เฉียวเยว่ไม่ได้ข่าวหรงจ้านมาหลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าเขาเป็อย่างไรบ้าง แต่เพราะสองสามวันมานี้เห็นเฉียวเยว่เหม่อลอย ฉีอันรู้สึกแปลกใจจึงเอ่ยถาม เฉียวเยว่ย่อมไม่บอกว่าเป็ห่วงหรงจ้าน แต่พอนึกอีกที ่นี้ในเมืองหลวงก็ไม่มีข่าวว่าโจรขึ้นบ้านของผู้ใด ด้วยเหตุนี้จึงยิ่งงุนงงขึ้นไปอีก
เขาาเ็เพราะเหตุใดกันแน่?
แต่นอกจากฉีอันแล้ว อวิ๋นเอ๋อร์ก็บ่นพึมพำเช่นกัน นางเข้ามาถาม "คุณหนูเจ็ด ท่านเห็นผ้าห่มอีกผืนหรือไม่เ้าคะ?"
หามาหาไป อย่างไรก็หาไม่เจอ อยู่ดีๆ ผ้าห่มจะหายไปได้อย่างไร
เอ่ยถึงเื่นี้ เฉียวเยว่ก็หน้าแดง นางจะบอกได้อย่างไรว่าผ้าห่มผืนนั้นถูกหรงจ้านเอาไปแล้ว นางปรับอารมณ์ให้สงบ แล้วตอบกลับไป "หาไม่เจอหรือ? ข้าไม่เห็นเลยนะ อาจไปวางไว้ที่อื่นหรือเปล่า?"
นางโกหกหน้าตาย แต่แววตากับลุกวาวเล็กน้อย
อวิ๋นเอ๋อร์หาไม่พบก็เกาหัวอย่างข้องใจ พูดตามตรง ต่อให้มีคนขโมยของก็ไม่น่าจะขโมยเพียงผ้าห่มผืนเดียวแทนที่จะเป็แก้วแหวนเงินทอง
เฉียวเยว่เอ่ยเสียงเบา "หาไม่เจอก็หาไม่เจอ ไม่แน่ว่าพอเลิกหา มันอาจจะโผล่ออกมาก็ได้ เ้าว่าจริงหรือไม่?"
คำพูดนี้ แม้แต่เฉียวเยว่เองก็ยังไม่เชื่อ
อวิ๋นเอ๋อร์ไม่ยินยอม "แต่ข้าจำได้ว่าวางไว้ตรงนี้ สงสัยข้าจะอายุมากแล้ว ความจำเลยกลายเป็ย่ำแย่ ไม่ว่าอย่างไรก็หาไม่เจอ"
เฉียวเยว่สูดหายใจลึก เดินเข้าไปดึงอวิ๋นเอ๋อร์ "เอาล่ะ ไม่ต้องหาแล้ว ไยต้องยึดติดนักเล่า"
อวิ๋นเอ๋อร์ยังนับว่าเชื่อฟังถ้อยคำของเฉียวเยว่ แต่ก็ยังมิวายบ่นงึมงำไม่หยุด เฉียวเยว่รู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง แต่กลับแสร้งทำตัวเป็ผู้บริสุทธิ์
เสี่ยวชุ่ยวิ่งตึงๆ เข้ามาในห้อง "คุณหนูเจ็ด ในจวนมีแขกมาเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะมีแก่ใจกระตือรือร้น มีแขกก็ไม่เกี่ยวข้องอันใดกับนาง สิ่งที่นางกังวลที่สุดตอนนี้ก็คือสุขภาพของหรงจ้าน
เฉียวเยว่เงยหน้า "มาก็มาไปสิ เกี่ยวอันใดกับข้าเล่า"
เสี่ยวชุ่ยสังเกตได้ว่า่นี้อารมณ์ของคุณหนูไม่ค่อยโสภานัก นั่งหน้าซึมเซื่องทั้งวัน จึงตอบอย่างระมัดระวัง "ท่านอ๋องอวี้มาเ้าค่ะ เขาเอาขนมมาด้วย"
คุณหนูของพวกนางชอบกินเป็ที่สุด อาจจะมีความสุขขึ้นมาบ้าง? อย่างไรเสียฝีมือของท่านอ๋องอวี้ก็เป็ที่ชื่นชอบของคุณหนูมาโดยตลอด
เป็ดังคาด เฉียวเยว่ลุกขึ้นทันควัน ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ "เป็พี่จ้านมาหรือ?"
