ตอนที่ 27 ไอ้แก่ตายยาก
อวดดี!
คำพูดเช่นนั้นของฉินชูทำเอาบรรยากาศทั่วทั้งลานกว้างตกอยู่ในภวังค์ความเยือกเย็นทันที
ก่อนที่ฉินชูจะพูดออกมา ทุกคนต่างพากันสำรวมและระงับความพลุ่งพล่านอยากต่อสู้ไว้ในใจ เพราะเกรงว่าตัวเองจะเสียหน้า แต่ในเมื่อฉินชูพูดออกมาแบบนี้ พวกเขาก็ไม่อาจทนต่อไปได้อีก คำพูดของฉินชูเป็ที่ประจักษ์แล้วว่าฉินชูไม่คิดจะไว้หน้าพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“ทุกคนอย่าคิดว่าฉินชูผู้นี้บ้าพลังหรือไร้เหตุผล เป็เพราะพวกเขาเป็ฝ่ายเริ่มเื่มาก่อน พวกเราศิษย์รับใช้จึงไม่มีทางเลือกนอกจากสู้กลับ...” เอ้อพั่งก้าวออกมา เขากล้าหาญขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก เขาไม่อยากให้คนอื่นๆ เข้าใจฉินชูผิด แต่ยังพูดไม่ทันจบก็ถูกขัดขึ้น
“หุบปากซะ จะมาต่อสู้ก็สู้ไป ไม่ต้องมาเที่ยวพูดจาไร้สาระ!” จางจี้ปรากฏตัวขึ้นมา เขารู้เื่ที่เกิดขึ้นเป็อย่างดี ดังนั้นจึงไม่อยากให้เอ้อพั่งมาเที่ยวสาธยายซ้ำเติมอีก
เมื่อถูกจางจี้ตำหนิ เอ้อพั่งเองก็ไม่ยอม ดวงตาเล็กๆ ของเขาก็พลันลุกวาวขึ้น “ท่านจะอายอะไร ไม่ในเมื่อยอดเขาหลักทำเื่หน้าไม่อาย ท่านยังไม่กล้ายอมรับอีกหรือ”
“ใครสอนเ้าให้ทำตัวไม่เจียมตัวเช่นนี้” จางจี้โมโหเืขึ้นหน้า เอ้อพั่งเป็เพียงแค่ศิษย์รับใช้ ควรทำตัวสำรวมเชื่อฟังเมื่ออยู่ต่อหน้าศิษย์สายในและสายหลัก ไม่ใช่ทำตัวอวดดีเช่นนี้
“ข้าไม่รู้ว่าเ้าเป็ใคร แต่ข้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเ้า พอโผล่หน้ามาก็เที่ยวสั่งสอนคนอื่น เ้ามีอะไรที่ทำให้ผู้อื่นเคารพนับถือบ้าง หากเ้าทำเื่ที่น่าเคารพ พวกเราย่อมให้ความเคารพ แต่เ้ากลับไม่ทำ” ฉินชูยกมือขึ้นมาขวางด้านหน้าเอ้อพั่งและส่งสายตาให้เขาไปรวมตัวกับศิษย์รับใช้คนอื่น
“ข้าคือท่านาุโระดับสามของสำนักชิงหยุนนามว่าจางจี้” จางจี้บอกชื่อของตัวเอง
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ฉินชูก็ขมวดคิ้ว เพราะรู้สึกคุ้นหู ครุ่นคิดอยู่สักพักหนึ่งก็นึกออกว่าจางจี้คนนี้เป็อาจารย์ของหลิ่วเจ๋อ
“เ้าเป็คนสอนหลิ่วเจ๋ออย่างนั้นหรือ ลูกศิษย์กับอาจารย์นิสัยเหมือนกันไม่มีผิด เ้ารู้หรือไม่เื่ที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งหมด ล้วนเป็เพราะหลิ่วเจ๋อลูกศิษย์ของเ้า นางเป็คนไปหาเื่ข้าที่ยอดเขาชิงจู๋ก่อน ซ้ำยังวางยาพิษคนในสำนักเดียวกัน ในเมื่อลูกศิษย์มีนิสัยเช่นนี้ อาจารย์อย่างเ้าก็คงดีกว่านางไม่มาก แล้วแบบนี้ข้าจำเป็ต้องให้ความเคารพเ้าหรือ” เมื่อรู้ว่าจางจี้คือใคร ฉินชูก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป
จางจี้ถึงกลับหน้าซีด ราวกับถูกฉินชูกระชากหน้าลงไปที่พื้นและเหยียบย่ำ
“จับมันมาลงโทษเสีย” จางจี้สะบัดมือ เขาไม่อาจปล่อยให้ฉินชูเหิมเกริมเช่นนี้ต่อไปได้
ฟึบ!
