“พวกเ้าเข้ามาสิ” แม่เฒ่าซุนหันไปเรียกสาวใช้ที่อยู่ด้านนอก
กู้เจิงเพิ่งเห็นว่ามีสาวใช้สองคนตามมาด้วยเป็บ่าวจากเรือนนายหญิงเว่ยซื่อ คนหนึ่งถือกล่องใบหนึ่งไว้ในมือส่วนอีกคนถือตะกร้าไม้ไผ่
กู้เจิงพากู้เหยาเข้าไปในห้องครัว บ้านตระกูลเสิ่นไม่มีห้องโถงสำหรับต้อนรับแขกเหมือนที่จวนกู้เมื่อมีแขกมาบ้านก็จะพาไปที่ห้องครัวแทน
กู้เหยามองห้องครัวอย่างเหยียดหยาม “ที่แท้ห้องครัวก็เรียบง่ายถึงเพียงนี้เชียวหรือเ้าคะ ใหญ่ไม่ถึงครึ่งของห้องครัวในจวนเราด้วยซ้ำพี่ใหญ่ยังจะอยู่ต่อได้อีกหรือเ้าคะ?”
ชุนหงยกถ้วยและกาน้ำชามาให้ กู้เจิงรับมาเทให้น้องสี่นางพูดเสียงเรียบว่า “ข้าอยู่ได้สบายมาก”
“พ่อแม่สามีของพี่ใหญ่ไม่อยู่หรือเ้าคะ?”
“ออกไปทำงานแล้ว”
“เหมาะเจาะจริงๆ”
กู้เจิงเหลือบมองนางเวลานี้แม่เฒ่าซุนก็ส่งสัญญาณให้บ่าวคนหนึ่งวางกล่องลงบนโต๊ะ “คุณหนูใหญ่ ที่คุณหนูสี่กับบ่าวมาในวันนี้เพราะได้รับคำสั่งจากนายท่านและนายหญิงให้บ่าวนำรายได้จากร้านหนังสือและหมู่บ้านในเขตผิงเหยาของเดือนที่แล้วมาให้ท่านเ้าค่ะ”
สาวใช้เปิดกล่องไม้ใบเล็กในนั้นข้างในมีก้อนเงินตำลึงและเศษเงินอยู่มากมาย
พอเห็นเงินมากมายขนาดนี้ ชุนหงที่ก็ตื่นเต้นไม่น้อยในนั้นน่าจะมีเงินอย่างน้อยเจ็ดแปดสิบตำลึง หากทุกเดือนมีรายได้มากขนาดนี้พอสิ้นปีก็คงมีรายได้ไม่น้อยเลย นับั้แ่ที่นางมาอยู่ตระกูลเสิ่นก็แทบจะไม่ได้ใช้เงินอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นเงินเหล่านี้คุณหนูก็สามารถเก็บออมเอาไว้ได้
กู้เจิงรู้ว่าในเมื่อบิดากับเว่ยซื่อมอบร้านและหมู่บ้านให้นางแล้วก็คงจะไม่จงใจหักเงินไว้ไม่ให้นางแต่นางคิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะนำเงินมาให้อย่างตรงต่อเวลาเช่นนี้
“นายหญิงแจ้งว่า รอคุณหนูใหญ่ชำนาญในจัดการดูแลร้านและหมู่บ้านได้เมื่อใดก็ให้กลับไปแจ้งที่จวนเมื่อถึงเวลานั้นนางจะส่งสมุดบัญชีของทุกเดือนให้คุณหนูใหญ่เ้าค่ะ”
“ท่านแม่ดูแลจัดการได้ดีมาตลอด ร้านกับหมู่บ้านอยู่ในมือของท่านแม่ข้าย่อมวางใจไปได้มาก” กู้เจิงนึกในใจรอให้นางเรียนรู้จัดการร้านได้เมื่อไหร่ นางจะเข้าไปดูแลเองเมื่อถึงตอนนั้นเว่ยซื่อก็จะคืนให้นางเอง
แม่เฒ่าซุนส่งสัญญาณให้สาวใช้อีกคนเปิดตะกร้าไม้ไผ่ภายในตะกร้ามีขนมที่กู้เจิงชอบ “นี่คือของที่หวังซู่เหนียงฝากให้บ่าวนำมาเ้าค่ะนางบอกว่าคุณหนูใหญ่ชอบกินขนมเหล่านี้ที่สุด”
“ลำบากซู่เหนียงแล้ว ขอบคุณแม่เฒ่าซุนที่ช่วยนำมาให้ข้าด้วย” กู้เจิงให้ชุนหงรับตะกร้าใบเล็กมา