นางไม่พูดพร่ำทำเพลง แม้แต่เสื้อคลุมกันลมก็ไม่สวม วิ่งไปห้องโถงรับแขกทันที
อวิ๋นเอ๋อร์กับเสี่ยวชุ่ยต่างสบตากัน แล้วรีบวิ่งตามไป อวิ๋นเอ๋อร์ฉวยเสื้อคลุมกันลม แล้วร้องะโเรียก "คุณหนู ข้างนอกอากาศหนาวนะเ้าคะ"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะฟังเข้าหู นางวิ่งแล่นไปห้องโถงรับแขก ดวงหน้าน้อยแดงก่ำเพราะวิ่งมา พอเข้าไปในห้องก็เห็นหรงจ้านนั่งอยู่ตำแหน่งประธาน สายตาของเฉียวเยว่เลื่อนไปที่แขนของเขา เขาสวมอาภรณ์ผ้าไหมสีดำ มองไม่ออกว่าเป็อันใด แต่เทียบกับเมื่อก่อนดูเหมือนว่าเขาจะสวมหนาขึ้นหลายชั้น
"คารวะพี่จ้าน"
แต่สายตาของนางกลับจดจ้องที่แขนของเขาตลอด ไม่เลื่อนไปไหน
ซูซานหลางกำลังสนทนากับหรงจ้าน ได้ยินเสียงวิ่งดังสนั่นปานแผ่นดินไหว แต่ไม่นึกว่าจะเป็บุตรสาวของตนเอง นางไม่มีความสำรวมสักนิด ซูซานหลางได้แต่อดทนอดกลั้น
แม้เพลิงโทสะในใจของซูซานหลางจะลุกโชน แต่ไม่อาจตำหนิบุตรสาวตัวน้อยของตนเองได้ ยิ่งเห็นหรงจ้านก็ยิ่งขัดตา หากมิใช่ตัวหายนะหน้าตาหล่อเหลาผู้นี้ บุตรสาวของเขาไหนเลยจะทำตัวเสียมารยาท
ซูซานหลางเม้มปากเอ่ยว่า "เป็สาวเป็นาง เหตุใดถึงทำตัวไม่มีกฎเกณฑ์เช่นนี้เล่า"
เฉียวเยว่บิดมือไปมา รู้ว่าตอนนี้ตนเองทำให้บิดาไม่พอใจแล้ว จึงรีบหาผู้ช่วยทันควัน "ข้าได้ยินว่าพี่จ้านมา ก็รู้ว่าเขาต้องเอาของอร่อยมาด้วยอย่างแน่นอน"
นางยิ้มพลางเอ่ยถาม "พี่จ้านทำของอร่อยมาให้ข้าใช่หรือไม่?"
ท่าทางของเฉียวเยว่ในตอนนี้ทำเอาซูซานหลางแทบตกจากเก้าอี้ แม่นางน้อยบ้านเขาพูดจากฉาดฉานเยี่ยงนี้ไม่มีปัญหาแน่หรือ?
