หนานซานยังคงนิ่งเงียบ ขณะมองไปที่องค์ชายรองต้วนหวู่หยาที่กำลังจากไป ทันใดนั้นได้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา
“อีกอย่าง… สถานะของหลินเฟิงคงไม่สามารถซ่อนได้อีกต่อไปแล้ว ในเมื่อยังไงพวกเขาก็ต้องรู้ไม่ช้าก็เร็ว แต่สู้พวกเราไม่ได้หรอก เพราะเรานำพวกเขาไปหนึ่งก้าว นอกจากนี้หลินเฟิงยังไปขัดใจคนมากมาย เ้าจงไปจัดการสถานะใหม่ให้แก่เขา ต้องทำให้คนอื่นเข้าใจว่าเขาเป็คนของข้า”
หนานซานพยักหน้าด้วยใจที่รู้สึกชื่นชม ทว่าั์ตากลับฉายแววเศร้าโศกออกมา เนื่องจากตระกูลต้วนแห่งราชวงศ์ในปัจจุบันกลับมี 2 รุ่นที่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
องค์ชายใหญ่ต้วนหวู่ต้าว เป็คนที่เหี้ยมโหดมาก และยังมีพละกำลังที่น่าหวาดกลัว หากใครขัดขวางเขามันผู้นั้นจะต้องตาย ซึ่งเขาเป็คนรักษาสัจจะ นอกจากนี้เขายังเป็หนึ่งในแปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่ เพราะอย่างนั้นจึงไม่มีใครที่ไม่เกรงกลัวเขา
ต่างจากองค์ชายรองต้วนหวู่หยาที่เป็คนทะเยอทะยาน เฉลียวฉลาด และมีความสามารถรอบด้าน นอกจากนี้ยังมีพร์ที่ยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับองค์ชายใหญ่ที่มีอายุห่างกันเพียงไม่กี่ปี อีกทั้งเขายังเป็หนึ่งในแปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่เช่นกัน
ในบทสนทนาระหว่างหนานซานกับต้วนหวู่หยา ไม่มีคำถามว่าอวี่โฉวจะสังหารหลินเฟิงหรือไม่ ราวกับเขามั่นใจมากว่าอวี่โฉวจะไม่กล้าฆ่าอีกฝ่าย หรือก็คือไม่สามารถสังหารลงได้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามประลองเป็ตัวพิสูจน์อย่างดีว่า สิ่งที่ต้วนหวูหยาคาดเดาไว้ล้วนถูกต้อง อวี่โฉวจ้องหลินเฟิงเขม็งด้วยแววตาเย็นเยือก แต่กลับไม่ได้ลงมือและเลือกที่จะจากไปแทน
ผู้คนรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นอวี่โฉวจากไป แม้แต่หลินเฟิงเองยังต้องประหลาดใจ
ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ข้างๆ อวี่โฉวจ้องมองหลินเฟิงอย่างเยือกเย็น จากนั้นก็ก้าวเท้าออกไปเช่นกัน
ไม่เพียงแต่ครั้งก่อนที่หลินเฟิงทำให้พวกเขาได้รับความอับอายเท่านั้น แต่วันนี้เขายังมาพูดเื่นี้ต่อหน้าเหล่าผู้คน ในใจพวกเขาได้สาบานว่าจะต้องชำระแค้นให้ได้
ผู้ใดกล้ายั่วยุคนของตระกูลอวี่ จะต้องพบจุดจบที่เลวร้าย
หลินเฟิงมองอวี่โฉวและคนอื่นๆ ที่เดินจากไปอย่างเฉยเมย ั์ตาของเขาแผ่จิตสังหารอันเย็นเยือกออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้มันยังไม่เสร็จสิ้น ทางด้านหลินเฟิงเองก็เข้าใจดี คนของตระกูลอวี่ไม่ปล่อยเขาไปแน่ เพราะวันนี้ได้ต้วนหวู่หยาช่วยเอาไว้ ไม่อย่างนั้นอวี่โฉวไม่มีทางถอยแน่ หากตระกูลอวี่หาโอกาสได้แล้ว แน่นอนว่าต้องหาวิธีกำจัดหลินเฟิงแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีอีกเื่ที่หลินเฟิงไม่เข้าใจ ว่าทำไมองค์ชายรองถึงช่วยเขา?
