โชคดีที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว ซ่งอวี้ก็ไม่คิดเล็กคิดน้อย นางจุดกองไฟของตนเองให้ลุกโชนกว่าเดิมเล็กน้อย ทำให้ในห้องไม่หนาวจนเกินไป ถือเป็การให้รางวัลชายสวมหน้ากากที่รู้จัก 'ดูสถานการณ์'
เขายกเตียงให้นางแล้ว อย่างน้อยนางก็ควรสร้างสภาพแวดล้อมดีๆ เพื่อให้ผ่านค่ำคืนหนาวเหน็บนี้ไปได้ให้แก่เขา หลังจากนั้นซ่งอวี้กับเสี่ยวหมานก็อยู่ด้านใน ชายสวมหน้ากากอยู่ด้านนอก ต่างฝ่ายต่างไม่ข้องเกี่ยวกัน
ทว่าการค้างอ้างแรมนอกบ้านทั้งยังมีบุรุษที่ไม่รู้จักอยู่ด้วย แม้ซ่งอวี้จะนอนอยู่บนเตียงอุ่นแต่ไม่ว่าจะพลิกตัวไปมาอย่างไรก็นอนไม่หลับ กลับทำให้ตนรู้สึกกระหาย นางจึงลุกขึ้นมาดื่มน้ำ
"เหตุใดแม่นางจึงยังไม่พักผ่อน?"
แม้ในห้องจะจุดกองไฟ แต่ไม่ใช่ว่าทั่วทั้งห้องจะส่องสว่าง ซ่งอวี้คิดว่าชายสวมหน้ากากนอนหลับไปแล้ว ตอนนางเดินออกมา ตั้งใจย่องเท้าเบาๆ ทว่ากลับใเพราะเสียงของเขาที่ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
แม่เ้า ใเกือบตายรู้หรือไม่?
หัวใจซ่งอวี้เต้นแรง ในตอนหลังเมื่อรู้ว่าเป็เสียงของชายสวมหน้ากาก นางค่อยโล่งอก ตบหน้าอกของตนเองเรียกขวัญกลับมา
ชายสวมหน้ากากเดินออกมาจากมุมมืด อยู่ห่างจากซ่งอวี้ไม่ไกลนักแล้วหยุดลง เมื่อเห็นการกระทำของซ่งอวี้เขาก็ถามขึ้นช้าๆ "ข้าทำให้แม่นางใหรือ?"
ซ่งอวี้มองบนอย่างไม่รักษาภาพลักษณ์ "กลางดึกที่เงียบงันเช่นนี้ มีคนพูดขึ้นกะทันหัน ท่านคิดว่าผู้อื่นจะใหรือไม่?"
นางใมากจริงๆ รู้หรือไม่? เมื่อก่อนตอนเรียนแพทย์ นางเองก็ไม่เชื่อเื่ิญญา ไม่เชื่อเื่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ว่าหลังจากเดินทางทะลุมิติมา ความคิดของนางก็เปลี่ยนไป
แม้กระทั่งเื่ิญญาเข้าสิงร่างของผู้อื่นก็เคยเกิดขึ้นกับตนแล้ว เช่นนั้นเื่ภูตผีิญญาก็คล้ายจะไม่ใช่เื่ที่ไม่มีหลักวิทยาศาสตร์
ั้แ่เจอกัน ชายสวมหน้ากากผู้ลึกลับคนนี้คล้ายจะประหม่าวางตัวไม่ถูก เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตาของเขาที่อยู่ท่ามกลางความมืดจับจ้องดวงหน้าของซ่งอวี้
ไม่เจอกันหลายเดือนคล้ายว่านางจะงดงามยิ่งกว่าเดิม มีความมั่นใจมากขึ้น เวลาเพียงไม่นานก็มีรัศมีเปล่งประกายออกมาจากตัวเอง ดึงดูดความสนใจของเขาได้เป็อย่างดี จนเขาไม่อาจหันไปมองสิ่งอื่นได้
แต่เขาก็ไม่อาจมองซ่งอวี้ตลอดเวลาได้ กลัวว่าสายตาของตนจะทำให้นางระแวงสงสัย หลังจากนั้นสิ่งที่เขาซ่อนเร้นเอาไว้จะถูกเปิดเผย
ชายสวมหน้ากากบอกกับตนเองในใจ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้เขายังมีงานต่างๆ ที่ยังไม่ได้สะสาง เต็มไปด้วยอันตราย การไม่พบเจอกับนางเช่นนี้ก็เพื่อปกป้องนาง
"...นี่ ข้าคุยกับท่าน ท่านกำลังคิดอะไรอยู่?" ซ่งอวี้มองชายสวมหน้ากากตรงหน้าที่กำลังใจลอยอย่างหมดคำจะพูด นางไม่รู้จะพูดอย่างไร พ่อหนุ่ม ภาพลักษณ์ที่ท่านสร้างไว้พังทลายหมดแล้ว ท่านรู้ตัวหรือไม่? ความลึกลับและเ็าตอนแรกพบเล่า? ถูกตัวท่านเขมือบไปแล้วหรือ?
