“ท่านพี่....ท่านพี่....”
ภายในปากของเด็กหนุ่มมีเืทะลักออกมา ดูใกล้จะหมดลมหายใจในอีกไม่ช้า
เขาถูกทำร้ายจนภายในได้รับาเ็ ทั่วทั้งร่างเจ็บจนกล้ามเนื้อหดเกร็ง แต่ก็ยังคิดจะไปช่วยพี่สาวของตนเอง
สองมือปัดป่ายไปที่พื้นดินแข็ง ทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีพาตัวเองขยับไปทีละนิด ทีละนิด
ในที่สุดเขาก็คลานต่อไปไม่ไหว ได้แต่นอนรอความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาอยู่ตรงนั้น
“พี่ไม่เป็อะไร” ใน่ที่สติกำลังเลือนราง เขาััได้ถึงสองมืออันอ่อนโยนลูบที่ใบหน้า
“ไม่ต้องกลัวนะ พี่ไม่มีทางปล่อยให้เ้าตาย!” น้ำเสียงนั้นพูดอย่างหนักแน่น
ในชาตินี้ นาง ‘ซูิเยว่’ ไม่มีทางปล่อยให้โศกนาฏกรรมที่เคยเกิดขึ้นในอดีตเกิดขึ้นอีกครั้งแน่นอน!
ซูิเยว่เงยหน้าขึ้น ความเกลียดชังแล่นผ่านดวงตาประกายแสงเฉียบคมนางหวนนึกถึงชาติก่อน น้องชายคนรองตายในเวลานี้ นางที่กลับมาพบศพในตอนนั้นกอดร่างของเขาร้องไห้จนแทบบ้า
สกุลซูของนางโดนฆ่าล้างตระกูล หลายสิบชีวิตในเรือนไม่ว่าจะเ้านายหรือบ่าวรับใช้ ร่างต่างถูกอาบไปด้วยเื มีแค่นางกับน้องชายเพียงสองคนที่หนีกลับไปบ้านเกิด หากแต่ผลลัพธ์คือถูกญาติห่างๆ ทำร้าย
ซูิเยว่จำได้ ในวันนั้น แม้แต่ความกล้าที่จะฝังศพน้องชายก็ยังไม่มี นางหนีออกจากหมู่บ้านโดยคลำหาทางไปท่ามกลางความมืดมิดในเวลากลางคืน สุดท้ายก็ตกหน้าผา จนกระทั่งตอนเช้าถึงได้รับการช่วยชีวิตจากอู๋ิที่ขึ้นูเามาเก็บสมุนไพร
หลังจากผ่านความลำบากมามากมาย นางก็ฝากตัวเป็ศิษย์ของอู๋ิและสืบทอดวิชาการฝังเข็ม
พอนึกถึงการสั่งสอนของอาจารย์เมื่อชาติก่อน ซูิเยว่ก็เด็ดต้นหญ้าหนามที่ขึ้นเรียงกันออกมา ก่อนจะปักเข็มไปตามจุดฝังเข็มบนตัวน้องชาย
ไม่มีเข็ม จึงทำได้แค่ใช้สิ่งนี้มาทดแทน
เข็มดอกเหมย [1] ของท่านอาจารย์ นางเคยลองมาหลายครั้งแล้ว ขอแค่ยังมีลมหายใจก็ช่วยให้คนกลับมามีชีวิตได้
“ท่านพี่....” ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ฟื้นขึ้นมา มองใบหน้าคนตรงหน้าด้วยความซาบซึ้งเหลือล้น
“น้องชาย ข้ารู้ว่าเ้าจะพูดอะไร ตอนนี้เ้าเพิ่งฟื้น สิ่งสำคัญที่สุดคือพักรักษาตัวให้หายก่อน หากมีเื่อะไรก็ให้ข้าไปจัดการก็พอ”
คำพูดอ่อนโยนทำให้น้ำตาของเด็กหนุ่มไหลออกมา เขาจ้องนางนิ่ง “ท่านพี่ ท่านหายแล้วหรือ? ท่านไม่ได้เสียสติแล้วหรือ?”
หลังจากเกิดเื่นั้นเมื่อครึ่งปีก่อน ซูิเยว่ได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจจนกลายเป็คนเสียสติ ภาระทุกอย่างจึงตกไปอยู่ที่เขา การแบกรับเอาไว้มันไม่ง่ายเลย
“ใช่ ข้าหายดีแล้ว” ซูิเยว่หัวเราะ “ครึ่งปีมานี้ลำบากเ้าแล้ว ต่อไปครอบครัวนี้ก็ให้ข้าเป็คนดูแลเถิด”
ซูิเยว่ออกไปเก็บสมุนไพรให้อาเหนียนโดยอาศัยแสงจันทร์นำทาง จากนั้นก็ไปที่บ้านสกุลหลู่
บ้านสกุลหลู่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ว่ากันแล้ว บ้านสกุลหลู่กับครอบครัวซูิเยว่ก็ไม่ถือว่าเป็ญาติสนิทกัน ซูกุ้ย สามีของหลู่ซื่อเป็คนที่ปู่ของซูิเยว่เก็บมาเลี้ยง ต่อมาพ่อของซูิเยว่ก็พาครอบครัวไปตั้งรกรากอยู่ที่เมืองหลวง บ้านเก่าหลังนี้จึงทิ้งไว้ให้ซูกุ้ยเป็คนดูแล
ทว่าพอพวกนางสองพี่น้องกลับมา พวกเขาก็ไม่ยอมคืนบ้านให้
ทะเลาะกันมาหลายเดือน นางกับอาเหนียนก็ถูกทำร้าย....