“นี่ถือเป็สิ่งที่บ่าวควรทำอยู่แล้วเ้าค่ะ” แม่เฒ่าซุนมองกู้เจิง วันนี้คุณหนูใหญ่สวมเสื้อผ้าเรียบง่าย ทว่ากลับดูสง่างามใบหน้างดงามประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ดูท่านางจะปรับตัวเข้ากับตระกูลเสิ่นได้แล้วมิน่าเล่านายหญิงถึงบอกว่าหวังซู่เหนียงผู้นั้นก่อเื่หาเหาใส่หัวมาสิบกว่าปีมีเพียงครั้งนี้ที่เหมือนจะได้สติขึ้นมาบ้าง
“พวกเ้าคุยกันเสร็จแล้วหรือยัง” กู้เหยาวางถ้วยน้ำชาลงพูดอย่างหงุดหงิด
กู้เจิงหันไปมองน้องสี่ “เ้ามีเื่ด่วนหรือ?”
“ไม่มีเ้าค่ะ” กู้เหยาเอ่ยอย่างขัดเขิน “แต่ข้าอยากกินมันเผา”
กู้เจิง “...” วันนั้นที่กลับไปจวนกู้นางได้เล่าเื่มันเผากู้เหยาฟังแล้วสนใจมาก นางนึกว่าน้องสี่แกล้งทำ ไม่ได้คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะสนใจจริงๆ
“คุณหนูสี่ท่านลืมสิ่งที่นายหญิงพูดกับท่านก่อนออกจากบ้านแล้วหรือเ้าคะ?” แม่เฒ่าซุนเตือนเสียงเบา
“แม่เฒ่าซุน นานๆ ข้าจะออกมาสักครั้ง เ้าไม่ต้องสนใจข้า” สีหน้าของกู้เหยายิ่งไม่สบอารมณ์ขึ้นเรื่อยๆ อยู่ๆนางก็ถลึงตาใส่กู้เจิงแล้วพูดอย่างแค้นเคือง “ข้าล้วนโทษท่านหลังจากที่ท่านคุยกับท่านแม่เื่สัญญาก่อนแต่งงานครั้งนั้นข้าก็ถูกท่านแม่สั่งสอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เื่ที่นายหญิงเว่ยซื่อสัญญาว่าจะไม่พูดถึงเื่ในอดีตอีกอย่างนั้นหรือ? กู้เจิงคิดไม่ถึงว่าเว่ยซื่อจะตักเตือนน้องสี่ผู้นี้จริงๆเมื่อเห็นท่าทางหงุดหงิดของกู้เหยา กู้เจิงก็ยกยิ้มมุมปาก
“ท่านยิ้มอะไร?” กู้เหยาโมโหแล้ว
“เ้ายังอยากกินมันเผาอยู่ไหม?”
“ในเมื่อมาแล้ว ย่อมต้องอยากกินสิ” กู้เหยาแค่นเสียง แม้ว่านางจะไม่ชอบพี่สาวคนนี้ แต่ไหนๆ ก็มาแล้วนางก็อยากจะลองกินดู
เมื่อนายหญิงเสิ่นกลับมาถึงบ้าน จึงเห็นสองพี่น้องกำลังช่วยกันย่างมันเทศในบ้านของนางเองด้านนอกประตูบ้านมีรถม้าของจวนสกุลกู้จอดอยู่ สาวน้อยในวัยสิบสองสิบสามปีสวมชุดสวยหรูมองดูแล้วคิดว่าน่าจะเป็คุณหนูสี่แห่งจวนกู้ ท่วงท่าของนางอ่อนช้อยงดงามทว่าท่าทางกลับดูไม่เหมือนบุตรสาวตระกูลใหญ่ที่ถูกเลี้ยงดูให้อยู่แต่ในห้องหับนางดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวามาก ลูกสะใภ้ของนางนั่งบนเก้าอี้ไม้เล็กๆคอยหยิบฟืนให้น้องสี่ของนาง ส่วนคุณหนูสี่ก็รับฟืนจากกู้เจิงใส่ไปในเตาดินเผาดูจากท่าทางแล้วคงกำลังเล่นสนุกอยู่
กู้เจิงหมดคำพูดกับน้องสาวที่เล่นสนุกกับการเผามันเทศนี่นางอายุสิบสามหรือสามขวบกันแน่?