ชายสวมหน้ากากหลุดจากภวังค์ มองซ่งอวี้ด้วยแววตาซับซ้อนครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไปยังมุมห้องที่เขาอยู่เมื่อครู่ แล้วพูดขึ้น "พวกแม่นางพักผ่อนเถอะ ข้าจะเฝ้ายามกลางคืนให้เอง"
เฝ้ายามกลางคืน?
ซ่งอวี้ชะงัก คิดไม่ถึงว่าจะเป็เหตุผลนี้ นางถอนคำด่าของตัวเองในใจแล้วพูดด้วยความจริงใจ "ขอบคุณท่านมาก"
พวกนางกับชายสวมหน้ากากไม่รู้จักกัน แต่อีกฝ่ายกลับคำนึงถึงความปลอดภัยของพวกนาง เฝ้ายามกลางคืนด้วยตนเอง พูดตามตรงซ่งอวี้รู้สึกขอบคุณเขาอย่างมาก
แม้เสี่ยวหมานจะแรงเยอะมากเพียงใดแต่ถึงอย่างไรนางก็เป็เพียงสตรี แม้จะล้มบุรุษคนหนึ่งได้ด้วยมือเดียวแล้วอย่างไร หากพบเจอคนที่เหี้ยมโหดคว้ามีดขึ้นมา แม้จะมีเรี่ยวแรงมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์
ซ่งอวี้ดื่มน้ำเสร็จก็ยังไม่รู้สึกง่วงแม้แต่น้อย ด้วยเหตุนี้นางจึงเดินไปนั่งข้างๆ ชายสวมหน้ากาก มองไปที่กองไฟที่ส่องสว่างแล้วพูดขึ้น "เช่นนั้นพวกเรานั่งคุยกันเถอะ ความจริงข้าเองก็นอนไม่หลับ"
ท่าทีของนาง คล้ายไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าชายสวมหน้ากากจะปฏิเสธนาง
ก็ได้ ความจริงแล้วเมื่อชายสวมหน้ากากเห็นซ่งอวี้ทำท่าจะนั่งลง เขาก็เป็ฝ่ายขยับให้หลีกให้นางนั่งตำแหน่งที่อบอุ่นที่สุด
ซ่งอวี้เม้มริมฝีปาก แล้วหันไปมองเขา "ท่านว่าคนคนหนึ่งต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร จึงจากไปโดยไม่ลา"
เปลวไฟส่องสว่าง ทั้งยังมีเสียงฟืนถูกเผาไหม้ดังขึ้นเป็ครั้งคราว ท่ามกลางความเงียบสงบนี้
คำถามของซ่งอวี้ทำให้ชายสวมหน้ากากเงียบไป
ซ่งอวี้ยิ้ม "ทำไมหรือ คำถามนี้ตอบยากมากหรือ?"