ขณะกำลังจะตำหนิ ก็เห็นหรงจ้านอมยิ้ม "ไม่ใช่"
เฉียวเยว่คอตกในพริบตา หงอยราวกับเป็ลูกสุนัขที่ถูกทอดทิ้ง
"หลายวันก่อนข้าแขนเคล็ด แม้ว่าตอนนี้จะดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังไม่เหมาะสมที่จะทำอาหาร นี่คือของที่ข้าซื้อมา ทว่าล้วนเป็ของโปรดของเ้าทั้งนั้น ข้าคิดว่าเ้าคงจะไม่รังเกียจ"
คำพูดของหรงจ้านแฝงความนัย เฉียวเยว่เข้าใจทันที นางรู้ว่าหรงจ้านมาเพื่อแจ้งอาการาเ็ของตนเองให้นางรู้ ได้ยินว่าแขนของหรงจ้านดีขึ้นมากแล้ว ในที่สุดนางก็วางใจได้เสียที
"มีแต่คนงี่เง่าเท่านั้นแหละถึงจะแขนเคล็ด" เฉียวเยว่พึมพำเสียงเบา
น้ำเสียงของนางแฝงแววยั่วยุอยู่หลายส่วน ซูซานหลางตำหนินาง "เฉียวเยว่ นับวันเ้ายิ่งทำตัวไม่มีเหตุผล พูดกับท่านอ๋องอวี้ดีๆ หน่อย ไม่ว่าอย่างไร ท่านอ๋องก็เป็ผู้ใหญ่ เ้าไม่เคารพผู้าุโเช่นนี้ ข้าว่าเ้าควรกลับไปเรียนมารยาทเสียใหม่"
เวลาเพียงครู่เดียว หรงจ้านก็กลายเป็ผู้าุโไปแล้ว เฉียวเยว่มองออก บิดาของนางกำลังพยายามทำให้ผู้อื่นกลายเป็ผู้สูงวัย
แต่เฉียวเยว่ไม่รู้สึกว่าจะเป็อันใด นางยิ้มเอ่ยว่า "พี่จ้านไม่ตำหนิข้าอยู่แล้วล่ะ"
นางมานั่งบนเก้าอี้ นึกถึงอวิ๋นเอ๋อร์ที่ยังหาผ้าห่มอยู่ จึงขยิบตาให้หรงจ้าน
หรงจ้านรู้สึกงุนงงไม่เข้าใจความนัยที่นางขยิบตาให้
เฉียวเยว่ขยิบตาให้เขาอีก
ซูซานหลางรู้สึกจุกแน่นในลำคอ แทบอดไม่ไหวอยากจะเข้าไป... เตะหรงจ้านสักป้าบ
บุตรของตนดีแสนดี กลับถูกคนเลวพาเสียนิสัย
ไม่ผิด คนเลวที่ว่านี้หาใช่ใครที่ไหน ก็คือหรงจ้านนั่นเอง
ยามนี้มาไตร่ตรองดู การตัดสินใจให้เฉียวเยว่ไปมาหาสู่กับเขาั้แ่ยังเล็กเป็ความคิดที่ผิดมหันต์ ซูซานหลางนึกเสียใจภายหลังจริงๆ
อย่าว่าแต่ซูซานหลางเลย แม้แต่หรงจ้านเองก็ไม่เข้าใจว่าเฉียวเยว่้าสื่อสารอะไรกันแน่ นางพยายามขยิบตาบอกบางอย่าง แต่เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย ตามหลักแล้วนางควรถามอาการแขนของเขา แต่เมื่อเขาบอกไปแล้วนางก็ไม่มีเหตุผลจะถามอีก หรงจ้านงุนงงอยู่บ้างซ้ำยังต้องรับสายตาเชือดเฉือนจากซูซานหลาง
เฉียวเยว่เห็นหรงจ้านไม่เข้าใจก็รำพึงในใจ ดูท่าผ้าห่มของนางคงไปแล้วไปลับไม่คืนหวนกลับมาแล้วเป็แน่
และสิ่งที่นางไม่รู้อีกเื่ก็คือ ภายในอีกครึ่งปีถัดมา ปริศนาที่ผ้าห่มของนางหายไปยังคงเป็ปัญหากวนใจสาวใช้สองคน พวกนางต่างงงเป็ไก่ตาแตก ไม่รู้จริงๆ ว่าผ้าห่มหายไปไหน นึกเป็ร้อยรอบก็หาคำตอบไม่ได้