แม้ว่าต้วนหวู่หยากับอวี่โฉวจะมีเื่บาดหมางกัน มีข้อเท็จจริงบางอย่างที่ถูกปกปิดไว้ยากที่เขาจะเข้าใจได้ แต่หลินเฟิงก็ไม่ได้ปฏิเสธที่ต้วนหวู่หยาได้ช่วยเขาไว้ แต่ก็มีบางอย่างที่เขารู้สึกถึงมันได้
หลังจากที่ตระกูลอวี่จากไป ผู้คนจากตระกูลเยว่ก็เริ่มจากไปเช่นกัน
แต่ตระกูลเนี่ยและคนของสำนักเทียนอี้ ยังไม่มีใครไปไหน
หลงติ่งมองเวทีประลองก็เห็นเฮยม่อและหลินเฟิงยังยืนอยู่บนนั้น จากนั้นเขาก็กล่าวว่า “เนี่ยเยี่ยน หลินเฟิง การต่อสู้ในวันนี้จบลงแล้ว ผลคือเสมอกัน แยกย้ายกันไปได้แล้ว”
“เยี่ยนเอ๋อร์ พวกเรากลับกันเถอะ” คนที่อยู่ข้างๆ เฮยม่อกล่าว แม้ตอนนี้หลินเฟิงจะได้รับาเ็ แต่เขาก็ยังน่ากลัวเกินไป หากไม่ระมัดระวังล่ะก็เพียงการโจมตีครั้งเดียวก็อาจถึงตายได้ แม้ในปัจจุบันพวกเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเขา แต่หากยังท้าทายคนคนนี้ต่อไปก็คงเป็เื่อันตรายเกินไป ทุกคนล้วนตระหนักว่าเมื่อครู่นี้เฮยม่อเกือบต้องตายด้วยน้ำมือของหลินเฟิงแล้ว
เฮยม่อเหลือบมองหลินเฟิงด้วยแววตาสับสน เขาพยักหน้าเล็กน้อยและหันหลังเดินจากไปอย่างว่าง่าย
หลินเฟิงมองแผ่นหลังของเฮยม่อจนลับสายตา การต่อสู้ครั้งนี้หากสู้ต่อไปมันคงไร้ความหมาย ผู้คนต่างดูออกว่าหลินเฟิงคือผู้ชนะ ถึงอย่างไรไม่ว่าชนะหรือแพ้ก็ตาม ในสายตาของหลินเฟิงล้วนไม่มีความหมายใดๆ
ส่วนการกระทำของตระกูลอวี่ในวันนี้ทำให้เขายิ่งเกลียดชังคนเ่าั้มากขึ้น จนเห็นได้ชัดว่าความขัดแย้งระหว่างเขากับเฮยม่อกลายเป็เื่ไม่สำคัญอีกต่อไป
ผู้คนต่างมองไปที่หลินเฟิงบนเวทีประลอง ในใจต่างคิดกันไปหลากหลาย แต่สิ่งที่ทุกคนเห็นตรงกันคือ ความแข็งแกร่งและพร์ของหลินเฟิง มันทำให้จิติญญาของพวกเขาถึงกับสั่นคลอน
ท่ามกลางผู้คนจากสำนักเทียนอี้ หลินเชียนจ้องมองหลินเฟิงตาไม่กะพริบ หลินเฟิงในวันนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ในอดีตที่เคยถูกเรียกว่าขยะและยังถูกขับไล่ออกจากตระกูลหลิน ตอนนี้ฝีมือของนางและเขาต่างกันเกินไป นางมั่นใจว่าพร์ของตนนับว่าไม่เลว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าหลินเฟิงแล้ว นางกลับดูเหลาะแหละ อีกทั้งทักษะยุทธ์ของหลินเฟิงนั้นได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่มันบ้าเกินไปแล้ว
ั้แ่หลินเฟิงออกจากเมืองหยางโจวมาก็นานมาแล้ว คาดไม่ถึงว่าเขาจะทะลวงขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ได้ แม้แต่เฮยม่อที่อยู่ขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7 ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เมื่อหนึ่งปีก่อนเขายังเป็แค่ขยะที่อยู่เพียงขอบเขตนักรบลมปราณขั้นที่ 5 ทุกคนในตระกูลหลินต่างเกลียดเขา แม้เขาจะเป็ลูกชายของผู้นำตระกูลอย่างหลินไห่ก็ตาม
ทว่าตอนนี้ดูเหมือนนางจะได้แต่มองหลินเฟิงจากระยะไกล ซึ่งหลินเชียนแทบไม่อยากเชื่อในความแข็งแกร่งของหลินเฟิง หากตระกูลหลินรู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินเฟิงในวันนี้แล้วจะเป็อย่างไรกัน พวกเขาอาจรู้สึกเสียใจที่ขับไล่หลินเฟิงออกจากตระกูล
เมื่อคิดเกี่ยวกับเื่นี้ แววตาของนางพลันเปลี่ยนไป ต้องไม่ให้คนในตระกูลหลินรู้เกี่ยวกับเื่นี้เด็ดขาด มิฉะนั้นนางจะถูกปฏิบัติเช่นเดียวกับหลินเฟิงเมื่อก่อน
“วางใจเถอะ หากมีโอกาส ข้าจะช่วยเ้าฆ่ามัน”