“คุณหนูสี่ หยุดเล่นได้แล้วเ้าค่ะ พวกเราควรกลับกันได้แล้ว” แม่เฒ่าซุนมองกู้เหยาอย่างปวดเศียรเวียนเกล้าตอนที่นางจะออกมาส่งของให้คุณหนูใหญ่ได้ถูกคุณหนูสี่เห็นเข้า เลยจะตามไปด้วยให้ได้หลังจากนายหญิงอนุญาตนางถึงได้กล้าพามาคิดไม่ถึงว่าคุณหนูสี่อยากจะมาเพื่อเล่นสนุกแบบนี้
“ยังมีเวลา อีกอย่างข้ายังไม่ได้กินมันเผาเลย” ยากที่กู้เหยาจะได้ออกมาเที่ยวเล่นจะให้กลับไปเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน “พี่ใหญ่ อย่าเอาแต่ส่งฟืนชิ้นเล็กๆ ให้ข้าสิ มีฟืนที่ใหญ่กว่านี้ไหมเ้าคะ?”
กู้เจิงเห็นแม่เฒ่าซุนส่งสายตาขอร้องให้นางช่วย นางจึงเอ่ยขึ้น “ฟืนหมดแล้ว มันเทศน่าจะกินได้แล้วล่ะ”
“จริงหรือเ้าคะ?” กู้เหยาตาเป็ประกายนางรีบหยิบที่คีบเพื่อไปคีบมันเทศที่อยู่ข้างในเตา นี่เป็ครั้งแรกที่นางใช้ที่คีบจึงดูทุลักทุเลไม่น้อย
ในตอนนี้เอง แม่เฒ่าซุนก็เหลือบเห็นนายหญิงเสิ่นที่ยืนดูพวกนางอยู่นางเคยเห็นนายหญิงเสิ่นมาก่อน “ฮูหยินเสิ่น” นางรีบคารวะทันที
“ท่านแม่ ท่านกลับมาแล้วหรือเ้าคะ?” กู้เจิงก็รีบลุกขึ้นนางดึงกู้เหยามาอยู่ข้างๆ “วันนี้น้องสี่มาเยี่ยมข้าเ้าค่ะ”
กู้เหยาวางที่คีบลงแล้วย่อกายคารวะ “คารวะฮูหยินเสิ่นเ้าค่ะ”
“เรียกข้าว่าป้าเสิ่นก็พอ คุณหนูสี่หน้าตางดงามจริงๆนี่เป็ครั้งแรกที่เ้ามาที่นี่ อย่างนั้นก็อยู่กินข้าวเที่ยงที่นี่ด้วยกันเถอะ” นายหญิงเสิ่นยิ้มอย่างอ่อนโยน
“ดีเ้าค่ะ” กู้เหยาตอบตกลงทันที
กู้เจิง “...” แม่สามีของนางแค่พูดไปตามมารยาทเท่านั้นเอง
แม่เฒ่าซุนร้อนรน ดึงแขนเสื้อของคุณหนูสี่เบาๆ “คุณหนูสี่ นายหญิงยังไม่อนุญาตนะเ้าคะ”
“แค่กินข้าวเท่านั้นเอง เ้าก็ส่งคนกลับไปแจ้งท่านแม่ก็พอแล้ว” กู้เหยาไม่สนใจที่แม่เฒ่าซุนเตือน
หากบอกว่ากู้อิ๋งมีนิสัยใจคอคล้ายคลึงกับนายหญิงเว่ยซื่อมากกู้เหยาคนนี้ก็คงจะตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกู้เจิงไม่ชอบนิสัยน้องสี่แต่นางก็ไม่ได้รังเกียจอะไรนัก เช่นเดียวกับตอนนี้ที่กู้เหยาคล้องแขนนางไว้ราวกับเป็พี่สาวแท้ๆ ของตัวเองนางเองก็ไม่ได้ตะขิดตะขวงใจอะไรมาก
ในเมื่อมีกู้เหยามาร่วมทานอาหารกลางวันด้วย ฮูหยินเสิ่นจึงทำอาหารที่ดีที่สุดออกมาเพื่อเป็การต้อนรับ
หลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จกู้เหยาจึงจำต้องรีบกลับอย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนจะจากไปนางยังพูดสำทับกับกู้เจิงว่า “พี่ใหญ่ ขนมเข่งที่ท่านพูดถึงคราวก่อนต้องรีบทำนะ ข้าอยากลองกิน”
กู้เจิงหัวเราะนางได้แต่พยักหน้ารับ “ถ้าทำเสร็จแล้ว ข้าจะให้ชุนหงส่งไปให้เ้าทันที ดีไหม?”