แต่ตอนนี้เฉียวเยว่ก็ไม่สะดวกที่จะพูดอะไรออกไป นางนั่งยิ้มเงียบๆ อย่างน่ารักน่าเอ็นดู ทุกคราเมื่อถึงเวลาแบบนี้ หรงจ้านก็มักรำพึงอยู่เงียบๆ ในใจ แม่หนูน้อยผู้นี้ช่างเสแสร้งเก่งเป็ที่สุด
ซูซานหลางชำเลืองมองบุตรสาว แล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็น "เ้าไม่มีอันใดแล้ว เ้าก็กลับไปเถอะ"
นี่คือการขับไล่
เฉียวเยว่ไหนเลยจะยอม ริมฝีปากน้อยๆ ยื่นออกมา ยืนกรานไม่ยอมไป นางยังไม่รู้รายละเอียดอาการที่แขนของพี่จ้านเลยว่าเป็เช่นไร ยังอยากถามให้มากกว่านี้ ประกอบกับรู้สึกเสียหน้าที่ถูกไล่ราวกับเป็เด็กน้อย เฉียวเยว่เงยหน้าขึ้น ยิ้มเผล่ "ข้าไม่กลับ ข้ามิได้เจอกับพี่จ้านนานแล้ว"
มุมปากของหรงจ้านค่อยๆ โค้งขึ้นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ในที่สุดความเอ็นดูที่มีต่อนางก็ไม่สูญเปล่า ผลของการป้อนของอร่อยๆ ให้กินั้แ่เล็กก็คือความน่ารักเฉลียวฉลาดรู้ความของนาง
ซูซานหลางรู้สึกหายใจติดขัด เขาอึดอัดใจจนไม่ไหวแล้ว แต่ตนเองหาใช่บิดาที่เข้มงวดกับนางั้แ่เล็ก ตอนนี้พูดไปก็เท่านั้น เฉียวเยว่ไม่ฟังอยู่ดี ซูซานหลางรู้สึกเหนื่อยใจจริงๆ
"เ้าเป็เด็กผู้หญิง มาอยู่ที่นี่เหมาะสมที่ไหนกัน"
"ข้ากับพี่จ้านไม่ใช่คนแปลกหน้ากันเสียหน่อย เขาคือพี่ใหญ่ของข้านะเ้าคะ" เฉียวเยว่ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
นางทำตาหวานพลางกะพริบตาปริบๆ
รอยยิ้มของหรงจ้านยิ่งกว้างขึ้น "ไม่เสียแรงที่เอ็นดูเ้าั้แ่เล็ก"
หลังจากนิ่งคิดสักพัก ก็เสริมขึ้นมาอีกประโยค "สองสามวันก่อนในวังพระราชทานผลไม้จากทางใต้มามากมาย หากเ้าชอบ พรุ่งนี้ข้าจะส่งมาให้"
เฉียวเยว่ยิ้มจนดวงตาหยีโค้ง คนผู้นี้โปร่งใสชัดเจนดียิ่ง นางเพิ่งแสดงความสนิทสนมและเป็มิตรไปหมาดๆ เขาก็ตอบแทนกลับมาทันที
ริมฝีปากของนางโค้งขึ้นเล็กน้อย ลักยิ้มซึ่งปรกติจะไม่ค่อยเห็นปรากฏขึ้นรางๆ แลดูน่ารัก พร้อมกับเอ่ยเสียงเบา "พี่จ้านไม่ฉลาดเอาเสียเลย รู้อยู่เต็มอกว่าข้าชอบมาก น่าจะส่งมาวันนี้ทีเดียว"
หรงจ้านมุมปากกระตุก หลังจากนั้นทอยิ้มสดใสดุจจันทร์กระจ่าง แล้วพูดอย่างเยือกเย็น "เช่นนั้นก็เป็ความผิดของข้าเอง"
เฉียวเยว่ยิ้มพลางพยักหน้า "ก็ใช่สิเ้าคะ ส่งมาให้ข้าวันนี้เลยดีกว่า จะได้ไม่ต้องเดินทางมาอีกรอบในวันที่อากาศหนาวเย็นเช่นนี้"
"ที่แท้ก็เป็ความผิดของข้าเอง วันหน้าหากมีของที่เ้าชอบ ข้าจะส่งมาให้เ้าก่อนเป็คนแรก เช่นนี้ถึงจะเหมาะสมที่สุดใช่หรือไม่?"