ยิ่งคิดซูิเยว่ก็ยิ่งโกรธ นางสาวเท้าไวๆ เดินไปที่ด้านนอกประตูสกุลหลู่ เมื่อเห็นว่าภายในเรือนยังจุดไฟอยู่ ด้านในมีเงาคนสั่นไหว นางจึงเข้าไปแอบฟังที่มุมกำแพง
“เ้าทำร้ายมันจนตายไปแล้วจริงๆ หรือ?” ซูิเยว่ได้ยินเสียงสั่นไหวและเต็มไปด้วยความตกตะลึงของซูกุ้ย
“จะเป็เื่เท็จไปได้อย่างไร? ใครให้เด็กนั่นไม่ฟังคำพูดล่ะ ข้ารึก็มีน้ำใจหาครอบครัวสามีให้นาง แต่นางกลับเอาหินมาปาใส่ข้า ข้าก็เลยโมโหกระชากผมนางกดลงไปในน้ำ”
“เ้า เ้า....” ซูกุ้ยพูดเสียงสั่น “เหตุใดเ้าถึงไม่รู้จักประมาณตนเช่นนี้ บ้านของเขาก็ให้พวกเราอาศัยอยู่เปล่าๆ มาหลายปี เ้ากลับทำกับพวกเขาเช่นนี้หรือ”
“ข้าไม่สน! ใครให้พวกเขากลับมากัน? ถ้าพวกเขาไม่กลับมา ก็คงไม่มีเื่เช่นนี้เกิดขึ้นไม่ใช่หรือ?”
“เรือนนั้นเป็ของพวกเขา เ้าจะไม่ให้พวกเขาได้อย่างไร?”
“ไม่ เรือนเป็ของข้า! ใครก็มาแย่งไปไม่ได้!”
ฟังถึงตรงนี้มุมปากของซูิเยว่ก็ยกยิ้มเย็น
สายตามองไปทางเล้าไก่ที่อยู่ด้านข้าง ไก่สิบกว่าตัวนั่งพิงอยู่ด้วยกัน ภายในรังหญ้าเองก็มีไก่แก่ตัวหนึ่งกำลังฟักไข่
ไก่พวกนี้คงเป็สมบัติที่หลู่ซื่อรักมากสินะ!
.....
เช้าวันต่อมา คนแรกที่พบว่าไก่ตายหมดทั้งเล้าคือ ซูต้า ลูกชายคนโตของหลู่ซื่อ
เขาเห็นเพียงรอยเืรูเดียวบนคอของไก่ทั้งหมด
พอไปหาตามซากไก่ก็พบว่าด้านข้างเล้าไก่มีงูตายอยู่หนึ่งตัว รวมถึงพังพอนหนึ่งตัว
ดังนั้น หมายความว่าไก่พวกนี้ถูกสัตว์สองตัวนี้ฆ่าตายอย่างนั้น?
หลู่ซื่อตบหน้าขาพร้อมร้องไห้ออกมาเสียงสนั่น นึกอยากสับสัตว์สองตัวนั้นให้เป็หมื่นชิ้นเพื่อระบายความโกรธเกลียดในใจ
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ซูิเยว่ใช้เห็ดกับสมุนไพรมาต้มเป็โจ๊กก่อนจะยกไปให้อาเหนียนทาน
เมื่อเห็นอาเหนียนทานโจ๊กหมดแล้ว นางก็ยกไข่ไก่หนึ่งตะกร้าออกมาพร้อมกับเอ่ย “อาเหนียน ข้าจะออกไปข้างนอก ครู่เดียวก็กลับแล้ว หากเ้าไม่มีอะไรก็อย่าลุกขึ้นมา นอนพักรักษาตัวไปดีๆ นะ”
“ท่านพี่จะไปไหนหรือ?”