สายตาของนางที่มองไปยังชายสวมหน้ากากคล้ายมองไปยังใครบางคนที่นางคิดถึง "ความจริงแล้วข้าอยากจะถามคำถามนี้กับเขา อยากจะถามเขาว่าเหตุใดจึงไปโดยไม่ลาสักคำ"
คำพูดของนางทำให้บรรยากาศที่เงียบอยู่แล้วเงียบลงยิ่งกว่าเดิม คนหนึ่งผิงไฟเงียบๆ อีกคนหวนคิดถึงเื่ราวในอดีต
นานพักใหญ่ชายสวมหน้ากากก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ "บางที การไปโดยไม่ลาของเขาอาจจะเพราะอยากปกป้องกระมัง" น้ำเสียงที่นิ่งสงบของเขาเคล้าไปด้วยความผิดหวัง
"การปล่อยให้คนรักเป็ห่วงเขาทุกวันเป็กังวลทุกวันทำเพื่อปกป้องเช่นนั้นหรือ?" ซ่งอวี้ถามต่อ เสียงของนางดังกว่าเมื่อครู่เล็กน้อย
"หากเป็เช่นนั้น ข้าก็ไม่อาจแบกรับการปกป้องเช่นนี้ได้"
นางไม่ใช่ผู้หญิงบอบบาง ทั้งยังไม่ใช่องค์หญิงที่ไม่เข้าใจสังคม นางไม่้าการปกป้องที่เอาความรักมาอ้างเช่นนี้
หากมีเื่อะไรที่พูดยากจริงๆ นางอยากจะให้หลี่เฉิงบอกนางทุกอย่างมากกว่า หลังจากนั้นให้นางเป็คนเลือกเอง ไม่ใช่ทำเหมือนตอนนี้ที่ไม่พูดอะไรแล้วจากไปโดยไม่บอกลาสักคำ ทิ้งนางเอาไว้ตามลำพังเช่นนี้
ชายสวมหน้ากากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาโยนฟืนท่อนสุดท้ายเข้าไปในกองไฟแล้วพูดขึ้น "ข้าออกไปเก็บฟืนข้างนอกก่อน"
พูดจบ เขาก็เดินออกไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา
หลังจากที่ในห้องเหลือแค่ซ่งอวี้เพียงคนเดียว ความโกรธเคืองของนางที่ปะทุขึ้นเมื่อครู่ก็พลันมลายหายไป นางนั่งอยู่ข้างกองไฟอย่างเหม่อลอย น้ำตาที่เอ่อล้นขึ้นมาทำให้สายตาพร่ามัว
แม้ปกติจะแกล้งทำเป็ไม่สนใจ แกล้งทำเป็เข้มแข็ง แต่ว่ามีเพียงตัวนางคนเดียวเท่านั้นที่รู้ว่าตัวเอง้าหลี่เฉิงมากเพียงใด
ไม่เกี่ยวข้องกับอะไรทั้งนั้น หลี่เฉิงคือคนแรกที่ใจดีกับนาง หลังจากที่นางทะลุมิติมายังยุคสมัยนี้ เขาทำให้ดวงิญญาไร้ที่พึ่งพิงของนางมีที่ให้สถิต
นางรู้ดี ฐานันดรศักดิ์ของหลี่เฉิงนั้นต้องไม่ธรรมดา แล้วนางก็รู้ดีว่าตนไม่ควรตกหลุมรักผู้ชายคนหนึ่งง่ายๆ เช่นนี้ ให้ใจทั้งหมดกับเขา คนที่ไม่เคยเล่าอดีตให้ฟังย่อมไม่ใช่คนธรรมดาอยู่แล้ว
แต่แม้จะมีเงินทองมากมายเพียงใดก็ไม่อาจซื้อคำว่าหากรู้เช่นนี้ั้แ่แรกได้ ตอนซ่งอวี้รู้ตัวว่ารักเขา หลี่เฉิงก็ได้หายไปแล้ว นางตามหาเขาด้วยความกระวนกระวาย หาทุกที่ที่นางและเขาเคยไป ไปหาถึงร้านตีเหล็กและร้านยาถงอัน แต่ก็ไม่มีผู้ใดพบเจอเขา ไม่มีแม้แต่คนเดียว
ดูสิ นางรู้จักหลี่เฉิงแค่ผิวเผินเท่านั้น แม้กระทั่งหลังจากเขาหายไป ควรจะไปตามหาที่ใดก็ยังไม่รู้
"แม่นางร้องไห้" ไม่รู้ว่าชายสวมหน้ากากกลับมาั้แ่เมื่อใด
ซ่งอวี้เช็ดหน้าและน้ำตาตรงหางตาแกล้งทำเป็เข้มแข็งแล้วพูด "ข้าไม่ได้ร้องไห้ เมื่อครู่แค่สำลักควันเท่านั้น"
ชายสวมหน้ากากยืนอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งแล้วถามขึ้น "หากมีคนทำร้ายจิตใจแม่นางเช่นนี้ แม่นาง...ยังจะรอเขาต่อไปหรือไม่?"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้