หรงจ้านมองเฉียวเยว่ หลังจากนั้นก็คลี่ยิ้มช้าๆ มือของเขาลูบไล้ใบหน้าของนางเบาๆ "ไยเ้าต้องรีบปฏิเสธด้วยเล่า?"
แท้จริงแล้วเฉียวเยว่ก็รู้อยู่แก่ใจ การกระทำเช่นนี้นับว่าเป็การเกินเลย พวกเขาไม่มีความสัมพันธ์กันแม้แต่น้อย ต่อให้เป็พี่ชายน้องสาวก็ไม่มีใครลูบใบหน้ากันเช่นนี้ แต่เฉียวเยว่ควบคุมอารมณ์ของตนเองไม่ได้ นางขบริมฝีปาก เอ่ยเสียงเบา "ท่านทำให้ข้าวิตกมาก"
เสียงของหรงจ้านกลั้วหัวเราะอยู่หลายส่วน "ข้าสบายดี เ้าไม่ต้องกังวลใจ จริงอยู่สถานการณ์ของข้าอาจไม่ดีนัก แต่เ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่ให้เกิดอันตรายกับตนเอง"
เฉียวเยว่ขบริมฝีปาก พยักหน้า แต่ก็ยังไม่วางใจเสียทีเดียว "ท่านมีอะไรต้องบอกข้า"
หรงจ้านยิ้มออกมาอีก ทุกคราที่เขายิ้มแบบนี้ เฉียวเยว่ก็รู้สึกประหม่าอย่างบอกไม่ถูก นางยู่ปากน้อยๆ ทำเสียงเข้ม "พี่จ้าน ข้าเป็น้องสาวของท่าน ถามไถ่สุขภาพของพี่ชายเป็เื่ที่สมควรอยู่แล้ว"
หรงจ้านจ้องนาง ขบคิดเกี่ยวกับคำพูดนี้สักพักก็อมยิ้ม "อย่างนี้นี่เอง...." หางเสียงลากยาว แต่ไม่ช้าก็เอ่ยว่า "ข้าต้องบอกเ้าอยู่แล้ว"
เฉียวเยว่มองหรงจ้านอย่างคลางแคลง ทั้งสองประสานสายตากันอีกครา เฉียวเยว่หน้าแดงซ่าน รีบเอ่ยอย่างรวดเร็ว "อย่างไรเสียก็ห้ามปิดบังข้า"
นางกำชับอีกหน
หรงจ้านอยากถามนางยิ่ง น้องสาวที่ไหนจะเป็เช่นนี้ แต่กลัวว่ากระต่ายอ้วนตัวน้อยจะขัดเขินจนฉุนเฉียวขึ้นมา จึงไม่พูดอะไรมาก มานึกดูดีๆ แท้จริงแล้วเฉียวเยว่ก็แค่หลอกตัวเองเท่านั้น หากเป็น้องสาวจริงๆ เหตุใดต้องหน้าแดงด้วยเล่า
แต่หรงจ้านกลับไม่เปิดโปงเฉียวเยว่ มิเช่นนั้น สาวน้อยอาจพาลโมโหเพราะความเขินอาย เฉียวเยว่อาจดูเหมือนใสซื่อไร้พิษภัย แสร้งทำตัวน่ารัก แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่เลย
ผู้อื่นจะััได้หรือไม่ก็สุดรู้ แต่หรงจ้านกลับมีความรู้สึกเช่นนี้ แท้จริงแล้วเขาพบว่าั้แ่เล็กเฉียวเยว่ก็ไม่ไร้เดียงสาเหมือนเด็กผู้หญิงในวัยเดียวกันแม้แต่น้อย ความน่ารักไร้เดียงสาของนางมีประดับใบหน้าไว้ให้คนดูเท่านั้น นางเยือกเย็นมาก และมักจัดการเื่ราวต่างๆ อย่างมีระเบียบแบบแผนเสมอ
มานึกดูดีๆ เมื่อก่อนไท่ไท่สามไม่เป็ที่โปรดปรานของฮูหยินผู้เฒ่า แต่ตอนนี้ต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง
เฉียวเยว่ค่อยๆ ทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าใจทีละน้อยว่ามารดาของตนเองเป็สะใภ้ที่ดีมากเพียงใด
ผู้อื่นอาจมิได้สังเกต และคิดว่าเฉียวเยว่เป็แม่นางน้อยที่น่ารักคนหนึ่ง แต่หรงจ้านกลับชอบความเ้าเล่ห์แสนกลเช่นนี้ของนาง
นิ้วมือเขาไล้เบาๆ จนมาถึงริมฝีปากของนาง เฉียวเยว่ตัวเกร็งเริ่มพูดติดอ่าง "ทะ...ทะ...ท่านจะทำอะไร?"