ซูิเยว่ยิ้ม “ไปที่เรือนของผู้ใหญ่บ้าน พวกเรามาอยู่ก็ครึ่งปีแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าไปทักทายเสียที ไม่ดีเลยจริงๆ”
ตอนที่ซูิเยว่ไปถึงเรือนผู้ใหญ่บ้านก็เห็นเด็กหลายคนกำลังทะเลาะกันเพียงเพื่อแย่งมันเผาหัวเดียว
มันเผาตกลงพื้น กลิ้งไปบนพื้นทราย แต่พวกเด็กๆ ยังคงเถียงกันอยู่
ซูิเยว่ยิ้มแล้วถาม “ผู้ใหญ่บ้านอยู่ในเรือนหรือไม่?” รอยยิ้มของนางสวยมาก อีกทั้งยังเปล่งประกายงดงาม
พวกเด็กๆ จ้องนางนิ่งค้าง ไม่ได้ตอบ
กลับกันเป็ชายชราสวมเสื้อสีเทาคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านในเรือน “เ้าคือ?”
รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตา แต่ก็นึกไม่ออก
ซูิเยว่ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาพร้อมกับแนะนำตัว ผู้ใหญ่บ้านตะลึงค้างไปทันที
คนสติไม่ดีคนหนึ่ง จู่ๆ ก็หายดีขึ้นมาแล้ว?
ไม่เพียงแต่หายดีเท่านั้น นางยังเอาไข่ไก่หนึ่งตะกร้ามาให้ตนด้วย!
ซูิเยว่กล่าวด้วยท่าทางเกรงใจเป็อย่างยิ่ง “ก่อนหน้านี้สมองข้ายังเลอะเลือนจึงไม่ได้มาทักทายผู้ใหญ่บ้านเสียที หวังว่าผู้ใหญ่บ้านจะไม่คิดเล็กคิดน้อย”
“ไม่หรอก ไม่หรอก....”
ตอนนี้ผู้ใหญ่บ้านไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
“ไข่ไก่ในตะกร้าใบนี้ ข้าขึ้นไปเก็บมาจากบนูเา เห็นว่าหลานๆ ในเรือนของท่านอยู่ในวัยกำลังเติบโตจึงเอามาให้เ้าค่ะ”
ทั้งที่ความจริงแล้วไข่ไก่พวกนี้มาจากไก่ของหลู่ซื่อ
เป็อย่างที่ซูิเยว่คิด ผู้ใหญ่บ้านปฏิเสธสองสามทีก็รับไป อย่างไรพวกเด็กๆ ก็จำเป็ต้องบำรุงร่างกาย
พวกเขารับของนางไปแล้ว ต่อไปผู้ใหญ่บ้านจะต้องดูแลครอบครัวซูิเยว่
เมื่อเห็นร่างสูงเพรียวของซูิเยว่จากไปแล้ว ตอนนี้เองที่เด็กหนุ่มหน้าตาดีเดินออกมาจากในเรือน
“ท่านพ่อ แม่นางคนนั้นคือ....”
ผู้ใหญ่บ้านกล่าว “เ้ายังจำได้หรือไม่? ตอนที่นางเพิ่งเกิดเ้าเองก็เคยอุ้มนางมาก่อน ต่อมาพ่อของนางร่ำรวยขึ้นจึงย้ายทั้งครอบครัวไปอยู่ที่เมืองหลวง ตอนนั้นเ้ายังโวยวายจะไปหาน้องสาวอยู่เลย”
โม่เหยียนเซินรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “เื่ั้แ่เด็กขนาดนั้นข้าจะไปจำได้อย่างไร”
ผู้ใหญ่บ้านตบบ่าลูกชายแล้วพูดเสียงหนักแน่น “เ้ากลับมาครั้งนี้ก็อย่าไปอีกเลย เงินที่หามาได้ก็พอจะดูแลหลายเรือนใหญ่แล้ว ลูกของพี่ใหญ่กับพี่รองของเ้าเยอะ หลายปีมานี้ก็ลำบากเ้าแล้ว”
ในหัวของโม่เหยียนเซินคิดถึงสตรีใบหน้างดงามเมื่อครู่ก่อนจะพยักหน้า “อืม ไม่ไปแล้ว”
จัดการเื่นี้เสร็จแล้ว ซูิเยว่ก็รีบกลับไปที่เรือน นางไม่ค่อยวางใจที่จะปล่อยให้อาเหนียนอยู่เพียงลำพัง
เป็อย่างที่คิด พอมาถึงหน้าประตูก็เห็นว่าประตูใหญ่เปิดกว้าง ม่านตาของซูิเยว่หดเข้าหากัน ลางสังหรณ์ไม่ดีปราดขึ้นมาทันที
นางพุ่งเข้าประตูไปอย่างรวดเร็ว พริบตาก็เห็นแผ่นหลังคนคุกเข่าอยู่บนเตียงของอาเหนียน สองมือนั้นกำลังบีบคอของเขาเอาไว้
เชิงอรรถ
[1] เป็การฝังเข็มชนิดหนึ่งที่รูปร่างเหมือนดอกเหมย ใช้สำหรับการแทงลงไปตื้นๆ เป็การให้เข็มสั้นๆ รวมกันหลายเล่มลงไปยังจุดที่แน่นอนกับจุดฝังเข็มแบบตื้นๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้