กู้เหยาพยักหน้ายิ้มอย่างพอใจ
เมื่อรถม้าเคลื่อนตัวจากไป กู้เจิงก็ลอบถอนหายใจเบาๆในที่สุดก็ไปเสียที
“คุณหนู ท่านว่าคุณหนูสี่จะโดนนายหญิงดุหรือไม่เ้าคะ?” ชุนหงถามด้วยความสงสัย
กู้เจิงบีบแก้มของชุนหง “ดูจากสีหน้าของเ้าแล้ว คงหวังให้นายหญิงดุนางล่ะสิท่า”
ชุนหงหัวเราะแหะๆ “เมื่อก่อนคุณหนูต้องทนรับอารมณ์ฉุนเฉียวจากคุณหนูสี่ไม่น้อยแต่จู่ๆ ก็มาทำดีกับคุณหนูถึงเพียงนี้ บ่าวไม่ชินจริงๆ เ้าค่ะ”
“พวกนางเป็แม่ลูกกัน นางก็คงจะโดนตักเตือนนิดหน่อยแต่คงไม่ถึงกับต้องทำโทษหรอก” กู้เจิงคาดเดา
ชุนหงพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อกลับเข้ามาในเรือนก็เห็นนายหญิงเสิ่นเริ่มทำงานอีกแล้วนางหยิบมันเทศที่ตากแดดเมื่อวานออกมาตากอีกรอบ กู้เจิงกับชุนหงรีบเข้าไปช่วยกู้เจิงจึงถือโอกาสบอกแม่สามีว่าวันนี้น้องสี่มาด้วยเื่อะไร
นายหญิงเสิ่นเกลี่ยมันเทศแห้งไปพลางพูดว่า “มิน่าเล่าเ้าถึงอยากเรียนหนังสือเป็เพราะเ้าอ่านสมุดบัญชีไม่ออกนี่เอง”
กู้เจิงพยักหน้า “ร้านนี้ท่านพ่อมอบให้ข้าสักวันข้าจะต้องเข้าไปจัดการดูแลร้านให้ได้ด้วยตัวเองเ้าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นตอนอ่านหนังสือ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจเ้าก็มาถามข้าได้”
คราวก่อนตอนที่เห็นพ่อแม่สามีอ่านรายชื่อเครื่องเรือนของลุงสามกู้เจิงก็รู้แล้วว่าพ่อแม่สามีรู้หนังสือ
พอยามอาทิตย์อัสดง นายท่านเสิ่นกับลุงทั้งสองก็กลับมาพร้อมกับปลาตัวใหญ่หลายตัวตัวที่ใหญ่ที่สุดความยาวพอๆ กับมนุษย์ ไม่รู้ว่าไปจับกันมาได้อย่างไร
ป้าใหญ่และป้ารองก็มารวมกันที่บ้านตระกูลเสิ่นเช่นกันลานบ้านคึกคักขึ้นมาทันที สามพี่น้องตระกูลเสิ่นช่วยกันขูดเกล็ดล้างปลา ส่วนพวกผู้หญิงก็รับผิดชอบทำเครื่องปรุงหมักปลาส่วนกู้เจิงกับชุนหงมีหน้าที่ทำอาหารมื้อเย็น