เฉียวเยว่รีบพยักหน้า "ประเสริฐยิ่ง ประเสริฐยิ่ง"
เห็นนางตอบฉาดฉานเช่นนี้ ซูซานหลางก็รู้สึกจุกในลำคอ แมวน้อยจะกละตัวนี้ช่างไม่รู้ความจริงๆ
เขาอยากจะไล่นางดีๆ แต่ยายหนูหน้าหนาคนนี้ก็ไม่ยอมไป
ส่วนหรงจ้าน ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็ท่านอ๋อง สถานะตั้งอยู่ตรงนั้น เขาจะตีมึนไล่คนกลับก็คงน่าเกลียด
แต่ไม่มีใครรู้ความในใจของซูซานหลางสักคน เขารู้สึกว่าชีวิตช่างเปล่าเปลี่ยวยิ่งนัก
เฉียวเยว่ลูบมือน้อยๆ ของตนเอง แล้วยิ้มถามว่า "่นี้พี่จ้านกำลังยุ่งอันใดอยู่หรือ?"
แท้จริงแล้วนางสนใจอาการาเ็ของหรงจ้าน แต่นางไม่สามารถถามได้โดยตรง จำต้องเลียบเคียงถามอย่างอ้อมๆ
หรงจ้านล้วงผ้าออกมาเช็ดมือ ปรกติเขามีผ้าสีน้ำเงินเยอะมาก แต่ครานี้กลับล้วงผ้าสีฟ้าอ่อนยับยู่ยี่ปักลายพระจันทร์สีขาวดวงหนึ่งออกมาใช้ หลังเช็ดเสร็จแทนที่จะโยนทิ้งเหมือนทุกที กลับเก็บเข้าไปที่เดิม
คนทั่วทั้งเมืองหลวงใครบ้างไม่รู้ว่าหรงจ้านเป็คนเช่นไร ปรกติเขากลัวความสกปรกที่สุด ข้อเรียกร้องก็สูง แต่สิ่งที่เขาทำวันนี้ยากยิ่งนักที่จะได้เห็น
ซูซานหลางนิ่วหน้าเล็กน้อย บอกตามตรง พอเห็นผ้าผืนนั้นเขาก็รู้สึกว่าคุ้นตายิ่ง
สายตาของซูซานหลางเลื่อนไปที่ตัวเฉียวเยว่ มองพิจารณาด้วยความสงสัย ยิ่งคิดก็ยิ่งคลางแคลงว่าจะใช่ผ้าเช็ดหน้าของเฉียวเยว่หรือไม่
ยายหนูเฉียวเยว่ชอบผ้าเช็ดหน้าแบบนี้ คนเป็บิดาเช่นเขาไหนเลยจะไม่รู้เล่า
พอเห็นสายตาเคลือบแคลงของบิดาพุ่งเข้ามา เฉียวเยว่ก็ยิ้มแป้น "ท่านพ่อ ผ้าเช็ดหน้า ข้ามอบให้พี่จ้านเองเ้าค่ะ หากท่านก็ชอบเหมือนกัน ข้าจะให้ท่านด้วยดีหรือไม่?"
น้ำชาเต็มปากของซูซานหลางก็พุ่งพรวดออกมาด้วยประการฉะนี้
เขาอยากจะด่าคนยิ่ง จะทำเช่นไร
ยายหนูของเขาเป็หมูใช่หรือไม่?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้