ยวปอกลับััและรับรู้ได้เป็อย่างดี
“เซี่ยเจิง” ชวีเสี่ยวปอเรียกเขาออกไปเสียงแหบ
“อืม” เซี่ยเจิงตอบกลับไปเสียงแ่เบา พร้อมทั้งถอนหายใจออกมา “ฉันพูดมันออกมาแล้ว”
“อะไรนะ? ” ชวีเสี่ยวปอผ่อนลมหายใจออกมาอย่างแรง
“ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันจะเล่าเื่นี้ออกมา” เซี่ยเจิงก้มหน้าลง แต่ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมามองชวีเสี่ยวปอเช่นเดิม “ฉันนึกว่าจะเก็บความลับนี้ไว้ไปจนวันตายแล้วซะอีก”
“นาย...” ชวีเสี่ยวปออ้าปากขึ้นมา ถึงแม้ว่าน้ำเสียงของเซี่ยเจิงในขณะที่พูดประโยคนี้ออกมาจะดูสบายๆ เพียงใดก็ตาม แต่ชวีเสี่ยวปอกลับไม่อาจที่จะเป็เหมือนเช่นเซี่ยเจิงได้ เขานึกไม่ออกเลยว่าเซี่ยเจิงในตอนนั้นหลุดพ้นจากฝันอันแสนเลวร้ายนั้นไปได้อย่างไร ทั้งตัวเขาเองยังไม่สามารถที่จะััได้ถึงความเ็ปอันแสนทุกข์ทรมานที่ความเชื่อใจของเขาในตอนนั้นต้องพังทลายลงมาได้เลย
จะเก็บความลับนี้ไว้ไปวันจนตาย
คือต้องรู้สึกเ็ปเช่นนี้ไปจนวันสุดท้ายของชีวิตงั้นเหรอ?
“อาจจะเป็เพราะว่า” เซี่ยเจิงหยุดเงียบไป “ความเข้าใจผิดที่โจวเจ๋อหยวนพูด คำคำนี้มันดูไร้ยางอายมากเกินไปจนฉันรับไม่ได้แล้วล่ะมั้ง”
“เขามันเป็ไอ้โรคจิต !” ชวีเสี่ยวปอกัดฟันพูด
“ที่จริงตอนที่นายเจอกับโจวเจ๋อหยวนครั้งแรก ฉันรู้สึกว่าอยากจะบอกนายอยู่เหมือนกัน” เซี่ยเจิงเอนตัวพิงไปด้านหลัง “แต่กลัวว่านาย กลัวว่านายจะรู้สึกอึดอัดกับเื่แบบนี้”
“นายบื้อหรือเปล่าเนี่ย? ” ชวีเสี่ยวปอส่ายหน้าไปมาอย่างแรง “ฉันไม่”
“จริงเหรอ? ” เซี่ยเจิงยกมุมปากขึ้นยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที “ชวีเสี่ยวปอ”
“ฮะ”
“ถ้างั้นฉันบอกความลับเื่ที่สองกับนายได้ไหม? ”
ไม่เหมือนคนอื่น ชอบเพศเดียวกัน แตกต่าง สับสน โทษตัวเอง ยอมรับ
เมื่อรวมคำเหล่านี้เข้าด้วยกันอีกครั้ง จึงทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกเหมือนจะวิงเวียนศีรษะขึ้นมา
“นายรู้ว่าตัวเองเป็ั้แ่เมื่อไหร่เหรอ? ” ทั้งสองคนนอนอยู่บนเตียง คนหนึ่งอยู่ทางซ้ายส่วนอีกคนอยู่ทางขวา พร้อมทั้งจ้องมองเพดานไปโดยปริยาย จากนั้นชวีเสี่ยวปอจึงเริ่มถามออกมา
“หลังจาก...เื่ของโจวเจ๋อหยวนแหละมั้ง” เซี่ยเจิงตอบพลางถอนหายใจออกมา “ที่จริงตอนนั้นฉันยังคิดอยู่เลยว่าเป็เพราะว่าถูกกระตุ้นจากเื่นี้หรือเปล่า แต่ตอนหลังถึงได้รู้ว่าฉันเกิดมาพร้อมกับมัน และเื่นั้นก็น่าจะเป็เพียงจุดพลิกผันละมั้ง”
