เธอฝึกเวทลูกไฟจนทำให้พอจะรู้พื้นฐานแล้วจึงไม่มีแรงจะไปทำอะไรกับรูปแบบยุทธศาสตร์ต่อปิ่นปักผมฟินิกซ์สองหัวที่เต็มไปด้วยความลึกลับก็ไม่รู้ว่าเป็ของที่มีอันตรายหรือเปล่า
เื่ที่หลินลั่วหรานพอจะทำได้ในตอนนี้ก็มีเพียงแต่ไปจัดการเติมแต่งก้อนแร่หยกที่เพิ่งซื้อกลับมาสองก้อนนั่น
เดิมทีหินแร่นั้นตั้งใจเอาไว้ว่าจะให้มู่เทียนหนาน จึงไม่ได้จะเจียระไนออกมาแต่เพียงแค่ใช้ไข่มุกในการแลกเปลี่ยนพลัง พลังที่กระจัดกระจายอยู่ภายในก้อนหยกนั่นก็จะกลายเป็พลังที่สงบพร้อมให้ดูดซึมหากไม่ใช่ว่าแสดงออกมาแล้วอาจจะถูกเหล่านักปราชญ์ที่ฝึกศาสตร์อย่างยากลำบากเพ่งเล็งหลินลั่วหรานคิดว่า นี่เป็ทางหาเงินที่เร็วที่สุดของเธอเลย!
เมื่อคิดถึงว่าอาจจะถูกกลุ่มนักปราชญ์ห้อมล้อมเอาไว้ให้ทำหยกพิเศษนี่ หลินลั่วหรานก็ได้ตัวสั่นขึ้นมา ก่อนจะปลอบใจตัวเองเงินมีพอใช้ก็พอแล้ว อย่างไรอิสรภาพและชีวิตน้อยๆ ก็เป็สิ่งที่สำคัญที่สุด
เธอโทรศัพท์ไปหามู่เทียนหนานเพื่อบอกว่าให้มารับของได้ตาม้า หลินลั่วหรานภาวนาขึ้นในใจก่อนจะเข้าไปยังพื้นที่ลึกลับที่ไม่ได้เข้าไปจัดการมาเนิ่นนาน
เมล็ดห่อสิ่วโอวที่หว่านเอาไว้เมื่อครั้งก่อนโผล่ขึ้นมาเหนือดิน กลายเป็ต้นอ่อนกระจุกรวมกันอยู่แออัดหลินลั่วหรานจึงต้องหยิบไม้ไผ่ที่วางอยู่ในพื้นที่ลึกลับขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้เพื่อจัดการใช้เป็ไม้ค้ำให้กับพวกมัน นี่เป็งานที่ใช้แรงไม่น้อยเลยนะหากรู้ั้แ่แรกก็คงจะไม่ปลูกเอาไว้รวมกัน
หลินลั่วหรานดึงไม้ค้ำไปพร้อมกับปลอบใจตัวเองแม้ว่าจะลำบากเสียหน่อย แต่ตอนที่ได้ผลผลิต ก็จะได้เป็กองไม่ใช่เพียงต้นเดียวแล้วต้นห่อสิ่วโอวกว่าร้อยต้นกระจุกอยู่รวมกัน หากไม่แยกออกก็คงจะได้พันกันเข้าจริงๆ
หลังจากทำไม้ค้ำให้เหล่าต้นห่อสิ่วโอวเรียบร้อยแล้วหลินลั่วหรานรู้สึกภูมิใจขึ้นมา ต้นโสมร้อยปีตั้งหกต้นต่างพากันออกผลสีแดงน้อยๆพวกมันเลือกแล้วที่จะสุกงอมขึ้นในเวลานี้โชคดีที่ในพื้นที่ลึกลับยังมีบริเวณว่างอยู่ ไม่อย่างนั้นหลังจากการเร่งโตแล้วอาจจะไม่มีที่ในการหว่านเมล็ดได้ แบบนั้นคงจะปวดใจน่าดูหลินลั่วหรานที่ยังคงจมอยู่กับความดีใจในการเก็บเกี่ยวผลผลิตไม่ได้รับรู้เลยว่าบาเรียที่อยู่บนอากาศนั้นดูเหมือนว่าจะมีแสงสีแดงเพลิงวนอยู่โดยรอบ ั้แ่ที่เธอเดินก้าวเข้ามาก่อนที่มันจะกลับไปสงบนิ่งดังเดิม
หลินลั่วหรานมองไปยังผักที่ถูกกองเอาไว้เป็ูเาพร้อมกับคิดว่าควรจะเอาออกไปกินเสียหน่อย หากวางทิ้งไว้แบบนี้เธอก็จะรู้สึกว่าสิ้นเปลืองมากเกินไป
เวทลูกไฟ ยุทธศาสตร์ และปัญหาของความสามารถวันนี้หลินลั่วหรานยังมีเื่ให้คิดอีกมากหลังจากย้ายต้นอ่อนห่อสิ่วโอวและเร่งโตเมล็ดโสมเสร็จ หว่านเมล็ดเรียบร้อยเธอก็ออกมาจากพื้นที่ลึกลับ สมุนไพรไม่ได้เหมือนกับพืชผักผลที่สุกแล้วถูกวางทิ้งไว้อาจจะสูญเสียความสดใหม่คนยุคต่อไปที่ไม่ต้องมานั่งเลือกระหว่างสมุนไพรกับมัน นี่ช่างสบายเสียจริง!