ฉู่จ่านเผิงที่อยู่ข้างๆ หลินเชียนสังเกตเห็นสีหน้าของนางที่เปลี่ยนไปจึงกล่าวออกมา แม้หลินเฟิงจะแข็งแกร่งมาก แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา หลินเฟิงก็ยังคงเป็แค่เศษสวะ สำหรับเขาแล้ว เขาสามารถสังหารหลินเฟิงได้อย่างง่ายดาย
แปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่ เป็สัญลักษณ์ของพร์และความแข็งแกร่ง และไม่ใช่ชื่อเสียงจอมปลอม มิฉะนั้นแล้วจะมีผู้คนมากมายพยายามพิสูจน์ตัวเองว่าเป็หนึ่งในแปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่ไปเพื่ออะไร
เพื่อเป็หนึ่งในแปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่แล้ว ไม่รู้ว่าต้องมีอัจริยะตายไปเท่าไร
หลินเชียนเงยหน้ามองฉู่จ่านเผิง จากนั้นนางก็ยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อย ใช่แล้ว... แม้พร์ของหลินเฟิงจะแข็งแกร่งขึ้น แต่นางยังมีฉู่จ่านเผิงอยู่ข้างๆ และยังชอบนางอีกด้วย เขาเป็ถึงคุณชายต้าเผิง แล้วหลินเฟิงจะจัดการเขาได้อย่างไร
ฉู่จ่านเผิงเห็นรอยยิ้มของหลินเชียนแล้ว ก็ค่อยๆ หันไปมองเวทีประลอง และกล่าวว่า “ข้าได้ยินมาว่าสำนักเทียนอี้มีอัจฉริยะปรากฏตัว แต่หลินเฟิงกลับกล่าวหาว่าลานศักดิ์แห่งเสวี่ยเยว่ไร้อัจฉริยะ ฉู่โม่วผู้นี้อยากจะท้าทายอัจฉริยะของสำนักเทียนอี้ ไม่ทราบว่าจะยินดีหรือไม่”
เมื่อสิ้นเสียงของฉู่จ่านเผิง ผู้คนจากสำนักเทียนอี้ต่างตัวแข็งทื่อ ฉู่จ่านเผิงเป็หนึ่งในแปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่ คาดไม่ถึงว่าจะส่งสาสน์ท้ารบถึงศิษย์ของสำนักเทียนอี้
เหล่าศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ต่างตื่นเต้น คุณชายต้าเผิงส่งสาสน์ท้ารบ แล้วใครล่ะที่จะรับคำท้านี้
แปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่นั้น ทั้งอาณาจักรก็มีแค่แปดคนเท่านั้น ทว่าสำนักเทียนอี้กลับไม่มีใครได้เป็สักคน
“ข้าเคยกล่าวไปแล้ว ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่นั้นร้ายกาจ มีอัจฉริยะจากนิกายใหญ่ๆ มารวมตัวกันที่นี่ ั้แ่ข้าก่อตั้งสำนักเทียนอี้มาก็ค่อยๆ สั่งสอนศิษย์ให้เก่งกาจขึ้นอย่างช้าๆ แล้วจะไปเทียบกับลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ได้อย่างไรกัน”
หลงติ่งกล่าวอย่างเ็า ในน้ำเสียงเต็มไปด้วยความประชดประชัน ศิษย์จากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ไม่ได้ถูกสั่งสอนมาั้แ่แรก
แน่นอนว่าฉู่จ่านเผิงเข้าใจความหมายของหลงติ่งดี แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ และมองไปที่หลินเฟิง “รองเ้าสำนักหลงได้กล่าวมาขนาดนี้ แต่กลับไม่มีใครคิดเช่นนั้น ในลานประลองเชลยหลินเฟิงได้ทำให้ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ต้องอับอาย วันนี้ฉู่โม่วได้อยู่ที่นี่ เพื่อ้าที่จะเห็นมัน”
หลินเฟิงเงยหน้าขึ้นและยิ้มอย่างเ็า เขามองไปที่ฉู่จ่านเผิงและหลินเชียนที่อยู่ข้างๆ เขา
“เป็คุณชายแห่งนิกายเฮ่าเยว่แท้ๆ แต่กลับวิ่งมาซบอกลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ แล้วยังมาทำอวดดี” หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น และกล่าวอย่างถากถางว่า “คุณชายต้าเผิง คนจากลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่นั้นไร้ยางอายเหมือนกับเ้าทุกคนเลยหรือ?”