“อ๋า” ชวีเสี่ยวปอใช้แขนยันตัวเองขึ้นมามองเซี่ยเจิงครู่หนึ่ง จากนั้นก็ล้มตัวนอนลงไปเช่นเดิม
“มองอะไรอะ? ” เซี่ยเจิงถาม
“ไม่รู้เหมือนกัน” ชวีเสี่ยวปอนอนลงไปเหมือนเดิม “แค่รู้สึกอยากมองแป๊บนึง”
“จริงๆ ตอนแรกฉันก็รับไม่ค่อยได้เหมือนกัน” เซี่ยเจิงพูดเสียงเรียบ “ส่วนหนึ่งเป็เพราะโจวเจ๋อหยวน อีกส่วนเป็เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่เหมือนคนอื่น แบบแตกต่างจากพวก”
“ไม่เลย” ชวีเสี่ยวปอพูดแทรกขึ้นมา
“เฮ้อ” เซี่ยเจิงหัวเราะ “มีอยู่่หนึ่งฉันยังอยากจะไปหาจิตแพทย์อะไรทำนองนี้เลย แต่แล้วก็ไม่กล้าไปอยู่ดี แต่พอโตขึ้นฉันก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้วล่ะ เพราะถ้าไม่ยอมรับก็เปลี่ยนแปลงอะไรมันไม่ได้อยู่ดี”
ประโยคสุดท้ายที่เซี่ยเจิงพูดออกมามันทำให้ชวีเสี่ยวปอรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง เพราะั้แ่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เซี่ยเจิงที่ดูเหมือนว่าจะไม่เคยหวาดกลัวในการเผชิญหน้ากับทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ในความเป็จริงแล้วในตัวเขาไม่เพียงแต่จะมีความหวาดกลัว แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้ยังคงตามติดเขาไปทุกที่ทุกเวลา ทั้งยังไม่อาจที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดกาล
“แล้วนายล่ะ? ” เซี่ยเจิงถาม
“อ๋า? ”
“พูดความรู้สึกตอนนี้ของนายหน่อยสิ” เซี่ยเจิงพลิกตัวกลับมามองใบหน้าด้านข้างของชวีเสี่ยวปอ “ฉันเล่าเื่นี้ให้คนอื่นฟังครั้งแรกเลยนะ นายรู้สึกยังไงบ้าง? แสดงความคิดเห็นกลับมาหน่อยสิ”
“อย่างแรก โจวเจ๋อหยวนเป็ไอ้โรคจิต” ชวีเสี่ยวปอพูดโพล่งออกมา
“เื่นี้ฉันรู้แล้ว” เซี่ยเจิงพูดยืนยันออกมา “อย่างที่สองล่ะ”
“อย่างที่สอง” ชวีเสี่ยวปอลังเล “ฉันยังคิดไม่ออก”
“ฉันให้ตัวเลือกนายละกัน” เซี่ยเจิงทำเสียงจิ๊ปาก จากนั้นจึงยื่นมือออกมาข้างหนึ่งแล้วค่อยๆ นับไปที่ละนิ้ว “หนึ่ง. รังเกียจ สอง. ยากที่จะรับได้ สาม. แม้ว่าจะรังเกียจแต่ก็รับได้ สี่...”
“พอเลย” ชวีเสี่ยวปอตีไปที่มือของเซี่ยเจิงอย่างแรงหนึ่งที “ทำไมถึงต้องมีแต่คำว่ารังเกียจด้วย”
“ถ้างั้นนายก็พูดมา” จู่ๆ เซี่ยเจิงก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมา “ฉันรอฟังอยู่”
“ฉันไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลย” ชวีเสี่ยวปอพูดเสียงเบา แต่ทันใดนั้นเขาก็รีบลุกขึ้นมานั่งแล้วพูดออกไปเสียงดังอีกรอบหนึ่ง “นายได้ยินไหม ฉันไม่รู้สึกรังเกียจ !”