ฉินชูตวัดกระบี่พลางเอ่ย “ลงโทษ? ข้าทำผิดกฎของสำนักข้อไหนกัน แต่ถ้าหากข้าทำผิดกฎของสำนักจริงๆ ทางยอดเขาชิงจู๋จะเป็ผู้สำเร็จโทษข้า ภาระหน้าที่นี้ไม่มีทางถึงมือไอ้แก่ตายยากอย่างเ้าแน่นอน”
ทุกคนตรงนั้นลุกฮือขึ้นทันที! เพียงเพราะคำว่า ‘ไอ้แก่ตายยาก’ ของฉินชู ต่อให้มีหลายคนที่เหม็นขี้หน้าจางจี้ แต่ก็ไม่มีใครกล้าปริปากด่าเขาเช่นนี้
“ฉินชูพูดถูก หากเขาทำผิดกฎจริงๆ ทางยอดเขาชิงจู๋จะเป็ผู้สำเร็จโทษเขา แต่ข้าไม่เห็นว่าเขาจะทำผิดกฎข้อไหน ซ้ำยังถูกจ้องเล่นงานเสียอีก” หลัวเจินเดินออกมา ฉินชูจะต่อสู้อย่างไรเขาไม่สน แต่ตอนนี้ทางยอดเขาชิงหยุนไม่ยอมทำตามระเบียบที่ควรเป็ ดังนั้นเขาจึงต้องทำอะไรสักอย่าง
“เขาไม่เคารพผู้าุโของสำนัก แบบนี้ไม่ใช่ความผิดหรอกหรือ” จางจี้ชี้หน้าฉินชูพร้อมพูดเสียงดัง
“แล้วที่ฉินชูถามเ้าเมื่อครู่นี้ การที่หลิ่วเจ๋อไปหาเื่ยอดเขาชิงจู๋และวางยาพิษลูกศิษย์ในสำนักเดียวกัน ท่านาุโอย่างเ้าจะตอบว่าอย่างไรดี ดูแลลูกศิษย์ของตัวเองไม่ดีแล้วยังพาลคนอื่น เช่นนี้ยังจะมีใครอยากเคารพเ้าอยู่บ้าง วันนี้เป็วันสะสางความขัดแย้งของลูกศิษย์ในสำนัก ไม่เกี่ยวข้องกับคนระดับอย่างพวกเรา แต่ถ้าหากเ้ายังสอดเท้าเข้ามาแทรกแบบนี้อยู่อีก เห็นทีพวกเราคงต้องสู้กันหน่อยแล้ว!” ชุดคลุมของหลัวเจินโบกกระพือ มือพลันเลื่อนลงไปจับด้ามกระบี่
บรรยากาศกดดันหนักอึ้งจนทำให้จางจี้ยอมถอยออกมา เพราะหลัวเจินถือว่าเป็บุคคลระดับแถวหน้าในบรรดาปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาทั้งเจ็ด หลัวเจินไม่ใช่คนที่จางจี้จะเทียบได้ และวันนี้จางจี้ก็มองออกว่าอีกฝ่ายเอาจริง ไม่ได้ล้อเล่น
“หากจะสู้ต่อ ก็จงสู้จนตัวตาย แต่ห้ามถูกโกงจนตัวตายเด็ดขาด!” หลัวเจินถอยกลับมาเช่นกัน จากนั้นก็หันไปพูดกับฉินชู
“เข้ามา! วันนี้ฉินชูได้มาท้าสู้กับศิษย์สายนอกบนยอดเขาชิงหยุนตามสัญญาแล้ว ก่อนหน้านี้บอกว่าข้าเป็ขยะไม่ใช่หรือ ทุกคนจงดูให้เห็นกับตาเองก็แล้วกัน ว่าใครเป็ขยะกันแน่” ฉินชูถือกระบี่พูดทวงสัญญาขึ้น วันนี้มีผู้หลักผู้ใหญ่สนับสนุน ถ้าไม่สู้ในวันดีๆ เช่นนี้ แล้วจะให้ไปสู้วันไหน