อาจารย์ของลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ยิ้มอย่างเ็า และจ้องไปที่หลินเฟิง แล้วกล่าวว่า “ไม่กล้าสู้ แล้วเ้าจะพูดจาไร้สาระไปทำไมกัน”
“ช่างน่าประทับใจเสียจริง แต่ไหนแต่ไรมาลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ก็มีชื่อเสียงเื่ไร้ยางอายอยู่แล้ว เป็อีกครั้งที่ข้าได้ความรู้ใหม่ๆ ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ของเ้าในเมื่อร้ายกาจเช่นนี้ ทำไมไม่ลองท้าทายรองเ้าสำนักหลงล่ะ?” หลินเฟิงยิ้มเยาะ
ชายผู้นั้นตกตะลึง จากนั้นกล่าวเยาะเย้ยว่า “รองเ้าสำนักหลงเป็ผู้าุโที่อายุมากกว่าข้ามาก เ้าจะให้ข้าท้าทายเขาหมายความว่าอย่างไรกัน?”
“ไม่กล้าสู้ แล้วเ้าจะพูดไร้สาระไปทำไมกัน” หลินเฟิงได้ใช้ประโยคของอีกฝ่ายเมื่อครู่ แล้วกล่าวอย่างเ็าว่า “ลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ ไม่ว่าจะเป็อาจารย์หรือศิษย์ล้วนเป็พวกไร้ยางอายเหมือนกัน ให้เ้าท้าทายรองเ้าสำนักหลง แต่เ้ากลับบอกว่ารองเ้าสำนักหลงอายุมากกว่าเ้า งั้นข้าจะถามเ้าว่า คุณชายต้าเผิงแห่งลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ของพวกเ้าอายุมากกว่าข้ากี่ปี เ้าให้เขาท้าทายข้าอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อคนจากสำนักเทียนอี้ได้ยินคำพูดของหลินเฟิงแล้ว จึงเผยรอยยิ้มออกมา ใช่แล้ว... คนเหล่านี้มันไร้ยางอาย แม้แต่คุณชายต้าเผิงที่มีพร์ล้ำเลิศ และยังเป็หนึ่งในแปดคุณชายแห่งเสวี่ยเยว่ อย่างไรเสียเขาก็อายุ 20 ปีแล้ว หากหลินเฟิงมีอายุเท่านี้ ใครว่าหลินเฟิงจะไม่ประสบความสำเร็จ การให้คุณชายต้าเผิงท้าทายหลินเฟิงเช่นนี้ ช่างไม่ยุติธรรมเสียจริง
อาจารย์ของลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ก็ประหลาดใจ จากนั้นกล่าวว่า “พวกเ้าสำนักเทียนอี้ เลือกคนที่มีอายุเท่ากับจ่านเผิงออกมา”
“พวกเ้าลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่เองก็เลือกคนที่อายุเท่ากับข้าออกมา 3 คน”
เมื่อสิ้นสุดเสียงของอีกฝ่าย หลินเฟิงก็พูดขึ้นในทันที ทำให้อีกฝ่ายต้องตกตะลึง
“หากไม่กล้าสู้ ก็ไสหัวไปซะ อย่ามาขายหน้าที่นี่เลย และอย่าคิดว่าตัวเองสูงส่งอีก” หลินเฟิงกล่าวอย่างไม่เกรงใจ จากนั้นกล่าวต่ออย่างเ็าว่า “หากมีโอกาส ข้าจะไปเยี่ยมลานศักดิ์สิทธิ์แห่งเสวี่ยเยว่ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้