“ได้ยินแล้วๆ ” เซี่ยเจิงตบไหล่เขาไปเบาๆ “อย่าะโ มันแสบแก้วหู”
“นั่นแหละฉันไม่รู้สึกรังเกียจเลย” ชวีเสี่ยวปอเอนตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นอนตะแคงหันหน้าเข้าหาเซี่ยเจิง พร้อมทั้งพูดเน้นออกไปทีละคำอย่างชัดเจน
“อืม ถึงแม้ฉันจะไม่ได้ร้องไห้ แต่ฉันรู้สึกซึ้งใจมากจริงๆ ” เซี่ยเจิงยกมือขึ้นมาทำท่าเช็ดน้ำตา
“แสดงได้แย่มาก” ชวีเสี่ยวปอเคาะลงไปบนหน้าผากของเซี่ยเจิงทีหนึ่ง “นายอย่าคิดแบบนี้เลยนะ”
“คิดแบบไหน? ” เซี่ยเจิงถามกลับ
“ผลักไสฉันออกไป” ชวีเสี่ยวปอกัดริมฝีปากล่าง “ฉันไม่ชอบแบบนี้ อย่าคิดว่าฉันจะคิดตรงข้ามกันกับนาย แล้วก็อย่าถามฉันว่ารังเกียจหรือไม่รังเกียจอะไรแบบนี้อีก เพราะฉันไม่รังเกียจ” ชวีเสี่ยวปอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ลังเลว่าจะพูดประโยคต่อไปนี้ดีไหม แต่สุดท้ายแล้วเขาก็กัดฟันพูดเสริมออกไป : “นายกับโจวเจ๋อหยวนไม่เหมือนกัน”
เซี่ยเจิงเงียบไปอยู่หลายวินาที เขายังนึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี แต่จู่ๆ เขาก็รู้สึกเจ็บขึ้นมาที่แขน นั้นเป็เพราะว่าชวีเสี่ยวปอจับเขาเอาไว้อย่างแรง จากนั้นเขาจึงแยกเขี้ยวพูดออกมาโดยไม่อนุญาตให้เซี่ยเจิงได้ปฏิเสธเลยสักนิดเดียว :
“ได้ยินไหม? ”
“ครับ” เซี่ยเจิงอยากจะพูดออกมาว่าทำไมนายถึงได้เผด็จการแบบนี้ แถมยังมาบังคับให้คนเขารับปากอีก แต่เขาก็รู้สึกว่าชวีเสี่ยวปอที่เป็เช่นนี้ก็ดีไม่น้อยเลยทีเดียว
ตรงไปตรงมา เปิดเผยจริงใจ ไม่เคยอ้อมค้อมเลยแม้แต่นิด
“ดี” ชวีเสี่ยวปอยิ้มออกมาอย่างพอใจมากเป็พิเศษ
“ฉันยังมีอีกคำถามหนึ่ง” เซี่ยเจิงค่อยๆ หลับตาลง ซึ่งไม่ได้เป็เพราะว่าเขาเหนื่อยแต่อย่างใด แต่เขากำลังตื่นเต้น... ในขณะนั้นเขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักๆ ดังออกมา ราวกับกำลังเตือนเขาอยู่ตลอดว่าเื่ที่เขากำลังทำอยู่ในตอนนี้มันเสี่ยงเอามากๆ เลย
แต่ถึงยังไงก็ยังอยากจะถามออกไปอยู่ดี
ั้แ่เมื่อเขาตัดสินใจเล่าเื่ราวในอดีตออกไปแล้ว เซี่ยเจิงก็รู้สึกว่าตัวเองใจกล้าขึ้นมามากเลยทีเดียว อาจจะเป็เพราะเขารู้สึกได้ปลดปล่อยออกมา จึงทำให้ในตอนนี้เซี่ยเจิงรู้สึกถึงคำว่า “ทำตามใจตัวเอง” กำลังพลุ่งพล่านไปทั่วเส้นเืของเขา พลุ่งพล่านออกมาจนเขาไม่สามารถจะไตร่ตรองเื่ราวต่างๆ อย่างใจเย็นได้เลย
ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างก็ไม่จำเป็ที่จะต้องไปสนใจมันขนาดนั้นแล้ว
“ถามมา” ชวีเสี่ยวปอพูด
“นายมาจูบฉันทำไม” เซี่ยเจิงเบิกดวงตากว้างเพื่อจ้องมองชวีเสี่ยวปอ
“เชี่ย !” ชวีเสี่ยวปอรีบคลานลุกขึ้นมาทันที ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าตัวเองด่าออกไปทำไม แต่ในขณะนั้นก็ไม่มีอะไรที่จะสามารถมาอธิบายความรู้สึกของเขาในตอนนี้ได้อย่างถูกต้องแม่นยำไปกว่านี้อีกแล้ว
“ก็นายให้ฉันถามเอง” เซี่ยเจิงเองก็ลุกขึ้นมานั่งเช่นกัน แต่สายตาของเขากลับไม่ได้ละไปจากชวีเสี่ยวปอเลยแม้แต่วินาทีเดียว “ทำไม? ”