ในปากของเธอขบกัดลูกมะเขือเทศที่ไม่อาจจะเรียกว่า “น้อย” ได้อีกต่อไป หลินลั่วหรานไม่ได้รู้เลยว่าตามหลักแล้วพื้นที่ลึกลับไม่ได้มีพื้นที่ว่างเหลือแล้วไม่อย่างนั้นเธอคงไม่หว่านเมล็ดห่อสิ่วโอวไปแ่าขนาดนั้นแต่วันนี้กลับหาที่ว่างเคลื่อนย้ายพวกมันได้ ดูเหมือนว่าพื้นที่ในพื้นที่ลึกลับจะค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นเลย...
เธอหอบเอาผักกองใหญ่ไปยังห้องครัวเรียบร้อยหลินลั่วหรานก็เดินเคี้ยวมะเขือเทศกลับมายังห้องพัก เพื่อเตรียมการฝึกในค่ำคืนนี้
มะเขือเทศเปลือกบางน้ำเยอะเพียงแค่ขบฟันลงไปกลิ่นหอมก็กระจายไปทั่ว ตอนที่เดินผ่านห้องของเป่าเจีย ดูเหมือนว่าเธอที่กำลังหลับไปจะถูกของโปรดดึงดูดเข้าดวงตาที่ปิดสนิทมาตลอดเก้าวันของเป่าเจีย ยังคงปิดอยู่ต่อไปแต่ดวงตากลมภายใต้เปลือกตากลับดูราวกับขยับเคลื่อนไหว
การฝึกศาสตร์เป็เื่ยากหลังจากที่ผู้บังคับบัญชาฉินบอกเล่าคำพูดของชายนักปราชญ์ หลินลั่วหรานก็เริ่มเตรียมตัวหากว่าตัวเธอเป็พวกที่พื้นฐานพลังไม่ดีนักพวกนั้นแล้วเหล่าโอกาสดีๆ ที่์มอบมาให้เธอ นั่นคืออะไรกันนะ?
หลินลั่วหรานมองไปยังไข่มุกที่ข้อมือขวาของตัวเองเพราะว่าด้านในของมันมีจักรวาลซ่อนอยู่ หลินลั่วหรานจึงมักจะคิดว่ามันมีชีวิตอยู่บ่อยๆไม่ว่ามันจะยินดีที่จะเลือกตัวเธอหรือเปล่าแต่ก็ไม่อาจจะปล่อยให้ร้อยปีต่อจากนี้มันกลายเป็ไข่มุกคลุกฝุ่นถูกคนจัดให้เป็ไข่มุกที่ส่องแสงบางๆ ใช่ไหม?