ต่อมาเหล่าศิษย์สายนอกของยอดเขาชิงหยุนก็เริ่มเคลื่อนไหว ท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายแบบนี้ พวกเขาจำเป็ต้องสู้เพื่อรักษาหน้าของตัวเองเอาไว้
เมื่อเผชิญหน้ากับศิษย์สายนอก ฉินชูยังคงใช้รูปแบบเดิมในการต่อสู้อยู่ ปัดกระบี่ออกและตามด้วยลูกเตะ
เมื่อเห็นว่าสู้ตัวต่อตัวไม่ได้ผล ศิษย์สายนอกของยอดเขาชิงจู๋ก็เข้ามารุม หากวันนี้รุมจัดการฉินชูไม่ได้ พวกเขาจะต้องหน้าแตกย่อยยับแน่นอน
การต่อสู้ตะรุมบอนเริ่มขึ้น เอ้อพั่งอยากจะเข้าไปช่วย แต่ถูกไป๋อวี้ห้ามเอาไว้ เพราะเขากับฉินชูเคยสู้กับฝูงหมาป่ามาก่อนและเขาก็รู้ซึ้งถึงพลังต่อสู้ของฉินชูเป็อย่างดี
กระบี่ของฉินชูตวัดกระบี่ในมือของอีกฝ่ายทิ้ง จากนั้นก็ปล่อยหมัดซ้ายและเตะแสกหน้าศิษย์สายนอกของยอดเขาชิงหยุน
เมื่อเครื่องเริ่มติด ฉินชูก็ไม่สนแล้วว่าศิษย์สายนอกพวกนี้จะก้าวออกมาสู้กับตัวเองหรือไม่ เขาพุ่งเข้าใส่เหล่าศิษย์สายนอกที่ยืนรายล้อมอยู่โดยไม่เอ่ยถามสักคำ
หากบอกว่าเสือกระโจนเข้าฝูงแกะ คงเป็การดูถูกเหล่าศิษย์สายนอกเกินไป เปลี่ยนเป็เสือกระโจนเข้าฝูงหมาป่าคงเหมาะสมกว่า เหล่าศิษย์สายนอกพยายามต้านทาน แต่กลับไร้ผล ทั้งที่ฉินชูยังไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ มือขวาถือกระบี่ปัดป้องกระบี่ของอีกฝ่ายทิ้ง มือซ้ายกำหมัดต่อย สองเท้าเตะกระเด็น
เหล่าศิษย์สายนอกลอยกระเด็นไปที่ขอบลานกว้างคนแล้วคนเล่า
ในเวลานั้นกลับปรากฏหญิงคนหนึ่งเดินมาข้างๆ หลัวเจิน “ศิษย์พี่หลัว ศิษย์แบบนี้มักชอบก่อเื่ ท่าน้าให้ยอดเขาเชียนหลัวของศิษย์น้องดูแลสั่งสอนเขาแทนหรือไม่”
หลัวเจินชำเลืองมองผู้หญิงที่โผล่มาข้างๆ “ศิษย์น้องเสวี่ยอิน ลูกศิษย์แบบนี้รับมือด้วยยาก”
ผู้หญิงคนนี้เป็หนึ่งในปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาเชียนหลัวที่เป็หนึ่งในยอดเขาทั้งเจ็ดของสำนักชิงหยุน เธอ้าตัวฉินชูเพื่อรับไปขัดเกลา แต่หลัวเจินกลับไม่ยอม