หรงจ้านก้มศีรษะลงมา เฉียวเยว่หลบวูบไปด้านหลัง "ท่านอย่ามาซี้ซั้วนะ"
ดวงหน้าน้อยเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
ท่าทางของนางทำให้หรงจ้านหัวเราะอย่างอดไม่ได้ "จำเป็ต้องทำเช่นนี้ด้วยหรือ?"
เฉียวเยว่มิได้รู้สึกเขินอาย แต่นางควบคุมตนเองไม่ให้หน้าแดงไม่ได้ นางขบริมฝีปาก พึมพำเสียงเบา "ท่านจะจุมพิตข้าชัดๆ ข้าหลบก็เป็เื่ปรกติมิใช่หรือ?"
สายตาของนางเลิ่กลั่ก หรงจ้านหัวเราะออกมาอีก "เ้าคิดมากไปแล้ว ข้าแค่เห็นว่าใบหน้าของเ้ามีฝุ่นติดอยู่ อยากจะเช็ดออกให้เ้าเท่านั้น ไม่นึกว่า เ้าจะคิดมากเช่นนี้..." เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย "ในใจเ้าคงมิได้แอบคาดหวังอันใดจากข้าอยู่ ถึงได้คิดเชื่อมโยงไปเช่นนี้กระมัง?"
เฉียวเยว่แทบจะหกล้ม นางขึงตา ดวงหน้าน้อยพองออกด้วยความโมโห "ท่านแย่มาก มิใช่เสียหน่อย"
หรงจ้านยิ้มทันควัน เห็นหรือไม่ พอจี้ถูกจุดเข้าหน่อย นางก็จะกลายร่างเป็เด็กน้อยทันที ดูท่านี่คงจะเป็สัญชาตญาณในการป้องกันตัวอย่างหนึ่งของนาง
หรงจ้านไม่รู้ว่านางบ่มเพาะอุปนิสัยเหล่านี้มาอย่างไร แต่กลับรู้สึกว่าน่าสนใจ และพิเศษมาก
เขาบีบคางของเฉียวเยว่แล้วพินิจอย่างละเอียดทั้งบนและล่าง
พวงแก้มแดงระเรื่อราวกับผลท้อน้ำผึ้งชุ่มฉ่ำที่เพิ่งเด็ดออกมาจากกิ่ง กำลังสดใหม่น่ากิน ชวนให้คนมิอาจละสายตา
เฉียวเยว่ประสานมือทั้งสองวางบนหน้าอกของตนเอง พลางร้องเสียงหลง "ท่านจะทำอะไร มองอะไรของท่าน"
"ข้าจะดูว่าใบหน้าของเ้ามันหนาแค่ไหน" หรงจ้านตอบอย่างจริงจัง
เฉียวเยว่อึ้งงัน หลังจากนั้นก็ยกเท้าน้อยๆ เหยียบหรงจ้านโดยตรง ใบหน้ารูปไข่แดงยิ่งกว่าเดิม ครานี้มิใช่เขินอาย แต่เป็... เดือดดาล
"คุกเข่าแล้วเรียกฉันว่าพ่อเดี๋ยวนี้เลยนะ"
หรงจ้าน "..."