หลินลั่วหรานถอนหายใจออกมาจัดการปรับอารมณ์ให้ดีขึ้น ก่อนจะเริ่มงานประจำที่ต้องทำในทุกวันอย่างการนั่งสมาธิฝึกลมหายใจ
ในสถานการณ์ที่ไร้ก้อนหยกก้อนแร่ไข่มุกก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะช่างเลือกอะไรมากนักมันยังคงต้องดูดซึมพลังไม่สงบอันบางเบาจากโดยรอบส่วนหนึ่งเก็บเอาไว้เป็ค่าเหนื่อย อีกส่วนเมื่อจัดการเรียบร้อยแล้วก็ส่งต่อให้กับหลินลั่วหรานที่กำลังฝึก
แต่ในวันนี้ก็เหมือนว่าจะมีบางอย่างที่แปลกไป
ไข่มุกไม่ได้เป็เหมือนอย่างที่ผ่านมาที่จะเปลี่ยนให้พลังทุกอย่างกลายเป็พลังสีขาวเข้าสู่ร่างกายของหลินลั่วหรานแต่กลับส่งพลังธาตุไฟเข้ามาปะปนรวมกับกลุ่มพลังที่ยังไม่ได้คัดแยกธาตุเ่าั้...
ในระหว่างที่หลินลั่วหรานกำลังกำหนดลมหายใจเข้าออกพลังที่ไข่มุกส่งมาให้ก็ถูกนำมายังบริเวณเส้นเืพลังธาตุไฟที่มีจุดยืนเป็ของตัวเองก็แยกย้ายไปยังที่ที่ควรอยู่...นี่ช่างเป็สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกสงสัยได้จริงๆนะ
อีกครั้งที่เธอฝึกมาตลอดทั้งคืนเมื่อหลินลั่วหรานลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง เธอก็รู้สึกว่าสมองของเธอนั้นช่างปลอดโปร่งความท้อใจในการฝึกเวทลูกไฟเมื่อวันก่อน ถูกอารมณ์ดีๆ จากการฝึกชำระไปจนหมด
เธอรู้สึกเบาสบายราวกับเป็นกตัวน้อยโบยบินลงมายังชั้นล่างพร้อมกับทักทายผู้บังคับบัญชาฉินที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่คุณป้าหวงที่กำลังทำกับข้าว และคนที่กำลังต่อยมวยอยู่อย่างลู่ซานชุนทุกคนต่างดูออกว่าวันนี้อารมณ์ของเธอดีไม่เบา ต่างก็ได้รับผลกระทบจากตัวของเธอ การเริ่มต้นของวันนี้ถือว่าดีไม่น้อย
หลังจากทานข้าวเรียบร้อยรถของมู่เทียนหนานก็มาจอดลงที่ด้านล่างพอดี
เขาทักทายผู้บังคับบัญชาฉินก่อนจะขนก้อนแร่หนึ่งก้อนนั้นขึ้นรถ ทำไมถึงมีแค่ก้อนเดียว ไม่ใช่สองก้อนน่ะเหรอหลินลั่วหรานไม่อยากให้การทำงานอย่างลำบากของเธอมีราคาถูกขนาดนั้นหรอกนะอีกอย่างใจคนต่างก็มีความโลภกันทั้งนั้น หากครั้งแรกให้เขาไปสอง หลังจากนี้เธอก็มีแต่ต้องให้มากขึ้นไม่อาจจะน้อยลงได้แล้ว ไม่อย่างนั้นจากที่เป็น้ำใจ อาจจะกลายเป็ความแค้นได้
หลินลั่วหรานนั่งอยู่บนเบาะข้างคนขับมู่เทียนหนานหันมาส่งยิ้มให้เธอเป็ระยะทุกครั้งที่หันไปมองเธอก็จะรู้สึกขนลุกขึ้นมา พูดถึงแล้วทำไมเธอกับมู่เทียนหนานถึงเปลี่ยนสถานะจาก “ศัตรู” มาเป็มิตรได้นะ? ตอนนี้เมื่อย้อนกลับไปคิดหลินลั่วหรานก็ยังคงได้แต่มึนงง
วันนี้ต้องขนก้อนแร่รถที่มู่เทียนหนานขับมาจึงเป็รถเข้าป่า ไม่อย่างนั้นคงจะยัดก้อนแร่เข้ามาไม่ได้หลินลั่วหรานไม่รู้ว่ามันคือรถรุ่นอะไรเมื่อคิดไปถึงว่าเขามักจะเปลี่ยนให้เห็นอยู่เสมออีกทั้งยังกล้าเอ่ยปากจะให้เธอยืมเงินจำนวนมากที่รุยลี่ตระกูลมู่เป็ตระกูลนักปราชญ์ที่เก่าแก่หรือเปล่านะ? มองดูท่าทางอิทธิพลจะไม่น้อยเลย หลินลั่วหรานจึงได้แต่เตือนตัวเองแม้ว่าจะมีช่องทางการติดต่อกับมู่เทียนหนาน แต่การจะทำอะไรกับตระกูลมู่ก็คงจะต้องระวังให้มาก
รถยนต์ขับออกไปยังนอกเมืองหลินหลั่วหรานมองไปยังป้ายบอกทาง ก่อนจะต้องถามออกมาด้วยความสงสัย “สวนสาธารณะเซียงชาน?”