“ถอยไปซะ!” หลังจากเสียงตวาดและเสียงกระบี่ปะทะกันดังขึ้น ในที่สุดฉินชูก็ตกเป็ฝ่ายผละถอยหลัง เขาผงะไปหลายก้าวกว่าจะยืนนิ่งได้อีกครั้ง
กระบี่ในมือสั่นคลอน สายตาของฉินชูมองไปยังชายวัยกลางคนด้านหน้าที่ลงมือ
“ที่นี่เป็พื้นที่ของลูกศิษย์สายในของยอดเขาชิงหยุน เ้าอย่าได้รนหาที่ตาย” ชายวัยกลางคนถลึงตาใส่ฉินชู
“เ้าเป็ใคร” ฉินชูกระชับกระบี่ในมือ แรงสั่นสะท้านจากการปะทะกระบี่เมื่อครู่ทำเอาเขามือชาไปหมด
ชายวัยกลางคนจ้องฉินชู “หนึ่งในผู้ดูแลแห่งยอดเขาหลักนามว่าหยางต้าชวน”
“แล้วข้าจะจำชื่อเ้าเอาไว้ ว่าแต่พื้นที่ของศิษย์สายในของยอดเขาชิงหยุนแล้วมันเป็อย่างไร หลังจากนี้อีกครึ่งเดือน ฉินชูผู้นี้ต้องมาท้าสู้กับศิษย์สายในของยอดเขาหลักอยู่ดี” ฉินชูถลึงตาใส่หยางต้าชวน ฉินชูก้าวถอยหลังต่ออีกสองสามก้าว จากนั้นก็ชำเหลืองตามองศิษย์สายนอกที่นอนกองอยู่บนพื้น
ศิษย์สายนอกที่สู้กับเขามีไม่มากนัก เป็แค่ส่วนน้อยของทั้งหมด แต่ก็เป็จำนวนหลายสิบคน และตอนนี้พวกเขาก็ถูกฉินชูอัดจนน่วม หน้าบวมฟันร่วง ไม่มีใครยืนไหวสักคน
“ยังมีใครกล้าบอกว่าพวกเราศิษย์รับใช้แห่งยอดเขาชิงจู๋เป็ขยะอีกหรือไม่ พวกเ้ามีสิทธิ์อะไรมาดูถูกคนอื่น หากพวกเ้าคิดแบบนั้นได้ เช่นนั้นในสายตาข้าพวกเ้านั่นแหละที่เป็ขยะของจริง” ฉินชูกวาดตามองเหล่าศิษย์สายนอกผู้พ่ายแพ้
ไม่มีใครตอบกลับ แม้แต่ศิษย์สายนอกที่เหลืออยู่ก็ต่างพากันนิ่งเงียบ ฉินชูบ้าระห่ำเกินไป เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ผู้ฝึกตนขั้นที่สองจะเอาชนะได้
“วันนี้ข้าจะขอพูดเอาไว้อย่าง จริงอยู่ที่พวกเราศิษย์รับใช้แห่งยอดเขาชิงจู๋ปฏิบัติหน้าที่ของศิษย์รับใช้ แต่สิทธิความเป็มนุษย์ของพวกเราไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร ใครที่ดูถูกพวกเรา พวกเราก็จะสู้สุดใจและยอมไม่ได้เด็ดขาด หลังจากนี้อีกครึ่งเดือน พวกเราจะมาท้าสู้กับลูกศิษย์สายในของยอดเขาชิงหยุน จงระวังตัวเอาไว้ดีๆ... เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีใครออกมาท้าสู้อีก งั้นพวกเรากลับกันได้” ฉินชูโบกมือและพูดกับเหล่าศิษย์รับใช้แห่งยอดเขาชิงจู๋