เฉียวเยว่พลันตระหนักได้ว่าคำพูดของตนเองไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง นางรีบเปลี่ยนคำพูดทันควัน "ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูดก็แล้วกัน"
หรงจ้านหัวเราะหึๆ "ไม่ได้พูด? เช่นนั้นเมื่อครู่นี้ข้าหูแว่วเยี่ยงนั้นหรือ?"
"อายุมากแล้ว ก็อาจจะหูแว่วได้" เฉียวเยว่ตอบด้วยสีหน้าจริงจัง
ทั้งสองต่างโน้มตัวเข้าหากัน เฉียวเยว่ทำท่าว่าข้าพูดถูก หรงจ้านชอบความน่ารักสดใสของนาง นางดูมีชีวิตชีวาราวกับดวงดาวระยิบระยับวับวาว
"ข้าสง่างามดุจต้นไม้หยกล้อลม ยังหนุ่มแน่นอยู่ในวัยฉกรรจ์ แต่ไม่เคยมีใครพูดกับข้าเช่นนี้มาก่อน"
เฉียวเยว่เงยหน้าขึ้นถาม "ท่านได้ยินด้วยหรือ?"
หรงจ้านหัวเราะ แล้วค่อยๆ เอ่ยว่า "ก็ได้ยินน่ะสิ คนเราความรู้น้อยเกินไป หากรู้อะไรมากขึ้น ก็จะชินไปเอง"
เฉียวเยว่หัวเราะพรืดออกมา แต่ไม่ต่อคำให้มากความ
"ท่านไม่เป็ไร ข้าก็วางใจมากแล้ว" นางเอ่ย
หรงจ้านเห็นท่าทางของนางก็ยกยิ้มเล็กน้อย "เด็กผู้หญิงช่างมีความคิดมากมายเหลือเกิน"
หลังจากได้คำยืนยันจากหรงจ้าน เฉียวเยว่ก็เบิกบานใจขึ้นมาก แต่แสร้งทำปั่นปึ่ง ถามขึ้นว่า "พี่จ้านรู้ว่าท่านลุงตามหาพี่หญิงหลี่มาโดยตลอดใช่หรือไม่?"
หรงจ้านเลิกคิ้ว "ใช่หรือไม่สำคัญตรงไหน?"
แม้จะกล่าวเช่นนี้ แต่เฉียวเยว่ก็ยังฟังเข้าใจ
นางยิ้มอย่างน่ารัก "ขอบคุณเ้าค่ะพี่จ้าน"
หรงจ้านเลิกคิ้ว "ข้ารู้มานานแล้ว แต่เพิ่งมาเปิดเผยวันนี้เท่านั้น"
"แล้วอย่างไรเล่า พี่จ้านย่อมมีวิจารณญาณของตนเอง การช่วยเหลือพวกเราคือน้ำใจไมตรี แต่ถึงไม่ช่วยก็ไม่ผิด คนเราไม่ควรเรียกร้องมากจนเกินไป"
หรงจ้านใจอ่อนยวบในฉับพลัน เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใดตนเองถึงชอบเฉียวเยว่มากขนาดนี้ เขาก้มศีรษะลงอย่างเคลิบเคลิ้ม แล้วจุมพิตลงไปบนขนตาของเฉียวเยว่เบาๆ แพขนตาทั้งยาวและดกหนาของสาวน้อยดูราวกับพัดเล็กๆ สองเล่มปกคลุมดวงตาที่ทอประกายหยาดเยิ้ม
เฉียวเยว่ตะลึงงัน
"ดูเหมือนว่าข้าจะชอบเ้าเสียแล้ว" หรงจ้านกระซิบเสียงเบา
เฉียวเยว่ผลักหรงจ้านออกไป แล้วถอยไปด้านหลัง ใบหน้าแดงก่ำ นางสูดหายใจเข้าออกลึกๆ แล้วเอ่ยว่า "หากท่านทำอะไรอีก ข้าจะวางยาพิษท่านให้ตายไปเลย"