มู่เทียนหนานพยักหน้าลง “บ้านของตระกูลมู่อยู่ที่เขาเซียงชานนั่นแหละ”
ในที่สุดหลินลั่วหรานก็ปิดปากเงียบ โอเคแม้ว่าบ้านของเขาจะมีอิทธิพลมากก็จริง แต่เขาเซียงชานเป็ที่แบบไหนคนที่ติดตามอ่านหนังสือประวัติศาสตร์ก็น่าจะรู้กัน
มันเป็ป่าแห่งจักรพรรดิที่ถูกสร้างผ่านมาั้แ่ยุคจินผ่านประวัติศาสตร์ต่างๆ มาจนถึงยุคเฉียนหลงก็ถูกตั้งชื่อให้เป็ “สวนแห่งความสงบ” ในหนังสือบทเรียนของเด็กเล็กมักจะมี “ใบไม้สีแดงแห่งเขาเซียงชาน” แต่ตอนนี้มู่เทียนหนานกลับบอกเธอว่าบ้านของตระกูลมู่อยู่ที่เขาเซียงชาน...
“เฮ้ ต่อให้เป็ตระกูลเก่าแก่ของโลกฝึกศาสตร์แต่ก็ไม่น่าจะเอาของสาธารณะมาใช้ส่วนตัวได้แบบนี้ไหม นี่มันไม่รู้จะพูดอะไรเลย...” โอเค ฉันไม่ได้อิจฉาอะไร แต่ความรู้สึกที่เวลาได้ขึ้นไปยังยอดเขาแล้วทำอะไรตามที่อยากทำ ต่างก็เป็สิ่งที่ผู้คนเฝ้าหานะ!
มู่เทียนหนานส่งสายตาค้อนใส่เธอ “ข้าวน่ะ กินมั่วๆ ได้แต่พูดจามั่วๆ ไม่ได้นะ อะไรคือการเอาของสาธารณะมาใช้ส่วนตัวที่ผืนนั้นตระกูลมู่เป็คนบริจาคให้หลังจากได้รับอิสรภาพต่างหาก เข้าใจไหม?”
เอ๋ อย่างนั้นหรอกเหรอ?
หลินลั่วหรานรู้สึกขายหน้าขึ้นมาสุดท้ายก็ได้แต่ปิดปากเงียบไม่พูดอะไรอีก
นานๆ ทีมู่เทียนหนานจะทำให้เธอเป็แบบนี้ได้จึงรู้สึกดีขึ้นมา เขาส่งเสียงฮัมเพลงไปตลอดเส้นทางรถของเขาขับผ่านป่าเขาอย่างคล่องแคล่วไปในทิศทางที่ตรงข้ามกับทางสวนสาธารณะโดยสิ้นเชิง หลินหลั่วหรานเดาว่าคงจะไปที่ส่วนหลังเขาที่นั่นมีประตูเหล็กสไตล์ยุโรปอยู่ ประตูสีขาวตั้งอยู่ท่ามกลางกลุ่มดอกไม้ให้ความรู้สึกสวยงามและสงบเงียบ
มู่เทียนหนานดีดนิ้ว ก่อนที่ประตูจะค่อยๆเปิดออก มู่เทียนหนานขับรถเข้าไป ก่อนจะหันมาส่งรอยยิ้มกว้างให้กับหลินหลั่วหราน “ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์เซียงชาน!”
คฤหาสน์! หลินลั่วหรานหน้ามืดขึ้นมานี่มันเป็ที่ที่นักฝึกศาสตร์อยู่อาศัยจริงเหรอ?
ไม่ใช่ว่าต้องเป็กระท่อมหรือร้านยา? แล้วเสียงเพลงบ่อน้ำพุที่ล่องลอยมานั่นคืออะไรกันแน่...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้