หรงจ้านมองเฉียวเยว่อย่างพินิจ แม้จะแสดงท่าทางดุร้าย แต่สีหน้าไหนเลยจะเป็เช่นนั้น ในใจเขารู้ดีว่าแท้จริงแล้วเฉียวเยว่ก็ใช่ว่าจะไม่มีใจให้เขาเลยแม้แต่น้อย มิเช่นนั้นคงไม่ติดต่อกับเขามากมายเพียงนี้ แม้ว่าเดี๋ยวนี้ข้อห้ามระหว่างชายหญิงจะมิได้เข้มงวดมากนัก แต่ก็ไม่อาจพบกันตามอำเภอใจ
หรงจ้านยิ้มน้อยๆ เอ่ยอย่างจริงจัง "ข้าไม่ทำ"
สีหน้าราวกับว่าคนที่ลอบจุมพิตขนตาของนางเมื่อครู่ไม่ใช่เขา
เสแสร้งเก่งจริงๆ
แววตาของเฉียวเยว่ฉายแววตำหนิอย่างเด่นชัด หรงจ้านกลับหัวเราะเอ่ยว่า "แท้จริงแล้วข้ายังกลัวว่าเ้าจะคิดมิดีมิร้ายกับข้าด้วยซ้ำ เ้าดูข้าสิ ข้ามีทุกอย่างที่้า ย่อมมีคนมาชอบเป็ธรรมดา"
เฉียวเยว่เบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง นางไม่รู้ว่าคนผู้นี้ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน ถึงได้หลงตัวเองขนาดนี้
เฉียวเยว่แทบอยากจะเบะปากขึ้นฟ้า แต่หรงจ้านยังคงสงบนิ่ง "หากเ้าชอบข้ามาก ข้าจะเข้าใกล้เ้าอีกนิดก็ได้" เขาแค่ชอบหยอกเย้าเฉียวเยว่ ทุกคราที่เห็นนางเดือดดาลราวกับจะลุกเป็ไฟ เขาก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง
แต่ถึงเขาจะคิดเช่นนี้ เฉียวเยว่กลับเห็นต่าง นางขบกรามกรอด อยากกัดใครบางคน
หรงจ้านมองสีของท้องฟ้าด้านนอก ก็เอ่ยถามช้าๆ "เ้าไม่รีบหรือ?"
เฉียวเยว่มองเขาอย่างข้องใจ "รีบอันใด?"
แล้วมองไปตามสายตาของหรงจ้าน ทันใดนั้นนางก็ตกตะลึง "เย็นขนาดนี้แล้วหรือ"
นางเริ่มกระวนกระวาย ไม่มั่นใจเหมือนตอนแรกที่ออกมา เอาแต่พึมพำว่า "จบเห่แน่ๆ ข้าไม่ได้บอกท่านแม่ว่าจะออกมาเสียด้วย"
นางหันหลังกลับทันที แต่ก็รู้สึกว่าไม่ถูกต้อง จึงหันกลับมาแล้วยอบกายเล็กน้อยอย่างลวกๆ นับว่าเป็การแสดงมารยาทแล้ว
หรงจ้านหัวเราะ รั้งมือของนางไว้ มือเล็กจ้อยนุ่มนิ่มราวกับไร้กระดูก ฝ่ามือใหญ่ของหรงจ้านกุมมือของนางจนมิด
"เ้าอย่าพะว้าพะวง เ้าทำเช่นนี้ มารดาเ้ากลับจะยิ่งเคลือบแคลงสงสัย เพียงกลับไปอย่างสง่าผ่าเผยก็พอ ไม่มีปัญหาอันใดหรอก"
เฉียวเยว่ยู่ปาก "มารดาข้าจะยิ่งเคลือบแคลงสงสัยอะไรกัน ข้ามีสิ่งใดพูดไม่ได้หรือ?"
หรงจ้านยิ้มมุมปาก แต่ไม่ตอบอะไรอย่างอื่น เพียงพูดว่า "ข้าจะส่งเ้ากลับ"
เฉียวเยว่ไหนเลยจะยอม "ไม่ได้"
หลังจากนั้นก็เอ่ยอย่างจริงจัง "แม้มารดาข้าจะชอบท่านมาก แต่นั่นก็เพราะท่านคือพี่จ้าน หากท่านมีความคิดที่ไม่ดีกับบุตรสาวสุดที่รักของนาง ท่านก็เป็คนสารเลวแล้ว นอกจากนี้หากนางรู้ว่าข้าแอบมาพบท่าน เป็ไปได้แปดส่วนว่าต้องถลกหนังข้าอย่างแน่นอน"
เฉียวเยว่มักพูดตรงไปตรงมาเช่นนี้เสมอ แต่หรงจ้านกลับไม่พูดอะไรอีก
จนกระทั่งเฉียวเยว่วิ่งไปอย่างรวดเร็ว เขาก็ขยิบตาทีหนึ่ง ซื่อผิงซึ่งพรางตัวเงียบๆ อยู่ในที่ลับก็ลอบติดตามไป นับว่าเป็การส่งคุณหนูเจ็ดสกุลซูกลับจวนอย่างลับๆ
พอกลับถึงจวนนางก็ปะกับไท่ไท่สามเข้าพอดี ไท่ไท่สามมองเฉียวเยว่ด้วยสายตาคลางแคลง แล้วถามว่า "อยู่ดีๆ เ้าออกจากจวนไปทำอะไร?"
เฉียวเยว่พึมพำในใจว่าตนเองซวยแล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังคงกล่าวว่า "ข้าไปร้านตำรามาเ้าค่ะ"
สายตาของไท่ไท่สามเลื่อนไปที่ตำราในมือของอวิ๋นเอ๋อร์ "เด็กอย่างพวกเ้าเรียนหนังสือกันจนโง่งมไปหมด ไม่รู้ว่าไปลอกเลียนแบบใครมา"
เฉียวเยว่ใจนเหงื่อเย็นหลั่งทั่วร่าง เคราะห์ดีนางเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทุกคราเฉียวเยว่ล้วนต้องขอบคุณพี่สาวของตนเอง หากไม่เพราะนางเป็สตรีมีพร์ล้ำเลิศ ข้ออ้างพรรค์นี้ของตนเองคงถูกเปิดโปงนานแล้ว
เพราะพี่สาวของนางใฝ่รู้รักการอ่านตำรับตำรา สติปัญญาเฉลียวฉลาดไม่มีใครเกิน น้องสาวเช่นนางจะคล้ายคลึงกันบ้างก็ไม่แปลก แต่เฉียวเยว่ยังรู้สึกละอายใจอยู่ดี การอาศัยคนในครอบครัวมาเป็เกราะบังหน้าก็แสดงว่าตนเองไม่ใช่คนดีอะไร
นางคล้องแขนไท่ไท่สาม แล้วถามเสียงอ่อนเสียงหวาน "ท่านแม่ไปหาท่านตามาหรือเ้าคะ?"
สายตาของไท่ไท่สามมองนางอย่างหวาดระแวง "เ้าอย่าคิดจะมาหลอกถามอันใดจากข้า"
เฉียวเยว่รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้จะว่าอย่างไรดี
นางประคองดวงหน้าน้อย พูดประชดอย่างน้อยใจ "ท่านแม่เห็นข้าเป็คนเช่นนั้นหรือ?"
"ใช่" ไท่ไท่สามตอบอย่างหนักแน่น
เฉียวเยว่สำลักพรืดออกมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้